"สารเลว!เื่ในวันนี้ ข้าจะไม่ยอมเลิกราอย่างแน่นอน!"
เจียงลู่หรงโกรธเกรี้ยวอย่างมาก ในขณะนั้นเขามีความ้าอย่างแรงกล้าที่จะแผดเผาเจียงเฉินให้กลายเป็เถ้าถ่านได้ในทันที!
เื่ในวันนี้เจียงเจิ้นไห่และมู่หรงเจิ้นถูกเจียงเฉินจูงจมูก สิ่งที่ทำให้ตัวมันงุนงงคือเ้าโง่นี่ได้เปลี่ยนกลายเป็คนหลักแหลมในฉับพลันได้อย่างไร
แต่ว่าตอนนี้มันสายเกินไปที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งใด ขณะที่เขาทำได้เพียงหวังให้แม่นางมู่หรงเสี่ยวโหรวเป็คนอ่อนโยนและงดงาม หากว่านางงดงามอย่างแท้จริง ตอนนั้นจะทำให้อารมณ์ของเขากลับมาดีอีกครั้ง
"แม่นางมู่หรงมา!"
ครู่ถัดมา มาพร้อมกับเสียงประกาศของยาม สตรีในชุดม่วงได้เข้ามา
ทั้งสามคนจากตระกูลเจียงได้หันหน้ามามายังหญิงสาวผู้นั้นและเมื่อพวกเขามองเห็นหญิงสาว รอยยิ้มของพวกเขาทั้งหมดแข็งทื่อ
เพล้ง!
แก้วน้ำที่เจียงเจิ้นไห่ถือตกลงบนพื้น ราวกับว่าเขาได้เห็นบางสิ่งที่ทำให้เขาตกตะลึงได้ แม้จะมีจิตใจอันเข้มแข็งก็ตาม
เวร! นามของนางคือ "เสี่ยวโหรว" เนี่ยนะ!'
เจียงเฉินกระแอมออกมาเสียงดัง หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าเขาสูงถึงแปดฉื่อ และนางได้รับสืบทอดกล้ามเนื้อมาจากบิดาของนาง และที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่านั้น! สตรีผู้นี้ดูราวกับบุรุษร่างบึกบึนและมีใบหน้าดุร้าย ผู้ที่มีน้ำหนักราวๆสามร้อยจิน
'มารดามันเถอะ นางมีนามว่าเสี่ยวโหรวจริงๆน่ะหรือ?'
มันก็พอได้กับร่างอันกำยำของนางล่ะนะ พี่สาวเอ๋ย แต่เหตุใดบนหัวเ้าถึงถักเปียชี้ขึ้นฟ้าเช่นนั้นเล่า? เ้าคิดว่าเ้ายังสูงไม่พออีกงั้นรึ?'
'และยังหน้าตานั่นอีก ผิวก็มันเยิ้ม และยังิัส่วนเกินเป็ชั้นนั่นอีกและริมฝีปากอันใหญ่ั์สีแดงนั่น! ลองจินตนาการดูว่าหากว่านางพยายามที่จะจูบใครสักคน'
อุ๊บ!
เจียงเฉินแค่คิดในใจก็จะอาเจียนออกมา ถึงแม้ว่าครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นักบุญผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกและเขาได้เห็นหลายสิ่งหลายอย่างมามากมาย เขาไม่เคยพบเห็นสตรีที่อัปลักษณ์เช่นนี้มาก่อน
ใช่แล้ว สตรีนางนี้อัปลักษณ์ที่สุดในโลกไม่เป็รองผู้ใด อย่างน้อยนี่เป็ความคิดเห็นส่วนตัวของเจียงเฉิน และกระทบกับเพียงพอกับนามของนาง เสี่ยวโหรว
ใบหน้าของเขาแดงก่ำ เจียงเฉินอดกลั้นที่จะไม่ให้หัวเราะอย่างยากลำบาก แต่ว่าเขาหัวเราะดังลั่นในหัวของเขาไปแล้ว
'เจียงลู่หรง นี่คงเป็เคราะห์กรรมของเ้า!'
เจียงเฉินคิดขณะที่เขากำลังยกย่องมู่หรงเจิ้นในใจ 'เ้าเป็บิดาที่ยอดเยี่ยมมาก เ้าได้ถ่ายทอดยีนอันยอดเยี่ยมสู่บุตรสาวของเ้า และเ้าเป็อัจฉริยะในการตั้งชื่ออีกด้วยสำหรับนามของบุตรสาวเ้าว่า เสี่ยวโหรว...ไม่มีสิ่งใดของนางที่สัมพันธ์กับนามนี้เลย'
"แค่ก แค่ก แค่ก! เร็วๆเข้า พาแม่นางมู่หรงไปยังที่นั่งผู้ทรงเกียรติของนางซะ"
เจียงเจิ้นไห่พูดขณะที่กระแอมและจัดชุดอย่างไม่เป็ธรรมชาติ ในเวลาเดียวกัน เขารู้สึกยินดีที่เจียงเฉินไม่ใช่ผู้ที่ต้องแต่งงานกับเด็กสาวผู้นี้ และโชคดียิ่งกว่าที่เจียงลู่หรงแต่งเข้าไปตระกูลของฝ่ายเ้าสาว หากว่าแม่นางมู่หรงได้แต่งเข้ามาตระกูลเจียง ตอนนั้นทุกๆคนคงจะดูถูกเขาเป็แน่
"ฮ่าฮ่า โหรวเอ๋อร์ รีบมาทักทายว่าที่สามีเ้าสิ"
มู่หรงเจิ้นพูดขณะที่มีรอยยิ้มบนหน้าของมันขณะที่มันนำมู่หรงเสี่ยวโหรวไปยังเจียงรู่หลง
เมื่อเห็นถึงความหล่อเหล่าของเจียงรู่หลง มู่หรงเสี่ยวโหรวดวงตาเต็มไปด้วยประกาย นางเดินก้าวใหญ่ไปหาเจียงรู่หลงและเริ่มควงแขนของเขา "สามี นี่เป็ครั้งแรกของข้าที่มาเยือนคฤหาสน์เ้าเมือง ท่านพาข้าเดินชมรอบๆหน่อยสิ!" นางพูดด้วยเสียงที่หวานที่สุดเท่าที่นางสามารถดัดได้
เจียงเฉินแทบพ่นเืออกมา เขาสามารถััได้ว่าอวัยวะภายในทั้งหมดของเขาชาขณะที่กลั้นหัวเราะ เขาไม่อาจทนเสียง'หวาน'ของแม่นางมู่หรงได้ เสียงของนางอย่างกับสัตว์กำลังเห่าหอน มันทำให้หนาวสะท้านไปถึงไขสันหลังของเขา
'์!ผู้ใดจะรู้ถึงความรู้สึกของเจียงลู่หรงตอนนี้.....ข้าพนันได้ว่าเขาอยากตายตอนนี้เป็แน่'
"อืม ลู่หรงเ้าพาเสี่ยวโหรวชมรอบๆสิ"
เจียงเจิ้นไห่พูดขณะที่ผงกหัวของเขา
"ขอรับ ท่านพ่อบุญธรรม!"
เสียงของเจียงลู่หรงสั่นเครือ ทุกๆคนในห้องสามารถสังเกตุเห็นได้ ใบหน้าของเขาแดงก่ำ และด้วยแรงของผู้อยู่ขอบเขตฉีจิงขั้นที่เก้าได้ลากเขาออกจากห้องโดยมู่หรงเสี่ยวโหรว
"ข้าขอให้เ้าพยายามให้ดีที่สุดนะ พี่ใหญ่"
ได้ยินเจียงเฉินทิ้งท้ายไว้ เจียงลู่หรงเกือบทรุดลงบนพื้น
"ท่านพ่อ ท่านลุงมู่หรง เมื่อพวกเราได้ตัดสินใจแล้ว ข้าคิดว่ามันจะเป็การดีที่เลือกวันและกำหนดวันพิธีแต่งงานด้วยเลย"
เจียงเฉินแนะนำ
"ตกลง วันพรุ่งนี้เป็ฤกษ์งามที่ดี ถ้าเช่นนั้นพวกเราจะจัดงานแต่งขึ้นในวันพรุ่งนี้"
มู่หรงเจิ้นกล่าว
ตุบ!
เจียงลู่หรงที่อยู่ไม่ไกลจากห้องได้ทรุดตัวลงบนพื้นหลังจากได้ยินสิ่งที่มู่หรงเจิ้นกล่าว
"ท่านลุงมู่หรงพูดถูก เพื่อ่เวลาที่ปิติยินดีเช่นนี้พวกเราจะต้องทำเนินการให้รวดเร็ว ท่านพ่อ ท่านและท่านลุงมู่หรงเชิญตามสบายนะขอรับ ข้าขอตัวก่อน"
เจียงเฉินทำความเคารพด้วยการประสานมือและเดินออกไป
มองไปยังแผ่นหลังของเจียงเฉินอดที่จะขมวดคิ้วมิได้ เขามิได้โง่ เื่ในวันนี้เห็นได้ชัดว่าเจียงเฉินจงใจที่จะทำมันทั้งหมด เขาไม่อาจเข้าใจได้เหตุใดเจียงเฉินถึง้าเล่นงานเจียงลู่หรงหลังจากที่เจียงลู่หรงได้ปฎิบัติต่อเจียงเฉินเป็อย่างดีเป็เวลานาน และสิ่งที่น่าตกตะลึงยิ่งกว่าคือพฤติกรรมของเจียงเฉินนั้นแตกต่างจากที่เขาคุ้นเคย
สำหรับเจียงลู่หรง มันทำได้เพียงถอนหายใจเงียบๆ และคิดหาทางเอาคืนหลังจากนี้
เจียงเฉินออกจากห้องโถงหลักและกลับไปยังตำหนักของตน
"ฮ่าฮ่าฮ่า มู่หรงเสี่ยวโหรว...นี่มันน่าขันมากๆ...คิกๆ..อย่าได้ตำหนิข้าที่ยกให้เ้านะ เจียงลู่หรงเป็เ้าที่เริ่มก่อนเองนะ ตอนนี้เ้ารู้สึกเ็ปหรือยังล่ะ?"
เจียงเฉินหัวเราะออกมาอย่างต่อเนื่อง และจินตนาการถึงฉากอัปลักษณ์ที่มู่หรงเสี่ยวโหรวคล้องแขนเจียงลู่หรงเอาไว้.....เขารู้สึกอยากอาเจียนออกมา แต่ในเวลาเดียวกันความรู้สึกของการแก้แค้นทำให้เขารู้สึกสดชื่น
วิธีการที่เจียงเฉินใช้ในครั้งนี้ มันทำให้รู้สึกดีกว่าสังหารเจียงลู่หรงเป็ไหนๆ
เจียงเฉินตอนนี้ไม่ได้รู้สึกแย่ที่พี่ชายของเขาพยายามที่จะสังหารเขา แน่นอนว่าเื่นี้ยังไม่จบ ในเมื่อเจียงลู่หรง้าที่จะสังหารเขา มีชะตาเพียงสิ่งเดียวสำหรับเขาก็คือโดนเจียงเฉินสังหาร
สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเจียงเฉินในตอนนี้คือการฝึกตน ผู้คนจากโลกต้นกำเนิดเซียนต่างยกย่องผู้แข็งแกร่ง ไม่ว่าจะไปที่แห่งใด ผู้คนจะยกย่องคนผู้นั้นหากเป็ยอดฝีมือที่แข็งแกร่ง ครั้งหนึ่งเจียงเฉินเคยเป็นักบุญผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด แต่หลังจากที่เขาได้กำเนิดใหม่ เขาต้องเริ่มใหม่แต่ต้น ตอนนี้เขายังเป็ผู้อ่อนแอขอบเขตฉีจิงขั้นที่แปดเท่านั้น
เจียงเฉินกลับไปยังห้องของเขา ปิดประตูอย่างรวดเร็วและนั่งขัดสมาธิบนเตียง
บนเส้นทางผู้ฝึกตน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือประเภททักษะที่ใช้ทำการบ่มเพาะ ยิ่งใช้ทักษะบ่มเพาะระดับสูงเพียงใด การประสบความสำเร็จจะสูงยิ่งขึ้นด้วย
ในฐานะนักบุญผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในใต้หล้า เจียงเฉินได้เก็บสะสมทักษะไว้จำนวนมาก หากเขาแสดงทักษะออกมาสักทักษะหนึ่ง ถึงตอนนั้นเหล่าผู้คนเมืองเทียนเซียงทั้งหลายจะสู้กันเองเพื่อแย่งชิงมันมา
ในโลกต้นกำเนิดเซียน ทักษะจะแบ่งออกเป็สี่หมวดหมู่ ขั้นมนุษย์ ขั้นปฐี ขั้น์และขั้นนักบุญ เจียงเฉินรู้จักทักษะสามประเภทจากหมวดหมู่นักบุญ แต่ละทักษะไม่อาจประเมินค่าได้ และกระทั่งทักษะจากตระกูลโบราณในทวีปศักดิ์สิทธิ์ยังไม่อาจเทียบได้กับทักษะทั้งสาม
อย่างไรก็ตาม เจียงเฉินตัดสินใจว่าจะไม่ทำการบ่มเพาะทักษะทั้งสาม เมื่อได้ทำการฝึกฝนในชีวิตที่แล้วทำให้เขาล้มเลิกมันไป
นั่นเพราะเขามีอีกทักษะหนึ่ง มันคือทักษะร่างแปลงั
เจียงเฉินได้รับทักษะนี้มาจากซากาบางอย่างในชีวิตที่แล้วของเขา ทักษะร่างแปลงัอันยิ่งใหญ่สืบทอดมาจากยุคา
ตามที่เจียงเฉินได้คาดการณ์ ศักยภาพของทักษะนี้อยู่เหนือประเภทนักบุญเสียอีก อยู๋ในระดับที่เขาไม่อาจแตะต้องได้
มันมีเงื่อนไขจำกัดไว้อยู่สำหรับผู้ที่้าทำการบ่มเพาะทักษะนี้ และผู้นั้นจะต้องเริ่มั้แ่ระดับรากฐาน เมื่อเจียงเฉินได้รับทักษะนี้มาเมื่อชีวิตที่แล้ว เขาได้อยู่ในขอบเขตนักบุญไปแล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะบ้าระห่ำเพียงใด เขาไม่กล้าที่จะทำลายการบ่มเพาะของเขาเพื่อทำการฝึกฝนทักษะใหม่ั้แ่ต้น
ในชีวิตที่แล้วของเขา นี่เป็สิ่งที่เขาเสียใจมากที่สุดที่ไม่ได้ทำการบ่มเพาะทักษะนี้ แต่เมื่อเขาได้เกิดใหม่แล้ว เขาจะใช้โอกาสนี้ในการทำการฝึกฝนทักษะนี้
ตอนนี้เขาอยู่เพียงระดับฉีจิง และยังไม่ได้สร้างทะเลปราณและแก่นแท้มนุษย์ที เขาต้องอยู่ในสภาพที่พร้อมจะทำการบ่มเพาะทักษะร่างแปลงั
เจียงเฉินได้จำบทคัดลอกของทักษะร่างแปลงั และด้วยการคิดในใจเพียงครั้งเดียว ผู้นั้นสามารถที่จะรวมเข้ากับโลหิตใดๆในโลกนี้ได้ มันเป็ไปได้ที่จะผสานกับสายเืนับพันประเภทได้ และผลประโยชน์นี้เพียงอย่างเดียวก็เป่าความคิดของเขาไปแล้ว
เหล่าผู้ที่ทำการบ่มเพาะทักษะร่างแปลงัจะต้องสร้างตราประทับัภายในจุดตันเถียน ตราประทับัแต่ละดวงจะมอบพละกำลังให้ผู้ใช้หนึ่งหมื่นจิน ตราประทับัที่สร้างได้สูงสุดคือหนึ่งแสนแปดพันดวง
ยิ่งกว่านั้น ตามที่บทคัดย่อกล่าว เมื่อตราประทับัทั้งหนึ่งแสนแปดพันดวงได้ถูกสร่างขึ้น ผู้นั้นจะสามารถที่จะทะลวงขอบเขตประตูัและกลายเป็ัแท้จริงได้
ตราประทับัดวงหนึ่งได้มอบพละกำลังให้แก่ผู้นั้นหนึ่งหมื่นจินต่อหนึ่งดวง และมันยากที่จะจินตนาการได้ว่าคนผู้นั้นหากมีตราประทับัถึงหนึ่งแสนแปดพันดวงจะทรงพลังเพียงใด กระทั่งเจียงเฉินซึ่งครั้งหนึ่งเป็นักบุญที่แข็งแกร่งที่สุดยังรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อยเมื่อคิดเช่นนี้ หากว่าเขาไม่เคยถึงระดับนั้นมาก่อน ถึงตอนนั้นเจียงเฉินคงสามารถทำลายโลกได้ด้วยการลงมือเพียงครั้งเดียว
'ทักษะร่างแปลงัสามารถเสริมความแข็งแกร่งให้แก่ร่างกายผู้ใช้ได้ ผู้ที่ทำการบ่มเพาะทักษะนี้ทำการฝึกฝนร่างกายด้วยจะได้ประสิทธิภาพสูงสุด ร่างกายของข้าเต็มไปด้วยเม็ดยาหลากหลาย และแม้ว่ายาเ่าั้ร่างกายจะดูดซึมไปแล้วก็ตาม มันยังอ่อนแอเกินไป ข้าไม่แน่ใจว่าจะสามารถทนผลกระทบของการบ่มเพาะทักษะร่างแปลงัได้หรือไม่'
เจียงเฉินคิดในใจ เขาเริ่มโคจรทักษะร่างแปลงัอย่างช้าๆ
'เล็กเจ็ด ใหญ่เจ็ด สร้างน้ำวนขึ้น ขจัดสิ่งเจือปนภายในร่างกายออกไป'
นี่คือสิ่งที่ถูกจารึกไว้ในทักษะร่างแปลงั ภายใต้การควบคุมของเจียงเฉิน เขาได้สร้างพื้นที่ไว้ภายในร่างกายสองฝั่ง ฝั่งแรกพลังหยวนไหลตามเข็มนาฬิกาเจ็ดรอบ อีกฝั่งหนึ่งพลังหยวนของเขาไหลทวนเข็มนาฬิกาเจ็ดรอบ
เมื่อเขาได้ทำเช่นนั้น เจียงเฉินได้จมประสานในขั้นการบ่มเพาะตนที่ร่างของเขาเปรียบดั่งเครื่องจักรกลทำงานอย่างน่ากลัวโดยไม่มีการพัก
ปุ้ง!
กระแสพลังหยวนทั้งสองที่แยกกันมาปะทะซึ่งกันและกัน สร้างน้ำวนขึ้นในตันเถียนขณะที่น้ำวนได้ขจัดขจายไปทั่วร่างกายเจียงเฉิน
อุก!
เจียงเฉินเริ่มอาเจียนออกมาเป็เือย่างรุนแรงจากแรงปะทะ มาพร้อมกับอาการเ็ปฉีกขาดในร่างกายของเขา สีของโลหิตที่ออกมาเป็สีดำ เป็ผลของการขจัดสิ่งเจือปนในร่างตอนนี้ได้ออกมาหมด
'ทักษะร่างแปลงัเป็ทักษะที่ทรงพลังอย่างแท้จริง นี่เป็เพียงแค่ก้าวแรกเท่านั้น และมันยังทำให้ข้าเ็ปถึงขนาดนี้ แต่มันก็คุ้มค่า ผลที่ออกมาไม่ธรรมดาเลย สิ่งที่ถูกขจัดออกมาเป็สิ่งเจือปนในร่างกายสีดำได้ถูกขจัดออกแล้ว ต่อกันเลย'
ต้องขอบคุณตัวเขาเมื่อครั้นที่ยังเป็นักบุญผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด เขามีประสบการณ์เหนือผู้อื่นใดในด้านการบ่มเพาะ
'สงบใจไว้ มุ่งมั่นหาใจความสำคัญ เมื่อพลังถึงขีดสุด เมื่อนั้นจะเป็ตอนที่ทักษะร่างแปลงัได้เริ่มต้นขึ้น'
บทคัดย่อทักษะร่างแปลงัได้ไหลเวียนในหัวของเขา เพราะการบ่มเพาะของเขา ร่างของเขาได้อดทนต่อความเ็ปอย่างแสนสาหัส แต่สำหรับเจียงเฉิน ความเ็ประดับนี้ไม่ได้ส่งผลต่อเขาเลย
สี่ชั่วโมงให้หลัง
แกร้ก!
เสียงดังก้องชัดเจนดังขึ้นภายในร่างกายของเจียงเฉิน น้ำวนพลังหยวนในตันเถียนของเขาได้ไหลไปยังทุกส่วนของร่างกายของเขา ทำให้เขาทะลวงสู่ขอบเขตฉีจิงขั้นที่เก้าได้
1 ฉื่อ = 1ฟุต = 0.33 เมตร
1 จิน = 500 กรัม
