“ ศิษย์พี่พวกท่านจะทิ้งข้าไว้แบบนี้ไม่ได้นะขาข้าก็สั้นตัวเล็กวิ่งหนี ข้าเหนื่อยวิ่งหนีไม่ทันแล้ว”
ถิงถิงเด็กหญิงวัย 5ขวบกำลังวิ่งหนี หมูป่า6ตัว พวกมันมีขนาดที่ใหญ่มากสีขนดำ ศิษย์พี่อยู่สำนักเทียนซานมาด้วยกัน 5คนได้วิ่งนำหน้าหนีนางไปไกลแล้ว
ถิงถิงวิ่งไปที่ต้นไม้ใหญ่ และปีนขึ้นไปหลบอยู่บนนั้น ใต้ต้นก็มีหมูป่าทั้ง6ตัวเฝ้าอยู่ เด็กน้อยรอศิษย์พี่หรือใครก็ได้มาช่วย
ถิงถิงคือ ลูกศิษย์ตัวน้อยของสำนักเทียนซาน ที่ถูกตระกูลจูขับไล่ออกมาเพราะมีซินแสเข้าไปบอกกับท่านปู่ผู้นำตระกูลว่า นางเป็ตัวกาลกิณี
ท่านปู่รู้ว่าที่สำนักเทียนซานแห่งนี้กำลังเปิดรับ ลูกศิษย์ใหม่และ ครอบครัวไหนยากจนจะมีใบไม้ทองคำให้ด้วย
จึงจ้าง สองผัวเมียให้พานางเอามาไว้ที่สำนักเทียนซาน ด้วยอ้างเป็ญาติ
พ่อแม่ของถิงถิงไม่ยอม พวกเขาไม่เชื่อว่าลูกของตนจะเป็ตัวกาลกิณีของตระกูลเพราะ เด็กทั้งหมดที่อยู่ในตระกูลโจตอนนี้มีถึงเจ็ดคนแล้วทำไมถึงต้องมาเป็เด็กน้อยแค่อายุห้าขวบเท่านั้น
แต่ก็ขัดผู้เป็พ่อไม่ได้ จึงต้องตัดใจให้ลูกออกมาจากอ้อมอกในวัย เพียงห้าขวบท่ามกลางความเศร้าโศกเสียใจของทุกคนในครอบครัวบ้านสอง
โดยระยะทางอันยาวไกลเดินทางจากเมืองฉางไปเมืองโจ หลายพันลี้ ก่อนเข้าเขตเมืองโจที่ผ่านเมืองว่านและเมืองหนาน ทำให้เด็กน้อยป่วยและสิ้นใจไปบนรถม้า
ิญญาของเด็กหญิงอายุ 14 ปีจากโลก อนาคตมาอยู่แทน ด้วยการถูกลูกหลงจากการต่อสู้ของตำรวจและผู้ร้ายที่กำลังขนยาบ้าอยู่ที่ป่าช้าที่นางอาศัยอยู่กับตากับยายที่เลี้ยงนางมา
หลังจากเสียชีวิตแล้วจึงรู้ว่า ตนมีชื่อว่าชินตาเป็บุตรสาวของทายาทตระกูลดัง เ้าของอสังหาริมทรัพย์เดอะวันกรุ๊ป ได้ถูกโจรจับเรียกค่าไถ่ ในวัยเพียงสามขวบ แต่ด้วยยาสลบที่แรงไปทำให้หัวใจหยุดเต้น พวกโจรกลัวความผิดจึงเอาศพของเด็กหญิง ไปทิ้งไว้ที่ป่าช้าท้ายเมือง
เป็ตากับยาย ที่มีอาชีพเป็สัปเหร่อ เก็บนางมาเลี้ยงแล้วให้ตั้งชื่อใหม่ว่าราตรีเพราะเจอนางในตอนกลางคืน และเลี้ยงดูแลมารักใครเหมือนลูกหลานคนหนึ่ง
ทั้งสองคนไม่ได้ไปแจ้งความว่าพบเด็กและบอกทาง ผู้ใหญ่บ้านว่าเป็หลานที่ถูกพ่อแม่ทิ้งไว้ จึงทำเื่ใหม่ทั้งหมด
ย้ายมาอยู่ใบสำมะโนครัวด้วย แต่เพราะความจนนางได้เรียนหนังสือแค่ป.6โรงเรียนวัดแห่งนี้ แต่ละราตรีก็ดิ้นรนเพื่อที่ตัวเองจะได้เรียนต่อเข้าเรียนต่อในระดับมัธยมได้แค่2ปีต้องมาตายเสียก่อน
วันนี้คือวันที่ครบรอบ 10 ปีที่บุตรสาวได้หายตัวไป แม้จะตามตัวแทบพลิกแผ่นดินก็หาไม่เจอ คฤหาสน์กลางใหญ่ใจกลางเมือง หญิงอายุประมาณ 35 แต่งตัวภูมิฐาน เดินมากับเด็กชายอายุประมาณห้าขวบเพื่อมาวางดอกไม้ตรงหลุมฝังศพที่ไม่มีร่างเ้าของอยู่ ใช่พวกเขาเข้าใจว่าลูกสาวของพวกเขาได้ตายจากไปแล้ว
“ชินตา ลูกแม่นี่ก็10ปีแล้วชินะ ที่ลูกจากไป ไม่ว่าลูกจะอยู่ที่ไหน ก็ขอให้พบเจอแต่สิ่งดีๆและมีความสุข ชาติหน้าฉันใดก็ขอให้เราเกิดมาเป็แม่ลูกกันอีกและไม่พรากจากกันไว้แบบนี้นะลูกรักของแม่”
“ ผมก็ขอให้พี่สาวมีความสุขและกลับมาเป็พี่สาวผมอีกนะครับ วันนี้พ่อไม่ได้มาด้วยติดประชุมด่วนแต่พ่อก็รักพี่สาวนะครับ พ่อบอกจะมาพรุ่งนี้แทนผมก็จะมาด้วย”
ราตรีหรือชินตาเข้าไปกอด แม่และน้องก่อนที่ ิญญาเหมือนถูกดูด และมารู้สึกตัวอยู่บนรถม้า อยู่ในร่างเด็กวัยห้าขวบ
“นี่ข้าอยู่ที่ไหนกัน ทำไมถึงปวดเนื้อไปหมดแบบนี้ เด็กข้ามาอยู่ในร่างเด็กแขนขาเล็กขนาดนี้ ไม่เกินห้าขวบ ทำไมถึงไม่ไปเกิดใหม่ละ”ราตรีมองซ้ายขวา นางนั่งอยู่บนรถม้าที่จอดอยู่ตอนนี้ ข้างล่างรถมีชายหญิง อยู่สองคน
“ ท่านพี่อีกไกลไหมกว่าจะถึงสำนักเทียนซาน ข้าเดินทางจนเมื่อยไปทั้งตัวแล้วเด็กคนนั้นป่วยเป็ไข้อีก แถมยังต้องเดินทางกลับไปที่เมืองฉางอีกข้าต้องตายก่อนแน่”
“ หรือว่าท่านพี่พอเราได้รับใบไม้ทองคำเสร็จแล้วก็สร้างเนื้อตัวอยู่ที่นี่เลยไม่ต้องกลับไปที่เมืองฉางแล้ว ที่นั่นเราก็ไม่ได้มีอะไร ข้าวของที่อยู่ในบ้านก็มีไม่กี่อย่างที่ก็อาศัยเขาอยู่”
“ นะท่านพี่ อย่างมากพวกเขาก็เข้าใจว่าเราอาจโดนทำร้ายระหว่างทางกลับที่ไกลแบบนี้ก็ได้”
“ ไม่ได้หรอก อย่างน้อยพ่อแม่เราก็อยู่ที่โน่นท่านจะเสียใจเอา แต่ว่าเราได้รับใบไม้ทองคำมาเท่าไหร่เราก็อย่าให้พวกเขาไปหมดเท่านั้นเอง”
“ จริงเหรอท่านพี่เราได้ค่าจ้างมาส่งเด็กนั่นแล้วเรายังได้ ใบไม้ทองคำอีกรึเช่นนี้ค่อยมีแรงมาหน่อย ข้าขึ้นไปดูเด็กนั่นก่อน ไม่สบายมาหลายวันแล้วคิดแล้วก็น่าสงสารเหมือนกัน ตัวแค่ก็โดนกล่าวหา ว่าเป็ตัวกาลกิณีเสียแล้ว”
“เด็กน้อยเ้าอย่างไงบ้าง ลุกมากินข้าวน้ำก่อน เ้าทนเอาหน่อยเดี๋ยวก็ถึงสำนักเทียนซานแล้วเ้าจะมีที่อยู่ที่กินสบายกว่าอยู่บนรถมานี่”
ราตรียัง รู้สึกเหนื่อยจึงหลับตานอนโดยไม่แตะต้องอะไรทั้งสิ้น จะให้กินอย่าง เหมือนมีแป้งแข็งๆถูกป้อนมาที่ปากของนาง แถมยังมีกลิ่นเหมือนขึ้นราอีกด้วย
“ ไม่กินก็ตามใจเ้า ก็แล้วกันไม่กี่ชั่วยามก็ถึงแล้ว ”เด็กหญิงเลยหลับไป ด้วยความหิวนางนอนฟังการ สนทนาตลอดการเดินทาง จับสำเนียงการพูดภาษา นางจะได้สื่อสารกับผู้อื่นได้แต่ก็แปลกที่นางสามารถฟังพวกเขาได้และพูดตอบโต้ได้
สำนักเทียนซานเมืองโจ
“พวกเ้าเอาเด็กป่วยมาให้ทาง สำนักดูแลอย่างนั้นรึเ้าไม่เห็นในใบประกาศ หรือไงว่ารับเด็กอายุั้แ่ 10 ปีขึ้นไปและ้าเป็เด็กชายทำไมถึงเอาเด็กหญิงอายุห้าขวบมาให้ทางสำนักแห่งนี้พวกเ้านำเด็กกลับไปรักษาเสียเราไม่รับ” อาจารย์อู๋ซาน วัย 44 ปีเป็อาจารย์ระดับที่สี่แห่งสำนักเทียนซานพูดขึ้น
“ พวกท่านได้โปรดรับเด็กคนนี้ไว้เถอะพวกข้ายากจนไม่มีเงินจะเลี้ยงแล้วถ้าปล่อยไว้เด็กคงจะตาย ”หญิงที่นำเด็กมาพูดขึ้น
และนอนเกลือกกลิ้งไปที่พื้นเพราะถ้าสำนักเทียนซานไม่รับเด็กน้อยไว้พวกเขาก็อดได้ใบไม้ทองคำจะนำเด็กกลับไปก็ไม่ได้ถือว่าทำงานไม่สำเร็จ
“ สำนักแห่งนี้สอนวิทยายุทธ์ ไม่ได้เป็สถานที่รับเลี้ยงเด็กพวกเ้าจงเข้าใจด้วยและนำเด็กเก็บกลับไปเสีย”
เด็กหญิงได้ยินเสียง โต้แย้งกันไปมาจึงลืมตาขึ้นมาดู สถานที่แห่งนี้ไม่เลวกว้างขวางและมี ที่อยู่อาศัยเป็ตึกสองชั้นสร้างจากดินหินและไม้ มีหลายหลัง และความเป็ธรรมชาติอากาศที่บริสุทธิ์ มีข้าวมีน้ำกินมีที่พักแถมยังได้เรียนวิชาด้วย
“ ท่านอาจารย์รับข้าเป็ศิษย์ด้วยเถิดข้าจะ ขยันศึกษาเล่าเรียนทำให้สำนักมีชื่อเสียงในวันข้างหน้า ท่านโปรดรับข้าเป็ศิษย์ด้วยเถิดเ้าค่ะ”
“ ขอเวลาสองวันข้าก็หายป่วยแล้วเ้าค่ะ แค่อ่อนล้าจากการเดินทางไกลเท่านั้น” อาจารย์อู๋ซานถึงกลับมองเด็กน้อยใหม่ อายุแค่นี้แต่พูดจาฉะฉาน
“จางซุน เ้าไปเรียกอาจารย์ใหญ่มาหน่อยเื่นี้ข้าตัดสินใจเองไม่ได้หรอกมันเกี่ยวข้องถึงสำนัก เทียนซาน”
“ ท่านอาจารย์ใหญ่รับข้าคนนี้เป็ ลูกศิษย์ของสำนักท่านด้วยเถอะข้ารับรองว่าจะตั้งใจร่ำเรียนไม่ดื้อไม่ซนให้ท่านต้องปวดหัว เ้าค่ะ”อาจารย์ใหญ่ หูป๋อวัย58ปีรูปร่างสูงผอมสวมชุดสีขาว
“ เห็นไหมท่านอาจารย์ใหญ่เด็กน้อยแม้แต่ตัวเล็กแถมยังดูอ่อนแอแต่นางมีความมุ่งมั่นตั้งใจในสายตาและการพูดจาที่ฉะฉานจึงเชิญท่านมาดูด้วยตัวเองและ พิจารณาว่าจะรับนางเข้ามาเป็ศิษย์ของสำนักเทียนซานหรือไม่”
สองคนผัวเมียที่นำเด็กน้อยมาถึงกับใตลอดทางที่ผ่านมาเหมือนเด็กน้อยจะไม่ค่อยพูด แถมอาการเศร้าซึม ไม่ได้สดใสร่าเริงเหมือนเด็กคนอื่นทั่วไปั้แ่รับออกมาจากบ้านแล้ว พวกเขาทั้งสองคนยังคิดว่าเป็เด็กปัญญาอ่อนด้วยซ้ำไป
อาจารย์ใหญ่ยืนพิจารณาเด็กน้อยตรงหน้า และชายหญิงสองคนที่มาส่งก็รู้ว่าไม่ได้อยู่ครอบครัวเดียวกันแน่ จึงสงสารและรับเด็กคนนี้มาเป็ลูกศิษย์
“ ได้ข้าจะรับเด็กคนนี้มาเป็ลูกศิษย์ของเขาเทียนซานเองแต่ เ้ารอหนังสือตัดขาดออกจากตระกูลจูให้เรียบร้อยก่อน ”
เพราะศิษย์ยากจนที่มาสมัครเป็ศิษย์ของเขาเทียนซาน ญาติจะได้รับใบไม้ทองคำกลับไปถือว่าได้ขายเด็กให้กับทางสำนัก เทียนซานแต่ถ้าฐานะที่บ้านมีเงินทองอยู่แล้วแต่มาร่ำเรียนวิชาก็ขอแค่ต่อไปกตัญญูรู้คุณต่อสำนักเทียนซานก็เพียงพอแล้วไม่ต้องตัดออกจากตระกูล
หลัง จากรับหนังสือตัดขาดจากสำนักศาลและใบไม้จำนวนหนึ่งแล้วสองสามีภรรยาก็รีบออกจากสำนักเขาเทียนซานทันที
“ เด็กน้อยยังตัวเล็กนักฝากศิษย์พี่ทั้งห้า ช่วยดูแลศิษย์น้องของพวกเ้าด้วยคนรับผิดชอบดูแลคือ เกาเจี๋ย หวังข่าย หวงเจียง โจวเหว่ย และจางซุน ทำอะไรไปที่ไหนพวกเ้านำเด็กคนนี้ไปด้วย” เกาเจี๋ยอายุ15ปี หวังข่าย14ปีหวงเจียง14ปี โจวเหว่ย13ปี จางซุน13ปี
“ เด็กน้อยแล้วเ้ามีนามว่าอะไรศิษย์พี่จะได้เรียกเ้าถูก ”
“ข้ามีนามว่า จูถิงถิง แต่โดนตัดแซ่ไปแล้วเพราะท่านเรียกข้าว่าถิงถิงก็พอเ้าค่ะ”
ศิษย์พี่ทั้งห้าคน ที่ให้มาเป็พี่เลี้ยงถิงถิง ถือว่าเป็ หัวกะทิของที่นี่แถมฐานะทางบ้านยังร่ำรวย มีแต่ความเย่อหยิ่ง และพวกเขาไม่ชอบถิงถิง ที่ตัวเล็กและเป็ภาระของพวกเขา
ตรงกันข้ามกับถิงถิง ที่นับถือทั้งห้าคนเป็ศิษย์พี่ นางรู้ว่าพวกเขาไม่ชอบก็ทำตัวไม่เป็ภาระ ตั้งใจเรียนฝึกฝน เล่าเรียน ศิษย์พี่นั่งเจ็บชา ถิงถิงฝึกฝน อยู่กลางแดด
ศิษย์พี่เรียนฟันดาบหนึ่งชั่วยามแล้วพักถิงถิง ไม่พัก ศิษย์พี่ท่องหนังสือแล้วมานั่งคุยกัน ถิงถิงท่องหนังสือ ไม่พัก
“ ชาติที่แล้วข้า้าที่จะเล่าเรียนแต่ยากยิ่งนักต้อง เดินทางไกลไปเรียนถึงในเมืองไปกลับก็หลายชั่วโมง แถมกลับมาต้องช่วย ตายายทำงานวันหยุดไม่เคยได้หยุด ข้าต้องอ่านออกเขียนได้ในโลกใหม่นี้”
การฝึกฝนร่างกาย เป็สิ่งสำคัญของผู้ที่จะเรียนวิทยายุทธ์ นางตั้งใจ จนอาจารย์ทั้งสี่คน อดแปลกใจไม่ได้ แต่ถึงเด็กน้อยจะฝึกฝนยังไงก็ยังเป็เด็กตัวเล็ก นางวิ่งได้10ก้าว ยังไม่เท่ากับศิษย์พี่สองสามก้าว
“ วันนี้มีชาวบ้าน หมู่ 8 ติดกับป่าของเมืองโจมาแจ้งว่ามีหมูป่าเข้ามาทำลายพืชผักของพวกเขา เ้าทั้งห้าก็ไปดูหน่อยถือว่าเป็การฝึกฝนฝีมืออย่าลืมเอาเ้าตัวเล็กถิงถิงไปด้วยละ”
“ อาจารย์พวกข้าไปแค่ห้าคนไม่ได้หรือขอรับข้าไม่อยากเอาเด็กไปด้วยมันเป็ภาระแล้วเกิด สู้หมูป่าไม่ได้แล้ววิ่งหนีหมูป่าไม่ทันจะทำยังไงพวกข้าไม่รับผิดชอบนะ”
“ เอาเถอะน่า ถึงนางจะตัวเล็กก็วิ่งไวอยู่ อาจารย์ใหญ่เคยบอกพวกเ้าทั้งห้าแล้วใช่ไหมว่าให้ช่วยกันดูแลไปไหนก็ให้เอาไปด้วย”
“ ข้าก็งงกับอาจารย์ใหญ่เหมือนกันลูกศิษย์ที่สำนักมีเป็ ร้อยทำไมต้องให้พวกข้าทั้งห้าคนดูแลเด็กด้วย นางเพิ่งจะเรียนได้แค่เดือนเดียวก็ให้ออกไปแล้วกับพวกเราแล้ว ดาบก็ยังไม่เก่งธนูก็ยังไม่คล่อง” พวกเขาก็ได้แต่บ่นแต่ก็ต้องเอาเด็กน้อยถิงถิงไปด้วยอยู่ดี
“ พวกท่านคือศิษย์สำนักเทียนซานใช่หรือไม่ ใส่ชุดสีฟ้าเข้มแบบนี้ ข้าจะพาไปดูสวนที่โดน หมูป่ามากัดและ ทำลายพืชผักสวนครัว ตามเข้ามาได้เลย”
ถิงถิงและศิษย์พี่ทั้งห้าคนเดินมาตรงชายป่าที่พวกชาวบ้านปลูกพืชผักสวนครัวไว้ มีรอยเท้าหมูที่ใหญ่อยู่เต็มไปหมดแถมผัก อย่างพวกผักกาดขาวกะหล่ำปลีหัวไชเท้าถูกดึง กัดและเหยียบย่ำเสียหายเต็มไปหมดหลายหมู่
( เนื้อหาบางส่วนของนิยายเื่นี้เกี่ยวข้องกับ นิยาย"เื่พวกข้าฝ่าหมื่นตายตามหาพวกท่าน" )