ติงเชาที่นอนป่วยบนฟูกเก่า ๆ มองการเคลื่อนไหวผ่านช่องหน้าต่างเห็นเหมยซิงควงไม้ไผ่ลำนั้นอย่างคล่องแคล่วแล้ว ก็ประหลาดใจนัก เขาเห็นความแตกต่างของเหมยซิงหลังจากฟื้นจาก....
ชายหนุ่มวัยสี่สิบถอนหายใจอย่างปวดร้าว ไม่คิดว่าลูกสาวบุญธรรมจะกตัญญูถึงเพียงนี้ ยอมไปทำงานเป็หญิงรับใช้เพื่อหาเงินมาเลี้ยงน้อง ๆ เขาย่อมรู้ว่าการทำงานเป็บ่าวไพร่มิใช่เื่สบาย อาจถูกกดขี่จากผู้อื่นได้ เขาหวังให้นางใช้ชีวิตเรียบง่าย เขาทำได้เพียงแค่สอนหาของป่านำไปขายเลี้ยงชีพ เหมยซิงของเขามองโลกงดงามเกินไป นางถูกทำร้ายหนักหนาเพียงใดหนอ จึงอยู่ในสภาพนั้น เขาไม่เชื่อสุดจิตสุดใจว่าลูกรักจะเป็ขโมยได้ ยังไม่ทันมีการพิสูจน์ข้อเท็จจริง นางถูกหามทิ้งในป่าช้าอย่างอนาถ ยามนั้นเขาคิดเพียงขอได้เห็นหน้าลูกสาวเป็ครั้งสุดท้าย ได้ฝังนางอย่างสงบ แต่นางกลับฟื้นขึ้นมา ดวงตาของนางจ้องมองเขาราวกับจะยืนยันความบริสุทธิ์ของตนเองก่อนหมดสติไปอีกครั้ง เขาที่ขาพิการต้องแบกร่างเบาหวิวของลูกสาวขึ้นหลังกลับมาที่กระท่อมหลังน้อย โชคดีที่พวกเขาอาศัยอยู่ตีนเขาห่างไกลในเมือง ไม่มีใครพูดถึงเื่เหมยซิงอีก เขาเองกลับเป็ฝ่ายลังเลที่จะไปทวงความยุติธรรมดีหรือไม่ แต่เห็นนางฟื้นอีกครั้ง และจำอะไรไม่ได้ เขาจึงล้มเลิกไป
ติงเชาเห็นความห่างเหินของเหมยซิงกับตนก็อดถอนหายใจไม่ได้ แต่อย่างไรนางก็เป็หญิง และเป็เพียงลูกบุญธรรมที่เขาเก็บมาเลี้ยง สนิทสนมเกินไปย่อมไม่ดี แต่กระนั้นเหมยซิงก็ยังดีกับน้อง ๆ ทุกคน
“ท่านพ่อตื่นหรือยังเ้าคะ” เหมยซิงโผล่หน้าเข้ามาถาม นางพูดจาเลียนแบบเหมยลี่ เพราะมีประสบการณ์จากการเป็นักแสดงมา เลยพูดจาทำนองนี้นางฝึกเล็กน้อยก็คุ้นชินแล้ว
“ตื่นแล้ว”
“ข้าต้มโจ๊กไว้แล้ว ท่านลุกขึ้นมากินสักนิดเถิด”
นางเข้าไปประคองพ่อบุญธรรมให้ลุกขึ้นนั่ง เสียดายที่นางไม่รู้เื่สมุนไพรอะไรนัก แต่หลังจากฟื้นมาในร่างเหมยซิงได้ครบเดือน นางชินกับสภาพร่างกายนี้แล้ว และคิดว่าถึงเวลาที่ต้องขึ้นเขาสำรวจดูอะไร ๆ เสียหน่อย หากจะต้องใช้ชีวิตในโลกนี้ก็คงต้องหาหนทางใช้ชีวิตแบบโบราณเสียหน่อย เด็ก ๆ ต้องกินอาหารให้เต็มท้อง พื้นที่หลังผ่านามากำลังฟื้นตัว นางคงจะพอหาอะไรมาเพาะปลูก นางมีแรงงานเป็เด็กชายสามคน ส่วนน้องเล็กให้คอยดูแลปรนนิบัติพ่อบุญธรรมไปก็แล้วกัน
“ท่านพ่อ ข้าอยากขอยืมอุปกรณ์ล่าสัตว์ของท่าน”
“หือ? เ้าใช้เป็หรือไร” ติงเชาอดถามกลับไม่ได้
“แค่เอาไว้ป้องกันตัว” นางหมายถึงมีดพร้าไม่ได้หมายถึงธนูเก่า ๆ นั้น นางชำนาญไม้พลองมากกว่า แม้ชีวิตของพันดาว ใช้ไม้พลองเป็เครื่องมือการแสดง แต่ในโลกของเหมยซิง นางคงจะได้ใช้มันป้องกันตัว
แถวนี้ไม่เคยได้ยินเื่สัตว์ร้ายมานานแล้ว เขาจึงวางใจให้ลูกสาวคนโตเข้าป่า “เอาติงหยี่ ไปด้วยกันซิ”
“ไม่ดีกว่า ข้าอยากไปตามลำพัง” ความจริงนางอยากหาที่ฝึกฝนร่างกายด้วย ศิลปะการต่อสู้ที่ลุงทองดีสอนมา หากไม่ฝึกฝนอยู่เสมอ นางกลัวว่าตนเองจะลืมแม่ไม้หมัดมวยที่เรียนมาเสียหมด ไม่รู้ว่าคนที่นี่มี
วรยุทธแบบในภาพยนตร์จีนกำลังภายในที่เคยดูมาหรือเปล่านะ
“แต่”
“ข้าไม่เป็อะไรจริง ๆ” เหมยซิงหัวเราะร่า “คนที่เคยถูกทิ้งในป่าช้าอย่างข้าคงไม่มีใครกล้าทำอะไรหรอก”.
หัดเข้าป่าล่าสัตว์อยู่รวมสัปดาห์ เหมยซิงก็ได้กระต่ายป่าตัวอวบมาเป็อาหารให้น้อง ๆ เด็ก ๆ ตื่นเต้นกันมาก นางเองได้รับการสั่งสอนจากติงเชา แม้พ่อบุญธรรมนอนป่วยอยู่บนที่นอนเสียส่วนใหญ่ แต่พอพยุงตัวลุกขึ้นได้ สอนนางใช้เครื่องมือล่าสัตว์ เอาธนูออกมาซ่อมแซมให้นางได้ฝึกใช้ เพราะร่างกายที่ฝึกฝนออกกำลังกายสม่ำเสมอทำให้เรี่ยวแรงกลับคืน
แรก ๆ นางกระอักกระอ่วนใจอยู่ไม่น้อยที่ต้องฆ่าสัตว์ที่จับมา นางไม่ใช่พวกไม่กินเนื้อสัตว์ แต่ไม่เคยออกล่า และฆ่าเองเช่นนี้ อยู่อีกโลกก็แค่กำเงินไปจ่ายตลาด มีทั้งเนื้อหมู เนื้อวัว ปลา หรือไก่ให้เลือกกินได้สารพัด แต่ต้องทำเพื่อปากท้อง นางเริ่มทำใจได้ นางเก็บเห็ดลงมาจากเขาให้พ่อบุญธรรมช่วยดูว่าชนิดไหนกินได้บ้าง โชคดีที่บรรดาน้องชายถนัดเื่จับปลา พวกเขาสอนนางให้จับปลาในธารน้ำไม่ไกลนัก
พันดาวหรือเหมยซิงเริ่มคุ้นชินกับชีวิตใหม่นี้ แม้ไร้เทคโนโลยีที่คุ้นเคย แต่เมื่อปรับตัวได้ชีวิตแบบนี้ก็ไม่เลวเลยทีเดียว แต่กระนั้นเงินก็ยังเป็ปัจจัยสำคัญอยู่ดี นางยังไม่รู้ว่าจะหาเงินได้อย่างไร จะหาของป่าไปขาย ตัวเองไม่ค่อยรู้จักอะไรดีนัก อาจต้องรอให้พ่อบุญธรรมแข็งแรงกว่านี้จะได้สอนนางได้มากขึ้น ในโลกที่จากมาพันดาวเคยออกค่ายอาสาหลายครั้ง รวมทั้งงานในกองถ่ายก็ไม่ได้สบายนัก หลายครั้งที่ออกกองถ่ายต่างจังหวัดก็ยังคิดอยู่ว่าคล้ายกับโลกใบนี้มากนัก
จะเรียกว่าอะไรดี พันดาวพยายามหาคำตอบให้ตัวเอง เป็โลกคู่ขนานแบบในภาพยนตร์วิทยาศาสตร์หรือเปล่า ถ้าเป็อย่างนั้น จะมีโอกาสกลับไปโลกเดิมไหม? ตอนจากมาจำได้แค่ว่ามีะเิกับไฟคลอก หากต้องอยู่ในสถานการณ์เดียวกันถึงจะกลับไปได้ นางจะไปหาะเิและไฟคลอกที่ไหน แล้วมั่นใจได้อย่างไรว่าจะกลับไปสู่โลกเดิมได้ หากกลับไปแล้วร่างตัวเองเละเทะจะเป็อย่างไร หรือบางทีเหมยซิงในโลกนี้ไปอยู่ในร่างพันดาวในโลกโน้น แล้วถ้าเป็เช่นนั้นจริง เหมยซิงผู้อ่อนแอบอบบางอายุเพียงสิบหกใช้ชีวิตในโลกร่างของพันดาวที่อายุยี่สิบหกได้ยังไง
ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว พันดาวได้แต่ภาวนาว่าหากตัวเองกลับไปไม่ได้จริง ๆ ก็ขอให้ตายอย่างสงบเถอะนะ อย่างน้อยลุงทองดีก็ได้เงินประกันชีวิตที่ทำไว้ และประกันอุบัติเหตุจากทีมงานคงมากพอไม่ทำให้ลุงทองดีต้องลำบาก แต่ในระหว่างนี้พันดาวทำตัวให้คุ้นเคยกับเหมยซิง จึงฝึกพูดจาตามประสาคนที่นี่ ไม่ว่าอะไรก็ตามทำให้พันดาวมาอยู่ในร่างของเหมยซิง นางจะพยายามใช้ชีวิตในโลกนี้ต่อไป
หญิงสาวตบแก้มตัวเองเบา ๆ เพื่อเรียกสติ จากนี้พันดาวคือเหมยซิง และฟื้นจากป่าช้ามาสี่สิบห้าวันแล้ว นางมีน้องสาวที่แสนน่ารัก และน้องชายยอดกตัญญู รวมทั้งพ่อบุญธรรมที่มีใจเมตตา กระท่อมหลังน้อยอยู่เชิงเขา นางพอหาอาหารจากป่าเขานั้นได้บ้าง แต่อย่างไรนาง้าข้าวสาร และแป้งเพื่อทำอาหาร ้าเสื้อผ้า และยารักษาโรคให้พ่อบุญธรรม แน่นอนว่าต้องใช้เงิน ถึงแม้ร่างนี้จะอายุสิบหกแต่ความคิดของนางก็ยังเป็พันดาวที่อายุยี่สิบหกอยู่ดี