เหยียนอู๋อวี้รออยู่หน้าประตู ถงซวงเอ๋อร์ผู้ได้รับเชิญไปที่นั่นเช่นกันก็รีบรุดไปในเวลาเดียวกัน
นางเห็นเหยียนอู๋อวี้ยืนอยู่ที่ประตูจากระยะไกลแล้วพลันอดสะดุ้งใไม่ได้ ชั่วขณะนั้นนางคิดถึงการตายของเนี่ยเจินขึ้นมา
“กงกง ซูเฟยขอให้ข้ามาเสวยพระกระยาหารกับนาง” นางไม่รู้ว่าจะจัดการกับเหยียนอู๋อวี้อย่างไร จึงเลือกที่จะเพิกเฉยและเดินไปหาหัวหน้าขันทีพร้อมเอ่ยอย่างสุภาพ
สีหน้าของขันทีที่เฝ้าประตูพลันเปลี่ยนไปทันที เขารีบเชิญถงซวงเอ๋อร์เข้าไปด้านในด้วยท่าทีนอบน้อม
ทันทีที่ขันทีเฝ้าประตูปิดประตูลง เหยียนอู๋อวี้ยังคงถูกขวางให้ยืนอยู่บริเวณหน้าประตูดังเดิม
“บ่าวรับใช้ผู้นี้----” ป้าโฉ่วโกรธมากเสียจนกระทืบเท้าแล้วกล่าวว่า “นางให้นายหญิงรออยู่หน้าประตู แล้วเหตุใดถงซวงเอ๋อร์จึงเข้าไปได้? จงใจหาเื่กันชัดๆ ช่าง......”
“ป้าโฉ่ว ช่างเถิด!” หลังจากเหยียนอู๋อวี้กระแอม ดวงตาของนางพลันมั่นคงขึ้นและกล่าวว่า “ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อ่ชิงความโปรดปราน ฮวารั่วซีจงใจละเลยข้าเพื่อยกตนข่มผู้อื่น ข้าบริสุทธิ์ใจต่อนาง ผู้ที่หัวเราะเป็คนสุดท้าย จะต้องเป็ข้า!”
“นายหญิง ให้ข้าไปนำอาหารร้อนๆ มาให้ท่านอบอุ่นร่างกายหน่อยเถิด!” เมื่อนางเห็นใบหน้าซีดเซียวของเหยียนอู๋อวี้ ป้าโฉ่วจึงรีบตรวจชีพจรของเหยียนอู๋อวี้อย่างรวดเร็วก่อนจะนิ่งไปชั่วขณะ ท่าทางใ หากเป็เช่นนี้ต่อไป เกรงว่านางอาจจะหมดสติลงได้
“ไม่ต้อง” เหยียนอู๋อวี้กัดฟันส่ายศีรษะ
แม้ว่าร่างกายของนางจะรู้สึกไร้เรี่ยวแรงซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทว่านางก็ไม่คิดยอมแพ้ง่ายๆ
ครึ่งชั่วยามต่อมา ในที่สุดป้าโฉ่วก็ได้ประคองนางก้าวเข้าสู่ตำหนักิ่ซิ่ว
ฮวารั่วซียิ้มอย่างมีมารยาทพร้อมกล่าวอย่างสุภาพว่า “หลายวันก่อน ข้าสะเพร่าจนเกือบจะสังหารสนมเหยียน ดังนั้นวันนี้ข้าจึงไม่กล้าเชิญเ้ามารับประทานอาหารเย็นกับข้า เกรงว่าจะเกิดเื่ไม่ดีขึ้นอีก”
“หม่อมฉันไม่กล้าตำหนิซูเฟยเพคะ หม่อมฉันควรจะมาเยี่ยมพระสนมเสียตั้งนานแล้ว เพียงแต่่สองวันที่ผ่านมาหม่อมฉันไม่มีเวลาว่าง จึงได้มาเยี่ยมพระสนมในยามนี้” เหยียนอู๋อวี้กล่าวด้วยท่าทีนอบน้อมที่สนมโดยทั่วไปพึงกระทำ
“ไม่เป็ไร” ฮวารั่วซีเอ่ยพลางจ้องไปทางถงซวงเอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้างนางพลางกล่าวว่า “ฝ่าาให้หมอหลวงตรวจสอบเื่ที่เนี่ยซิ่วหนี่ว์ถูกพิษอย่างละเอียด เดิมทีหมอหลวงเป็ผู้รับบัญชา ทว่าข้าเป็ผู้ดูแลตำหนักหลัง ไม่อาจเลี่ยงความรับผิดชอบไปได้ เพราะฉะนั้นวันนี้ข้าจึงตามเ้ามาเพื่อสอบถามเื่นี้ หากได้ข้อสรุปคงจะดี”
ถงซวงเอ๋อร์ซึ่งยังคงนั่งอยู่บนที่นั่ง เข้าใจได้ในทันทีพลางคุกเข่าลงบนพื้นพร้อมกล่าวว่า “ขอให้ซูเฟยโปรดให้ความเป็ธรรมด้วย เมื่อวานสนมเหยียนสั่งให้คนนำอาหารมาให้ เนื่องจากหม่อมฉันไม่หิว จึงมิได้แตะต้องอาหารเ่าั้เลยแม้แต่น้อย ทว่าเนี่ยซิ่วหนี่ว์ นาง......”
“ถงซิ่วหนี่ว์ เมื่อวานนี้ฝ่าากล่าวว่าพระองค์ทรงเชื่อในตัวข้าแล้ว วันนี้เหตุใดถงซิ่วหนี่ว์จึงยังคิดสร้างปัญหาต่อหน้าซูเฟยอีกหรือ?”
ดวงตาของเหยียนอู๋อวี้พลันแปรเปลี่ยนเป็สีแดงระเรื่อ น้ำตาไหลอาบแก้ม “ซูเฟยต้องให้ความยุติธรรมแก่หม่อมฉันนะเพคะ”
ฮวารั่วซีขมวดคิ้วและสงสัยว่า “วังหลวงแห่งนี้ก็มีกฎเกณฑ์ของวังหลวง อย่างที่กล่าวไปแล้วว่า ฝ่าาสั่งให้ตรวจสอบเื่นี้ ดังนั้นข้าจึงต้องเริ่มตรวจสอบั้แ่ต้นใหม่ทั้งหมด เมื่อคืนนี้นางกำนัลที่มาส่งโจ๊กเองก็เอ่ยเช่นกันว่าเป็คำสั่งของน้องหญิง”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เหยียนอู๋อวี้จึงเอ่ยขึ้นมาทันทีว่า “ทว่า่เวลานั้น หม่อมฉันอยู่กับฝ่าาตลอดเวลามิได้ห่างกายพระองค์เลย สำหรับเื่นี้ซูเฟยสามารถเรียกเว่ยกงกงมาไต่ถามดูได้เพคะ อีกทั้งซูเฟยเองก็เคยไปที่นั่นด้วย”
ฮวารั่วซีคิดถึงความอับอายเมื่อวานขึ้นมาทันที ซ่งอี้เฉินขับไล่นางออกไปต่อหน้าทุกคน จนกลายเป็าแลึกภายในใจของนาง ยามนี้นางถูกกระตุ้นความรู้สึกนั้นขึ้นมาอีกครั้ง นางจึงกล่าวเสียงเย็น “ยามนี้น้องหญิงเป็สนมที่ฮ่องเต้ทรงโปรดปรานอย่างยิ่ง ดังนั้นบางเื่ไม่จำเป็ต้องเอ่ยออกมาก็จะมีบ่าวรับใช้จัดการให้เอง นอกจากนี้ข้ายังได้ยินมาว่าก่อนหน้านี้น้องหญิงกำลังมีความขัดแย้งกับถงซิ่วหนี่ว์และเนี่ยซิ่วหนี่ว์อีกด้วย”
เหยียนอู๋อวี้ตอบกลับทันที “หากมีความขัดแย้ง จำเป็ต้องฆ่ากันด้วยหรือ? เช่นนั้นหม่อมฉันก็เคยทำให้ซูเฟยต้องขุ่นเคืองพระทัย เช่นนั้นก็หมายความว่าที่หม่อมฉันถูกวางยาพิษเมื่อสองสามวันก่อนก็เป็ความตั้งใจของซูเฟยด้วยใช่หรือไม่เพคะ? อย่างไรเสียนายหญิงที่มีอำนาจในตำหนักหลัง คงไม่จำเป็ต้องลงมือเอง!”
“บังอาจ!” ฮวารั่วซีตบโต๊ะ “ไทเฮาได้ตัดสินคดีวางยาพิษของเ้าไปชัดเจนแล้ว การที่เ้าเอ่ยเช่นนี้ เ้ากำลังสงสัยต่อการตัดสินพระทัยของไทเฮาเช่นนั้นหรือ”
“รับสั่งของไทเฮา ข้าย่อมเชื่อฟังอย่างแน่นอน ทว่ารับสั่งของฮ่องเต้ไม่ต้องเชื่อฟังเช่นนั้นหรือ?” เหยียนอู๋อวี้ปฏิเสธที่จะยอมประนีประนอม “ฝ่าาทรงมีรับสั่งให้กักบริเวณซูเฟย ทว่าพระสนมกลับมิได้กักบริเวณ กลับไปร้องไห้คร่ำครวญกับไทเฮา เช่นนี้นับว่าเป็การฝ่าฝืนคำสั่งของฮ่องเต้หรือไม่!”
“ฝ่าามิได้ติดใจเอาความเื่นี้แล้ว เ้ายังเอ่ยขึ้นมาอีก สนมชั้นต่ำเช่นเ้ากล้าดีอย่างไรโต้เถียงกับซูเฟยของฝ่าา เช่นนี้ถือเป็การไม่เคารพกฎ!”
ถงซวงเอ๋อร์เป็พวกเดียวกับฮวารั่วซี ดังนั้นนางจึงเริ่มกล่าวเสริมทันที “ตามกฎของวังหลวง ต้องลงโทษด้วยการโบยห้าสิบไม้เสียก่อน”
ขณะถงซวงเอ๋อร์เอ่ย ดวงตาของนางเปล่งประกายเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
เมื่อวานนางถูกลงโทษให้คุกเข่าทั้งวัน และในที่สุดวันนี้ก็ได้เห็นเหยียนอู๋อวี้ถูกลงโทษเช่นกัน
“หือ?” สีหน้า้าความชอบธรรมของเหยียนอู๋อวี้หายไปทันที เผยให้เห็นท่าทางหวาดกลัวพร้อมกล่าวด้วยความประหลาดใจว่า “ที่แท้ในวังหลวงก็มีการลงโทษผู้ที่ไม่รู้กฎเคารพผู้าุโด้วยการโบยหรือนี่!”
ถงซวงเอ๋อร์ที่คิดว่าเหยียนอู๋อวี้ขี้ขลาด จึงกล่าวโดยไม่ทันคิดว่า “แน่นอน ไม่เพียงเท่านั้น ได้ยินว่าเมื่อวานเ้าพบกับซูเฟยแล้วไม่ได้ทำความเคารพ ดังนั้นจึงต้องเพิ่มโทษโบยอีกห้าสิบไม้!”
ทางด้านฮวารั่วซีซึ่งเดิมทีมีท่าทีลำพองใจ ทว่าเมื่อได้ยินถงซวงเอ๋อร์เอ่ยขึ้นมาพลันรู้สึกปวดศีรษะทันที หากวันนี้นาง้าลงโทษเหยียนอู๋อวี้ คาดว่าคงต้องลงโทษถงซวงเอ๋อร์ด้วยเช่นกัน
“ถงซิ่วหนี่ว์ผู้นั้นเป็เพียงซิ่วหนี่ว์ที่ยังไม่มีตำแหน่ง เหตุใดพบนางจึงไม่ทำความเคารพ?” เหยียนอู๋อวี้เอ่ยถามเสียงต่ำแกมสงสัยเล็กน้อย “หรือว่าถงซิ่วหนี่ว์เองก็ไม่จำเป็ต้องทำตามกฎเกณฑ์ในวังหลวงเช่นนั้นหรือ?”
“พระสนม!” ถงซวงเอ๋อร์กล่าวใส่ร้ายเหยียนอู๋อวี้ในครั้งนี้เป็การหารือมาก่อนล่วงหน้าแล้ว นางจึงไม่ได้สังเกตว่าสิ่งที่เรียกว่าไม่เคารพต่อผู้าุโนั้นรวมไปถึงนางด้วย!
โบยห้าสิบไม้ เป็การลงโทษที่ไม่เบาเลยทีเดียว
สำหรับถงซวงเอ๋อร์ผู้ที่ถูกเลี้ยงดูอย่างสุขสบาย ถือเป็การเอาชีวิตของนางได้เลยในครั้งนี้
“ดังนั้น เพื่อความยุติธรรม ให้ลากทั้งสองคนลงไป” แม้ว่าเสียงของฮวารั่วซีจะมีความลังเลเล็กน้อยและคล้ายจะอดกลั้นไม่ไหว ทว่านางยังคงออกคำสั่งเสียงชัดเจน “วันนี้หากไม่จัดการให้เรียบร้อย ในอนาคตจะต้องสร้างความเสื่อมเสียครั้งใหญ่ ถึงเวลานั้นคงไม่อาจโทษโบยห้าสิบไม้ได้แล้ว!”
ป้าโฉ่วขยับตัวและกำลังจะกล่าวขอร้องอ้อนวอนเพื่อเหยียนอู๋อวี้ ทว่ากลับถูกห้ามไว้
นางเห็นเหยียนอู๋อวี้แอบส่ายศีรษะให้ป้าโฉ่วพลางเอ่ยว่า “ซูเฟยเป็นายหญิงใหญ่ในตำหนักหลัง และการสั่งสอนกฎระเบียบในวังหลวงให้แก่หม่อมฉันนั้นเป็หน้าที่ ขอบพระทัยในความเมตตาของซูเฟยเพคะ”
หลังจากนางเอ่ยจบจึงดึงตัวนางกำนัลที่อยู่ข้างๆ ให้ลุกขึ้นยืนช้าๆ
ในเมื่อวันนี้นางมาที่นี่แล้ว เดิมทีก็ไม่คิดว่าจะกลับไปในสภาพที่ปกติเช่นเดิม การถูกโบยห้าสิบไม้ ก็เพียงแค่ทิ้งรอยแผลเป็บนิัที่สวยงามนี้เท่านั้น ไม่ว่าความเ็ปจะรุนแรงเพียงใด นางจึงต้องอดทน
นางกำนัลสี่คนเข้าแถวกันที่ลานพระตำหนัก แต่ละคนถือไม้ยาวซึ่งหนาเท่าแขน
เหยียนอู๋อวี้นอนราบบนเก้าอี้ นางถอดเสื้อคลุมบนร่างกายของนางออกนานแล้ว ร่างกายอันบอบบางของนางสั่นสะท้านท่ามกลางลมหนาว เมื่อนางสบตากับฮวารั่วซีทำให้นางยิ่งรู้สึกเกลียดชังเพิ่มมากขึ้น
นางไม่อนุญาตให้ใครใช้วิธีของตนเอง ไม่ว่าคนผู้นั้นจะเหนือกว่าตนเองหรือไม่ก็ตาม
ในเมื่อเลียนแบบผู้อื่นสุ่มสี่สุ่มห้า ก็ต้องดูว่าตนเองมีวาสนานั้นหรือไม่
โบยไม้แรกลงไป เสียงร้องเ็ปแสนสาหัสดังขึ้นทะลุแก้วหู จากนั้นถงซวงเอ๋อร์พลันหมดสติไปด้วยความเ็ป
เหยียนอู๋อวี้จับเก้าอี้ไว้แน่น กัดริมฝีปากจนเืออก ทว่านางก็ยังไม่ส่งเสียงร้องสักแอะ
กระนั้นการลงโทษด้วยการโบยย่อมไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะทนได้
เหยียนอู๋อวี้ที่มีร่างกายค่อนข้างอ่อนแออยู่แล้ว ไม่นานภาพเบื้องหน้าของนางจึงเริ่มพร่าเลือน
ขอเพียงความอดกลั้นภายในใจหมดไป นางคงจะหมดสติไปนานแล้ว
ขณะที่นางแทบจะทนไม่ไหวอีกต่อไป เสียงะโว่าฮ่องเต้เสด็จพลันดังก้องไปทั่วลานพระตำหนัก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้