หลินหยางโยนกระดาษรายชื่อแผ่นหนึ่งทันทีดูเหมือนว่าเขาจะเตรียมเอาไว้อยู่ก่อนแล้ว
“เงื่อนไขของข้าอยู่ในกระดาษแผ่นนั้นหมดแล้ว” หลินหยางยิ้มขึ้นบางเหมือนเขาเองก็แอบรู้สึกเกรงใจอยู่นิดหน่อยเหมือนกัน
หยูยี่ไม่ชอบรอยยิ้มแบบนั้นของหลินหยางมากที่สุดเพราะมันหมายความว่าเงื่อนไขของอีกฝ่ายจะต้องเป็อะไรที่ทำให้นางยิ้มไม่ออกแน่ๆ
นางหยิบเอากระดาษรายชื่อใบนั้นขึ้นมาดูไปเพียงครู่เดียวผลที่ได้คือ นอกจะนางจะไม่ยิ้มแล้ว ยังรู้สึกอยากด่าคนอีกด้วย
“แบบนี้มันไม่มากเกินไปหน่อยหรือคุณชายหลิน! มูลค่าของที่เขียนอยู่บนนี้มันไม่ใช่แค่หมื่นล้านแล้วต่อให้จ่ายไปแสนล้านยังไม่แน่ว่าจะหาซื้อได้เลย...”
คราวนี้ถึงคราวของหลินหยางหันมายิ้มให้กับฝ่ายตรงข้ามพร้อมกับกล่าวว่า“ขอโทษนะของทั้งหมดที่อยู่บนนั้น ถ้าขาดแม้แต่ชิ้นเดียว...ข้าจะไม่ยอมช่วยเด็ดขาด”
ตึง
หยูยี่ทุบกระดาษแผ่นนั้นลงบนโต๊ะแล้วลุกขึ้นยืนทันทีเห็นนางดูผอมบางแบบนี้ แต่ระดับความสามารถของนางนั้นอยู่ที่ระดับอวิ้นหลิงเลยทีเดียวอาจจะแข็งแกร่งพอๆ กับซ่างกวันหงเลยก็เป็ได้ พอนางโมโหขึ้นมาอุณหภูมิภายในห้องก็ลดต่ำลงจนถึงจุดเยือกแข็งทันที
“หลินหยาง!!” หยูยี่ะเิโทสะขึ้นมาอย่างเกรี้ยวกราด
“ทำไม?” หลินหยางตอบกลับด้วยท่าทางสบายๆเผชิญหน้ากับสตรีเหล็กผู้นี้โดยไม่หวั่นเกรง
ในขณะเดียวกันนั้นเองด้านนอกของห้องเมฆาร่วงโรย
พวกของเวินติ่งเทียนกำลังนั่งดื่มชาพูดคุยสังสรรค์อยู่กับคนของหอฟ้าสมุทรอย่างพวกของเ้ากงอวิ๋นอยู่นั้นอยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงดังตึงตังขึ้นจากในห้องอย่างกะทันหัน
ซึ่งมันเป็เสียงของโต๊ะที่ทุบจนแหลกและเสียงของถ้วยชาที่แตกกระจายชัดๆ
ไอ้หยา!
ตีกันอยู่หรือ??
พวกเขาจึงรีบวางถ้วยชาลงแล้วไปที่หน้าห้องเมฆาร่วงโรยกันทันทีจากนั้นก็ได้ยินเสียงทะเลาะวิวาทเหมือนกับผัวเมียทะเลาะกันดังขึ้นจากภายในห้อง
เพล้ง
เหมือนจะได้ยินเสียงถ้วยชาตกพื้นแตกพร้อมกับเสียงด่าทอของหยูยี่ดังขึ้นอีกครั้ง“หลินหยางเ้าจะโลภมากเกินไปแล้วนะ! ข้าไม่เชื่อหรอกว่าขาดแค่อย่างเดียวแล้วเ้าจะไม่ยอมช่วยน่ะหรือเ้าจะให้ข้ากลับไปยกเลิกสัญญากับพวกตระกูลจ้าวมันวันพรุ่งนี้เลยปล่อยให้พวกมันทั้งตระกูลไปกินลมแทนข้าวซะ!”
คนของหอฟ้าสมุทรถึงกับหลั่งเหงื่อเย็นๆออกมา พวกเขาไม่เคยเห็นเถ้าแก่ดาวม่วงผู้นี้หลุดโมโหขนาดนี้มาก่อนเลย
แต่ก็ได้ยินเสียงของหลินหยางส่วนกลับไปอย่างดุดันเช่นกันว่า
“ไอ้เวรนนี่! เงื่อนไขของข้าชัดเจนและยุติธรรม ไอ้ที่เ้าเสนอมาต่างหากล่ะที่เหลวไหลทองคำแค่ร้อยล้านชั่งก็คิดจะให้ข้าเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงเพื่อพวกเ้าแล้วอย่างนั้นหรือเ้าไม่ได้สืบมารึอย่างไรว่าตอนนี้สถานะของข้าคืออะไรแล้วเดี๋ยวข้าให้ท่านพ่อจ่ายทองคำให้พันล้านชั่งเพื่อไล่เ้าออกไปจากอาณาจักรชูอวิ๋นเสียเดี๋ยวนี้เลย”
ฝ่ายของเวินติ่งเทียนเองก็เหงื่อไหลซกเช่นกัน
องค์ชายหลินวันนี้ดูกร่างเป็พิเศษเลยแฮะ
รู้จักกันมาก็นานแล้ว เพิ่งเคยเห็นเขาพูดกับคนอื่นแบบนี้เหมือนกันแถมอีกฝ่ายยังเป็ผู้หญิงด้วย ผู้หญิงที่ดูเกรี้ยวกราดคลุ้มคลั่งไม่ต่างจากหลินหยางตอนนี้เลย
การด่าทอกันระหว่างทั้งสองคนยังคงดำเนินต่อไป
“ได้! หลินหยาง เ้าแน่มาก ข้ายอมก็ได้ แต่เ้าฟังไว้นะของที่เ้าขอมาน่ะข้าให้ได้แค่ห้าส่วน ข้าให้ได้มากสุดแค่นี้ยังไม่ต้องพูดถึงเื่ที่ว่าเ้าจะทำสำเร็จรึเปล่า ถ้าเ้าทำได้จริง ดูสิว่าสมบัติที่อยู่ในนั้นจะทำให้จะกละอย่างเ้าจุกตายได้รึเปล่า!!”หยูยี่ดูโมโหจนแทบคลั่ง
“ไหน... ข้าดูก่อนนะ...”หลินหยางเริ่มวิเคราะห์ขึ้นมาจริงๆ หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ก็ะโแหกปากขึ้นมาทันที
“ห้าส่วน!! แค่นั้นนี่นะ!! ต่ำสุดแปดส่วนถ้าไม่เอาก็ไม่ต้องคุยแล้ว!!”
“หกส่วน ไม่อย่างนั้นเ้าก็ขูดเนื้อข้าไปเลยดีกว่าข้าไม่ยอมให้เ้ารังแกกันขนาดนี้หรอก!”
“เจ็ดส่วนข้าไม่เอาสมุนไพรวิเศษก็ได้ แต่วัตถุดิบระดับห้าต้องได้ครบทุกอันเนื้อของผู้หญิงอย่างเ้าจะมีสักกี่กิโลกันเชียว หยุดเื่มากได้แล้ว!”
“ตกลง! เจ็ดส่วนก็เจ็ดส่วน! ไหน ขอข้าน้อยดูก่อนนะ...”
อยู่ๆ หยูยี่ก็เปลี่ยนน้ำเสียงอย่างกะทันหันนุ่มนวลอ่อนหวานอย่างกับเสียงแมวอ้อน
“อืมม...คุณชายหลินนี่ตาถึงจริงนะ วัตถุดิบพวกนี้เรามีเก็บไว้ในโกดังอยู่พอดีพวกเราจะรีบส่งมาให้ที่คฤหาสน์แห่งนี้เอง อย่างช้าสุดไม่เกินสามวัน”
“โอ้... เถ้าแก่จีช่างตรงไปตรงมาจริงๆการได้เจรจาธุรกิจกับท่านแบบนี้นับเป็หนึ่งในเื่ที่เยี่ยมยอดที่สุดในชีวิตข้าเลย”หลินหยางเองก็เปลี่ยนท่าทีในพริบตาเหมือนกันท่าทางของเขาในตอนนี้ดูเหมือนกับยอดนักธุรกิจผู้ทรงภูมิเลยก็ไม่ปาน
เอ๊ะ?
เมื่อครู่นี้พวกเขาทะเลาะกันอยู่หรือเปล่า?
คงไม่มั้ง นั่นคงเป็ภาพหลอน ใช่ภาพหลอน
ด้านนอกหอฟ้าสมุทรคนทั้งหมดกำลังยืนดูหลินหยางที่กำลังจับมืออยู่กับหยูยี่ จากนั้นทั้งสองก็เดินออกมาแบบสบายๆดูสนิทกันอย่างกับเป็คนบ้านเดียวกันก็ไม่ปาน
อะไรของพวกเอ็งนี่!!
คนทั้งหมดที่เห็นเหตุการณ์แทบด่าแม่พวกนั้นในใจแล้ว
พวกเ้าทำธุรกิจของเ้าอยู่ในนั้นทีเล่นเอาพวกเราแทบหัวใจวายแน่ะ!
ขอละพวกเ้าช่วยทำอะไรให้เหมือนชาวบ้านชาวช่องเขาหน่อยได้ไหม?
..................................
หลังจากคุยธุระกันเสร็จแล้ว จีหยูยี่และพวกก็จากคฤหาสน์เวินไปด้วยความรู้สึกยินดี
สำหรับนางแล้วถึงแม้ว่าการเจรจาธุรกิจครั้งนี้ฝ่ายนางจะต้องยอมจ่ายวัตถุดิบระดับห้าที่มีมูลค่ามหาศาลไปบางส่วนก็ตามแต่นางก็รู้สึกได้ว่าหลินหยางนั้นสนใจในเื่ของทะเลสาบเมฆาอัสนีอยู่เหมือนกัน
เ้าหนูนี่ไม่มีทางแกล้งสำรวจเล่นๆ แล้วหลอกเอาวัตถุดิบไปอย่างเดียวแน่ๆสายตาของเขาทำให้หยูยี่มั่นใจมากว่า ขอแค่หลินหยางไปถึงที่นั่นเขาจะต้องหาทางทะลวงผ่านม่านพลังนั่นเพื่อเข้าไปในสิ่งก่อสร้างนั่นให้ได้แน่
เมื่อถึงเวลานั้นแล้วกลุ่มพันธมิตรใต้หล้าจะต้องได้ผลตอบแทนกลับคืนมามากกว่าเดิมเป็ร้อยๆเท่าแน่นอน หรือบางทีอาจจะเป็พันๆ เท่าเลยก็เป็ได้
ดังนั้นหยูยี่จึงพร้อมที่จะลงทุนหนักเพื่อเสี่ยงดวงกับหลินหยางแต่ถึงอย่างนั้นนางก็เชื่อมั่นมากว่าหลินหยางจะทำได้
ส่วนหลินหยางที่ไปส่งหยูยี่นั้นก็รู้สึกยินดีอย่างสุดซึ้งเช่นกัน
ของที่เขาขอจากหยูยี่นั้นบางส่วนเป็วัตถุดิบหลักที่จำเป็ต้องใช้ในการซ่อมแซมโล่หัวกะโหลก
ด้วยทักษะด้านการช่างของเขาแล้วแค่ใช้วัตถุดิบระดับห้าสามอย่างก็พอถึงแม้ว่าจะยังไม่สามารถพัฒนาโล่ชิ้นนี้ให้กลายเป็สุดยอดยุทธภัณฑ์ที่แข็งแกร่งกว่าระดับวิถีราชันอย่าง“ยุทธภัณฑ์วิถีจักรพรรดิ” ได้ก็ตามแต่เขาสามารถสร้างสุดยอดยุทธภัณฑ์ระดับวิถีราชันขั้นสูงที่แข็งแกร่งไร้เทียมทานได้อย่างแน่นอน
ทั่วทั้งทวีปชี่อู่นั้นมียุทธภัณฑ์ระดับวิถีราชันขั้นสูงอยู่เพียงสิบกว่าชิ้นเท่านั้นเท่ากับว่าหลินหยางจะได้ไพ่ตายสุดแข็งแกร่งไร้เทียมทานเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งใบ
แต่แน่นอนว่านี่ยังไม่ใช่สิ่งที่น่าตื่นเต้นที่สุดสำหรับหลินหยางสิ่งที่หลินหยาง้ามากที่สุดคือขุมทรัพย์ในทะเลสาบฟ้าสมุทรที่หยูยี่เคยพูดถึงเมื่อก่อนหน้านี้
“อัสนี” หรือ “อัคคี” อะไรบางอย่าง
พอหลินหยางได้ยินคำนั้นก็หวั่นไหวทันที
ภายในพื้นที่ที่เต็มไปด้วยพายุฝนฟ้าคะนองอันเกรี้ยวกราดแบบนั้นมีนักการช่างสุดแข็งแกร่งที่น่าจะมาจากภพภูมิที่สูงกว่า ม่านพลังที่ผนึกสถานที่เอาไว้ด้วยพลังที่อยู่เหนือกว่าภูมิความรู้ของผู้คนในตอนนี้รวมทั้งตัวอักษรเลือนรางนั่นอีก
ทั้งหมดทั้งมวลนั้นล้วนชี้เป้าไปที่สิ่งๆหนึ่ง - เพลิงศักดิ์สิทธิ์แบบพิเศษ
อีกทั้งยังเป็รูปแบบที่ทรงพลังเป็ลำดับที่สิบสี่จากบรรดาเพลิงศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดสามสิบหกแบบ “เพลิงอัสนีม่วง”!
มันเป็เพลิงพิสดารที่จะเกิดขึ้นในที่ๆมีพลังธาตุสายฟ้าและไฟจำนวนมหาศาลอัดแน่นรวมกันอยู่ เป็ธาตุที่มีทั้งคุณสมบัติของไฟและสายฟ้านอกจากจะเป็ไฟที่มีความร้อนสูงจนน่าตะลึงแล้ว มันยังเป็ไฟที่มีคุณสมบัติในการสะกดข่มพลังชั่วร้ายทั้งหมดในใต้หล้านี้ได้ด้วยถึงมันอาจจะไม่สามารถเทียบกับขนนกอัคคีที่สร้างมาจากเพลิงวิเศษจากพลังชีวิตของตัวมันเองก็ตามแต่มันก็ห่างกันไม่มากเท่าไร
นี่เป็เื่ที่บังเอิญมากจริงๆ
เมื่อประมาณสองวันก่อนนั้น หลินหยางยังนั่งปวดหัวอยู่กับการตามหาเพลิงพิสดารอยู่เลยแต่อยู่ดีๆ ก็มีคนคาบข่าวมาบอกเขาถึงที่เองเสียอย่างนั้น
ซึ่งพอหลินหยางได้ยินสิ่งที่หยูยี่เล่าให้ฟังเมื่อครู่แล้วเขาก็ตัดสินใจได้ทันที เพลิงนี่จำเป็ต่อการสร้างหลิงไทเพื่อเลื่อนระดับความสามารถไปเป็ระดับอวิ้นหลิงและเป็หนึ่งในขั้นตอนสำคัญสำหรับการออกตามหาแม่ของเขาอีกด้วย
แต่ที่เขาทำการเจรจาต่อรองเงื่อนไขกับหยูยี่นั่น...มันเป็สันดารส่วนตัวที่เขาไม่อาจหักห้ามใจได้ล้วนๆ...
หลินหยางรู้สึกว่าตัวเองน่าจะเป็โรค “ไม่ได้เอาเปรียบแล้วไม่สบายใจ”อย่างไรก็ต้องรีดเอาผลประโยช์ออกมาให้ได้มากที่สุดก่อน ไม่อย่างนั้นเขาจะรู้สึกอึดอัดไม่สบายใจเอามากๆเลยทีเดียว...
ซึ่งผลลัพธ์ก็นับว่ายอดเยี่ยม
นอกจากจะได้วัตถุดิบสำหรับซ่อมแซมโล่นั่นแล้วยังได้เบาะแสเกี่ยวกับเพลิงศักดิ์สิทธิ์แบบพิเศษ ทำให้เส้นทางข้างหน้าดูชัดเจนมากขึ้นกว่าเดิม
ครึ่งเดือน
หลินหยางนัดกับจีหยูยี่ไว้ที่ครึ่งเดือนหลังจากนี้เขาจะพร้อมสำหรับการเข้าไปสำรวจในทะเลสาบเมฆาอัสนีแห่งนั้น
ส่วนในระหว่างที่กำลังรอวัตถุดิบที่จะส่งมาถึงในอีกสามวันข้างหน้านั้น...หลินหยางคิดว่าเขาควรไปที่พระราชวังเสียหน่อย
อย่าเข้าใจผิด
หลินหยางไม่ได้จะไปบอกลาหลินเฮ่ายวนสักหน่อยเขาแค่จะไปลากไอ้ตัวตะกละหั่วเอ๋อร์กลับบ้านก็แค่นั้น
จีหยูยี่เคยบอกไว้แล้วว่าเหล่ายอดฝีมือที่ไปรวมตัวกันในทะเลสาบเมฆาอัสนีนั้นล้วนมาจากกลุ่มผู้มีอำนาจสูงสุดของพื้นที่แถบทิศใต้และทิศตะวันตกของทวีปชี่อู่ เกรงว่าน่าจะแข็งแกร่งกว่าซ่างกวันหงอยู่ไม่น้อยดังนั้นเขาควรเตรียมขนอัคคีของปี้ฟังเพิ่มอีกสักหน่อย
ใช่แล้ว
ที่กลับไปนี่ไม่เกี่ยวกับหลินเฮ่ายวนเลยแม้แต่นิดเดียว
..................................
คืนวันนั้นเอง
ภายในพระตำหนักไท่เหอของหลินเฮ่ายวน
เขากำลังหนีบเกี๊ยวร้อนๆ จนมีไอน้ำลอยขึ้นมาไปใส่จานของหลินหยาง
“เร็วสิ หยางเอ๋อร์รีบกินตอนกำลังร้อนๆ ครั้งก่อนเ้าไม่ทันได้กินเกี๊ยวไส้ไข่ไก่ผัดผักนี่เลยครั้งนี้ก็กินเข้าไปเยอะๆ เลยนะ เมื่อก่อนนี้น่ะ แม่เ้าอย่างต่ำๆ ก็กินไปเกือบครึ่งชั่งแหนะ...”
หลินหยางทำหน้าเสียอารมณ์สุดขีด
ข้าเกลียดไข่ไก่ผัดผัก!!
หั่วเอ๋อร์ที่อยู่ข้างๆ หลินหยางก็กินอย่างมีความสุขสำราญมันกินไปพลางคุยกับหลินหยางไปพลางว่า “เ้าหลินอี้น้อย ข้าเพิ่งรู้ว่ามนุษย์ยังมีของดีแบบไอเกี๊ยวนี่อยู่ด้วย...โอ๊ะ เ้ากินอันนั้นรึเปล่า ถ้าไม่กินก็เอามาให้ข้า”
“คือว่า....ข้าอาจจะต้องออกไปข้างนอกสักพักหนึ่ง” ตอนที่หลินหยางอยู่กับพ่อเขานั้นมักจะรู้สึกเหมือนกับหมดแรงอย่างไรอย่างนั้น
“อืม ได้ หั่วเอ๋อร์เ้าจะเอาน้ำจิ้มเพิ่มไหม?”นี่คือคำตอบของหลินเฮ่ายวน
“เอา ขอเพิ่มพริกด้วย”
หลินหยางพูดอะไรต่อไม่ถูกทันที
กับพ่อผู้ที่ดูแตกต่างจากตอนเป็จักรพรรดิแบบหน้ามือเป็หลังเท้าแบบนี้หลินหยางรู้สึกหมดคำพูดจริงๆ
หลินหยางจึงต้องพุดเข้าประเด็นหลักทันทีว่า“หั่วเอ๋อร์ คืนนี้เ้าต้องกลับไปคฤหาสน์เวินกับข้าข้ามีเื่ให้เ้าทำ...”
“เมียว(ไม่เอา)!”หั่วเอ๋อร์ตอบกลับอย่างชัดเจน
“จะเอาหัวสิงโตไหม...”
“เอา!!” หั่วเอ๋อร์ยังคงจำได้แม่นว่า หัวสิงโตกับเกี๊ยวอะไรอร่อยกว่ากัน
“ขอข้ากินอีกสักสองชั่งก่อนละกัน”แต่หั่วเอ๋อร์ยังไม่อยากทิ้งอาหารเลิศรสตรงหน้านี้ไป
“พวกเ้าค่อยๆ กินไปเถอะ...”หลินหยางพลันลุกขึ้นยืนแล้วจึงเดินออกไปสูดอากาศข้างนอก
กินเหม็นเขียวของไข่ไก่ผัดผักมันเหม็นมากเกินไป
แต่ในตอนที่เขาเพิ่งเดินออกจาพระตำหนักไท่เหอได้ไม่นานหลินเฮ่ายวนที่ยังนั่งกินข้าวอยู่ด้านในก็เงยหน้าขึ้นดวงตาทั้งสองของเขาพลันเปล่งประกายออกมา
..................................
หลังจากหลินหยางเดินออกมาได้ไม่กี่ก้าวก็มีลมเย็นๆ สายหนึ่งพัดผ่านด้านหลังของเขาไป
พอเขาหันกลับมาก็มีเงาร่างสีดำสายหนึ่งยืนอยู่ท่ามกล่างท้องฟ้ายามรัตติกาล
ต้วนเทียนหยา
เขาก็ยังคงดูลึกลับไม่เปลี่ยนแปลงเดินทางไร้ร่องรอย หวงคำพูดดุจทองคำ
“หัวหน้าต้วน ?”หลินหยางรู้สึกประหลาดใจ ทำไมอยู่ดีๆ เขาถึงได้มาหาหลินหยางได้
“ตามข้ามา...” น้ำเสียงของต้วนเทียนหยายังคงแหบแห้งอยู่เหมือนเดิม แต่คำพูดของเขากลับแฝงไปด้วยพลังอันมหาศาลอย่างน่าเกรงขามกล่าวจบเขาก็เดินออกไปยังสนามเล็กๆ ที่อยู่ข้างพระตำหนักไท่เหอทันที
อะไรกัน?