ในตอนที่เ้าสำนักเสี่ยวอันกลับมายังที่วัดพวกศิษย์น้องต่างก็รอเขาอยู่ที่ข้างประตู เพราะกลัวว่าเขาจะแอบไปที่ห้องครัวจึงต้องคอยเฝ้าให้เขาไปรายงานกับเ้าอาวาส
เ้าอาวาสวัดชิงเฉิงมีสมญานามว่า “ฮุยจู๋”ในตอนนี้โลกของการฝึกศาสตร์นั้นตกต่ำลงนักปราชญ์ระดับพื้นฐานมีเหลืออยู่ไม่ถึงห้าคนแล้ว และเขาก็คือหนึ่งในนั้นปีนี้เขามีอายุร้อยห้าสิบปีได้แล้ว เป็นักฝึกศาสตร์ระดับพื้นฐานตอนปลายและเป็นักฝึกศาสตร์อันดับหนึ่งของจีน เ้าสำนักเสี่ยวอันถูกเขาเห็นแววเข้าและก็ตั้งความหวังเอาไว้สูง เพียงแต่พร์นั้นก็เป็เพียงเื่หนึ่งเท่านั้นใครจะรู้ว่าเขามีนิสัยี้เีแบบนี้?
“อาจารย์ นี่เป็ของขวัญตอบแทนจากรุ่นพี่หลิน” เ้าสำนักเสี่ยวอันยกตะกร้าลูกท้อและกล่องไม้ขึ้นก่อนจะถอยมาอยู่อีกฝั่ง
ห้องของนักปราชญ์แก่ฮุยจู๋นั้นดูธรรมดามาก นอกจากแผ่นหินที่เอาไว้ทำสมาธิและกระถางธูปที่ดูเก่าแก่บนโต๊ะที่น่าจะมีค่าขึ้นมาหน่อยเท่านั้น ในตอนนี้กระถางธูปกำลังปล่อยควันลอยขึ้นสู่อากาศทำให้ทั่วทั้งห้องเต็มไปด้วยกลิ่นที่ทำให้รู้สึกเงียบสงบ หน้าต่างนั้นไม่ได้ถูกปิดเอาไว้ กลุ่มไผ่ที่อยู่ภายนอกพลิ้วไสวไปตามลมช่างดูสบายเสียจริง
ที่จริงแล้วเ้าสำนักเสี่ยวอันรู้ว่า กลิ่นหอมนั่นเกิดจากพืชป่าที่เขาไปเก็บมาจากป่าเองและไม่ได้มีมูลค่าอะไร วัดเล็กๆ ที่มีทิวทัศน์สวยงามนี้ก็เป็ของที่สืบทอดต่อกันมาจากบรรพบุรุษไม่ใช่สิ่งที่ถูกครอบคลุมด้วยเงินอย่างทุกวันนี้ คนที่ฝึกศาสตร์อยู่ในป่าอย่างเช่นอาจารย์ของหลีซีเอ๋อร์ หรืออย่างครอบครัวของเหวินกวนจิ่ง ที่เป็ตระกูลใหญ่ในเขาชู่ชานทายาทของท่านกัวก็เป็คนมีอำนาจในหน่วยทหาร หรืออย่างตระกูลมู่ที่มีทรัพย์สินและของในการฝึกศาสตร์มากมาย ต่างก็มาจากเงินในโลกธรรมดาทั้งนั้น
และไหนจะยังครอบครัวหลินอีก ในเวลาสั้นๆ ไม่ว่าจะเป็คนให้มาหรือเปล่าต่างก็ผ่านการเก็บสะสมจากการใช้ชีวิตดิ้นรนของคนธรรมดาๆ เท่านั้น
มีเพียงวัดชิงเฉิงเท่านั้น ฮุยจู๋เป็นักปราชญ์อันดับหนึ่งของเมืองจีนทุกๆ วันทานเพียงผักและอาศัยอยู่ในป่าอยู่อย่างยากลำบาก หลบซ่อนอยู่ในห้องเล็กๆของวัดชิงเฉิง ไม่รู้วันเวลา ห่างออกมาจากโลกธรรมดาอย่างไกลแสนไกล
“เ้าเข้าไปเห็นอะไรมาบ้าง กินอะไรมาบ้าง จำได้ละเอียดไหม?” ฮุยจู๋ไม่ได้สนใจดูของตอบแทนจากหลินลั่วหราน แต่กับถามเสี่ยวอันขึ้นมาก่อน
เ้าสำนักเสี่ยวอันนึกอยู่สักพักก่อนที่จะเล่าเื่ที่เกิดขึ้นที่บ้านของหลินลั่วหรานออกมาจนหมดแม้ว่าต้นหนามเหล็กจะหาได้ยากในปัจจุบัน แต่เขาก็เคยเห็นมันมาจากในบันทึกผักที่หลินลั่วหรานปลูกเอาไว้นั้น แม้ว่าเมล็ดจะยังอยู่ในดิน แต่ชั้นดินบางๆ นั่นจะสามารถป้องกันการตอบสนองต่อธาตุดินของเสี่ยวอันได้อย่างไร เมล็ดผักพวกนั้นล้อมรอบเต็มไปด้วยพลัง แน่นอนว่าไม่ใช่ของทั่วไปแน่ๆ
เมื่อพูดไปถึงเหล้าวิเศษที่ได้ดื่มไป ไม่รู้ว่าหมักออกมาได้อย่างไรแต่ว่าเป็เครื่องดื่มที่ดีและเหมาะแก่นักปราชญ์มากจริงๆ
ฮุยจู๋พยักหน้าลง “นางนำมันออกจากสถานที่ลึกลับศิษย์รักของเหล่าซีคนนั้นก็เอาออกมาไม่น้อย แต่ตาแก่นั่น คงจะไม่เอาออกมาแบ่งใครแน่”
เสี่ยวอันเข้าใจขึ้นมาในทันที ก่อนจะพูดเื่อินทรีทองขึ้นมาอีกหลินลั่วหรานหายตัวไปทั้งสองเดือน เสี่ยวจินจึงต้องอยู่กับหลีซีเอ๋อร์การมีอยู่ของมันจึงถูกเหล่าคนที่เข้าร่วมในรอบนี้พูดถึงกันไปก่อนแล้ว
“วันนี้ลูกศิษย์สาวของเหล่าซีก็มาไม่ใช่เหรอ?”
จิตความคิดของฮุยจู๋นั้นััไปถึงบ้านหลินที่อยู่ห่างออกไปจะรู้ถึงการปรากฏตัวของนักปราชญ์สองคนนั้นไม่ได้แปลกอะไรแต่คนที่เขาเน้นย้ำไปถึงก็คือหลีซีเอ๋อร์ เสี่ยวอันรู้สึกแปลกใจขึ้นมาก่อนจะพยักหน้าตอบรับกลับไป
ในที่สุดฮุยจู๋ก็ลืมตาขึ้นจนได้ เขาจ้องมองไปที่เสี่ยวอันก่อนที่น้ำเสียงจะดูอ่อนลงอย่างเห็นได้ยาก “เกรงว่าเ้าจะไม่รู้ครั้งนี้ศิษย์สาวของเหล่าซี นำเอายาพื้นฐานกลับมาตั้งสามเม็ด”
เสี่ยวอันส่ายหน้า ยาพื้นฐานมีค่ามากมายแค่ไหนแม้แต่นักปราชญ์ที่เอาแต่สนใจการทำอาหารอย่างเขาก็ยังรู้ดีเพียงแต่การนำยาพื้นฐานกลับมามันเกี่ยวอะไรกับการที่หลีซีเอ๋อร์มาที่บ้านตระกูลหลินล่ะ?
แววตาของฮุยจู๋นั้นราบเรียบ แต่มุมปากของเขากลับยกยิ้มขึ้นมา “ยาทั้งสามเม็ดนั้น กำลังอยู่ในระหว่างการยืดเยื้อแย่งชิงเหล่าซีนั้นเก็บเอาไว้ให้ศิษย์สาวของเขาเม็ดหนึ่ง อีกเม็ดถูกตระกูลมู่เอาไปแล้วส่วนอีกเม็ดในหน่วยพิเศษต่างก็กำลังแย่งชิงกันอยู่ ตระกูลเหวินก็ยังแย่งชิงด้วยยังไม่ได้สรุปแน่นอนอะไร”
เสี่ยวอันกะพริบตาปริบๆ เขาไม่รู้ว่าที่อาจารย์ของเขาพูดออกมานั้น้าที่จะสื่ออะไร ทำไมถึงต้องพูดออกมา ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถเข้าใจได้เลย
เหล่าซีให้ความสำคัญกับศิษย์สาวธาตุทองคนนี้มากก่อนหน้านี้เขาไม่เคยปล่อยให้เธอลงมาจากเขาแต่ในครั้งนี้เมื่อได้ยินว่าหญิงสาวคนนั้นกลับมาอย่างปลอดภัยวันถัดมาศิษย์สาวของเขาก็รีบมาหา ทั้งที่ยังไม่ได้รับอนุญาตจากเหล่าซีด้วยซ้ำทำไมเธอถึงกล้าลงมา?
ลูกศิษย์ของตัวเองคนนี้ แม้ว่าจะมีความสามารถที่โดดเด่นก็จริงแต่เขากลับไม่ได้รู้เท่าทันคนอื่นเลยแม้แต่น้อยไม่รู้ว่ามันถือเป็เื่ดีหรือร้ายกันแน่
ฮุยจู๋ถอนหายใจออกมา ก่อนที่จะสั่งให้เสี่ยวอันออกไป
เมื่อภายในห้องเหลือเพียงนักปราชญ์ชราเพียงคนเดียวเขาถึงเปิดกล่องไม้ออกดู แม้ว่าจะอยู่ในห้องที่มีเงาต้นไผ่ปกปิดสลับเป็เงาอยู่แต่ขวดหยกใสทั้งสามใบ ต่างก็เปล่งประกายเล่นกับแสง ที่สำคัญคือเหล้าที่ถูกบรรจุเอาไว้ภายในขวดอายุของมันแตกต่างกันออกไป ชนิดที่ดีที่สุดนั้นมีประโยชน์ต่อนักปราชญ์ระดับพื้นฐานด้วย
ฮุยจู๋คิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่จะลุกขึ้นไปฝนหมึกและเขียนตัวอักษรลงไปในกระดาษสีขาวใบหนึ่ง
“สำหรับพื้นฐานพลังแล้ว นับเป็ระดับไร้ค่าไม่ผิดแต่กลับมีความรู้และเข้าใจในพลังทุกชนิด ในตอนที่พลังแตกแยกออกอย่างทุกวันนี้ก็ยังสามารถมีพลังเวทแบบนี้ได้ ไม่รู้ว่าคือดีหรือร้าย...จิตใจสงบปกติไม่ได้สนใจอะไรของนอกกายนัก มีจิตใจที่ดีต่อการฝึกศาสตร์ มีเพียงสิ่งเดียวความกตัญญูนั้นมากเหลือ ในวันข้างหน้าอาจจะมีปัญญารบกวนจิตใจที่เกิดจากผู้เป็พ่อแม่นอกจากนี้ ตอนนี้หญิงคนนั้นเข้าระดับฝึกลมปราณสมบูรณ์แล้วเื่ของการเป็ระดับพื้นฐาน คงอีกไม่ห่างไกล ความสามารถระดับไร้ค่าเหตุใดจึงพัฒนาได้ว่องไวเพียงนี้ การคาดการณ์เื่ ‘ศาสตร์ยา’ ของท่าน อาจจะเป็เื่จริง”
เขาคิดอยู่สักพัก ก่อนที่จะเติมลงไปอีก “ผู้มีพร์พลังธาตุเดี่ยวนั้นหาได้ยากแต่ว่าในหลายปีที่ผ่านมา พลังทั้งห้าสมบูรณ์ อีกทั้งยังเกี่ยวข้องกับเธอการเปลี่ยนแปลงในคำทำนาย บางทีอาจจะขึ้นอยู่กับตัวหญิงสาวคนนี้?”
ฮุยจู๋รอจนหมึกแห้ง ก่อนที่จัดการนำกระดาษแผ่นนั้นมาพับให้เป็รูปนกกระเรียนเมื่อมือขวาของเขาขยับร่ายเวท ปากก็พูดคาถาออกมาแสงสีขาวก็ปรากฏล้อมรอบนกกระเรียนกระดาษ ก่อนที่มันจะโบยบินขึ้นไปยังท้องฟ้าและออกไปทางหน้าต่างด้วยความว่องไว เพียงในพริบตาก็หายไปในป่าไม้เสียแล้ว
หลังจากส่งนกกระเรียนกระดาษออกไปแล้วฮุยจู๋ก็เพิ่งนึกถึงเหล้าวิเศษขึ้นมาได้ จึงสั่งให้คนนำมันส่งไปยังเมืองหลวงพร้อมทั้งยิ้มออกมา
“นางมอบมันให้ท่านต่างหาก แล้วข้าจะต้องเดือดร้อนอะไรด้วย”
ดวงอาทิตย์เริ่มเหไปทางทิศตะวันตก ไม่นานนักก็หายไปในช่องหุบเขาในที่สุดเวลากลางคืนของเขาชิงเฉิงก็มาถึงแล้ว
เธอจัดการหาห้องสะอาดๆ ให้กับพวกหลีซีเอ๋อร์ หลังจากครื้นเครงกันไปทั้งวันในที่สุดก็เริ่มมีคนคล้อยไปตามความฝัน
เสี่ยวจินเกาะอยู่ที่ต้นไม้ใหญ่หลังบ้านแม้แต่หลินลั่วหรานที่อยู่ในห้องก็ยังมองเห็นเรือนร่างของมันได้เพราะต้นไม้ใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านออกมา ก็ยังไม่สามารถจะปกปิดตัวของมันได้มิด
ชายชราสวมชุดคนไข้ที่คฤหาสน์หมายเลข 7 พลิกตัวไปมาอยู่บนเตียงยากจะหลับใหล แต่หลินลั่วหรานกลับไม่ได้รู้เื่อะไรเื่ที่เธอไม่กล้าจะยืนยันยอมรับก็คือ เื่ปัญหาพื้นฐานพลังของผู้เป็แม่
ความจริงแล้วจิตใจมนุษย์ต่างก็เป็แบบนี้ผู้คนทั่วไปเมื่อได้รับโอกาสในการเข้ามาฝึกศาสตร์ มีที่ไหนที่จะไม่ดีใจคนที่ได้ข้ามเวลาในนิยายนั้น ไม่ได้มีจิตใจจะมาคิดถึงคนที่บ้านด้วยซ้ำแน่นอนว่าพวกนั้นเป็พวกเ็าเกิดมนุษย์แล้วล่ะแต่ว่าส่วนมากมันก็เป็อย่างที่คนชอบพูดกันเมื่อตัวคนหนึ่งก้าวเข้ามาทางการฝึกศาสตร์ก็้าที่จะพาคนรอบข้างให้สำเร็จตามไปด้วย หลินลั่วหรานเองก็มีความคิดแบบนี้และยากที่จะไม่โลภขึ้นเรื่อยๆ เธอเฝ้าหวังว่าครอบครัวของเธอจะสามารถเฝ้าเดินไปพร้อมกับตัวเองได้
เป่าเจียนั้นไม่ต้องพูดถึง บรรพบุรุษของเธอนั้นเป็เทพสาวการปรากฏของพื้นฐานพลังของเธอนั้น ไม่แน่ชัดว่าเป็เพราะอะไรอาจจะเป็เพราะถูกสัญลักษณ์สีทองกระตุ้นเอาก็ได้
ผู้เป็พ่อเองก็ััพลังได้แล้ว ทำให้รู้ว่าเขามีพื้นฐานพลัง
แล้วลั่วตงล่ะ? หลังจากนี้สักกี่สิบปีหากเสี่ยวลั่วตงจะต้องแก่ลง แต่คนรอบข้างของเขากลับเด็กลงเรื่อยๆมีเพียงตัวเขาที่ต้องตายจากไปอย่างเดียวดาย มันจะน่าสงสารมากแค่ไหนกันนะ
ไหนจะแม่ของเธออีก...หลินลั่วหรานถอนหายใจออกมาในที่สุดก็ต้องรับกับปัญหานี้จริงๆ จังๆ เสียที
ตอนนี้ ทุกคนก็น่าจะหลับแล้วใช่ไหม?
ในใจของหลินลั่วหรานมีเื่ให้คิดอยู่วันนี้เธอจึงไม่อาจจะสงบใจเข้าสมาธิได้ เธอมองออกไปยังนอกหน้าต่างอากาศท่ามกลางูเาในยามค่ำคืนนั้นสดชื่นมากหูของเธอสามารถได้ยินเสียงหายใจของพ่อและแม่ที่อยู่ในห้องขึ้นมา
ห้องนอนของลั่วตงนั้นอยู่ติดกับห้องของหลินลั่วหรานเ้าเด็กน้อยถีบผ้านวมออกมาในยามที่หลับใหลหลินลั่วหรานพยายามบังคับให้จิตใจของตัวเองสงบลงก่อนที่จะปล่อยพลังทั้งห้าไปที่ตัวของเสี่ยวลั่วตง
สีฟ้า กระจายออกไป
สีเขียว กระจายออกไป
สีแดง กระจายออกไป
สีทอง กระจายออกไป
ความสิ้นหวังเกิดขึ้นในใจของหลินลั่วหรานทันทีแต่ใครจะรู้ว่าพลังสีน้ำตาลของธาตุดิน จะบ้าคลั่งขึ้นมาก่อนที่จะเข้าไปยังร่างของเสี่ยวลั่วตง
หลินลั่วหรานรู้ได้ว่าหัวใจของเธอกำลังเต้นอย่างรุนแรงเสี่ยวลั่วตงเป็ผู้มีพร์ธาตุเดี่ยวอย่างนั้นเหรอ?
เป็ไปได้อย่างไร! เขาเป็เพียงเด็กที่ตัวเธอเองและเป่าเจียช่วยเหลือเอาไว้เท่านั้นแต่กลับมีพื้นฐานพลังธาตุดิน นี่มันจะบังเอิญเกินไปแล้วมันมีตรงไหนที่ผิดปกติไปกันนะ...
หลินลั่วหรานไม่รู้เื่ที่เ้าสำนักฮุยจู๋พูดและก็ไม่เคยตรวจสอบพื้นฐานพลังของคนอื่นมาก่อนไม่อย่างนั้นในตอนนี้เธอคงไม่เพียงแค่คิดว่ามันดูบังเอิญแต่อาจจะคิดว่ามันเป็แผนการบางอย่างไปก็ได้
หลินลั่วหรานลองทดสอบอีกครั้ง และผลก็ยังออกมาเช่นเดิมความดีใจที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้ความกังวลในใจของเธอหายไปก่อนที่เธอจะบังคับให้กลุ่มแสงทั้งห้าสีไปที่ห้องของพ่อและแม่
ผู้เป็พ่อนั้นสามารถััพลังได้ในกายของเขาตอบรับกับพลังได้ว่องไวกว่าคนธรรมดาทั่วไปเมื่อััได้ถึงพลังที่สงบและบริสุทธิ์ ในระหว่างที่เขาหายใจเข้าไปนั้นพลังสีน้ำตาล สีทอง และสีเขียวต่างก็ถูกดูดกลืนเข้าไป
พื้นฐานพลังสามธาตุ?
ไม่ได้ดีนัก แต่ว่าไม่ได้แย่ที่สุด หลินลั่วหรานไปดูที่แม่ของเธอต่อ
วันนี้แม่ของเธอทำอาหารอร่อยๆ ออกมาเต็มโต๊ะ เด็กๆต่างพากันกินอย่างมีความสุข เธอนั้นมีความสุขเสียยิ่งกว่าตอนที่ตัวเองกินเข้าไปเองในตอนนี้แม้ว่าจะอยู่ในความฝัน ใบหน้าของเธอก็ยังคงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
แต่ในใจของหลินลั่วหรานถึงกับชาไปชั่วขณะ กลุ่มแสงทั้งห้าบินวนอยู่รอบกายของผู้เป็แม่แต่จำนวนของพวกมัน กลับไม่น้อยลงเลยแม้แต่นิดเดียว แม่ของเธอไม่ได้ดูดซึมเข้าไปเลยแม้แต่น้อยดังนั้นจึงสรุปได้ว่าเธอไม่มีพื้นฐานพลัง!
หลินลั่วหรานรู้สึกได้ถึงความขมขื่นติดขึ้นมาที่ปลายลิ้นเื่นี้ทำให้ความดีใจที่เธอเคยมีเพราะพบว่าลั่วตงมีธาตุดินเดี่ยวไปจนหมดสิ้น
ในใจของเธอเกิดความรู้สึกไม่พอใจในความไม่เท่าเทียมขึ้นมาสุดท้ายแม้ว่าจะสายเืใกล้ชิดแค่ไหน ก็ยังแยกออกมาได้เธอนั้นทำดีกับเสี่ยวลั่วตง ส่วนมากก็เพราะเห็นใจ แต่ว่ากับแม่ของเธอนั้นเป็แม่ในสายเืของเธอแท้ๆ...ทำไมเสี่ยวลั่วตงถึงมีพื้นฐานพลังแต่แม่ของตัวเองกลับไม่มีกันนะ?
จันทรามีด้านสว่าง มีด้านมืด มีเต็มดวง และมีเพียงเสี้ยวคนเรามีสุขย่อมมีทุกข์ มีพบย่อมต้องจาก
สิ่งเหล่านี้หลินลั่วหรานต่างก็เข้าใจมัน แต่ว่าในตอนนั้นมันเป็เื่ของคนอื่น หลินลั่วหรานไม่รู้เลยว่า ตัวเธอนั้นไม่อาจจะยอมรับ “เื่ที่ไม่อาจจะสมบูรณ์” นี้ได้
จิตใจของหลินลั่วหรานได้รับผลกระทบอย่างหนักหน่วงแม้แต่ข้าวของที่อยู่บนโต๊ะใกล้ๆ เธอต่างก็ขยับสั่นไหว เสียง “ปัง” ดังขึ้นกล่องไม้เล็กตกลงมา ก่อนจะแตกออกเป็สองส่วน
สายตาของหลินลั่วหรานถูกสะกดให้มองตามไปสิ่งของที่วางอยู่บนโต๊ะต่างก็กลับสู่สภาวะปกติ
ด้านในของกล่องไม้ที่พังลงแล้ว ปรากฏหนังสือเก่าออกมาหลินลั่วหรานสามารถมองเห็นตัวอักษรขนาดใหญ่ ภายใต้แสงจันทร์ได้อย่างชัดเจน
“บันทึกเื่ราวประหลาดในจิ่วโจว”
กล่องไม้นี้ คือของขวัญที่เ้าอาวาสวัดชิงเฉิงให้มาพอดี
หนังสือโบราณเล่มหนึ่ง มันจะ...มีประโยชน์อะไร?