เว่ยเจ๋อิอาบน้ำที่หลังเรือนจากนั้นจึงทานข้าว วันนี้ลื้นของเขาแทบจะไม่รู้รสเลยว่าตนกินสิ่งใดเข้าไป ในหัวมีเพียงคำพูดของเถียนสวี่หลันวนเวียนซ้ำไปซ้ำมา
“นางร้องไห้เพราะคำพูดของข้าอย่างนั้นหรือ สตรีที่แสนร้ายกาจผู้นั้นเนี่ยนะ”
เว่ยเจ๋อิเข้านอนทั้งที่ภายในใจยังคงรู้สึกค้างคา บนเตียงเล็กเขาพลิกตัวไปมาทั้งคืนเพราะนอนไม่หลับ จนกระทั่งรุ่งสางได้ยินเสียงไก่ป่าขันดังแว่วอยู่ไกลๆ ร่างสูงจึงลุกขึ้นแต่งตัวโดยที่ยังไม่ได้หลับตานอนแม้สักนิด
เว่ยเจ๋อิออกจากเรือนไปั้แ่ที่ดวงตะวันยังไม่ขึ้น ในระหว่างที่เขาเดินผ่านตระกูลเถียน สายตาก็อดชำเลืองมองไปยังห้องนอนของเถียนสวี่หลันมิได้ ตอนนี้นางคงยังไม่ตื่นสินะ
ในระหว่างที่สายตาคมมองอยู่นั้น หน้าต่างห้องของนางก็ถูกเปิดออก เว่ยเจ๋อิที่ยืนอยู่หน้าเรือนตระกูลเถียนต้องรีบไปยืนแอบอยู่ด้านหลังต้นอู๋ถง แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าตนมิได้ทำสิ่งใดผิด เขาก็รู้สึกเก้อเขินขึ้นมาทันที
“ข้ากำลังทำบ้าอันใดอยู่กันแน่เนี่ย”
เว่ยเจ๋อิรีบออกมาจากด้านหลังต้นอู๋ถง ก่อนจะเดินมุ่งหน้าไปที่ทางเข้าหมู่บ้านเพื่อเดินทางไปยังสำนักศึกษา
“ท่านย่า ชาวบ้านเหล่านี้มาที่เรือนของเราด้วยเหตุใดหรือเ้าคะ”
เถียนสวี่หลันถามแม่เฒ่าจางด้วยใบหน้าใสซื่อ เหมือนนางไม่เคยรู้มาก่อนว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้
“จะอะไรเสียอีก ก็คนพวกนี้หาว่าหลันเอ๋อของย่าถูกผีเข้าน่ะสิ จึงได้พาซินแสมาที่นี่”
หลังจากแม่เฒ่าจางเอ่ยจบคนตระกูลเถียนก็มายืนขวางระหว่างนางและชาวบ้านเอาไว้ เถียนสวี่หลันเห็นเช่นนั้นนางก็รู้สึกอุ่นวาบในหัวใจทันที
เหตุใดชีวิตก่อนนางถึงมองไม่เห็นความรักความหวังดีที่พวกเขามีให้นางบ้างเลยนะ หลังจากที่ซ่งหยางเฉิงเดินทางเข้าไปในเมืองหลวง นางก็รีบตามเขาไปไม่แม้แต่จะคิดติดต่อกลับมาที่ตระกูลเถียนอีกเลย
นางนี่ช่างเป็คนเลวที่ลืมแม้แต่บุญคุณของคนในครอบครัวที่รักและปกป้องนางมาทั้งชีวิต หรือว่าเื่ที่เกิดกับนางทั้งหมดจะเป็เวรกรรมที่นางสมควรได้รับกัน
“แม่เฒ่าจาง ท่านอย่าปกป้องนางอีกเลย หากปล่อยเอาไว้เช่นนี้คนในหมู่บ้านจะอยู่อย่างไร พวกเขาทุกคนต่างก็หวาดกลัวนาง หากท่านไม่ให้ความร่วมมือเห็นทีว่าคนตระกูล เถียนคงจะอยู่ที่หมู่บ้านหนานซานไม่ได้อีกต่อไป”
สวีไค มีตำแหน่งเป็หัวหน้าหมู่บ้านและเป็บิดาของสวีม่านนี เอ่ยออกมาอย่างไม่รักษาน้ำใจ ปกติเขาก็ไม่ค่อยชอบคนตระกูลเถียนอยู่แล้ว เพราะคิดว่าพวกเขาเย่อหยิ่งและไม่เคยเห็นหัวหน้าหมู่บ้านอย่างตนอยู่ในสายตา
“เ้ากล้าหรือ”
บิดาของเถียนสวี่หลันเอ่ยขึ้น ในอดีตเขาเคยเป็คู่แข่งในสำนักศึกษากับสวีไค ทั้งสองไม่เคยพูดจาดีๆ ต่อกันสักครั้งเมื่อยามที่พบหน้า ยามนี้เถียนห่าวหยางแทบจะยั้งตนเองไม่ให้ทำร้ายสวีไคเอาไว้ไม่ได้ เพราะเขาถึงกับกล้ามาแตะต้องบุตรสาวสุดที่รักของตน
“เถียนห่าวหยาง เ้าคิดจะทำอันใด ตระกูลเถียนของเ้าไม่คิดที่จะอยู่ในหมู่บ้านนี้แล้วอย่างนั้นหรือ เ้าก็เห็นแล้วนี่ มิใช่ข้าที่กล่าวหาบุตรสาวของเ้า แต่เป็คนทั้งหมู่บ้าน”
สวีไคผายมือให้เถียนห่าวหยางดู เขาไม่อยากจะเชื่อบางคนเป็คนที่เคยมายืมเงินเขา บางคนยังไม่ได้ชดใช้เงินที่ยืมด้วยซ้ำ แม้แต่สหายที่เคยมีมิตรภาพที่ดีต่อกันก็ยังมาที่นี่เพื่อขับไล่บุตรสาวของเขา เถียนห่าวหยางโมโหจนใบหน้าแดงก่ำ พวกหมาป่าตาขาวเลี้ยงไม่เชื่อง
เขาไม่น่าเห็นใจคนพวกนี้เพราะคิดว่าเป็คนในหมู่บ้านเดียวกันเลย น่าจะปล่อยให้พวกเขาอดตายไปเสียให้หมด ทุกคนที่เคยพึ่งพาคนตระกูลเถียนต่างก็ยืนก้มหน้าไม่กล้าสบตาเพราะรู้สึกละอายใจ
เถียนสวีหลันที่เห็นบิดาโกรธแค้นแทนตน นางก็รู้สึกอบอุ่นหัวใจ ท่านพ่อของข้าช่างเก่งกาจสมกับใบหน้าที่หล่อเหลายิ่งนัก นางเดินออกมาจากด้านหลังคนตระกูลเถียนมายืนเคียงข้างบิดาตน ก่อนจะดึงแขนเสื้อของเขาให้ใจเย็นลง
“ท่านพ่อ เื่นี้ให้ข้าจัดการได้หรือไม่”
เถียนสวี่หลันส่งสายตาออดอ้อนเหมือนเด็กน้อยให้ผู้เป็บิดา เถียนห่าวหยางมีหรือจะทนสายตาเช่นนั้นของบุตรสาวได้ เขาถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะถอยออกไปยืนคุมเชิงอยู่ด้านหลังกับภรรยา
“หัวหน้าหมู่บ้านสวีและชาวบ้านหนานซานทั้งหลาย พวกเ้ามีหลักฐานหรือไม่ที่บอกว่าข้าถูกผีเข้า”
เถียนสวี่หลันไล่มองหน้าชาวบ้านทีละคน ที่มารวมตัวกันเพื่อกล่าวหานาง คนเ่าั้เอาแต่ก้มหน้าไม่มีใครกล้าสบตากับเถียนสวี่หลันแม่แต่คนเดียว
“ข้าขอถามพวกเ้าสักหน่อยเถิด ว่าใครกันเป็คนต้นคิดเชิญให้ซินแสมาที่นี่ หากว่าข้ามิได้ถูกผีเข้าอย่างในข่าวลือ พวกเ้าคนใดจะออกมารับรับผิดชอบที่ทำให้ข้าเสื่อมเสียชื่อเสียง ข้าเป็สตรีที่ยังมิได้ออกเื่หากเื่นี้ถูกแพร่ออกไป พวกเ้าไม่คิดหรือว่าอนาคตของข้าจะพังลงเพียงเพราะคำพูดพล่อยๆ ที่ออกมาจากปากของคนหมู่บ้านเดียวกันอย่างพวกเ้า”
หลังจากที่เถียนสวี่หลันเอ่ยออกมาเช่นนั้น ชาวบ้านหนานซานบางส่วนต่างก็มีท่าทีลังเล พวกเขาหันไปพูดคุยกันว่าสิ่งที่เถียนสวี่หลันเอ่ยออกมานั้นก็ฟังดูมีเหตุผล สวีม่านนีเห็นชาวบ้านเริ่มคลอยตามคำพูดของเถียนสวี่หลันนางก็รู้สึกไม่ยินยอม