“หัวหน้าหลี่สองคนนี้คือคนที่อยากมาดูคฤหาสน์ของตำหนักฮั่วเมืองหยุนใช่ไหม?” เมื่อเข้ามาถึง หวังจุนก็เข้าเื่ทันที สำหรับหัวหน้าหลี่ตำหนักฮั่วเมืองหยุนเป็โปรเจกต์ใหญ่ แต่สำหรับหวังจุนซึ่งเป็รองผู้จัดการฝ่ายบริหาร มันธรรมดามาก
เขายังมีเื่ต้องทำและไม่อยากเสียเวลากับโปรเจกต์นี้มากนัก
หลังจากที่สายตาของหวังจุนกวาดไปที่หวังอิ่งและซุนเย่เขาก็รู้ว่ามีผู้ชายอีกคนอยู่ในห้อง เมื่อสายตาของเขาจับจ้องมาที่หน้าของฉินเฟิงเขาก็ใมากจนเกือบจะะโออกมาดังๆ ด้วยตำแหน่งในบริษัท เขาจึงรู้จักฉินเฟิงนี่คือลูกชายเพียงคนเดียวของท่านประธานฉิน
“ฮ่าๆสวัสดีครับ!” หวังจุนรู้ว่าฉินเฟิงมาบริษัทเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ และก็รู้อีกว่าฉินเฟิงกำลังเก็บประสบการณ์ในฐานะพนักงานขายแต่หลังจากที่เห็นเขาแล้ว เขารู้สึกว่ามันคงจะไม่ดีถ้าไม่ทักทายเขา
หวังอิ่งและซุนเย่ตะลึงหวังจุนไม่ได้ไว้หน้าซุนเย่และอยากจะเข้าเื่ทันทีที่เดินเข้ามาแต่เขาก็ทักทายฉินเฟิงอย่างอารมณ์ดีทันที
พวกเขายืนอย่างเซ่อซ่าอยู่ข้างๆและไม่รู้ว่าจะทำอะไร ในขณะเดียวกันพวกเขาสงสัยว่าหลี่อวี่เฉินเรียกคนเฝ้าประตูคลังสินค้ามาหรือเปล่า
“อ่ะแฮ่ม...สวัสดีครับผมซุนเย่ ซุนต้าิที่เป็ประธานบริษัทอสังหาริมทรัพย์ต้าตี้ คือพ่อของผมเอง”
หวังจุนกลับมารู้สึกตัวเขาเห็นฉินเฟิงยิ้มให้เขาเขาจึงปล่อยลมหายใจที่กลั้นไว้ออกมาแล้วหันไปจับมือกับซุนเย่ “สวัสดีผมรองผู้จัดการฝ่ายบริหารของหวงเจียกรุ๊ป หวังจุน”
หลังจากเห็นป้ายชื่อของหวังจุนซุนเย่ก็ยืนยันตัวตนของเขา รองผู้จัดการของฝ่ายบริหารเป็ตำแหน่งที่ค่อนข้างสูงท่าทีของซุนเย่ที่มีต่อหวังจุนจึงดีขึ้นมาก
“ผู้จัดการหวังครับผมแค่มาซื้อบ้าน ผมไม่รู้ว่าผมจะทำให้คุณมาถึงที่นี่ เป็เกียรติจริงๆ”ซุนเย่ไม่ได้แค่มาที่นี่เพื่อซื้อบ้าน
พ่อของเขาซุนต้าิ เป็ผู้ก่อตั้งอสังหาริมทรัพย์ต้าตี้ และธุรกิจก็กำลังดำเนินไปด้วยดีพวกเขาตั้งใจจะมาหวงเจียกรุ๊ปเพื่อทำเป็ซื้อคฤหาสน์เพื่อดูว่าพวกเขาสามารถเข้าร่วมบริษัทอสังหาริมทรัพย์อันดับหนึ่งในเมืองเว่ยเฉิงได้หรือเปล่า
เมื่อพวกเขาเข้าร่วมแล้วพวกเขาก็แค่หยิบโปรเจกต์ไม่กี่อย่างของหวงเจียกรุ๊ปและทำเงินโดยไม่ต้องคำนึงถึงผลที่ตามมาแค่นี้ก็เพียงพอที่จะให้พวกเขาอยู่กินได้ตลอดชีวิต
“ไม่ต้องสุภาพครับเข้าประเด็นเลย” หวังจุนกล่าวอย่างเข้มขรึม
เมื่อเห็นว่าการเลียขาของเขาไม่เป็ผลซุนเย่จึงยิ้มอย่างยินดีและกำลังจะพูดแต่เมื่อเขาจำได้ว่าฉินเฟิงยังนั่งอยู่ด้านข้าง เขาก็กล่าวอย่างเ็า “เฮ้ยไอ้พนักงานขาย ฉันมีเื่สำคัญต้องคุยกับผู้จัดการหวังถ้าแกไม่มีอะไรทำก็กลับไปทำงานซะ ออฟฟิศมันไม่ได้ใหญ่การที่แกยืนอยู่ตรงนี้มันขวางทางระบายอากาศของผู้จัดการหวังเขา”
เมื่อคำประจบสอพลอครั้งแรกไม่ได้ผลซุนเย่จึงตัดสินใจจะใช้เป็พันเป็หมื่นครั้ง เขาไม่เชื่อว่าเขาจะทำไม่สำเร็จ
แต่ครั้งนี้ซุนเย่ทำพลาดไปหลังจากที่หวังจุนได้ยิน หัวใจของเขาก็เจ็บแปล๊บและอยากจะตบปากซุนเย่ทันที
หวังจุนไม่แม้แต่จะพูดอะไรและซุนเย่ก็ไม่ใช่แม้แต่คนระดับสูงของหวงเจียกรุ๊ปแต่ยังกล้าปากดีอีกหวังจุนไม่กล้านั่งอีกต่อไป และยืนขึ้นทันที
“ฉินเฟิงผมเกือบลืมไป ออฟฟิศนี้มีแค่ 2 ที่นั่ง พนักงานขายอย่างคุณลำบากมากที่สุดคุณคอยช่วยเหลือลูกค้าทั้งวันและน้ำสักจิบก็ไม่ได้ แถมยังต้องโทรหาลูกค้าด้วย”
“ถ้าเราไม่มีผึ้งงานอย่างคุณหวงเจียกรุ๊ปคงจะอยู่ไม่ได้ใหญ่โตอย่างปัจจุบันนี้ทุกวันนี้ผมนั่งจนก้นระบมไปหมดแล้ว...คุณจะนั่งตรงนี้แทนก็ได้นะฉินเฟิง”
“โอ้ผู้จัดการหวัง ผมจะนั่งได้ยังไงในเมื่อคุณมาถึง? คุณจะทำให้ผมอายุสั้นนะ”ฉินเฟิงถอยกลับทันที หวังจุนคิดกับตัวเองตอนนี้ฉินเฟิงกำลังซ่อนสถานะเพื่อเรียนรู้ในบริษัทดังนั้นการทำแบบนี้มันโจ่งแจ้งเกินไป แต่เมื่อเขากำลังจะกลับไปนั่ง ฉินเฟิงก็เดินไปนั่งก่อนแล้ว
“โอเคผู้จัดการหวัง งั้นผมจะนั่งจริงๆ นะ”
หวังจุนถอยผงะกลับไปที่ที่เขายืนอยู่ด้วยความใเหมือนโดนไฟช็อกเขากล่าวด้วยรอยยิ้ม “เชิญนั่งเลยๆ”
กิริยาที่ทั้งสองมีทำให้ซุนเย่และหวังอิ่งตกตะลึงแม้แต่หลี่อวี่เฉินที่ยืนอยู่ด้านข้างก็ฉายความประหลาดใจบนใบหน้า
ครั้งก่อนหวังจุนโทรมาหาเธอเป็การส่วนตัวเพื่ออธิบายเหตุผลที่ฉินเฟิงขาดงาน และวันนี้เขาก็ดูแลฉินเฟิงอย่างสุภาพหลี่อวี่เฉินจึงตระหนักว่าฉินเฟิงต้องมีเส้นสายใหญ่โตในหวงเจียกรุ๊ปแน่ๆ
ไม่งั้นทำไมหวังจุนคนที่เป็ถึงรองผู้จัดการฝ่ายบริหารถึงต้องคอยเอาใจเขาล่ะ?
ด้วยการที่มีหวังจุนยืนอยู่ซุนเย่จึงไม่กล้านั่ง เขารีบยืนและจ้องฉินเฟิงอย่างเ็า แล้วก็ยิ้มให้กับหวังจุน“ผู้จัดการหวังครับ พนักงานระดับต่ำในบริษัทนี้ไม่มีความพอเหมาะพอควรเอาซะเลยการที่คุณสุภาพกับมันจะทำให้มันคิดว่าตัวเองใหญ่โตและนั่งอย่างหน้าด้านนะครับผมไม่รู้เลยว่ามันเข้าบริษัทที่ใหญ่โตอย่างหวงเจียกรุ๊ปได้ยังไง”
การประจบประแจงครั้งนี้ทำให้ท้องของหวังจุนลุกเป็ไฟ
ฉินเฟิงลุกขึ้นและมองหวังจุนด้วยความกังวล“โอ้ ผู้จัดการหวัง คุณแค่สุภาพกับผมนี่เอง คุณควรจะบอกผมแต่แรกนะ ดูสิผมคิดว่าคุณตั้งใจให้ผมนั่งซะอีก งั้นผู้จัดการหวังเชิญนั่งเลย เชิญนั่ง”
หัวใจของหวังจุนตอนนี้เืไหลซิบและกัดฟันขณะมองหน้าซุนเย่“ซุนเย่ใช่ไหม คุณมาที่นี่เพื่อจะมาคุยเื่ธุรกิจหรือสอนวิธีดูแลพนักงานให้กับผม? ถ้าเป็อย่างหลังงั้นก็ขอโทษด้วย ผมไม่ว่างจริงๆ และต้องขอตัวก่อน”
หวังจุนกำลังจะออกไปด้วยท่าทีขุ่นเคืองเขาไม่กล้าอยู่ต่อเพราะกลัวจะหาเื่ฉินเฟิงและจะทำให้ตัวเองตกงานในภายหลังฉินเฟิงรู้จักในฐานะนายน้อยเ้าสำราญและหวังจุนก็รู้สึกว่าเขาไม่มีความสามารถพอที่จะคอยรับใช้นายน้อยอย่างนี้
“ผู้จัดการหวังครับอย่าเพิ่งโมโหเลย ผะ...ผมมาที่นี่เพื่อคุยธุรกิจ เพื่อคุยธุรกิจจริงๆ” ซุนเย่พยายามจะโน้มน้าวหวังจุนทันทีครั้งนี้เขาเหมือนกับตบหน้าตัวเองจริงๆ
ซุนเย่ยังไม่รู้ว่าตัวจริงของฉินเฟิงนั้นไม่ธรรมดาซุนเย่คิดว่าเขาทำให้หวังจุนโกรธเพราะหวังจุนคงจะเสียหน้าตอนที่ซุนเย่ชี้ให้เห็นถึงบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในที่ทำงาน ซึ่งเป็กฎที่พูดไม่ได้
“ถ้าคุณอยากจะพูดคุยเื่ธุรกิจก็ทำให้พอเหมาะพอควรอย่าเปลี่ยนเื่” หวังจุนปล่อยลมหายใจที่กลั้นอยู่ออกมาเขายืนอยู่ด้านข้างและไม่กล้านั่งบนเก้าอี้
ที่นั่งทั้ง2 ตัวว่างอยู่ เฉินเฟิงจึงนั่ง เขาแม้แต่โบกมือให้หลี่อวี่เฉิน “หัวหน้าหลี่คนพวกนั้นโง่หรือเปล่า? มีเก้าอี้อยู่แต่ไม่ยอมนั่งแถมยังหาข้ออ้างต่างๆ นานา อีก คุณก็นั่งด้วยสิ มางัดข้อกัน”
คำพูดของฉินเฟิงทำให้ชวนสะดุ้งซุนเย่และหวังอิ่งมองเขาแบบดูถูกมากยิ่งขึ้นพวกเขามั่นใจว่าหัวมันคงมีอะไรผิดปกติแน่นอน
หลี่อวี่เฉินเดาสถานะของเขาและนั่งลงพร้อมกับหัวเราะเธอโดนหวังอิ่งแกล้งมาโดยตลอด ดังนั้นนี่จึงเป็เหมือนกับชัยชนะเล็กๆของเธอในวันนี้
เมื่อเห็นว่าฉินเฟิงเฝ้าดูหวังจุนจึงเริ่มคุยธุรกิจ “คุณซุนครับคฤหาสน์ตำหนักฮั่วเมืองหยุนของหวงเจียกรุ๊ปมี 6 ยูนิต นี่คือภาพตัวอย่างของทั้ง 6ยูนิต และก็มีโมเดลอยู่ในล็อบบี้ของแผนกขาย คุณสามารถไปดูได้ว่าอยากจะซื้อหลังไหน”
หวังจุนยื่นตัวอย่างให้กับซุนเย่ซุนเย่มองดูอย่างระมัดระวังและรีบปิดตัวอย่างเขาไม่สนว่าองค์ประกอบของยูนิตจะเป็แบบไหนเขามาที่นี่เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับหวงเจียกรุ๊ปเท่านั้น
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้