ตอนที่ 116 ข้าไม่ไป
ชาวบ้านได้ยาไปแล้ว ต่างก็รับประทานยาเม็ดที่เล่าลือกันว่าป้องกันโรคระบาดได้ พอได้ยาก็พากันดีอกดีใจ ต่างคนต่างวิ่งกลับบ้าน
ไม่นานนัก จางหลิงก็ซื้อของที่ฉู่อี้สั่งมาครบแล้ว อวิ๋นเจียวกระซิบกระซาบอะไรบางอย่างข้างหูฉู่อี้อีกรอบ ฉู่อี้มองนางด้วยความชื่นชมมากขึ้น เด็กหญิงอายุหกขวบ มีเหตุผล ไม่ตื่นตระหนกแม้เผชิญกับโรคระบาด
เขาไม่รู้เลยว่าโรคอหิวาตกโรคนั้น หากเทียบกับยุคที่อวิ๋นเจียวจากมาแล้วนั้นนับว่ามิใช่เื่ใหญ่โตอะไร! ในเมื่อนางมียา ย่อมไม่หวั่นเกรง
โอ่งใบใหญ่สิบใบและถังไม้นับไม่ถ้วนถูกนำมาวางเรียงรายนอกแนวรั้วป้องกัน จากนั้นจางหลิงก็สั่งให้คนเทน้ำที่ซื้อมาสองเกวียนลงในโอ่งใบใหญ่ ก่อนจะให้คนออกไปซื้อน้ำเพิ่ม
ฉู่อี้สั่งให้คนผสมผงฆ่าเชื้อกับน้ำ และสั่งให้ยกหม้อใบใหญ่ที่เพิ่งซื้อมาตั้งบนเตาหินที่ก่อขึ้นอย่างง่ายๆ บ้างก็ต้มน้ำ บ้างก็ต้มยา
องครักษ์ที่เขาพามาด้วยต่างเร่งมือทำงานอย่างขะมักเขม้น เมื่อนายกองประจำกองทหารรักษาการณ์ท้องถิ่น ตำแหน่งขุนนางขั้นเจ็ดและนายอำเภอมาถึง ก็เห็นภาพเช่นนี้
“นายอำเภอเปาชิงแห่งอำเภอไคอัน นายกองประจำกองทหารรักษาการณ์อำเภอไคอัน อู๋อวี่ ขอคารวะท่านโหว!”
ใบหน้าทั้งสองแนบชิดพื้น ฉู่อี้จ้องมองพวกเขาด้วยสายตาเ็า ทำเอาทั้งสองหนาวสะท้านไปถึงกระดูกสันหลัง
ฉู่อี้ไม่มีทีท่าจะให้พวกเขาลุก คนที่พวกเขานำมาก็คุกเข่าเรียงรายอยู่ด้านหลัง รออยู่นานก็ยังไม่ได้ยินฉู่อี้เอ่ยปากให้ลุกขึ้น ทั้งสองก็รู้ว่างานนี้ร้ายแรงเสียแล้ว
แต่ก็ไม่กล้าขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย เม็ดเหงื่อไหลรินลงพื้น ก็ได้แต่ปล่อยให้มันไหล ไม่กล้าแม้แต่จะเช็ด
แม้ว่าตำแหน่งโหวในราชวงศ์นี้จะเป็เพียงชนชั้นสูงที่ไม่ได้มีอำนาจทางการปกครอง แต่ก็ยังคงเป็ถึงชนชั้นสูงอยู่ดี
พวกเขาไม่ได้อยู่ใต้อำนาจบังคับของฉู่อี้ แต่ด้วยความที่พวกเขารู้ดีแก่ใจว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง จึงไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม
ส่วนคนที่คุกเข่าอยู่ด้านหลังพวกเขานั้น ก็ถูกจางหลิงไล่อย่างหยาบคาย “หลีกไปๆ ไม่เห็นหรือว่ากำลังยุ่งอยู่? อย่าขวางทาง!”
ขณะนั้นเอง ชาวบ้านที่ไม่ได้ติดโรคก็กลับมา ฉู่อี้สั่งให้คนของเขากั้นพวกเขาให้อยู่ห่างออกไปร้อยก้าว จากนั้นองครักษ์สี่คนก็สวมชุดคลุมป้องกัน สวมผ้าปิดปากและถุงมือ แต่ละคนถือถังน้ำยาฆ่าเชื้อ แล้วเริ่มฉีดพ่นบริเวณแนวป้องกัน
ไม่นานนัก พื้นที่อย่างน้อยสี่ร้อยตารางเมตรก็ถูกฉีดพ่นด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อจนทั่ว จากนั้นองครักษ์ก็เริ่มตอกเสา ปักหลัก ใช้ผ้าที่ซื้อมาล้อมเป็ที่พักชั่วคราวสี่ห้าหลัง
ต่อมาพวกเขาก็ตักน้ำร้อนที่ต้มไว้ใส่ถัง เติมผงฆ่าเชื้อ แล้วนำไปวางไว้ในที่พักชั่วคราวแต่ละหลัง พร้อมกับเตรียมเสื้อผ้า ถุงเท้า รองเท้าใหม่ และสบู่ก้อนเล็กๆ ไว้ในนั้น
จากนั้นก็ถอยออกมาและประกาศแจ้งกฎระเบียบให้ชาวบ้านทราบจากระยะไกล ชาวบ้านกลัวว่าฉู่อี้จะไม่ดูแลพวกเขา จึงให้คนที่เป็ผู้นำในหมู่บ้านออกมาช่วยดูแลความสงบ จัดการชาวบ้านให้อยู่ในระเบียบ
“...ให้พวกเ้าอาบน้ำฆ่าเชื้อ ก็เพื่อฆ่าเชื้อโรคที่อาจติดมากับตัวพวกเ้า! ทุกคนจงตั้งใจฟังให้ดี! เข้าไปแล้ว ถอดเสื้อผ้าออกและโยนทิ้งไปทั้งหมด คนข้างนอกจะใช้ไม้ไผ่เขี่ยเสื้อผ้าที่สกปรกมารวมกัน แล้วจุดไฟเผาทิ้ง...”
“อีกอย่าง นับจากนี้เป็ต้นไป อาหารและน้ำดื่มของพวกเ้าให้มารับตรงนี้... ข้าขอย้ำอีกครั้ง หากผู้ใดไม่ทำตามกฎของท่านโหว เช่นนั้นท่านโหวของข้าก็จะไม่สนใจดูแลพวกเ้าอีกต่อไป”
“ขอรับ! ขอบพระคุณท่านโหวที่เมตตา!”
เมื่อรู้ว่ายังมีความหวังที่จะมีชีวิตรอด ชาวบ้านต่างก็ให้ความร่วมมือเป็อย่างดี ต่างสำนึกในบุญคุณของฉู่อี้ พากันสรรเสริญว่าเขาเป็พระโพธิสัตว์จุติมาโปรดสัตว์
ชาวบ้านยืนต่อแถวอาบน้ำ ใครอาบน้ำเสร็จก็ยกถังน้ำที่ใช้แล้วออกมา แล้วช่วยกันยกถังน้ำสะอาดถังใหม่เข้าไป ชาวบ้านที่อาบน้ำเสร็จแล้วจะถูกจัดการให้สวมชุดคลุม สวมผ้าปิดปากและถุงมือ จางหลิงทำตามคำสั่งของฉู่อี้มอบหมายงานให้ชาวบ้านเหล่านี้
พวกองครักษ์ขนปูนขาวสองเกวียนเข้าไปในเขตกักกัน จากนั้นชาวบ้านที่ได้รับมอบหมายให้โรยปูนขาวก็ลากเกวียนทั้งสองออกไป โรยปูนขาวในบ่อเกรอะ สิ่งปฏิกูล รวมถึงซากศพของคนและสัตว์เลี้ยง พร้อมกับกำชับให้โรยปูนขาวให้ทั่ว
เมื่อได้รับคำสั่งลงไป ชาวบ้านก็เชื่อฟังคำสั่งเป็อย่างดี ส่วนหมอที่ถูกเชิญมานั้นไม่เต็มใจนัก เพราะกลัวจะติดโรคระบาด โรงหมอหลวงของราชสำนักก็ไม่ส่งคนมา โรงหมอเอกชนก็เห็นแก่ผลประโยชน์ ไม่มีใครเต็มใจมา
หมอสองคนที่มานั้น ถูกจางหลิงใช้ดาบจี้คอมา แต่พอมาถึงที่นี่ พวกเขาก็รู้สึกโล่งใจ สถานการณ์ทั้งหมดเป็ไปอย่างเป็ระเบียบเรียบร้อยภายใต้การบัญชาการของท่านโหว ไม่วุ่นวายเลย อีกทั้งพวกเขามีหน้าที่เพียงแค่ต้มยาเท่านั้น ไม่จำเป็ต้องเข้าไปในเขตโรคระบาด พวกเขาจึงรู้สึกเบาใจขึ้นมา
“ลุงอวิ๋น ป้าอวิ๋น เจียวเอ๋อร์ ข้าจะให้คนไปส่งพวกท่านที่ในอำเภอ” หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ฉู่อี้ก็หันมาพูดกับอวิ๋นเจียวและคนอื่นๆ
“ตกลง!”
“ไม่เอา!”
อวิ๋นโส่วจงกับฟางซื่อให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของเจียวเป็อันดับแรก สำหรับพวกเขาแล้วไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าความปลอดภัยของอวิ๋นเจียวอีกแล้ว
ทว่าอวิ๋นเจียวกลับคิดไม่เหมือนกัน ประการแรกพวกเขาไม่ได้อยู่ในเขตโรคระบาด ตอนนี้พวกเขาก็ถูกทหารเหล่านี้กันตัวออกมาแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังกินวัคซีนป้องกันโรคแล้ว บวกกับมาตรการฆ่าเชื้อที่เข้มงวด อาหารและน้ำก็ไม่ได้ใช้ของที่นี่ การอยู่ต่อจึงไม่ใช่ปัญหา
อีกทั้งนางยังมีเถาเป่า สามารถซื้อยาได้ตลอดเวลา หากสถานการณ์การแพร่ระบาดที่นี่มีการเปลี่ยนแปลง นางสามารถอธิบายอาการให้แพทย์ออนไลน์ในเถาเป่าได้ทันที แล้วซื้อยามารักษาได้
“ท่านพ่อ ท่านแม่ พวกเรายังอยู่ที่นี่ก่อน รอจนกว่าจะปลอดภัยแล้วค่อยไปนะเ้าคะ!” ดวงตากลมโตของอวิ๋นเจียวฉายแววแน่วแน่ นางเป็คนกลัวตาย แต่ก็ซาบซึ้งในบุญคุณ์ที่มอบครอบครัวนี้ให้นาง
การทะลุมิติมาพร้อมกับระบบเถาเป่า เป็พรจาก์ที่มอบให้นางเพียงคนเดียวกระนั้นหรือ? อวิ๋นเจียวไม่คิดเช่นนั้น หากไม่ใช่แล้วทำไมทุกครั้งที่นางช่วยเหลือผู้คนผ่านเถาเป่า ถึงได้รับคะแนนจากเถาเป่าล่ะ?
จริงๆ แล้วนางค่อนข้างกังวลอยู่บ้าง กังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากคะแนนระบบเถาเป่าหมด หากใช้ไม่ได้นางก็ไม่กลัว ตราบใดที่ยังมีมือมีเท้ามีสมอง อย่างไรก็ไม่มีทางอดตาย
สิ่งที่นางกังวลมากที่สุดคือการสูญเสียทุกอย่างในตอนนี้ สูญเสียครอบครัว แล้วกลับไปใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวอีกครั้ง หรือบางทีอาจจะไม่ได้กลับไป แต่ต้องพบจุดจบอยู่ที่นี่? ดังนั้นนางจึงต้องเดิมพัน เดิมพันอย่างไม่มีทางเลือก!
แน่นอนว่าการอยู่ต่อเป็อีกเื่หนึ่ง นางจะไม่ประมาทวิ่งเข้าไปในเขตโรคระบาดเพื่อพาตัวเองเข้าไปเสี่ยงอันตรายอย่างแน่นอน
“ท่านพ่อ ท่านแม่ จะอย่างไรพวกเราเคยเข้าไปในเขตโรคระบาด หากออกไปก่อนที่โรคระบาดจะสงบลง หากเผลอนำเชื้อโรคติดตัวออกไป... จะไม่เป็การทำร้ายท่านโหวหรือเ้าคะ? ท่านพ่อ ท่านแม่ พวกท่านไม่ต้องกังวล พวกเราจะพักอยู่ข้างนอกนี้ อยู่ห่างๆ อีกอย่าง ท่านนักพรตจากูเาหลงหู่...”
อวิ๋นเจียวเตือนฟางซื่อและอวิ๋นโส่วจงว่าพวกเขากินยาของนักพรตจากเขาหลงหู่แล้ว ไม่มีทางเป็อะไรไปได้
อวิ๋นโส่วจงกับฟางซื่อมองกัน ในใจปลาบปลื้มที่บุตรสาวของตนคิดรอบคอบ จริงอย่างที่นางพูด หากพวกเขาออกจากเขตโรคระบาดไป ไม่ว่าจะนำเชื้อโรคติดตัวไปหรือไม่ ล้วนแต่จะนำปัญหามาสู่ฉู่อี้ ไม่แน่ว่าอาจกลายเป็ข้ออ้างของผู้อื่นในการโจมตีฉู่อี้ได้
ฉู่อี้ฉลาดเฉลียว ย่อมเข้าใจความคิดของอวิ๋นเจียวเป็อย่างดี ในใจพลันอบอุ่นขึ้นมา แม้เขาจะเป็ถึงบุตรชายคนโตของตระกูลและตอนนี้ยังดำรงตำแหน่งเป็ถึงโหว ทว่ามารดาจากไปั้แ่เขายังเด็ก บิดาแต่งงานใหม่ได้ไม่นานก็ล้มป่วย
ชีวิตที่ผ่านมาของเขานั้น... รอบกายเขาไม่มีใครที่เป็ห่วงเขาอย่างแท้จริง มีแต่ญาติที่คอยหาทางทำร้ายเขาให้ถึงที่ตายเท่านั้น
“พวกท่านไปเถิด ไม่ต้องห่วงข้า”