บทที่ 46 ยาศักดิ์สิทธิ์ชำระล้างเทียนเฟิง
มีเพียงเสียงอู้อี้ “ปัง” ดังขึ้น จากนั้นฝาเตาหลอมยาก็ถูกกระแสพลังหนึ่งดันขึ้น ไม่นานหลังจากนั้นแสงวิเศษที่ดูเหมือนจะมองไม่เห็นก็พุ่งออกมาในยามอู่ และหยุดนิ่งอยู่กลางอากาศเล็กน้อย ก่อนจะพุ่งหายวับไปทางห้องปรุงโอสถ รวดเร็วจนคนดูแทบไม่ทันรู้ตัว
“จะไปไหน!” ลู่อวี่ตวัดข้อมืออย่างคล่องแคล่ว และโบกมือไปยังจุดแสงวิเศษสองสามจุดนั้นเล็กน้อย แสงวิเศษสองสามจุดที่เกือบจะพุ่งไปทางประตูก็บินร่อนเข้าไปในมือของเขาอย่างรวดเร็วโดยไม่รู้ตัว และในที่สุดก็ถูกลู่อวี่รวบรวมลงขวดหยกในมืออย่างง่ายดาย
กระทั่งเวลานี้เองที่บุคคลผู้มีความสามารถพิเศษจับตาดูอยู่ข้างๆ ตอบสนองและเปล่งเสียงอุทานออกมา โดยเฉพาะลู่หนานกับมู่เสวียน เมื่อเห็นว่ายาอายุวัฒนะที่ปรุงออกมากำลังจะทะยานหนี ต่างก็พากันทำท่าพยายามจับไว้ ช่างน่าขันยิ่งนัก
ลู่ไท่ชังและมู่ซิงเหอก็ลุกขึ้นยืนในเวลานี้เช่นกัน ผู้บำเพ็ญเพียรต่างจากคนธรรมดาทั่วไป ยิ่งระดับพลังยุทธ์สูงเท่าไร ปฏิกิริยาการตอบสนองก็ยิ่งเร็วขึ้นและมีไหวพริบมากขึ้นเท่านั้น แม้ว่าลู่อวี่จะเก็บยาอายุวัฒนะไม่ได้ทันเวลา แต่เป็ไปไม่ได้เลยที่มันจะหนีไปจากจอมเทพขั้นเกิดเทพเ้าทั้งสองคนที่มองตามตาปริบๆ ด้วยรอมานานนับร้อยปีไปได้
แม้รู้ว่ายาอายุวัฒนะปรุงออกมาสำเร็จแล้ว แต่หลังจากหายตื่นเต้นดีใจ ลู่ไท่ชังก็หายวับมาอยู่ข้างกายลู่อวี่ด้วยความรวดเร็ว และถามว่า “เป็อย่างไรบ้าง?”
ลู่อวี่ยื่นขวดหยกให้ผู้เฒ่าสูงสุดแล้วพูดว่า “สำเร็จลุล่วง ได้ยาอายุวัฒนะมาทั้งหมดห้าเม็ด ถึงแม้จะน้อยไปสักนิด แต่ก็พอใช้ไปสักระยะแล้ว วัตถุดิบยายังมีอีกมาก ยังพอใช้ปรุงยาได้อีกสักสามเตา หรือแม้แต่วัตถุดิบหลักอย่าง ‘หญ้าอำพราง์’ ก็ยังเหลืออีกหกใบ แม้ว่าอายุและสรรพคุณจะต่ำไปพอควร แต่หากเพิ่มปริมาณไปสักหน่อย แล้วข้าปรับสูตรยาใหม่ให้อีกนิด ก็ยังสามารถปรุงยาได้อีกสองถึงสามเตา”
แต่ลู่ไท่ชังที่ตื่นเต้นมากหลังจากได้รับ “ยาศักดิ์สิทธิ์ชำระล้างเทียนเฟิง” ในเวลานี้ มีหรือจะได้ยินคำพูดของลู่อวี่ แต่กลับเป็มู่ซิงเหอที่ถามด้วยความใแทน “สูตรการปรุงยาก็เปลี่ยนได้ด้วยหรือ?”
ลู่อวี่รู้อยู่แล้วว่ามู่ซิงเหอผู้นี้เป็สหายเก่าของผู้เฒ่าสูงสุด แม้ว่าจะไม่เคยพบกันมาก่อน แต่กลับรู้ว่าคนผู้นี้ไม่ใช่เป็เพียงจอมเทพขั้นเกิดเทพเ้า แต่ยังเป็คนปลูกพืชวิเศษระดับหกด้วย ดังนั้นจึงตอบว่า “ในเมื่อสูตรยาถูกเขียนขึ้นจากคน เหตุใดถึงเปลี่ยนไม่ได้?เพียงรู้หลักการรักษาโรค รู้ถึงผลกระทบต่อสิ่งที่ไม่ดี และการเปลี่ยนแปลงภายในของตัวยา เช่นนี้ก็ไม่นับว่าเป็อะไรได้ ส่วนเหตุใดข้ารู้เื่พวกนี้ เพราะท่านอาจารย์ถ่ายทอดเคล็ดวิชาลับมาให้!”
แม้ว่ามู่ซิงเหอจะไม่ค่อยเชื่อสิ่งที่ลู่อวี่พูด แต่กลับไม่สามารถพูดออกมาตรงๆ ได้ ล้อเล่นอยู่หรือ? เคล็ดวิชาลับอะไรที่สามารถเปลี่ยนคนผู้หนึ่งที่ไม่รู้อะไรเลย ให้กลายเป็คนปรุงโอสถอัจฉริยะได้ในทันที เขาเชื่อมากกว่าว่าลู่อวี่อยู่ภายใต้การดูแลของปรมาจารย์ท่านหนึ่งมาั้แ่เขายังเด็ก แต่ด้วยเหตุผลบางประการจึงซ่อนเร้นความสามารถไว้ และเมื่อรู้ว่าต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่แท้ ถึงได้เปิดเผยตัวตนต่อสาธารณชน และเื่ทั้งหมดที่ลู่อวี่เล่ามานั้น เป็เพียงข้ออ้างปิดบังอำพราง
“หากเป็เช่นนี้ ก็หมายความว่าสูตรยาทั้งหมดที่มีในโลกนี้ สามารถเปลี่ยนแปลงได้หรือ? มีสูตรยาที่หายากมาก บางชนิดถูกทิ้งไว้ไม่มีผู้ใดสนใจ เพราะยาวิเศษบางชนิดหายสาบสูญไป หากมอบให้นายน้อยตระกูลลู่อย่างเ้า จะทำให้ยาที่อยู่ในนั้นกลับมาเห็นแสงสว่างอีกครั้งใช่หรือไม่?”
มู่ซิงเหอยิ่งพูดดวงตายิ่งเปล่งประกาย เื่อื่นไม่ว่า แต่ในฐานะจอมเทพขั้นเกิดเทพเ้าที่ฝึกฝนมาหลายร้อยปีจนเกือบหนึ่งพันปีผู้หนึ่ง แม้ว่าจะไม่ได้ตั้งใจเก็บสะสมของ แต่มันย่อมมีของสะสมแปลกๆ และหายากไว้ในมากมาย ในตลอดหลายร้อยปีมานี้ ซึ่งในนั้นย่อมต้องมีสูตรยา คัมภีร์ต่างๆ บ้างอยู่แล้ว แต่สิ่งของหลายๆ อย่างในนั้นบ้างก็เสียหายไปตามกาลเวลา และสูตรยาก็เป็หนึ่งในนั้น!
หลังจากฟังที่ลู่อวี่พูดตอนนี้ หากเพราะตัวยาบางชนิดหายไป ทำให้สูตรยาเ่าั้ใช้ไม่ได้ผลแล้วได้รับการปรับแก้จากลู่อวี่ ก็จะมียาถูกค้นพบอีกมากกว่านี้ใช่หรือไม่?
ลู่อวี่ยิ้มแต่ไม่ตอบ ใช่เมื่อชาติก่อนเขาเป็ปรมาจารย์ปรุงโอสถก็จริง แต่ก็ไม่กล้าพูดว่าเขาสามารถเปลี่ยนสูตรยาทั้งหมดในโลกนี้ได้ สิ่งนี้มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับระดับความสามารถในการปรุงยาสักนิด ที่สำคัญมากไปกว่านั้นคือความเข้าใจในสรรพคุณ คุณและโทษของยา รวมถึงความเข้าใจในยาวิเศษชนิดต่างๆ เพราะหากไม่มีความรู้เพียงพอ แม้ว่าจะเชี่ยวชาญด้านคุณโทษของยาไปก็ไร้ประโยชน์ เพราะไม่มีทางรู้ได้เลยว่ามันคือยาชนิดใดที่ตรงกับคุณโทษของยาที่้า
ดังนั้นจึงไม่มีวิธีที่ดีกว่านี้มาเปลี่ยนสูตรยาให้แล้ว แค่ความรู้ของลู่อวี่ที่มีเมื่อชาติก่อน จะมาบอกว่ารู้จักยาวิเศษไม่มากเห็นทีคงไม่ใช่ แต่เมื่อเปรียบเทียบกับยาวิเศษทั้งหมดในโลก ความรู้นั้นของเขานับว่าเป็เพียงน้ำหยดเดียวในมหาสมุทร
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนตายไปเมื่อชาติก่อน ตอนนั้นเขาอายุได้เพียงสองร้อยกว่าปีเท่านั้น สถานที่ที่ไกลที่สุดที่เคยไปผจญมีเพียงไม่กี่แห่ง และจะกล้าพูดได้อย่างไรว่า เขาสามารถเปลี่ยนสูตรยาทั้งหมดได้?
ลู่อวี่ได้แต่ส่ายหน้าเงียบๆ แต่ไม่ได้อธิบายอะไร เพราะสุดท้ายแล้วเื่เช่นนี้จะเป็ผลดีกว่าหากไม่เอ่ยถึง เพราะหากได้เริ่มอธิบายแล้วอาจจะสร้างปัญหาให้ในภายหลัง เช่นนั้นเมื่อถึงเวลาแล้วตัวเองเผลอเผยพิรุธอะไรขึ้นมา หรือเผลอเปิดเผยความลับเื่กลับชาติมาเกิดใหม่จะไม่นับว่าเป็การหาเื่เดือดเนื้อร้อนใจให้ตนเองหรือ?
เมื่อมู่ซิงเหอเห็นปฏิกิริยาของลู่อวี่ ก็ไม่อาจล่วงรู้ความหมายได้ว่าเขาปฏิเสธหรือไม่ยินยอม แต่เมื่อครุ่นคิดดูอย่างรอบคอบแล้ว ก็เอนเอียงไปทางเห็นด้วยกับอีกเหตุผลหนึ่ง จะว่าไปในเมื่อคนไม่้าพูด จะให้ไปบังคับถามคงไม่ได้ และมันก็ไม่มีความจำเป็มากถึงเพียงนั้น เช่นนั้นไว้ค่อยหาวิธีหลอกถามเอาวันหลังก็ได้
เด็กสาวสองคน ลู่หนานและมู่เสวียน วิ่งเข้ามาในเวลานี้เช่นกัน เ้าผลักข้า ข้าผลักเ้าไปทางลู่อวี่ เพราะมีลู่ไท่ชังและมู่ซิงเหออยู่ที่นี่ สาวน้อยทั้งสองก็ใช่ว่าจะไม่เกรงใจ
เวลานี้ลู่ไท่ชังสงบสติอารมณ์ลงแล้ว หลังจากไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง จึงเท “ยาศักดิ์สิทธิ์ชำระล้างเทียนเฟิง” หนึ่งถึงสองเม็ดออกจากขวดหยก แล้วบรรจุใส่ลงในขวดหยกอีกขวด จากนั้นก็ยื่นให้มู่ซิงเหอที่อยู่ข้างๆ แล้วพูดว่า “กว่าจะปรุงยานี้ออกมาได้ สหายมู่ก็ออกแรงไปไม่น้อย ยาสองเม็ดนี้ถือว่าแสดงความขอบคุณ โปรดอย่าได้ปฏิเสธกันเล่า!”
มู่ซิงเหอไม่เพียงแนะนำคนปรุงโอสถให้ลู่ไท่ชัง ในขณะเดียวกันก็ยังช่วยจัดหายาวิเศษหายากมากมายให้เช่นเดียวกัน มิฉะนั้น เวลาในการรวบรวมยาวิเศษ เพื่อที่จะปรุงยานี้คงจะต้องล่าช้าออกไป เพราะอย่างไรเสียยาวิเศษ จำนวนมากต่างพบได้ยากและได้มายากยิ่งกว่า และเพราะเหตุนี้ แม้ว่าสถานะของคนปรุงโอสถในเทียนตูจะสูงมาก แต่สถานะของคนปลูกพืชวิเศษก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากัน
“สหายลู่ เกรงใจไปแล้ว!” มู่ซิงเหอรับขวดหยกไปโดยไม่เสแสร้ง เขารู้สึกดีใจอย่างถึงที่สุด มียาอายุวัฒนะเพียงสองเม็ดก็พอใจมากแล้ว ยาอายุวัฒนะหายากชนิดนี้ไม่ได้ออกฤทธิ์เต็มประสิทธิภาพทันทีหลังกิน พวกมันมีความพิเศษอยู่อย่างหนึ่ง และถือเป็ความพิเศษจำเพาะ แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่ายาอายุวัฒนะที่ลู่อวี่ปรุงออกมาเม็ดนี้จะสามารถทำให้เขาฝึกฝนได้นานเท่าไร แต่อย่างน้อยก็ต้องสามปีขึ้นอย่างแน่นอน เพราะนี่คือพื้นฐานของยาอายุวัฒนะทั้งหมดที่ใช้ในการฝึกฝน
แต่มู่ซิงเหอก็รู้สึกเขินอายเกินกว่าจะหยิบ “ยาศักดิ์สิทธิ์ชำระล้างเทียนเฟิง” สองเม็ดไปในทันที แม้ว่าเขาจะเคยมอบยาวิเศษบางอย่างให้คนตระกูลลู่ แต่พูดตามตรง เื่มูลค่าคงไม่อาจเทียบกับราคาของยาศักดิ์สิทธิ์ชำระล้างเทียนเฟิงหนึ่งเม็ดได้ ดังนั้น หลังจากครุ่นคิดแล้ว จึงหยิบขวดหยกออกมายื่นให้ลู่อวี่ ยิ้มและกล่าวว่า “ในขวดนี่มี ‘น้ำวิเศษเทียนมู่’ อยู่ คิดว่าในฐานะคนปรุงโอสถ นายน้อยตระกูลลู่คงไม่มีทางที่จะไม่รู้ว่านี่คืออะไร ใช่หรือไม่?”
ลู่ไท่ชังถามอย่างสงสัย “นี่มันคืออะไร?”
ดวงตาของลู่อวี่ลุกวาว ใบหน้าดูประหลาดใจไม่น้อย พร้อมทั้งหยิบมันมาไว้ในมืออย่างไม่เกรงใจ และถอดจุกออกมาดม พยักพเยิดหน้าด้วยความพึงพอใจ ยิ้มและกล่าวว่า “ของดี!”
จากนั้นถึงพูดกับ ลู่ไท่ชังว่า “น้ำวิเศษเทียนมู่ คือพลังวิเศษชนิดพิเศษที่คนปลูกพืชวิเศษเก็บมาจากหญ้าวิเศษหลากหลายชนิด จากนั้นจะสกัดออกมาด้วยกรรมวิธีพิเศษ มันไม่ได้มีประโยชน์อะไรสำหรับผู้บำเพ็ญเพียรธรรมดา แต่สำหรับคนปรุงโอสถแล้ว แค่เพิ่มมันลงไปเพียงน้อยนิดในเตาหลอมโอสถ ย่อมมีฤทธิ์ปรับส่วนผสมที่ไม่เข้ากันระหว่างคุณสมบัติทางยาได้ ทั้งยังช่วยเพิ่มโอกาสให้ปรุงยาได้สำเร็จยิ่งขึ้น มันเป็สมบัติที่หายาก ของสิ่งนี้มีค่ายิ่งนัก เพราะกว่าจะรวบรวมพลังงาน และรอเวลาเก็บรวบรวมน้ำวิเศษเทียนมู่มาได้สักขวด อย่างน้อยสำหรับคนปรุงโอสถขั้นหกแล้วย่อมต้องใช้เวลาสามปีขึ้นไป! มันมีค่ามากกว่ายาศักดิ์สิทธิ์ชำระล้างเทียนเฟิงนี้เสียอีก!”
ลู่ไท่ชังอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ “มีของแบบนี้อยู่ด้วยหรือ? เหตุใดสหายมู่ถึงไม่บอกข้าก่อนเล่า”
มู่ซิงเหอเก็บขวดยาในมือไว้อย่างดี พร้อมกับเหลือบมองลู่ไท่ชัง และพูดอย่างไม่มีทางเลือก “เ้าก็ได้ยินที่นายน้อยลู่พูดแล้ว กว่าจะเก็บรวบรวมมาได้สักขวดหนึ่ง ต้องใช้เวลานานกว่าสามสิบปี นี่เป็เพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น ยังต้องใช้เวลาเก็บรวบรวมอีกมาก น้ำวิเศษเทียนมู่ขวดนี้ ข้าเองกว่าจะเก็บสะสมมาได้สักขวดหนึ่ง ก็ใช้เวลาไปเกือบร้อยปีแล้ว หากข้าบอกกับเ้า และด้วยมิตรภาพของเรา หากเ้ามาขอกับข้ามีหรือข้าจะไม่ให้ แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ายิ่งนัก หากยกให้คนปรุงโอสถขั้นต่ำสองสามคนของตระกูลลู่ พวกเขาคงจะใช้กันสิ้นเปลืองอย่างตามใจตนโดยเปล่าประโยชน์ ข้าจึงตัดสินใจไม่บอกเ้า!”
“ดี! มู่ซิงเหอ เ้าเองก็มีความคิดเช่นนี้ด้วย ไปกับข้า วันนี้พวกเราไม่เมาไม่กลับ!” ลู่ไท่ชังหัวเราะชอบใจ ดึงสหายมู่ซิงเหอแล้วออกจากห้องปรุงโอสถไป
ทั้งสองจากไปโดยไม่รอให้ลู่อวี่พูด ลู่หนานและมู่เสวียนถึงได้โอกาสพุ่งเข้ามาหา และพูดคุยกันไม่หยุด
“พี่ลู่อวี่ ท่านช่วยปรุงยาฝูหรงให้ข้ากับเสวียนเสวียนด้วยสิ!”
“พี่ลู่ ข้ามีวัตถุดิบยา ข้ามีวัตถุดิบยา!”
ทันใดนั้นสาวน้อยทั้งสองคนก็โยกตัว และะโทำท่าออดอ้อนสุดฤทธิ์ ทำเอาลู่อวี่ปวดหัวไปหมด
ยาฝูหรง เป็เพียงยาเสริมความงามสำหรับสตรีผู้บำเพ็ญเพียรเท่านั้น และไม่ได้ช่วยในการฝึกฝนอะไร มันเป็เพียงยาอายุวัฒนะขั้นเจ็ดเท่านั้น แต่กลับมีราคาสูงไม่น้อย เป็เพราะในเทียนตูนั้นนับว่าไม่มีผู้ใดสนใจ จึงออกจะขายยากไปสักนิด!
ใช่ว่าจะไม่มีคนปรุงโอสถนี้ออกมาทั้งที่รู้วิธีปรุงมัน แต่หนึ่งคือวัตถุดิบหายาก สองคือคนปรุงโอสถแต่ละคนปรุงออกมาได้สรรพคุณที่แตกต่างกัน นี่จึงเป็สาเหตุว่า เหตุใดแม่สาวน้อยทั้งสองถึงต้องมาขอให้ลู่อวี่ปรุงยานี้ให้
แม้ว่าสตรีผู้บำเพ็ญเพียรส่วนใหญ่ในโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรของเทียนตู จะมีความสวยงามตามธรรมชาติอยู่แล้ว แต่มันก็ไม่ใช่เื่แปลกที่หลายนางอยากคงความเยาว์วัยตลอดไป หลังจากฝึกฝนจนถึงพลังยุทธ์ขั้นหนึ่ง! แต่กระนั้นแล้ว สำหรับผู้บำเพ็ญเพียรระดับกลางถึงระดับสูง นับว่ายังห่างไกลจากสาวน้อยสองคนที่อายุเพียงสิบกว่าปี และยังมีพลังยุทธ์อยู่ในขั้นพลังจิต
แต่ลู่อวี่ ไม่มีเวลามาปรุงยาพวกนี้ให้พวกนาง แต่โชคดี ที่่ก่อนตอนอยู่ที่เมืองเทียนตูเซียน เพื่อให้ได้หินวิเศษมาจำนวนมาก เขาเคยปรุงยาขึ้นมาเตาหนึ่ง ดังนั้นจึงรีบหยิบมันออกมายื่นให้ลู่หนานและกล่าวว่า “มีอยู่ขวดหนึ่ง ไม่ต้องพึ่งวัตถุดิบจากพวกเ้า ยาเม็ดนี้ข้าปรุงออกมาเอง พวกเ้าเอาไปใช้เสียสิ แล้วแม่นางน้อยเช่นพวกเ้า จะ้ายาฝูหรงไปด้วยเหตุใด หรือคิดจะไปยั่วยวนผู้ใดให้หลงใหลหรือ?”
ลู่หนาน และมู่เสวียน ไม่สนใจว่าลู่อวี่จะพูดอะไร ขอเพียงได้ของบรรลุตามเป้าหมาย แต่เกินคาดครั้งนี้ยังช่วยประหยัดวัตถุดิบด้วย จึงอุทานออกมาด้วยความดีใจ จากนั้นแต่ละคนก็เข้าไปจุ๊บใบหน้าของลู่อวี่คนละที ก่อนจะวิ่งหนีหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ลู่อวี่จับใบหน้าตัวเอง ส่ายหน้าและพูดพึมพำ “เ้าเด็กพวกนี้! พิลึกเกินไปแล้ว เป็ข้าที่เผลอคิดว่าตนเองเข้าใจผิดไป กาเข้าฝูงกา หงส์เข้าฝูงหงส์จริงๆ!” เขากำลังพูดถึงมู่เสวียนอยู่ ก่อนหน้านี้นางทำตัวเป็เด็กดีเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา ตอนนี้คิดว่าคงเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงแล้ว!
ลู่หงิ และ ลู่เหว่ยเซิ่ง ยังคงนั่งหลับตาทำความเข้าใจ และซึมซับความรู้ ผลประโยชน์ที่ได้รับจากการปรุงยาของลู่อวี่ในครั้งนี้อยู่ที่เดิม แม้ว่าคนอื่นๆ จะไม่ได้รับโอกาสดีเท่ากับพวกเขาทั้งสองคน แต่พวกเขาแต่ละคนก็มีสิ่งที่เก็บเกี่ยวได้มา ดังนั้นจึงรีบหาหนทางให้ตัวเองได้ซึมซับและทำความเข้าใจเช่นกัน