“อยู่บ้านทำอาหารกินคนเดียวคงจะเหงา อีกอย่าง ผู้ชายมีกี่คนกันที่ทำอาหารเป็” คุณยายพูดอย่างเข้าอกเข้าใจ
คุณยายถามเื่ครอบครัวของซ่งมู่ไป๋อย่างละเอียด ภายในใจนึกพอใจชายหนุ่มตรงหน้าอย่างยิ่ง
ปีนี้อาการโรคหัวใจเธอกำเริบหลายครั้ง สามีไม่รู้แต่เธอรู้ดี ปีนี้เธอรู้สึกหายใจไม่ค่อยสะดวกเท่าไร ไม่เหมือนปีก่อนๆ
เคยได้ยินคนบอกว่า คนที่เป็โรคหัวใจจะเสียชีวิตง่าย
สามีเธออายุมากแล้ว จะอยู่ไปได้อีกสักกี่ปี
หากเธอกับสามีไม่อยู่แล้ว หลานชายหลานสาวก็จะไม่มีที่พึ่ง ถึงวันนั้น หวางลี่ลี่แม่ดอกบัวขาวนั่นต้องมาแก้แค้นหลานๆ ของเธอแน่ ซ่งมู่ไป๋คนนี้หน้าที่การงานก็ดี พึ่งพาได้ ทั้งยังจิตใจดี หากได้อีกฝ่ายคอยดูแลหลานๆ เธอก็วางใจ
รอให้หลานสาวของเธออายุมากกว่านี้สักสองปีค่อยลองพูดคุยดู
พอถึงตอนที่เธอกับสามีจากไป หลานชายหลานสาวจะได้มีที่พึ่ง
คิดได้ดังนั้น เธอยิ่งรู้สึกพอใจในตัวมู่ไป๋คนนี้ สายตาที่มองก็อ่อนโยนขึ้นกว่าเดิมมาก
“มู่ไป๋ ดื่ม” คุณตาชูแก้วเหล้าขึ้น
ซ่งมู่ไป๋ยกแก้วเหล้าขึ้นชนกับคุณตา “คุณตา ผมดื่มไม่ค่อยเก่ง คุณตาตามสบายเลยครับ ผมขอรับไว้แค่น้ำใจ”
“ได้ ตามสบายนะ”
ซ่งมู่ไป๋ยกแก้วเหล้าขึ้นจิบคำเล็กๆ ก่อนจะเริ่มกินข้าวและพูดคุย
ต่อมาไม่นานเขาก็ทราบสถานการณ์ทั้งหมดภายในบ้านอู๋
เซี่ยโม่มองชายหนุ่ม เธอรู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่น่าดื่มเหล้าไม่เก่งตามกล่าวอ้าง คนดื่มเหล้าไม่เป็ หากดื่มเหล้าขาวเข้าไปจะรู้สึกร้อนในลำคอ ทว่าสีหน้าของชายหนุ่มกลับมีแต่ความเรียบเฉย
เธอคิดไปคิดมา สงสัยเพราะอีกฝ่ายเพิ่งเคยมาที่นี่ครั้งแรก ไม่อยากให้คุณตาคุณยายมีภาพจำไม่ดีเกี่ยวกับตัวเอง เลยบอกว่าตัวเองดื่มไม่เก่งกระมัง
แต่ละคำถามที่ซ่งมู่ไป๋ถามออกมา ฟังเผินๆ เหมือนคำถามที่แสดงความห่วงใยธรรมดา หากแท้จริงแล้วกำลังแอบถามถึงสถานการณ์ความเป็ไปในบ้าน
ครึ่งชั่วโมงต่อมาทุกคนก็กินอิ่ม
เซี่ยโม่เก็บโต๊ะโดยมีซ่งมู่ไป๋คอยช่วย
“มู่ไป๋ ปล่อยให้โม่โม่จัดการเองเถอะ” คุณตาเอ่ยห้าม
หากคุณยายกลับแย้ง “ตาแก่ เื่ของเด็กๆ เขา เราอย่าไปยุ่งเลย ปล่อยให้เด็กๆ เขาจัดการกันเองเถอะ”
คุณตาชะงัก ไม่เข้าใจว่าภรรยาหมายความว่าอย่างไร
พวกเขาสองสามีภรรยาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมานาน เขาเลยเชื่อว่าภรรยาไม่มีทางทำให้แขกลำบากใจ
เพราะไม่อยากให้ภรรยาเสียหน้า เขาจึงพยักหน้าพลางเอ่ย “งั้นก็แล้วแต่เด็กๆ ก็แล้วกัน”
ด้วยกลัวแขกหนุ่มจะรู้สึกไม่พอใจ คุณตาจึงเอ่ยออกมาว่า “ยายแก่ของฉันแก่แล้ว เริ่มเลอะเลือน เธออย่าถือสาเลยนะ”
ซ่งมู่ไป๋ยิ้มพร้อมกับตอบ “คุณตา หลังกินข้าวเสร็จผมเองก็ชอบทำนู่นทำนี่เหมือนกัน ที่คุณยายพูดมาตรงกับใจผมพอดีครับ”
คุณตาได้ฟังเช่นนั้นก็รู้สึกโล่งใจ “งั้นก็ดีแล้ว”
หลังจากเฉินเฟิงตัวน้อยช่วยเก็บจานชามและตะเกียบเสร็จก็ออกไปวิ่งเล่นตามประสา
ซ่งมู่ไป๋ยืนพิงประตูห้องครัวมองเด็กสาวล้างจาน ต้องขอบอกเลยว่า เด็กสาวล้างจานได้คล่องแคล่วมาก
มือของเด็กสาวขาวเนียนประหนึ่งงานฝีมืออันประณีต แต่กลับต้องมาทำงานบ้านเช่นล้างจาน เขาจึงอดเป็ห่วงไม่ได้
ครั้นเซี่ยโม่เห็นว่าคุณตาคุณยายไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วย เอ่ยถามซ่งมู่ไป๋ด้วยเสียงไม่ดังนัก “พี่ซ่ง พี่ทำงานในสถานีรถไฟ หากฉัน้าซื้อของโดยไม่ต้องใช้คูปอง พี่สามารถช่วยฉันได้ไหมคะ”
ชายหนุ่มพยักหน้า พูดเสียงเบาตอบกลับไปว่า “ได้ เธอ้าจะซื้ออะไรล่ะ”
ตอนนี้เธอมีเงินแค่สิบหยวน จะไปพอซื้ออะไรได้?
ใบหน้าเธอขึ้นสีแดงเล็กน้อย ไม่ได้ตอบคำแต่กลับถามต่อว่า “แล้วถ้าอยากขายของ ขายได้ไหมคะ”
ซ่งมู่ไป๋มองเด็กสาวนิ่ง ดูจากการแต่งตัวและฐานะทางบ้าน ไม่เหมือนคนที่จะมีของดีพอนำออกมาขายได้เลย หรือเด็กสาวเข้าใจผิดว่าพวกผักในสวนภายในบริเวณบ้านคือของดีที่สามารถนำไปขายได้?
เดือนนี้คือเดือนเจ็ด สวนของบ้านไหนบ้างที่ผักไม่เจริญงอกงาม นำไปขายที่สหกรณ์ก็ได้แค่ไม่กี่หยวน
เช่นนั้นเด็กสาวหมายความว่าอย่างไร
“ก็ต้องดูก่อนว่าของสิ่งนั้นคืออะไร”
เซี่ยโม่ล้างจาน ชาม และตะเกียบเสร็จเรียบร้อยพอดี เธอไม่ได้ตอบคำถามเมื่อครู่ แต่เปลี่ยนเป็ถามอย่างเป็ห่วงว่า “พี่ซ่ง พี่จะกลับเมื่อไรคะ”
ซ่งมู่ไป๋ยังไม่อยากกลับ หากนี่เป็ครั้งแรกที่เขามาที่นี่ หากอยู่ต่อเกรงจะดูไม่ดี
“เดี๋ยวก็กลับแล้ว ตอนบ่ายฉันยังมีธุระอีก” เขาเอ่ยตอบ
“งั้นเดี๋ยวฉันไปส่งค่ะ ตอนบ่ายฉันเองก็ต้องไปทำธุระที่หมู่บ้านเชาหยางเหมือนกัน”
เขาทำงานอยู่ในสถานีรถไฟเลยพอจะรู้เื่ราวความเป็ไปของหมู่บ้านต่างๆ แถวนี้อยู่บ้าง ยิ่งก่อนหน้านี้เขาสืบเื่ที่เกิดขึ้นกับเด็กสาวมาหมดแล้ว หมู่บ้านที่เด็กสาวบอกว่าจะไปทำธุระคือหมู่บ้านที่บิดาของเธออาศัยอยู่
ทำให้เขานึกอะไรขึ้นมาได้ “เธอจะไปขอคำอธิบายใช่ไหม”
ผู้ชายคนนี้ฉลาดจริงๆ
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสายตาคมปราดของชายหนุ่ม เซี่ยโม่ทำได้แค่พยักหน้ารับ “ค่ะ ฉันยอมไม่ได้จริงๆ ผู้ใหญ่บ้านของหมู่บ้านเชาหยางเป็คนดีและยุติธรรม ฉันเลยจะไปขอความยุติธรรมกับเขา”
แม่ดอกบัวขาวนั่นให้ความสำคัญกับเื่ชื่อเสียงและหน้าตามากไม่ใช่หรือ
ในเมื่ออีกฝ่ายทำแบบนี้กับเธอ ก็เตรียมพร้อมรับการเอาคืนจากเธอได้เลย
อู๋กวงเต๋อรู้ทันทีว่าหลานสาว้าจะทำอะไร อาศัยความกล้าจากเหล้าที่ดื่มเข้าไป พูดสนับสนุนว่า “โม่โม่ ตาไปด้วย”
ใบหน้าที่เคยมีรอยยิ้มประดับอยู่ของซ่งมู่ไป๋แปรเปลี่ยนเป็แข็งกร้าวดุดัน ในแววตาเต็มไปด้วยไฟแห่งโทสะ “คุณตา โม่โม่ เดี๋ยวผมไปเป็เพื่อนครับ”
“พี่ซ่ง แต่เมื่อกี้พี่บอกว่ามีธุระไม่ใช่เหรอคะ”
“ฉันไม่รีบ ไปเป็เพื่อนเธอกับคุณตาก่อนแล้วค่อยไปทำธุระต่อก็ไม่สาย”
อู๋กวงเต๋อตบไหล่ซ่งมู่ไป๋อย่างถูกอกถูกใจ “พ่อหนุ่ม ฉันดูเธอไม่ผิดจริงๆ!”
พูดว่าจะไปก็ไปเลยทันที ทั้งสามคนมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านเชาหยาง
เมื่อไปถึง เวลานี้เป็เวลาที่ทุกคนออกไปทำงาน ในหมู่บ้านเลยมีคนไม่มาก
ทั้งสามคนถามจากชาวบ้านแถวนั้นจนได้รู้ว่า คนในหมู่บ้านกำลังไปถางหญ้าที่ไร่ข้าวโพดซึ่งตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของหมู่บ้าน
ทั้งสามคนเดินไปยังไร่ข้าวโพด อู๋กวงเต๋อเอ่ยถามชาวบ้านที่กำลังถางหญ้าว่า “ผู้ใหญ่บ้านอยู่ไหม”
ชาวบ้านคนนี้หันไปทางไร่ข้าวโพดเพื่อะโเรียกผู้ใหญ่บ้านให้ “ผู้ใหญ่บ้าน มีคนมาหา”
ต่อมามีเสียงสวบสาบเหมือนคนกำลังเดินอยู่บนหญ้าดังขึ้น ก่อนที่ชายชราคนหนึ่งจะเดินออกมาจากไร่ข้าวโพด
ชายชราคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น คือผู้ใหญ่บ้านที่เซี่ยโม่เคยไปขอความเป็ธรรมเมื่อครั้งที่แล้วนั่นเอง
เธอเดินเข้าไปทักทาย “คุณปู่ หนูเองค่ะ”
“เราเองเหรอ มีธุระงั้นหรือ”
“คุณปู่คะ คุณพ่อกับแม่เลี้ยงสมคบคิดกับพวกลักพาตัวค่ะ”
จบประโยคนี้ไม่เพียงแต่ผู้ใหญ่บ้าน แม้แต่อู๋กวงเต๋อ ซ่งมู่ไป๋ และชาวบ้านที่ถางหญ้าอยู่ในไร่ข้าวโพดต่างตาโตอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง
อู๋กวงเต๋อกับซ่งมู่ไป๋นึกว่าที่เซี่ยโม่มาหาผู้ใหญ่บ้าน เพราะ้ามาขอคำอธิบาย ไม่คิดว่าจะมาเพื่อบอกข้อหาที่ตั้งขึ้นเองแก่อีกฝ่าย
แม้ยุคนี้พวกลักพาตัวจะไม่ถูกตัดสินปะาชีวิต แต่หากเื่นี้ถูกเผยแพร่ออกไปก็มีแต่จะถูกคนอื่นดูถูกเหยียดหยาม
เซี่ยโม่จงใจ เธอ้าให้ชื่อเสียงของแม่ดอกบัวขาวถูกทำลาย ทุกคนจะได้เห็นธาตุแท้ว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนดีอย่างที่เห็น
ทั้งยัง้าให้บิดาแท้ๆ ของเธอรู้อีกว่า กระต่ายหากจนปัญญาจริงๆ มันก็สามารถกัดคนได้เหมือนกัน
สีหน้าของผู้ใหญ่บ้านขรึมลงหลายส่วน “มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
ขณะที่เซี่ยโม่กำลังจะเล่าเื่ที่เกิดขึ้น อู๋กวงเต๋อกลัวว่าหลานสาวจะเล่าไม่ชัดเจนจึงเป็ฝ่ายเล่าแทน “คือเื่มันเป็แบบนี้ หวางลี่ลี่ร่วมมือกับหลานชาย ขายโม่โม่ให้หลานชายตัวเองแลกกับเงินหนึ่งร้อยหยวน เช้าวันนี้หลานชายของหวางลี่ลี่พาพวกไปดักรอโม่โม่ระหว่างทาง โชคดีที่คนในหมู่บ้านช่วยเหลือได้ทัน เลยจับตัวพวกมันเอาไว้ได้ ตอนนี้ถูกพาตัวไปโรงพักแล้ว”
“คือเื่จริงเหรอ”
“คือเื่จริง หลานชายของหวางลี่ลี่เป็คนบอกกับทุกคนเอง”
อู๋กวงเต๋อไม่ได้เล่าเื่ที่หวางหมาจื่อบอกว่า บิดาของเซี่ยโม่้าให้เซี่ยโม่แต่งงานด้วยออกไป เขาจงใจบอกในทำนองว่าเป็การซื้อขาย
โบราณกล่าวไว้ว่า ขิงแก่มักจะเผ็ด เซี่ยโม่รู้สึกนับถือคุณตาเหลือเกิน
ดวงตาของผู้ใหญ่บ้านเต็มไปด้วยอารมณ์โกรธ “เซี่ยฟู่กุ้ย ก่อเื่อะไรอีกแล้วหรือเนี่ย”
ก่อนจะะโเข้าไปในไร่ข้าวโพด “เซี่ยฟู่กุ้ย ไสหัวออกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
ไม่นานก็มีเสียงตอบกลับมาจากไร่ข้าวโพดไกลๆ “ผู้ใหญ่บ้าน เรียกผมเหรอ”
ผู้ใหญ่บ้านะโกลับไปด้วยน้ำเสียงโกรธอย่างถึงที่สุด “แกรีบไสหัวออกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ ชื่อเสียงของตระกูลเซี่ยถูกแกทำลายจนป่นปี้หมดแล้ว!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้