บทที่ 163 จวนเสวี่ยเทียน[1]
นี่คือโรงเตี๊ยมพิเศษที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองชุยเสวี่ย กินพื้นที่ขนาดใหญ่และมีเวรยามคอยลาดตระเวน คนที่ไม่ได้รับอนุญาตไม่อาจเข้าไปได้โดยง่าย
ที่แห่งนี้ประกอบด้วยลานขนาดใหญ่ที่เป็อิสระ สภาพแวดล้อมเงียบสงบ มีสะพานเล็กๆ และน้ำตกจำลอง ศาลาและเรือนนอน เสียงนกร้อง และกลิ่นหอมของดอกไม้ ทิวทัศน์สวยงามเกินจะพรรณนา
ลานแต่ละแห่งที่เป็อิสระต่อกันนี้เกิดขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อื่นบุกรุก สิ่งอำนวยความสะดวกในการป้องกันก็ครบครัน
แน่นอนว่าสถานที่แห่งนี้ไม่เหมาะสำหรับคนธรรมดา ค่าที่พักเพียงหนึ่งวันในลานที่ธรรมดาที่สุดต้องใช้หินิญญาจำนวนหลายร้อยก้อน นับประสาอะไรกับลานที่หรูหราที่สุด
สถานที่แห่งนี้เรียกว่าจวนเสวี่ยเทียน และเป็ที่พักสำหรับผู้มีสถานะสูงส่ง ในวันธรรมดา ขุนนางหรือลูกหลานของตระกูลขุนนางจากที่อื่นมักมาจะเข้าพัก
เรียกได้ว่าผู้พักอาศัยที่สามารถไปมาอย่างอิสระได้นี้ จะต้องมีภูมิหลังอันลึกซึ้ง ไม่ใช่คนธรรมดา
เมื่อเร็วๆ นี้ มีเหตุการณ์สำคัญมากมายในเมืองชุยเสวี่ย โดยเฉพาะข่าวการแต่งงานของตระกูลฉู่ ซึ่งแพร่กระจายไปทั่วทางตอนเหนือของราชวงศ์เซี่ยตะวันออก
ด้วยเหตุนั้น หญิงสาวชายหนุ่มที่มีความสามารถจำนวนมาก และแม้แต่บุคคลสำคัญในแต่ละสำนัก ต่างก็มารวมตัวกันหลังจากทราบข่าว
เมื่อใกล้ถึงวันแต่งงาน ผู้คนในจวนเสวี่ยเทียนก็เริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนแทบไม่มีลานว่างเลย นี่แสดงให้เห็นว่าความรู้สึกที่เกิดจากอำนาจของตระกูลฉู่และจากคนงามนั้นยิ่งใหญ่เพียงใด
หลายคนรู้ดีว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะได้เห็นคนงามที่ไม่มีใครเทียบได้เท่านั้น แต่ยังเป็การกำหนดการเปลี่ยนแปลงอำนาจทางตอนเหนือของราชวงศ์เซี่ยตะวันออกด้วย
ในความเป็จริง เป็ไปไม่ได้เลยที่สายรองเล็กๆ ของตระกูลฉู่จะสร้างผลกระทบใหญ่หลวงเช่นนี้
สิ่งที่ทุกคนให้ความสนใจคืออำนาจเื้ัที่คอยเติมเชื้อไฟไม่หยุด
อำนาจนั้นที่นักรบราชวงศ์เซี่ยตะวันออกหวาดกลัว
เชื้อสายหลักของตระกูลฉู่
ว่ากันว่า ฉู่เจิ้นหนานไม่เพียงแต่เริ่มต้นการแต่งงานที่น่าตื่นเต้นนี้ด้วยความปรารถนาอันเห็นแก่ตัวของเขาเองเท่านั้น แต่จริงๆ แล้วเขายังได้รับการอนุมัติจากเชื้อสายหลักของตระกูลฉู่ นั่นจึงทำให้เขากล้าแอบรวบรวมของขวัญได้อย่างไร้ยางอาย
แม้ว่าวิธีนี้จะค่อนข้างน่าละอาย แต่ก็ไม่มีใครกล้าพอที่จะนินทา
เนื่องจากสายหลักของตระกูลฉู่นั้น เป็กองกำลังที่ได้รับความนิยมในเมืองหลวงของราชวงศ์เซี่ยตะวันออก แม้แต่หัวหน้าสำนักใหญ่ๆ ก็ไม่กล้ารุกรานง่ายๆ
แน่นอนว่าสายหลักของตระกูลฉู่ อยู่ห่างไกลในใจกลางของราชวงศ์เซี่ยตะวันออก ไม่มีใครรู้ว่าทำไมพวกเขาถึงพุ่งเป้ามาแทรกแซงการแต่งงานที่ทางเหนือ
ผู้นำสำนักมากเล่ห์หลายคนสงสัยว่าอำนาจอันทรงพลังนี้ดูเหมือนจะมีวัตถุประสงค์แอบแฝง ด้วยเพราะฟุ่มเฟือยอย่างยิ่ง ทั้งการใช้คนงามดึงดูดอัจฉริยะรุ่นเยาว์จากทั่วทุกสารทิศให้เข้าแข่งขันกัน ราวกับว่ากำลังมองหาพันธมิตรในทางเหนือ
แต่สงสัยก็ส่วนสงสัย อย่างไรก็ไม่มีหลักฐาน เมื่อวันแต่งงานใกล้เข้ามา การแข่งขันเพื่อคนงามก็เข้มข้นมากขึ้น
สำหรับตัวเลือกสามี เหลือเพียงคนที่มีพร์ที่โดดเด่นที่สุดเพียงสามคนเท่านั้น ได้แก่ คุณชายชุยเสวี่ยแห่งจวนเสวี่ย อัจฉริยะสายเืปาณี[2]แห่งเผ่าปีศาจวัว และชายหนุ่มที่มีต้นกำเนิดลึกลับ
ส่วนโม่ซิวคนนั้น เพราะเขายโสเกินไป ผิดพลาดพ่ายแพ้ให้กับฉู่อวิ๋นในเวทีประลองยุทธ์ ั้แ่นั้นมา เขาก็ไม่สามารถฟื้นตัวได้ ประกาศถอนตัวอย่างเป็ทางการ และออกจากเมืองชุยเสวี่ยไป
หลังพายุพัดผ่าน ยกเว้นโม่ซิ่ว ผู้สมัครสามคนสุดท้ายมีอายุเพียงสิบแปดปีเท่านั้น ความแข็งแกร่งของพวกเขานั้นไม่อาจหยั่งรู้ได้และพวกเขาก็ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป
ในขั้นตอนสุดท้ายของงานแต่งครั้งยิ่งใหญ่นี้ ทุกคนในเมืองชุยเสวี่ยต่างก็เริ่มแอบเดากันว่าใครจะได้พาคนงามกลับบ้าน?
จวนเสวี่ยเทียน ด้านหน้าลานที่หรูหราที่สุด
“ผู้าุโ ซิวหลัวหน้าผีบอกท่านจริงๆ หรือว่าเขาพักอยู่ที่นี่? เขาหลอกท่านหรือเปล่า?” ฉู่อวิ๋นยืนอยู่หน้าประตูและมองไปรอบๆ รู้สึกอยู่เสมอว่าคนที่สวมหน้ากากนั้นไม่น่าเชื่อถือ
“ข้าเป็บรรพบุรุษของเขา! ถ้าเขากล้าหลอกข้า ข้าสัญญาว่าจะจับเขามาสั่งสอนสักตุ๊บ ไม่สิ ตุ๊บเดียวไม่พอ ต้องสามตุ๊บ!”
“ข้าเคยเป็มหาอำนาจทางิญญาเมื่อหลายพันปีก่อน เคยท่องหล้าทั่วทุกสารทิศ แม้แต่นักรบขั้นเทียมฟ้าเห็นข้าแล้วยังต้องคุกเข่า ฮ่าๆ! ตอนนี้ข้าจะมาถูกผู้เยาว์หลอกเอาหรือ?! ข้าจะถูกทายาทหลอกได้อย่างไร? ข้าจะ...”
ขณะที่พูด โยวกู่จือก็หยุดนิ่งและเริ่มรู้สึกอ่อนแอเล็กน้อย...
เพราะถึงแม้ว่าโยวกู่จือจะรู้ผ่านเครื่องหมายิญญาในเวทีประลองว่าซิวหลัวเป็ทายาทของเขา
และบนลานประลอง ซิวหลัวก็ถูกิญญาของอีกฝ่ายรุกราน ให้รู้ถึงตัวตนของเขาและสั่งให้รอเขาที่ที่พัก
แต่โยวกู่จือก็ไม่แน่ใจว่าคนรุ่นใหม่ในพันปีนี้จะฟังคำพูดของเขา พวกเขาอาจจะกลับคำก็ได้
“อย่าง...อย่างไรเสีย เขาจะต้องออกมาต้อนรับพวกเราแน่! ฮ่าๆ…” โยวกู่จือหัวเราะอย่างมั่นใจยิ่ง
“ไม่มีการตอบสนองเลย! เขากลัวท่านไปแล้วหรือเปล่าผู้าุโ?”
ฉู่อวิ๋นใจร้อน ยกกำปั้นกดลงบนกำแพงหินใสหน้าประตู นี่คือแร่สื่อสาร เมื่อมีแขกมาเยี่ยม ก็สามารถกดเพื่อแจ้งให้เ้าของลานเปิดอาคมนี้แล้วเชิญแขกเข้าไปได้
แต่เขากดไปครั้งแล้วครั้งเล่าก็ยังไม่มีใครตอบสนอง ทั้งๆ ที่เวรยามที่ชั้นนอกสุดของจวนเสวี่ยเทียนอนุญาตให้เข้ามาได้ แต่ทำไมพอเข้ามาถึงลานบ้านกลับไม่มีใครสนใจกัน?
“หรือว่า… เ้าเด็กสารเลวนั่นหลอกข้าแล้วจริงๆ?! ข้า!” โยวกู่จือโกรธมาก ทำให้วงแหวนอวกาศสั่นะเื
“จะรอต่อไปก็ไม่ใช่ทางเลือก ไม่สู้ไปถามสาวใช้ดีกว่า…”
ฉู่อวิ๋นมุ่นคิ้ว ตัดสินใจจะถามเกี่ยวกับบริเวณโดยรอบนี้ หากได้รับการยืนยันว่าไม่มีใครอาศัยอยู่ที่นี่จริง เขาจะเอาเื่แน่! พลิกฟ้าก็ต้องตามหาชายสวมหน้ากากคนนั้นให้ได้!
“แอ๊ด——”
ท้นใดนั้นเอง ม่านแสงเหนือประตูลานก็หายไป
มองเห็นวงจำกัดได้ถูกยกเลิกแล้ว สามารถเข้าไปได้
“หือ? มีคนอยู่จริงๆ หรือ?”
เมื่อมองไปที่ประตูบานใหญ่ ฉู่อวิ๋นก็สะดุ้งเล็กน้อยและกำลังจะก้าวเท้าเข้าไป
แต่ก่อนที่เขาจะเอื้อมมือไปเปิดประตู ก็เห็นสาวใช้สองคนที่งดงามปานบุปผา ยืนอยู่เคียงข้างกันและเปิดประตูอย่างสุภาพ รอยยิ้มของพวกนางหวานล้ำ
นอกจากนี้ ฉู่อวิ๋นที่ยังมองดูแบบสบายๆ ก็พบว่าสาวใช้ทั้งสองสวมชุดกระโปรงแบบเปิดหน้า สวยสง่า ลาดไหล่เปลือยเปล่า
“คุณชาย เชิญเ้าค่ะ”
ในเวลานี้ สาวใช้แสนสวยสองคน คนหนึ่งทางซ้าย คนหนึ่งทางขวา เดินนำฉู่อวิ๋นเข้าไปข้างใน การเคลื่อนไหวและมารยาทของพวกนางแช่มช้อย ทำให้ผู้คนรู้สึกเหมือนกับสายลมฤดูใบไม้ผลิ
“ผู้าุโ เราไม่ได้เข้าผิดลานกระมัง?... ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสาวใช้พวกนี้จะพาเราไปไหน” ฉู่อวิ๋นระแวงเล็กน้อย แต่ก็เขินอายอยู่บ้างเช่นกัน
เพราะระหว่างทาง สาวใช้ทั้งสองมักจะฉวยโอกาสเข้ามาถูกเนื้อต้องตัวเขาอย่างตั้งใจและไม่ตั้งใจ
“ใจเย็นๆ ข้ารู้สึกว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยดี เราปล่อยไปตามสถานการณ์เถอะ! อิๆ” โยวกู่จือเอ่ยด้วยรอยยิ้ม ไม่ใช่เื่ใหญ่จนต้องตื่นเต้นอะไร เมื่อเห็นความลำบากใจของฉู่อวิ๋นที่ถูกสาวใช้คอยเหลือบมอง เขาก็พบว่ามันสนุกไม่น้อย
ยามนี้เป็เวลากลางคืน ภายในลานกว้างขวาง มีอาคารที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แสงไฟสว่างจ้า เส้นทางคดเคี้ยว
หลังจากนั้นไม่นานสาวใช้สองคนก็นำฉู่อวิ๋นมาถึงห้องขนาดใหญ่
“คุณชาย เชิญเข้าไปเ้าค่ะ”
สาวใช้ทั้งสองคำนับ เสียงของพวกนางราวกับเสียงนกขมิ้นและนกนางแอ่นที่ฟังสบายหู
ฉู่อวิ๋นแสดงท่าทีหวาดระวังและเข้ามาอย่างระแวง เมื่อมองไปรอบๆ ก็พบว่าห้องนี้ไม่เพียงแต่หรูหราเท่านั้น แต่ยังมีสระน้ำขนาดใหญ่อยู่ด้านหน้าที่ปกคลุมไปด้วยหมอกและไอร้อน
เขามีลางสังหรณ์ที่ไม่ค่อยดี...
“ปัง!”
ในขณะที่ฉู่อวิ๋นตกตะลึง เสียงประตูปิดตามหลังเขาดังขึ้น ทำให้เขาใรีบหันกลับไปมองทันที
มองเห็นสาวใช้สองคนเดินมาด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า พวกนางไม่ได้ออกไป แต่กลับเดินมาล้อมรอบฉู่อวิ๋น
“คุณชาย ท่านมาที่นี่หลังจากการเดินทางอันยาวนาน คงจะเหน็ดเหนื่อยไม่น้อย ให้บ่าวถอดเสื้อคลุมของท่านออกให้เถอะเ้าค่ะ”
ขณะที่พูด สาวใช้ชุดน้ำเงินคนหนึ่งแสดงรอยยิ้มขวยเขิน และก่อนที่ฉู่อวิ๋นจะทันได้โต้ตอบ นางก็ถอดเสื้อคลุมหนังสัตว์ของเขาออก เหลือเพียงชุดที่รัดรูปเท่านั้น
“แม่นาง! นี่...”
จากนั้น ขณะที่ฉู่อวิ๋นกำลังจะถาม สาวใช้ชุดแดงอีกคนก็เข้ามาและพูดด้วยรอยยิ้ม “คุณชาย แขนท่านแข็งแรงนัก ช่วยยกมือขึ้น ให้ข้าถอดเสื้อผ้าที่เหลือให้ได้หรือไม่เ้าคะ?”
“เดี๋ยวก่อน!” ฉู่อวิ๋นพูดด้วยตัวสั่นๆ
เขารีบถอนตัวออกจากวงล้อมสาวใช้ทั้งสองทันทีและถามว่า “แม่นางทั้งสอง! ข้ามาที่นี่เพื่อมาเยี่ยมชายหน้าผี... อะแฮ่ม เพื่อมาเยี่ยมเ้าของที่นี่ พวกเ้าช่วยนำคำไปบอกทีได้หรือไม่?”
ในเวลานี้ สาวใช้ทั้งสองมองหน้ากัน หัวเราะอย่างอ่อนโยน และก้าวไปข้างหน้าอีกครั้ง
“คุณชายไม่ต้องร้อนใจ ในบ้านมีกฎเกณฑ์ ท่านต้องอาบน้ำก่อนจึงจะคุยเื่สำคัญได้” สาวใช้ชุดแดงพูดแล้วเดินไปที่ขอบสระน้ำ ไม่ได้ตอบคำถามโดยตรง
เมื่อได้ยินเช่นนี้ จู่ๆ ฉู่อวิ๋นก็ตระหนักได้ ขมวดคิ้วเล็กน้อย และแสดงท่าทีลังเล ซิวหลัวหน้าผีคนนั้นจะทำอะไร?
“เ้าหนู ฟังแม่นางน้อยเขาเถอะ สระน้ำนี้มีพลังของวัตถุยาอันล้ำค่าต่างๆ อยู่ ไม่เพียงแต่รักษาอาการาเ็ได้เท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งของกายยุทธ์ได้ด้วย ดีต่อเ้าในตอนนี้”
ในท้ายที่สุด เป็โยวกู่จือที่ขจัดข้อสงสัยของฉู่อวิ๋น
ดังนั้น ฉู่อวิ๋นจึงถอนหายใจ เดินไปที่ขอบสระน้ำแล้วพูดกับสาวใช้ที่นุ่งน้อยห่มน้อยทั้งสอง “ก็ได้ ในเมื่อนี่เป็กฎของที่นี่ ข้าก็จะปฏิบัติตาม”
“แต่ข้าไม่ชินที่จะมีคนอื่นมาเฝ้าตอนที่ข้าอาบน้ำ ดังนั้น... พวกเ้าออกไปรอก่อนดีกว่า ไว้ข้าเสร็จกิจแล้วจะเรียกหา”
เมื่อได้ยินดังนั้น สาวใช้ทั้งสองก็มองหน้ากันแล้วก็พากันออกไป
“ในที่สุดก็รอดแล้ว...”
เมื่อเห็นเช่นนั้น ฉู่อวิ๋นก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก เดินไปทางด้านหลังม่านกั้น ถอดชุดที่เหลือออก และะโลงไปในสระน้ำที่มีกลิ่นหอมด้วยเสียงดัง “จ๋อม” เพื่อแช่ตัวทันที
ทันทีที่ลงไปในสระ ฉู่อวิ๋นก็รู้สึกสบายไปทั้งตัว รูขุมขนขยายออก ร่องรอยของพลังรักษาก็เข้าสู่ร่างกาย เปลี่ยนกายยุทธ์แสนหนักอึ้งให้ผ่อนคลาย เขารู้สึกสบายใจมาก
“หืม? พลังรักษาของสระน้ำนี้น่าทึ่งมาก มีผลต่อการรักษาจริงๆ!”
ฉู่อวิ๋นแตะาแบนไหล่เบาๆ นี่คือรอยกระบี่ที่หลงเหลือจากการต่อสู้กับโม่ซิว ตอนนี้มันค่อยๆ สมานตัวอย่างช้าๆ ิัที่เต่งตึงและอ่อนนุ่มก็กำลังสร้างขึ้นใหม่
แต่ในยามนี้เอง ก่อนที่ฉู่อวิ๋นจะอบอุ่นร่างกายเสร็จ เขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากด้านหลัง!
“ใคร?!”
เขาระมัดระวังเป็อย่างยิ่ง และเมื่อมองย้อนกลับไป เืกำเดาก็เกือบจะไหลในทันที...
ที่ริมสระน้ำ สาวใช้ทั้งสองคนหน้าแดงก่ำ พวกนางถอดเสื้อผ้าออกแล้วะโลงสระน้ำมาพร้อมกัน
“คุณชายอย่ากังวลไปเลยเ้าค่ะ บ่าวจะไม่มองท่าน ทว่าพวกเราได้รับคำสั่งให้มาช่วยท่านอาบน้ำเ้าค่ะ”
----------
[1] หิมะ์
[2] แปลว่า สัตว์