หลังจากกินข้าวเสร็จ ซ่งมู่ไป๋ไปส่งเซี่ยโม่ที่โรงเรียน ก่อนจะขี่จักรยานจากไป
เซี่ยโม่เก็บกล่องกำไลหยกกับสมุดบัญชีไว้ในโกดังสินค้า ของสำคัญต้องเก็บเอาไว้ในนี้เท่านั้นถึงจะปลอดภัย
เมื่อกลับถึงบ้าน่เย็น ระหว่างรับประทานอาหาร คุณยายก็พูดถึงเซี่ยอวิ๋นขึ้นมา
“เซี่ยอวิ๋นถูกสามีขอหย่าและโดนส่งตัวกลับแล้ว ได้ยินว่าอาการเสียสติของเธอรุนแรงยิ่งกว่าก่อนหน้านี้เสียอีก ไม่รู้ต่อไปชีวิตจะเป็ยังไงบ้าง”
“คุณยาย ไม่ต้องไปเป็ห่วงเธอหรอกค่ะ หากเธอไม่ทิ้งขว้างน้องชายก็คงไม่ถูกแม่แท้ๆ ของตัวเองรังเกียจ แล้วชีวิตก็คงไม่ต้องลงเอยแบบนี้”
คุณยายได้ฟังก็ยิ้มแกนๆ “นั่นสินะ ยายรู้สึกสงสารเธอได้ยังไงเนี่ย ต้องดีใจที่แม่ลูกคู่นั้นเดือดร้อนสิถึงจะถูก ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวก็มีเวลามาคิดเล่นงานพวกเราอีก”
คุณยายทำหน้าเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ ก่อนจะพูดอย่างสะใจ “ตอนนี้หวางลี่ลี่คงจะยุ่งน่าดู ไหนจะต้องทำงานบ้าน ไหนจะต้องรับใช้ลูกสาว”
ริมฝีปากเซี่ยโม่ยกเป็รอยยิ้ม คุณยายคิดได้แบบนี้ก็ดี
กลางดึกระหว่างที่เซี่ยโม่กำลังนอนหลับ จู่ๆ เธอรู้สึกเหมือนมีเสียงความเคลื่อนไหวบริเวณลานหน้าบ้าน
ชีวิตใหม่นี้เธอมีประสาทััทั้งห้าว่องไวกว่าคนทั่วไป ต่อให้หลับสนิท แต่ประสาทััทั้งห้าก็ยังทำงานดีเยี่ยม เธอเคยอ่านเจอจากบทความในอินเทอร์เน็ตเมื่อชาติที่แล้วว่า ความสามารถลักษณะนี้เป็กลไกการป้องกันตัวรูปแบบหนึ่ง
เมื่อมองออกไปนอกหน้าต่างก็ได้เจอกับเงาตะคุ่มสีดำ เซี่ยโม่มองนาฬิกาในโกดังสินค้า พบว่าตอนนี้เป็เวลากลางดึก
ปกติร่างกายเธอจะรู้เวลาและตื่นขึ้นมาเองเมื่อถึงเวลารุ่งสาง แต่วันนี้เกิดอะไรขึ้นถึงตื่นกลางดึก?
เมื่อครู่นี้คล้ายได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวที่ลานหน้าบ้าน ลองออกไปดูลาดเลาสักหน่อยดีกว่า
ในบ้านมีแต่คนแก่กับเด็ก หากมีพวกโจรเข้ามาคงแย่แน่
เธอลุกขึ้นสวมเสื้อคลุม ก่อนจะค่อยๆ ย่องไปเปิดประตู ลานหน้าบ้านว่างเปล่าไม่พบสิ่งผิดปกติใด แต่ทำไมเธอถึงได้กลิ่นคาวเื
หรือแม่ของเสี่ยวเฮยจะเอาตัวอะไรมาให้อีกแล้ว
ไม่ใช่สิ ปกติแล้วแม่ของเสี่ยวเฮยจะนำสัตว์ที่ล่ามาได้วางไว้ให้ที่หน้าประตู แต่วันนี้กลิ่นคาวเืลอยมาจากลานหน้าบ้าน
ประตูใหญ่หน้าบ้านไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรทั้งสิ้น เซี่ยโม่เดินตามกลิ่นคาวเืไป แล้วเธอก็ได้เจอกับก้อนสีดำที่ริมกำแพงแถวๆ รูสุนัขลอด ซึ่งเป็รูที่เธอทำเอาไว้ั้แ่ตอนเสี่ยวเฮยยังอยู่ เพราะกลัวว่าหากแม่มันมาหาตอนกลางคืนจะเข้ามาเจอลูกมันไม่ได้
แต่หลังจากแม่หมาป่าพามันกลับไปแล้ว เธอก็นำพวกหญ้ามาปิดรูนี้เอาไว้
หรือมีใครมาเอาหญ้าพวกนี้ออกไป?
ทันใดนั้นเอง เ้าก้อนสีดำที่อยู่ตรงริมกำแพงก็ขยับ เผยให้เห็นจุดสีขาวสี่จุดบนตัว
เธอจำได้ในทันที เท้าทั้งสี่ของเสี่ยวเฮยมีสีขาวในขณะที่ทั้งตัวมีสีดำสนิท หรือเ้าก้อนตรงหน้านี้จะคือเสี่ยวเฮย!
คิดได้ดังนั้นจึงลองเรียกดู “เสี่ยวเฮย”
เซี่ยโม่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว เ้าก้อนสีดำเคลื่อนไหวรวดเร็วเหลือเกิน มันะโพุ่งเข้ามาหาเธอทันที ทั้งยังนำพากลิ่นคาวเืมาด้วย เธอรีบใช้สองแขนกอดเอาไว้ตามสัญชาตญาณ
เ้าสิ่งนี้มีกลิ่นอันคุ้นเคย ทำให้มั่นใจได้ทันทีว่าเ้าก้อนที่ซุกอกเธอตอนนี้คือเสี่ยวเฮยจริง ซึ่งกลิ่นคาวเืก็มาจากตัวของมัน
หรือว่ามันจะได้รับาเ็?
เธอพามันเดินเข้าไปในห้องครัว จากนั้นเอาหญ้าแห้งมาก่อไฟ ในตอนนี้ถึงค่อยเห็นสภาพของเสี่ยวเฮยได้ชัดเจน ไม่เจอกันนานสองเดือนกว่า มันตัวโตขึ้นไม่น้อย
ขาข้างหนึ่งของมันลู่ลง ทั้งยังเปียกและมีกลิ่นคาวเื เหมือนถูกตัวอะไรกัดมา
ที่คอของมันก็มีแผลเช่นกัน
อยากถามมันเหลือเกินว่าแม่ของมันไปไหน แต่รู้ดีว่าถึงถามไปก็ไม่มีประโยชน์ เธอเลยเก็บคำถามไว้กับตัว
โชคดีที่ในโกดังสินค้ามียาห้ามเืและยาแก้อักเสบหลายชนิด เธอนำผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวมัน และทำความสะอาดแผลทั้งสองแห่งให้ หลังจากทายาห้ามเืบนแผล ไม่นานเืก็หยุดไหล
จากนั้นจึงป้อนยาแก้อักเสบให้มัน แต่พอเสี่ยวเฮยรับรู้ได้ถึงรสชาติขมของยาก็ทำท่าจะคายทิ้ง
“ถ้าแกคายยาออกมา ฉันจะเอาแกไปทิ้งไว้ข้างนอกบ้าน” เซี่ยโม่ตีหน้าขรึม
เสี่ยวเฮยราวกับฟังภาษามนุษย์ออกก็ไม่ปาน มันส่งเสียงเหมือนตัดพ้อเล็กน้อยก่อนจะกลืนยาลงไปด้วยท่าทางจำนน
เมื่อเห็นมันรู้ความและเชื่อฟังดีเซี่ยโม่ก็กล่าวชม “เสี่ยวเฮยของพวกเรารู้ความและเป็เด็กดีจริงๆ รู้ด้วยว่ายาช่วยรักษาแผลได้”
เธอหยิบก้อนน้ำตาลออกมาใส่ปากมันอย่างเอาใจ
เมื่อได้ของรางวัล มันรีบเคี้ยวก้อนน้ำตาลก่อนจะมองเธอ พร้อมกับเอาหัวดุนดันอย่างออดอ้อน
หลังจากจัดการทำแผลเสร็จเรียบร้อย เซี่ยโม่มองออกไปข้างนอก ท้องฟ้ายังคงเป็สีดำสนิท เธอดูนาฬิกาในโกดังสินค้าพบว่าตอนนี้เพิ่งจะตีหนึ่งกว่า มิน่าเธอถึงได้รู้สึกง่วงนอนเหลือเกิน
ความที่กลัวว่ามันจะหิว เธอจึงหยิบถ้วยที่เคยใส่นมให้มันออกมา ตามด้วยนมจากโกดังสินค้าแล้วเทลงไป
เสี่ยวเฮยชิมเข้าไปคำหนึ่ง เมื่อพบว่าเป็นมที่ตัวเองเคยกินก่อนหน้านี้ก็ก้มหน้าก้มตากินที่เหลืออย่างเอาเป็เอาตาย
หลังจากรอมันกินอิ่มเธอก็ดับไฟ จัดการอุ้มเสี่ยวเฮยเข้าไปในห้องนอน เอาผ้าห่มเก่าๆ มาปูเป็ที่นอนให้มันตรงมุมเตียง
เสร็จเรียบร้อยถึงค่อยซุกตัวเข้าไปในผ้าห่มแล้วหลับไป
เซี่ยโม่นอนหลับสนิท ตื่นอีกทีคือตอนที่น้องชายมาปลุก “พี่ครับ ตื่นได้แล้วครับ”
เสียงเรียกดึงเธอออกมาจากห้วงนิทรา เปลือกตาทั้งสองข้างเปิดขึ้นช้าๆ ก่อนจะนึกถึงเื่ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน เซี่ยโม่รีบเดินไปดูตรงมุมเตียง พบว่าเ้าก้อนขนยังคงนอนหลับสนิท แถมยังส่งเสียงกรนออกมาอีกต่างหาก
เธอคิดในใจ เสี่ยวเฮยนอนตื่นสายยิ่งกว่าเธออีกหรือเนี่ย
คงเป็เพราะได้ยินเสียงความเคลื่อนไหว มันเลยลืมตาขึ้นมามอง
เซี่ยเฉินเฟิงที่ยืนอยู่ด้านข้างมองเสี่ยวเฮยพร้อมกับเอียงคอถาม “พี่ครับ นี่เสี่ยวเฮยไม่ใช่เหรอ ทำไมมันมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ”
“มันได้รับาเ็ พี่คิดว่าแม่มันคงจะพามันมาที่นี่” เซี่ยโม่พยักหน้าก่อนจะบอกตามข้อสันนิษฐานของตัวเอง
เซี่ยเฉินเฟิงตัวน้อยตาโต “โห แม่ของมันฉลาดจัง”
“เบาเสียงหน่อย ให้มันหลับต่ออีกหน่อยเถอะ”
เด็กชายแลบลิ้นให้เสี่ยวเฮยอย่างหมั่นไส้ ก่อนจะเข้าไปอาบน้ำแปรงฟัน
เซี่ยโม่สำรวจบริเวณาแทั้งสองแห่งบนตัวเสี่ยวเฮย ตอนนี้เืหยุดไหลสนิทดีแล้ว สภาพของมันก็ดูดีกว่าเมื่อคืนมาก
จากนั้นจัดการเทนมใส่ถ้วยให้มัน รอจนมันกินอิ่มถึงค่อยเดินออกไปที่ห้องครัว พอไปถึงพบว่าคุณยายทำอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอเลยรีบไปอาบน้ำและช่วยจัดโต๊ะ
เมื่อทุกคนนั่งที่โต๊ะอาหารพร้อมหน้าพร้อมตา เธอจึงเล่าเื่ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนให้ฟังอย่างละเอียด
คุณยายเอ่ยอย่างทอดถอนใจ “งั้นก็ให้พักรักษาตัวที่นี่สักหลายๆ วันเถอะ เราได้กินเนื้อสัตว์ที่แม่ของมันเอามาให้ไม่น้อย ในบ้านยังมีกุนเชียงอยู่ เดี๋ยวยายจะนึ่งให้มันกิน”
คุณยายของเธอใจกว้างอย่างยิ่ง!
ระหว่างรับประทานอาหารเธอก็แยกความคิดบางส่วนเข้าไปในโกดังสินค้า เพื่อหาข้อมูลว่าลูกสุนัขวัยสองเดือนควรกินอาหารประเภทไหน
ไม่นานก็ได้ข้อมูลว่า สุนัขวัยสองเดือนลำไส้และระบบย่อยของมันยังทำงานได้ไม่เต็มที่ เธอเลยรีบเตือนคุณยาย “คุณยายคะ จะให้เสี่ยวเฮยกินกุนเชียงไม่ได้นะคะ ต้องให้มันกินนมไม่ก็โจ๊ก หรืออะไรที่อ่อนๆ ดีกว่าค่ะ ลำไส้กับระบบย่อยของมันยังไม่โตเต็มที่”
“โม่โม่ หลานรู้ได้ยังไง” บนใบหน้าคุณยายเต็มไปด้วยความแปลกใจ
“หนูอ่านเจอในหนังสือค่ะ” เหตุผลนี้ถูกเซี่ยโม่นำมาอ้างได้เสมอ
“คนเรียนหนังสือนี่รู้อะไรเยอะดีจริงๆ งั้นก็เอาตามที่หลานว่า เดี๋ยวยายต้มโจ๊กให้มันเอง ว่าแต่วันนี้หลานต้องไปโรงเรียนไม่ใช่เหรอ ถ้าทิ้งมันไว้ที่บ้าน แล้วใครจะคอยดูแลมัน”
“คุณยายคะ หนูอยากพามันไปด้วย ตอนเรียนค่อยเอามันไปฝากคุณปู่ยามที่อยู่หน้าโรงเรียน มันเป็เด็กดี ไม่น่าสร้างเื่ให้คุณปู่ยามหรอกค่ะ”
“ได้เหรอ ยายว่าให้มันอยู่ที่บ้านดีกว่าไหม” คุณยายถามอย่างเป็ห่วง
ตอนกลางวันที่บ้านไม่มีใครอยู่ ในบ้านอากาศค่อนข้างเย็น เสี่ยวเฮยเพิ่งได้รับาเ็มา เธอกลัวว่าอาการเจ็บจะทรุดได้ หากปล่อยให้อุณหภูมิร่างกายมันลดต่ำลง
“หนูอยากลองดูค่ะ”
ความจริงเธอจะเอามันไว้ในโกดังสินค้า ข้างในนั้นอากาศอบอุ่นกำลังดี จะดูแลอะไรก็แสนสะดวก
