“ใช่เ้าค่ะ เป็บ่าวคิดไม่รอบคอบเอง” แม่เฒ่าซุนรีบเอ่ย
ระหว่างทางกลับชุนหงขับรถอย่างเชื่องช้า กู้เจิงยื่นมือออกนอกรถเพื่อไปัักับหิมะตลอดเวลา “คุณหนู บ่าวเตรียมเตาอังมือไว้ จะอุ่นมือสักหน่อยไหมเ้าคะ?”
“ข้าไม่หนาวสักนิด” แม้ว่าวันนี้จะมีหิมะตกแต่ก็ไม่มีลม กู้เจิงเลยไม่หนาวมากนัก
“คุณหนูไม่ได้อารมณ์ดีเช่นนี้มานานแล้วนะเ้าคะ” ชุนหงเห็นมุมปากของคุณหนูยกยิ้มอยู่ตลอด “ตอนนี้พวกเราจะไปไหนกันหรือเ้าคะ?”
“กลับบ้าน” ด้วยคำสัญญาจากตวนอ๋อง กู้เจิงย่อมต้องดีใจ
“ไม่แวะไปดูที่ร้านหรือเ้าคะ?”
“ไม่ไปแล้ว เื่ในร้านต้องรอให้พี่เสิ่นกุ้ยว่างก่อน ตอนนี้ยังมีเวลาอีกหลายวัน ข้าจะค่อยๆ วาดรูปของที่้าไว้ก่อน”
“เ้าค่ะ” ชุนหงไล่ตะบึงม้ามุ่งหน้ากลับบ้าน
สองข้างทางที่รถม้าผ่านเป็ที่พักอาศัยของชนชั้นสูง หน้าบ้านแต่ละหลังมีสิงโตตัวใหญ่ประดับ บางหลังก็มีรถม้าสองคันจอดอยู่หน้าประตูบ้าน
กู้เจิงคิดว่าหากวันใดตนสามารถอาศัยอยู่ในบ้านหรูหราเช่นนี้ได้ก็นับว่าเป็ผู้ชนะในชีวิต*
(*หมายถึง บรรลุถึงจุดสูงสุดของความสุขในชีวิต มีบ้าน มีครอบครัวที่อบอุ่น มีการงานที่ดี และในเื่อื่นๆ ล้วนสมบูรณ์แบบ)
ขณะที่รถม้าขับผ่านบ้านหลังหนึ่ง “คุณหนู นั่นคุณชายรองเ้าค่ะ” ชุนหงส่งเสียงให้ม้าหยุดลง
กู้เจิงชะโงกหน้าดู นางเห็นน้องรองกู้เจิ้งชินคุยอยู่กับเด็กหนุ่มที่หน้าบ้านหลังใหญ่ เด็กหนุ่มคนนั้นสูงกว่าเจิ้งชินครึ่งศีรษะ เขาสวมชุดผ้าไหมหรูหรา เป็หนุ่มรูปงาม และมีท่าทางเรียบร้อย
ทันทีที่รถม้าหยุดลง กู้เจิ้งชินก็หันมามองทางพวกนาง เมื่อเห็นกู้เจิงเขาก็ทักอย่างดีใจ “พี่ใหญ่?”
“น้องรอง ทำไมเ้าถึงมาอยู่ที่นี่?” กู้เจิงะโลงจากรถม้า
กู้เจิ้งชินและเด็กหนุ่มคนนั้นเดินเข้ามาทักทาย “ข้ามาชวนฉางชิงไปชมหิมะด้วยกัน นี่พี่ใหญ่ไปเยี่ยมน้องสามมาหรือขอรับ?”
กู้เจิงพยักหน้า นางลอบมองเด็กหนุ่มที่ชื่อฉางชิงผู้นั้น ดูคุ้นหน้าคุ้นตายอยู่บ้างไม่รู้ว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน
“พี่ใหญ่” ฉางชิงก็ทักทายนางเหมือนกับกู้เจิ้งชิน รอยยิ้มของเขาสุภาพอ่อนโยนยิ่งนัก
“ดูข้าสิ ลืมแนะนำให้พี่ใหญ่รู้จัก ฉางชิงเป็คุณชายแห่งจวนเซี่ยกงเจวี๋ยขอรับ" กู้เจิ้งชินเอ่ย
จวนเซี่ยกงเจวี๋ย? มิน่าเล่ากู้เจิงถึงรู้สึกคุ้นหน้า ก่อนหน้านี้เคยพบหน้ากันมาในงานล่าสัตว์ นางเงยหน้ามองป้ายที่ติดอยู่หน้าบ้านหลังใหญ่นี้ ‘จวนเซี่ย’ ตระกูลเซี่ยอยู่ที่นี่หรือ? เป็บ้านของเซี่ยอวิ้นผู้ได้ฉายาว่าเทพแห่งาคนนั้นหรือ?
น้องรองมีความสัมพันธ์อันดีปานนี้กับเซี่ยกงเจวี๋ยน้อยั้แ่เมื่อไหร่กัน? กู้เจิงอมยิ้มอย่างสุภาพ “ที่แท้ก็เป็เซี่ยกงเจวี๋ยน้อยนี่เอง”
“วันนี้พี่ใหญ่จะกลับจวนไหมขอรับ?”
“ไม่กลับแล้ว ที่บ้านยังมีงานต้องทำอีก พวกเ้าคุยกันต่อเถอะ ข้าขอตัวก่อน”
“ขอรับ พี่ใหญ่เดินทางดีๆ”
หลังจากกู้เจิงขึ้นรถม้าแล้ว ก็โบกมือให้ทั้งสองคนด้วยรอยยิ้ม
ชุนหงขับรถม้าไปพลางหันมาคุยกับกู้เจิง “คุณหนู คุณชายรองเก่งจริงๆ เ้าค่ะ ได้เซี่ยกงเจวี๋ยน้อยมาเป็สหายได้”
กู้เจิงพยักหน้า เซี่ยกงเจวี๋ยน้อยผู้นี้เป็สหายร่วมชั้นเรียนขององค์ชายสิบสอง เดิมทีเจิ้งชินไม่ได้สนิทกับเขามากนัก แต่คิดว่าเป็เพราะเื่ที่เซี่ยกงเจวี๋ยน้อยผู้นั้นได้ช่วยพูดแทนเจิ้งชินกับองค์ชายสิบสอง เจิ้งชินเลยต้องไปขอบคุณเขา ไปๆ มาๆ ก็สนิทสนมกันเสียแล้ว
นางนึกขึ้นได้อีกเื่หนึ่ง เดิมทีฟู่ผิงเซียงถูกวางตัวไว้เพื่อให้แต่งงานกับเซี่ยกงเจวี๋ยน้อยผู้นี้ เมื่อคิดถึงความแค้นที่ฟู่ผิงเซียงมีต่อนาง ก็ไม่รู้ว่าเซี่ยกงเจวี๋ยน้อยจะคิดอย่างไร? เขาจะไม่พอใจนางด้วยไหมนะ?
“คุณหนู ท่านเป็อะไรหรือเ้าคะ?” เมื่อครู่ยังมีสีหน้าเบิกบานใจ ทำไมตอนนี้ถึงขมวดคิ้วอีกแล้วล่ะ?
“ช่างเถอะ” กู้เจิงยื่นมือเข้าไปหยิบเตาอุ่นมือจากในรถม้าออกมา “ชุนหง พวกเรารีบกลับบ้านกันเถอะ”
เมื่อกลับมาถึงบ้านตระกูลเสิ่น กู้เจิงก็ตรงไปที่ห้องเก็บฟืน นางจะเอาถ่านมาเปลี่ยนเป็ถ่านไม้เพื่อเตรียมจะจุดไฟ
“คุณหนู อย่าเพิ่งก่อไฟเลยเ้าค่ะ อากาศหนาวแบบนี้ พวกเราไปย่างมันเทศกันดีไหมเ้าคะ?” ชุนหงชวนอย่างนึกสนุก
“ดีสิ” ย่างมันเทศตอนอากาศหนาวๆ เช่นนี้น่าสนุกดี
นายบ่าวสองคนพากันอุ้มฟืนและมันเทศจำนวนหนึ่งมาที่สวน พอก่อไฟจนลุกโชนก็พากันนั่งยองๆ รับไอร้อนที่แผ่ออกมาจากกองไฟ
“คุณหนูเ้าคะ บ่าวเคยได้ยินเด็กเลี้ยงวัวบอกว่า ให้ลองเอาขนมเข่งมาย่างด้วยไฟจะอร่อยกว่าเดิมมาก พวกเรามาลองทำกันไหมเ้าคะ” ชุนหงพูดจบก็วิ่งหายออกไป สักพักนางก็กลับมาพร้อมขนมเข่งที่หั่นเป็ชิ้นเล็กแล้ว นางนำพวกมันไปย่างข้างกองไฟ
กู้เจิงเขี่ยมันเทศ ไม่ให้มันไหม้เกรียม “หลายวันมานี้เด็กเลี้ยงวัวคนนั้นเหมือนจะมาเร็วขึ้น”หลายครั้งที่นางเพิ่งตื่นขึ้นมา ก็เห็นเด็กคนนั้นจูงวัวออกไปแล้ว
“แม่ของเด็กเลี้ยงวัวใกล้จะคลอดแล้ว เขาจึงไปรับเลี้ยงวัวของบ้านอื่นเพิ่ม เขาบอกว่าอยากให้น้องชายที่เพิ่งเกิดได้ใส่เสื้อผ้าใหม่ๆ น่ะเ้าค่ะ” ชุนหงยังคงเล่าเื่ของเด็กเลี่ยงวัวต่อ
“เป็เด็กดีจริงๆ” กู้เจิงทอดถอนใจ “ได้ยินท่านแม่เคยบอกว่าเด็กคนนั้นชอบอ่านหนังสือ และตอนนี้ก็อ่านออกได้หลายตัวแล้ว หากมีเวลาให้ได้ฝึกฝน เขาจะต้องเป็คนมีอนาคตแน่”
ชุนหงพยักหน้า นางเห็นขนมเข่งที่ย่างค่อยๆ พองลมขึ้น “เสร็จแล้วเ้าค่ะ”
ชุนหงคีบส่งชิ้นที่สะอาดที่สุดให้กู้เจิง “คุณหนูลองกินดูเ้าค่ะ รีบกินเย็นแล้วจะไม่อร่อยเ้าค่ะ”
กู้เจิงลองกัดไปคำหนึ่ง กลิ่นหอมจากถ่านไฟ และความกรอบของผิวด้านนอกของขนมเข่งให้ััที่แปลกใหม่ “อร่อย อร่อยมากๆ”
ชุนหงก็หยิบขนมเข่งมากินไปพลางพร้อมพลิกมันเทศที่เผาไปด้วย “มันเทศชิ้นที่เล็กที่สุดนั่นน่าจะกินได้แล้ว” ชุนหงคีบมันเทศลูกนั้นออกมาเคาะกับพื้น เปลือกนอกที่ไหม้เกรียมได้คลายออก เห็นเนื้อสีทองอร่ามอยู่ภายใน พร้อมกลิ่นหอมจากการเผา ช่างเหมาะกับวันที่หิมะตกหนักเช่นนี้จริงๆ
ขณะที่นายบ่าวกำลังกินมันเทศย่างอย่างมีความสุข ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากลานบ้าน ตามมาด้วยเสียงของเด็กๆ “ทำไมไม่มีใครเลยล่ะ?”
“ข้าเห็นพวกนางเข้ามานะ?”
“เ้าตาฝาดไปหรือเปล่า?”
“ไม่หรอก ลองหาดูก่อน รอบนี้ต้องทำให้พวกนางใให้ได้”
กู้เจิงกับชุนหงมองหน้ากัน พวกนางรีบย่องไปดูที่ลานบ้าน
“นั่นมันพวกเด็กซนที่ชอบเล่นจุดประทัดนี่เ้าคะ” ชุนหงเห็นเด็กสามคนในลานบ้าน นางกัดฟันกรอด
กู้เจิงเลิกคิ้ว เด็กพวกนี้ยังคิดจะแกล้งใช้ประทัดขู่ขวัญพวกนางอีกหรือ?
“ไม่สนุกเลย พวกเรากลับกันเถอะ”
“ไม่กลับ ครั้งก่อนผู้หญิงคนนั้นมาตามจับข้า จนทำให้ข้าหกล้ม ตอนนี้ขายังเจ็บอยู่เลย”
“ข้าด้วย ข้าก็สะดุดล้มหน้ากระแทกพื้นเหมือนกัน ดูนี่สิ ยังไม่หายดีเลย ต้องทำให้พวกนางใกลัวให้ได้สักครั้ง”
ทั้งสามได้ยินเสียง ‘แกรก’ ดังขึ้น จากประตูของลานบ้านที่ปิดลง
เมื่อเด็กทั้งสามคนหันมาดู ก็เห็นกู้เจิงและชุนหงกำลังยืนถือไม้กวาดมองพวกเขาด้วยรอยยิ้ม
“อ๊ะ” เด็กทั้งสามคนใจนวิ่งวุ่นไปหมด
“เฮอะ” กู้เจิงแค่นเสียงเย็น “กล้ามาวางแผนทำร้ายลับหลัง แต่กลับไม่กล้าสู้ซึ่งหน้างั้นหรือ? ชุนหง ข้ามอบให้เ้าจัดการ”
“คุณหนูวางใจได้ บ่าวจะเล่นกับพวกเขาให้สนุกเลยเ้าค่ะ” ชุนหงหยิบไม้กวาดไล่กวดกลุ่มเด็กพวกนั้น
ชั่วขณะนั้น ในลานบ้านก็เหมือนมีไก่โบยบินสุนัขวิ่งพล่าน*
(*หมายถึง เหตุการณ์วุ่นวายโกลาหล)
ความจริงแล้วกู้เจิงไม่ได้ถือสาเด็กพวกนี้ แต่สองครั้งนั้นที่นางโดนแกล้ง ทำเอานางใมาก ดังนั้นนางจึงปล่อยให้ชุนหงแกล้งพวกเขาคืนบ้าง นางถือว่าเป็เื่หย่อนใจในตอนนี้ เพราะอย่างไรก็ไม่มีอะไรอื่นให้ทำแล้ว
เห็นชุนหงกับเด็กๆ วิ่งไล่กันจนเหนื่อยหอบ กู้เจิงจึงแสร้งทำเป็เดินหลบออกจากประตูหน้าบ้าน เมื่อเด็กๆ เห็นว่าที่ประตู กู้เจิงไม่ได้ยืนเฝ้าแล้ว พวกเขาเลยดันกันวิ่งออกไป โดยไม่คาดคิดว่าประตูจะถูกเปิดสวนเข้ามากะทันหัน เด็กน้อยที่อยู่ด้านหน้าสุดชนกับประตูอย่างจัง เขาล้มลงกับพื้นอย่างแรง
เด็กน้อยร้องไห้เสียงดัง
กู้เจิง “...”
ชุนหง “...”
คนที่ผลักประตูเข้ามาคือสองสามีภรรยาเสิ่น พอเห็นเด็กล้มลงกับพื้น นายหญิงเสิ่นก็รีบเข้าไปประคองเขาขึ้นมา “ไม่เป็แผลกระมัง?”
เด็กคนนั้นเห็นว่ามีผู้ใหญ่เข้ามาแล้ว ไหนเลยจะกล้าอยู่ที่นี่อีก พวกเขาสะบัดตัวดิ้นหมายจะวิ่งหนีออกไป คิดไม่ถึงว่าจะถูกนายท่านเสิ่นจับตัวไว้อีก “เ้าเป็หลานของบ้านเต๋อซิงหรือ?”
เด็กคนนั้นกลัวมาก พอมีผู้ใหญ่ถามขึ้นมา ก็พยักหน้าด้วยน้ำตา
เห็นพ่อสามีมองเด็กคนนี้ด้วยท่าทางกรุ่นโกรธ กู้เจิงเกิดสงสัยจึงเอ่ยถาม “ท่านพ่อ เป็อะไรหรือเ้าคะ?”
นายท่านเสิ่นพูดอย่างมีน้ำโหว่า “เ้าเด็กคนนี้โยนประทัดลงไปในเล้าไก่ของป้าใหญ่เ้า ไก่ห้าตัวในเล้าใจนตายหมด”
กู้เจิง “...”