ในราชวงศ์เพลิง์ ข่าวแห่งชัยชนะของจักรพรรดิหลี่หวงได้แพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็ว ประชาชนทุกคนต่างพูดถึงการยึดครองราชวงศ์ขนนก ราชวงศ์ดาบ และการกวาดล้างนิกายหมัดสายฟ้าที่เกิดขึ้นในเวลาเพียงหนึ่งวัน เสียงสรรเสริญดังกึกก้องในทั่วทุกทิศทั่วทั้งราชวงศ์ ไม่ว่าจะเป็เมืองหลวงหรือเมืองชายแดน ผู้คนต่างชื่นชมในความกล้าหาญและความแข็งแกร่งของกองทัพของจักรพรรดิหลี่หวงรวมถึงตัวหลี่หวงเองด้วย
ในภาคเหนือ ไป๋เสวี่ย ซึ่งกำลังคุมงานในฟาร์มต่าง ๆ ของราชวงศ์ ก็ได้รับข่าวการเกี่ยวกับานี้ เมื่อได้ฟังเื่ราวทั้งหมด ไป๋เสวี่ยก็อดใไม่ได้ แต่ไป๋เสวี่ยเองก็ไม่ได้แปลกใจมากนัก เนื่องจากนางเคยเห็นพลังอันยิ่งใหญ่ของกองทัพหลี่หวงมาแล้วครั้งหนึ่ง ทั้งความแข็งแกร่งและความเด็ดขาด การจะยึดครองกองกำลังเ่าั้จึงไม่ใช่เื่ที่เหนือความคาดหมายของนางแต่นางไม่คิดว่ามันจะเร็วขนาดนี้
เสียงสรรเสริญถึงหลี่หวงดังก้องไปทั่ว ราชวงศ์เพลิง์ราวกับลมพัดที่ไม่มีวันสงบ เสียงของประชาชนในทุกเมืองดังขึ้นถึงความสำเร็จของหลี่หวง ชายหนุ่มหญิงสาว รวมถึงเด็ก ๆ ต่างกล่าวถึงหลี่หวงในฐานะพระเ้าของพวกเขาเลย
ภายในห้องส่วนพระองค์ เสียงแจ้งเตือนจากระบบดังขึ้น ขณะหลี่หวงอ่านรายงานต่าง ๆ และวางแผนพัฒนาต่างอยู่
[ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ ที่ได้รับแต้มสังหารจากการยึดครองราชวงศ์ขนนก ราชวงศ์ดาบ และนิกายหมัดสายฟ้า รวมถึงสังหารผู้คนไปมากมาย และยึดครองทวีปดาราได้ รวมทั้งหมด 5,920,951,980 แต้ม]
[แต้มสังหารทั้งหมด: 6,378,299,990 แต้ม]
หลี่หวงยิ้มเล็กน้อย ก่อนเอ่ยสั่งด้วยเสียงเรียบเยือกเย็น “อัพเกรดระบบซะ”
[รับทราบโฮสต์ ระยะเวลาในการอัพเกรดระบบ: 7 วัน]
[แต้มสังหารทั้งหมด: 1,378,299,990 แต้ม]
หลี่หวงพยักหน้าเบาๆ และทันใดนั้นเอง เงาทมิฬคนหนึ่งได้ก้าวเข้ามาในห้องพร้อมคัมภีร์ที่บันทึกข้อมูลเกี่ยวกับโลกใบนี้เอาไว้ หลี่หวงหยิบคัมภีร์และเปิดอ่านทันที
โลกใบนี้มีนามว่า โลก์ทั้งเก้า ซึ่งถูกแบ่งออกเป็ทวีปต่างๆ มากมาย แต่ละทวีปมีระดับที่แตกต่างกันไป มีการระดับแบ่งออกเป็ทวีประดับต่ำ ทวีประดับกลาง ทวีประดับสูง และทวีประดับสูงสุดคือทวีประดับจักรพรรดิซึ่งมีทั้งหมดเก้าแห่ง ตามชื่อของ โลก์ทั้งเก้า ทวีปจักรพรรดิเหล่านี้ครอบคลุมทวีประดับอื่นๆ ไว้มากมาย ทวีปดาราซึ่งหลี่หวงอยู่นั้นถือเป็เพียงทวีประดับต่ำเท่านั้น
เมื่ออ่านไปเรื่อยๆ หลี่หวงพบว่าตนเองอยู่ในทวีปจักรพรรดิจันทราสีม่วง หนึ่งในทวีปจักรพรรดิทั้ง 9 แห่งที่ถูกปกครองโดย ดินแดนศักดิ์สิทธิ์จันทราสีม่วง ดินแดนศักดิ์สิทธิ์จันทราสีม่วงนี้มีชื่อเสียงด้านความแข็งแกร่งและเป็กองกำลังที่ทุกคนปรารถนาจะเข้าร่วมด้วย แต่นอกจากข้อมูลเหล่านี้ยังไม่มีข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับทวีปจักรพรรดิอื่นๆ ที่เหลืออยู่ เพราะแต่ละทวีปจักรพรรดิมีอาณาเขตที่กว้างใหญ่ไพศาลเป็อย่างมาก แม้แต่ผู้ที่มีระดับการบ่มเพาะถึงขั้นนักบุญก็ยังต้องใช้เวลาหลาย 10 ปีในการสำรวจทวีปจักรพรรดิจันทราสีม่วงทั้งหมด
หลี่หวงอ่านและคิดคำนวณถึงสถานการณ์ต่างๆ ในทวีปดารา ทวีปนี้มีพรมแดนทิศเหนือติดกับทะเล ส่วนพรมแดนทิศอื่น ๆ ทั้งตะวันตก ใต้ และตะวันออก มีพื้นที่ติดกับทวีประดับต่ำอื่น ๆ อีกสามแห่ง ทวีปเ่าั้มีกองกำลังอ่อนแอ ไม่แตกต่างจากกองกำลังที่เขาพึ่งทำลายไปก่อนหน้านี้ แต่เขาไม่ได้สนใจที่จะโจมตีหรือยึดครองทวีปเ่าั้ในเวลานี้
เขารู้ดีว่าการสร้างความมั่นคงในราชวงศ์เพลิง์คือสิ่งที่สำคัญที่สุด รากฐานของราชวงศ์จะต้องแข็งแกร่ง ทั้งด้านการพัฒนาเศรษฐกิจ การเกษตร ความเป็อยู่ และอื่นๆ เพื่อทำให้ผู้คนในทวีปดารานี้สามารถใช้ประโยชน์ได้โดยหลี่หวงเอง เขาจึงตั้งใจจะใช้เวลาให้กับการสร้างรากฐานให้กับราชวงศ์ของเขาเสียก่อน
นอกจากนี้ ในใจของหลี่หวงยังมีความเชื่อว่า ระบบ อาจจะไม่อยู่กับเขาตลอดไป หรือไม่ก็เมื่อถึงจุดหนึ่ง มันอาจจะไม่สามารถสนับสนุนหรือช่วยเหลือเขาได้อีกต่อไป เขาจึงตั้งใจที่จะสร้างราชวงศ์ที่แข็งแกร่งไปพร้อมกับการช่วยเหลือจากระบบ เขาไม่้าพึ่งพาระบบเพียงอย่างเดียว
ณ ยอดเขาสูงเสียดฟ้าในดินแดนศักดิ์สิทธิ์จันทราสีม่วง บรรยากาศที่นี่เงียบสงบและเย็นสบาย ชายสองคนกำลังเล่นหมากรุกอย่างสงบสุข แต่ทันใดนั้น เสียงของศิษย์คนหนึ่งที่รีบพุ่งเข้ามาที่นี่ด้วยท่าทางที่ร้อนรน เขาคุกเข่าลงหน้าชายที่นั่งเล่นหมากรุกก่อนจะรายงานว่า
“ศิษย์พี่หลี่ สายลับที่ท่านทิ้งไว้ที่ราชวงศ์เพลิง์…ขาดการติดต่อทั้งหมดแล้วขอรับ”
ชายที่นั่งอย่างสง่างามบนเก้าอี้หมากรุกค่อย ๆ ยกมุมปากยิ้มบางเบา ก่อนจะเอ่ยเสียงเ็า “เ้าไม่ต้องรายงานเื่ไร้สาระนี้ให้ข้าฟัง ทวีประดับต่ำเช่นนั้น…ไม่อยู่ในสายตาข้าอีกต่อไปแล้ว..”
ศิษย์คนนั้นตัวสั่นเล็กน้อยเมื่อได้ยิน ก่อนที่ศิษย์คนนั้นจะตอบรับอย่างนอบน้อม “รับทราบขอรับ” จากนั้นก็ถอยกลับไปอย่างเงียบ ๆ และระมัดระวัง
ในทวีประดับกลางแห่งหนึ่งกลุ่มคนมากมายที่มีระดับการบ่มเพาะต่ำสุดคือการหลุดพ้นกำลังไล่ตามรถม้าสีทองคันหนึ่งอยู่ ทันใดนั้นเองเสียงะเิและควันไฟพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าจากการโจมตีของนักบุญคนหนึ่ง แต่ทว่ารถม้าสีทองคันนั้นวิ่งทะลุควันดำออกมาด้วยความเร็วสูงสุดมาก ทำให้ผู้ที่ไล่ตามถึงกับตะลึงและปล่อยให้มันหนีไปได้
ชายร่างอ้วนในกลุ่มที่ไล่ล่ารถม้าเอ่ยขึ้นด้วยเสียงที่หงุดหงิด “ตามข้ามาเร็ว!”
ผู้ติดตามที่ได้ยินคำสั่งรีบบินติดตามไปทันที แม้พวกเขาจะไม่รู้ว่าเหตุใดรถม้าคันนั้นถึงต้องมุ่งหน้าสู่ดินแดนห่างไกลเช่นนี้แทนที่จะเป็ดินแดนระดับสูงแทน