เสวียนหงมองรอบหนึ่งเห็นว่าเสวียนเทียนเข้าใจแล้วในใจก็เปลี่ยนความคิดที่มีต่อพร์ของเสวียนเทียนเสียใหม่
เมื่อก่อนเสวียนหงเป็อัจฉริยะอันดับหนึ่งของตระกูลเสวียนฝึกฝน ‘ก้าวย่างัพยัคฆ์’ ยังต้องใช้เวลาครึ่งปีถึงจะสำเร็จชั้นบรรลุส่วนใหญ่
ถึงแม้ตอนนั้นเสวียนหงจะฝึกวิชาลับนี้ด้วยตนเองไม่มีใครสอน แต่ต่อให้เสวียนหงไม่สอนเสวียนเทียนก็คงฝึกก้าวย่างัพยัคฆ์ให้ถึงชั้นบรรลุส่วนใหญ่ได้โดยใช้เวลาไม่ถึงครึ่งปีแน่นอนอย่างมากก็สองสามเดือนก็พอ
“ตอนนั้นข้าอายุไม่ถึงยี่สิบปีก็ก้าวสู่ชั้นนภาขั้นหนึ่งถูกเรียกว่าอัจฉริยะอันดับหนึ่งของตระกูลเสวียนเทียนเอ๋อร์ตอนยังเล็กได้รับาเ็ เส้นปราณเสียหายปีนี้อายุสิบสี่ปีครึ่งเส้นปราณถึงหายดี พร์ปรากฏออกมาสำหรับผู้ฝึกยุทธ์แล้วนับว่าเริ่มต้นสายไปเสียหน่อยแต่ว่าจักรพรรดิฉินเมื่อพันปีก่อน ตอนยังเด็กก็พร์ธรรมดาเมื่ออายุสิบห้ากลับแตกฉานในข้ามคืน ั้แ่นั้นฝึกฝนราบรื่น ไม่มีใครเทียบได้อายุไม่ถึงสามสิบปี ใช้เวลาเพียงสิบกว่าปีก็บรรลุชั้นนภาขั้นสิบปราบทั่วแผ่นดินเสินโจวไม่มีคู่ต่อกร ก่อตั้งอาณาจักรต้าฉินรวมแผ่นดินเสินโจวให้เป็หนึ่ง สร้างคุณูปการอันยิ่งใหญ่ไว้มากมายได้รับการขนานนามว่าเป็อัจฉริยะอันดับหนึ่งตลอดกาลแห่งแผ่นดินเสินโจวพร์ของเทียนเอ๋อร์มากกว่าข้ามากนัก ต่อให้เริ่มต้นสายไปเสียหน่อยแต่ก็มีจักรพรรดิฉินให้เห็นเป็ตัวอย่างมาก่อนวันหน้าความสำเร็จของเทียนเอ๋อร์ย่อมต้องไกลกว่าข้าแน่บางทีอาจเป็เช่นเดียวกับจักรพรรดิฉินก้าวไปถึงจุดสูงสุดของชั้นนภาก็ไม่ใช่จะเป็ไปไม่ได้ทั้งหมดล้วนแล้วแต่ชะตาลิขิตของเขาแล้ว!”
เสวียนหงคิดเงียบๆ ในใจเดินออกไปจากลานที่เสวียนเทียนอยู่
วันต่อมา เสวียนเทียนยังคงมุ่งมั่นทุกครึ่งวันฝึกปราณเบิกภาอีกครึ่งวันฝึกก้าวย่างัพยัคฆ์
ผ่านไปอีกสิบวันเสวียนเทียนฝึกฝนก้าวย่างัพยัคฆ์หลังจากที่เห็นเสวียนหงสาธิตให้ดูในที่สุดก็ปรากฏผล แตกฉาน ‘ก้าวย่างัพยัคฆ์’ มากขึ้นกว่าสิบวันก่อนอย่างก้าวะโ ในที่สุดก็สำเร็จชั้นบรรลุส่วนใหญ่
อีกทั้งการฝึกฝนปราณเบิกนภามาเป็เวลาเกือบหนึ่งเดือนก็ยังทำให้พลังวัตรชั้นวิถียุทธ์ขั้นสิบของเสวียนเทียนมั่งคงปราณในร่างยิ่งจับต้องได้ชัดเจนขึ้นทุกที ระดับสูงขึ้นมาอีกมาก
เมื่อก้าวย่างัพยัคฆ์ฝึกถึงชั้นบรรลุส่วนใหญ่เสวียนเทียนก็บอกลาบิดามารดาและครอบครัวตระกูลหวงออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังเทือกเขาดงอสูร ตามหาสมบัติล้ำค่าบนลายแทงสมบัติ
หวงหย่วนเฉิงอยากส่งยอดฝีมือชั้นเบิกนภาคนหนึ่งเดินทางไปกับเสวียนเทียนแต่เสวียนเทียนปฏิเสธ สมาชิกตระกูลหวงร่างกายล้วนาเ็เข้าไปในเทือกเขาดงอสูรคงไม่เหมาะ
ส่วนผู้ฝึกยุทธ์ที่มาเข้ากับตระกูลหวงพลังวัตรชั้นสูงที่สุดก็คือชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งเสวียนเทียนพาไปด้วยจะกลายเป็ภาระแทน อีกทั้งพวกเขาไม่ใช่คนตระกูลหวงรับประกันไม่ได้ว่าหลังได้สมบัติมาแล้วใจคนจะไม่เปลี่ยน
แน่นอนว่าเื่ที่เสวียนเทียนจะเข้าไปในเทือกเขาดงอสูรเพื่อตามหาสมบัติมีเพียงเสวียนหงกับหวงเยว่เท่านั้นที่รู้เื่นี้ไม่ควรประกาศออกไปจึงบอกคนอื่นเพียงว่าเข้าไปในเทือกเขาดงอสูรเพื่อฝึกวิชา
เสวียนเทียนออกจากหมู่บ้านหวงปั้วจากตะวันออกเฉียงเหนือของอำเภอเป่ยโม่ เข้าไปในเทือกเขาดงอสูรไม่นานพิราบสื่อสารตัวหนึ่งก็บินไปถึงตระกูลหนิวในอำเภอเป่ยโม่
ห้องโถงหลัก ตระกูลหนิว!
หนิวเจิ้นซานนั่งอยู่บนเก้าอี้ผู้นำหนิวเจิ้นเยว่เดินเข้ามาจากนอกโถง น้ำเสียงรีบร้อนปนยินดีพูดขึ้นว่า “พี่ใหญ่หมู่บ้านหวงปั้วส่งข่าวมาแล้ว ในที่สุดเ้าเด็กระยำก็ออกจากหมู่บ้านหวงปั้วแล้ว”
พูดไปเดินไปจนมาถึงหน้าหนิวเจิ้นซานหนิวเจิ้นเยว่ส่งแถบกระดาษในมือไปให้หนิวเจิ้นซาน
หวงเจิ้นซานได้ฟังข่าว ดวงตาทั้งสองพลันส่องประกายรับแถบกระดาษมาดู ท่าทางประหลาดใจเล็กน้อยกล่าวขึ้นว่า “ที่แท้ไม่ได้กลับสำนักกระบี่์ทำเอากับดักที่พวกเราวางไว้ทางทิศใต้ไร้ประโยชน์ แต่เ้าเด็กระยำนั่นเดินทางไปทางเหนือเข้าไปในเทือกเขาดงอสูรไปทำไมกัน?”
หนิวเจิ้นเยว่กล่าวต่อว่า “ข่าวบอกว่าเ้าเด็กระยำนั่นเข้าเทือกเขาดงอสูรไปฝึกวิชา!”
หนิวเจิ้นซานยิ้มน้อยๆ ว่าต่อ “เวลานี้เ้าเด็กระยำนั้นไปเทือกเขาดงอสูรฝึกวิชาช่างเดินมาหาที่ตายเองโดยแท้ ตระกูลเฉิง ตระกูลจางอีกสองตระกูลมีข่าวอะไรบ้าง?”
หนิวเจิ้นเยว่ตอบว่า “ยังไม่ได้ข่าวคงจะเป็เช่นพวกเราเพิ่งได้รับข่าว แต่เ้าเฒ่าอู๋เหวินเสียงนั่นตามเ้าเด็กระยำเข้าไปในเทือกเขาดงอสูรแล้ว”
ในงานประลองทายาทรุ่นหลังของทั้งสี่ตระกูลหนิวจื้อเฉียงถูกเสวียนเทียนสะบั้นแขนขาดไปหนึ่งข้างหนิวเจิ้นซานไม่อาจคิดบัญชีกับตระกูลหวงได้ความโกรธเต็มอกล้วนระบายลงที่อู๋เหวินเสียงผู้เป็กรรมการการประลองอู๋เหวินเสียงปฏิญาณหนักแน่นรับประกันว่าต้องเอาชีวิตเสวียนเทียนมาชดใช้โทษให้จงได้
ครั้งนี้นอกจากสายลับของตระกูลหนิว เฉิงจางทั้งสามตระกูล อู่เหวินเสียงเองก็แฝงตัวอยู่บริเวณหมู่บ้านหวงปั้วด้วยเมื่อรู้ว่าเสวียนเทียนออกจากหมู่บ้านหวงปั้วก็ติดตามไปไม่ห่างตามเข้าไปเทือกเขาดงอสูรแล้ว
ในเทือกเขาดงอสูรคนตายสักคนก็เหมือนมดตายหนึ่งตัวไม่มีค่าให้พูดถึง เป็สถานที่เหมาะแก่การลงมือ ระหว่างชั้นเบิกนภาแต่ละระดับขั้น ความสามารถล้วนก้าวะโสูงขึ้น
ถึงแม้ว่าเสวียนเทียนจะชนะหนิวจื้อเฉียงเฉิงจิ้งเฟิง และจางเจ๋อเทาซึ่งเป็ผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งในการประลองแต่อู๋เหวินเสียงมีพลังวัตรชั้นเบิกนภาขั้นสอง ย่อมไม่คิดว่าเสวียนเทียนจะต่อกรกับเขาได้
นอกจากคนใกล้ชิดของเสวียนเทียนไม่กี่คนไม่มีใครรู้ว่าเมื่อเทียบกับตอนงานประลองทายาทรุ่นหลังพลังวัตรของเสวียนเทียนเลื่อนระดับชั้นขึ้นแล้ว ความสามารถก็เพิ่มขึ้นมาหลายเท่าตัว
นิ้วมือของหนิวเจิ้นซานเคาะผิวโต๊ะ เอ่ยว่า “เ้าเด็กระยำนั่นช่วยให้เื่ง่ายขึ้นเยอะฮึ ในเมื่อกล้าเข้าไปในเทือกเขาดงอสูร ย่อมต้องมีลูกเล่นเอาตัวรอดอยู่บ้าง เ้าเฒ่าอู๋เหวินเสียงนั่นอาจฆ่ามันได้ไม่สำเร็จเจิ้นเยว่ เ้าไปเทือกเขาดงอสูรสักครั้ง แจ้งกับตระกูลเฉิงและตระกูลจางให้เฉิงหย่วนกงกับจางกู่ซงร่วมมือกับเ้า สังหารเ้าเด็กเดรัจฉานนั่นเสียอย่าให้พลาด!”
“รับทราบ พี่ใหญ่!” หนิวเจิ้นเยว่ก้มศีรษะตอบรับ
....
เทือกเขาดงอสูร!
ต้นไม้สูงใหญ่เบียดเสียดเสวียนเทียนเดินทางขึ้นเหนือมาตลอด
เข้ามาในเทือกเขาดงอสูร ร่องรอยของสัตว์อสูรค่อนข้างน้อยเสวียนเทียนเร่งความเร็วทะลุผ่านป่า ผ่านเขาลูกแล้วลูกเล่า
หลังจากเสวียนเทียนเข้าเทือกเขาดงอสูรไปที่ทางเข้าเทือกเขาดงอสูรที่เดิมซึ่งเสวียนเทียนเข้ามาก็มีคนหลายคนเดินตามเข้ามาทางเดียวกัน
ในบรรดาคนเ่าั้มีผู้เฒ่าคนหนึ่งเขาก็คืออู๋เหวินเสียงผู้เป็กรรมการของงานประลองทายาทรุ่นหลัง
อู๋เหวินเสียงมีพลังวัตรชั้นเบิกนภาขั้นสองความเร็วว่องไวยิ่ง ติดตามร่องรอยของเสวียนเทียนไม่นานก็ทิ้งคนอื่นๆ ไว้เื้ัไล่ตามลึกเข้าไปในเทือกเขาดงอสูรอย่างรวดเร็ว
สัตว์อสูรในเทือกเขาดงอสูรมากกว่าเทือกเขาเร้นลมอยู่ระดับหนึ่งถึงแม้จะเป็เวลากลางวัน ระหว่างทางเสวียนเทียนก็พบสัตว์อสูรเป็จำนวนมาก
แต่สัตว์อสูรขั้นสองธรรมดาล้วนรู้สึกได้ถึงกลิ่นไอข่มขวัญจากร่างของเสวียนเทียนถึงแม้ว่าจะมองเห็นแต่ไกลก็ไม่กล้าบุกเข้ามา ส่วนมากก็หันหัวหนีไปบางส่วนที่กล้าหน่อยก็อ้อมเลี่ยงไป
เสวียนเทียนวิ่งด้วยความเร็วสูงสุดไม่นานก็เข้ามาลึกในเทือกเขาดงอสูรสามสี่สิบลี้สัตว์อสูรขั้นสองระดับาาแมวูเาเดือนดับตัวหนึ่งก็ขวางทางไปของเขาไว้
าาสัตว์อสูรขั้นสองทัดเทียมกับผู้ฝึกยุทธ์ชั้นวิถียุทธ์ขั้นสิบบนเทือกเขาดงอสูรบริเวณอาณาเขตหลายร้อยลี้ที่ไม่มีสัตว์อสูรขั้นสามอยู่พวกมันนับว่าเป็าา เป็ผู้ปกครอง
อีกทั้งาาสัตว์อสูรขั้นสองที่มีพลังพิเศษบางตัวเมื่อเทียบกับสัตว์อสูรขั้นสามชั้นล่างแล้วไม่ได้ด้อยกว่ากันเลยก็เหมือนกับคนที่เป็ผู้ฝึกยุทธ์ มีอัจฉริยะที่ต่อสู้ข้ามระดับชั้นได้
จุดเด่นของแมวูเาเดือนดับก็คือความรวดเร็ว เมื่อเทียบกับความเร็วของสัตว์อสูรขั้นสามจำนวนหนึ่งแล้วความเร็วไม่ด้อยกว่า หากอาศัยความเร็วที่เร็วเหนือใครนี้ เมื่อเผชิญกับสัตว์อสูรขั้นสามชั้นล่างแมวูเาเดือนดับสามารถพลิกเป็ฝ่ายได้เปรียบหรืออาจถึงขั้นปลิดชีวิตของของสัตว์อสูรขั้นสามบางพวกด้วยกรงเล็บอันคมกริบของมันได้
ความสามารถอันแข็งแกร่งทำให้แมวูเาเดือนดับมั่นใจในตัวเองเมื่อเห็นมนุษย์ผู้ฝึกยุทธ์ ย่อมไม่หลบเลี่ยงไปไกลดังเช่นสัตว์อสูรขั้นสองตัวอื่นแต่ดวงตากลับเผยแววดุร้าย เข้ามาขวางหน้า
มันเห็นเสวียนเทียนเป็เหมือนเหยื่อตัวหนึ่งมุมปากน้ำลายไหลออกมาราวกับว่ามองเห็นอาหารอันโอชะ
สำหรับผู้ฝึกยุทธ์ สัตว์อสูรทั้งตัวเป็ดั่งสมบัติสำหรับสัตว์อสูรแล้วนั้น ผู้ฝึกยุทธ์ทำไมจะไม่ใช่เล่าอีกทั้งสัตว์อสูรจะหาประโยชน์จากผู้ฝึกยุทธ์ง่ายดายยิ่งกว่า ตรงยิ่งกว่าเสียอีกแค่กินผู้ฝึกยุทธ์ที่เพิ่งตายเข้าไปแค่นั้นก็ได้พลังส่วนหนึ่งของผู้ฝึกยุทธ์มาแล้ว
เหมือนดั่งกินยาพลังปราณหายากที่ช่วยเพิ่มพลังวัตรเม็ดหนึ่ง
แฮ่!
แมวูเาเดือนดับโผออกมา ร่างกลายเป็เงาเลือนรางสีดำสายหนึ่งกลางอากาศกระโจนเข้ามาหาเสวียนเทียน
เพลงกระบี่ดับเงา...ไร้ศีรษะ!
เสวียนเทียนใช้กระบวนท่าสังหารที่รุนแรงออกมา
แสงกระบี่เจิดจ้า แสงสว่างฉายวาบ!
ศีรษะของแมวูเาเดือนดับขาดกระเด็นออกมาพริบตา
เืสดพุ่งทะลักออกมาจากลำคอศพของแมวูเาเดือนดับล้มตึงลงกับพื้น ยังไม่ตายสนิท ร่างยังคงสั่นกระตุก
สองตาของแมวูเาเดือนดับฉายแววหวาดกลัวปนตกตะลึง
ความเร็วของมันเร็วถึงที่สุด แต่เมื่อแสงกระบี่ของมนุษย์ผู้ฝึกยุทธ์ตวัดขึ้นมันก็รู้สึกว่าเวลาเคลื่อนช้าลง พาให้ความเร็วของมันช้าลงไปด้วย
แต่กระบี่ของอีกฝ่ายไม่ช้าแม้แต่น้อย
ตอนนี้กระบี่ของเสวียนเทียนบรรลุถึงสุดขอบขั้นของ ‘เจตจิต’ แล้วสามารถทำให้ฝ่ายตรงข้ามเกิดความรู้สึกผิดไปจากความเป็จริงได้เล็กน้อย ห่างจาก ‘จิตกระบี่’ อีกเพียงก้าวเล็กๆ เท่านั้น
เสวียนเทียนใช้กระบี่เดียวผ่าศีรษะของแมวูเาเดือนดับเก็บผลึกอสูรมา ของที่เหลือไม่เอาทั้งสิ้น เดินทางขึ้นเหนือต่อไป
ตลอดทางสัตว์อสูรขั้นสองทั่วไปที่เห็นเสวียนเทียนต่างพากันหลบเลี่ยงส่วนาาสัตว์อสูรขั้นสองที่แข็งแกร่งจำนวนหนึ่งกลับมองเสวียนเทียนด้วยสายตาท้าทายหรือแม้กระทั่งโจมตีเข้ามาเอง
แต่ว่า สัตว์อสูรตัวใดที่ขวางทางข้างหน้าอยู่ล้วนไม่อาจต้านทานหนึ่งกระบี่ของเสวียนเทียนได้ เขาใช้ท่า ‘ไร้ศีรษะ’ ออกมาเพียงท่าเดียวก็เพียงพอจะทำให้ศีรษะของพวกมันหายไปจากคอแล้ว
เมื่อสังหารสัตว์อสูรแล้วเสวียนเทียนก็เก็บเอาผลึกอสูรของพวกมันมา หลังจากนั้นก็เดินทางไปยังสถานที่ที่ทำเครื่องหมายไว้บนลายแทงสมบัติต่อไป
แต่ถึงแม้เสวียนเทียนจะสังหารสัตว์อสูรขั้นสองระดับาาภายในกระบี่เดียวเก็บเพียงแค่ผลึกอสูรมาแล้วก็ไป ก็ยังทำให้เสวียนเทียนเดินทางได้ช้าลง
อู๋เหวินเสียงที่ตามหลังมาไล่กวดอย่างเร่งรีบมาตลอดทางเขาเป็ผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นสอง บนร่างแผ่กลิ่นไอของยอดฝีมือชั้นเบิกนภาสัตว์อสูรขั้นสองทั้งหมดเมื่อมองเห็นเขา ในสายตามีแต่ความหวาดกลัวหันหลังวิ่งหนีไม่มีสัตว์อสูรสักตัวกล้าขวางทาง
ดังนั้นระยะห่างระหว่างอู๋เหวินเสียงกับเสวียนเทียนจึงยิ่งใกล้เข้ามาทุกที!
ฟึ่บ!
แสงกระบี่ขยับตวัดศีรษะใหญ่โตของหมูป่ากระเด็นไปในอากาศศพของหมูป่าขนน้ำตาลขนาดมหึมาหนักราวสี่ห้าร้อยชั่งล้มจมกองเื
สัตว์อสูรขั้นสองระดับาาอีกหนึ่งตัวตกตายใต้คมกระบี่ของเสวียนเทียน
กระบี่หิมะเหมันต์คว้านทีหนึ่งศีรษะของหมูป่าก็เปิดเป็รู ผลึกอสูรกระเด็นออกมาให้เสวียนเทียนเก็บไว้ในถุง
เมื่อทำทั้งหมดนี้เสร็จเสวียนเทียนก็หมุนตัวสายตาเคร่งเครียดขึ้นมา ในป่าห่างออกไปไม่กี่ร้อยเมตรผู้เฒ่าอายุราวห้าสิบปีคนหนึ่งกำลังทะยานอย่างรวดเร็วตรงมาหาเสวียนเทียน
เขาก็คืออู๋เหวินเสียงเมื่อเห็นเสวียนเทียนมองมาทางตน อู๋เหวินเสียงก็คำรามเสียงดังขึ้นมา “ไอ้ลูกหมา หยุดอยู่ตรงนั้น!”
เสวียนเทียนมองอู๋เหวินเสียงนิ่งๆ มุมปากยกขึ้นน้อยๆ
ด้านหลังอู๋เหวินเสียงไม่มีใครอื่น
ยอดฝีมือชั้นเบิกนภาขั้นสองคนเดียว พอเหมาะให้เขาได้ทดสอบความสามารถหลังจากพลังวัตรทะลุขึ้นชั้นวิถียุทธ์ขั้นสิบ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้