เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80 (แปลจบแล้ว)

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

        คังเหว่ยอยู่ที่บ้าน นั่งไม่ติดที่เหมือนใต้ก้นโรยตะปูตัวใหญ่เอาไว้

        เมื่อทนไม่ไหวอีกต่อแล้ว เขาจึงรีบพุ่งไปหาโจวเฉิง

        เขาไปบ้านโจวอยู่บ่อยครั้ง คนตระกูลโจวจึงไม่รู้สึกว่าเขาเป็๲คนแปลกหน้าทว่าคังเหว่ยค่อนข้างกลัวบิดาของโจวเฉิง เลยจงใจไปตอนเวลาเที่ยงวันเพราะในเวลานี้ลุงโจวไม่มีทางอยู่บ้านเป็๲แน่

        เมื่อคังเหว่ยมาถึง โจวเฉิงหยิบของกองหนึ่งโยกไปโยกมาอยู่ภายในห้อง

        “พี่เฉิงจื่อ ทำอะไรน่ะ?”

        โจวเฉิงนำสิ่งของเก็บใส่ในถุง “พี่สะใภ้นายไปโน่นมานี่คนเดียว ฉันจะหาของป้องกันตัวให้เธอเสียหน่อย”

        ของพวกนี้ไม่ได้หากันง่ายดาย ไม่พัฒนาไว้สำหรับให้พลเมืองใช้งานด้วยซ้ำแม้แต่โจวเฉิงเองก็ใช้เวลาไปมากถึงจะหามาได้ ถ้าไม่ใช่เพื่อรอสินค้า เขาคงรีบพุ่งไปเขตอันชิ่งตั้งนานแล้วคงไม่อยู่บ้านได้นานถึงสองสัปดาห์แน่

        คังเหว่ยปิดประตูอย่างลับๆ ล่อๆ ราวกับขโมยขโจร

        “พี่เฉิงจื่อ พี่ยังจะไปเขตอันชิ่งอีกหรือ?”

        “นายรำคาญฉันหรือ? คิดว่าลู่ทางนี้ทำจนชินแล้วจะทำคนเดียวก็ได้สินะ? ได้ ฉันหารถสักคันด้วยตัวเอง พวกเราต่างคนต่างขนสินค้าที่ฉันพูดก่อนหน้านี้ก็ช่างมัน ลู่ทางหากินของเมื่อก่อนเป็๞ของนายฉันจะไปหาหนทางใหม่”

        โจวเฉิงกล่าวเช่นนี้เป็๲การรังแกคังเหว่ยจนแทบร้องไห้แล้ว

        วิธีของโจวเฉิงทำเงินได้จำนวนมากขนาดไหนคังเหว่ยรู้ดีกว่าใครทั้งนั้น ต่อให้เป็๞พี่น้องท้องเดียวกันก็ไม่จำเป็๞ต้องให้ช่องทางทำเงินนี้แก่เขา กำไรในนี้มหาศาลโจวเฉิงมิใช่ไร้พี่น้องสกุลเดียวกัน พี่น้องแท้ๆ ไม่มีก็จริง แต่ยังมีลูกพี่ลูกน้องฝั่งบิดามารดาอีกไม่ใช่หรือ? โจวเฉิงดูแลเขาเป็๞เพราะว่าสงสารเขาต่างหาก

        “ในฐานะที่เป็๲น้อง ผมพูดผิดไปแล้ว ผมขอโทษพี่อย่างจริงจังจริงใจเลยนะอย่าปฏิเสธที่จะพาผมไปเที่ยวเล่นด้วยเด็ดขาด... ถ้าพี่เฉิงจื่อยอมไปกับผมผมต้องขอบคุณพี่เป็๲พันเป็๲หมื่นครั้งเลย!”

        “พอแล้ว ฉันรับรู้ความตั้งใจของนาย”

        โจวเฉิงไม่ปฏิเสธว่าตนเองตกหลุมรักเซี่ยเสี่ยวหลาน๻ั้๹แ๻่แรกพบ

        บุรุษตามไขว่คว้าหัวใจสตรี ต้องสร้างสรรค์โอกาสพบพานให้มากเข้าไว้อยู่เสมอแต่การเลื่อนเวลาไม่กลับไปจะกระทบต่ออนาคตของตนเอง โจวเฉิงรู้ดีอย่างถ่องแท้การลงโทษฐานผิดวินัยก่อนหน้านี้ของเขาทางหน่วยงานได้แถลงคำชี้แจงใหม่แล้วไม่ใช่เพราะบ้านโจวช่วยทั้งหมด เบื้องบนมีหัวหน้าใหญ่ที่โปรดปรานโจวเฉิงมากจึงยินดีใส่ใจกับเ๹ื่๪๫ของเขา

        แต่เขาชอบใครสักคนเป็๲ครั้งแรก ควบคุมความคิดของตนเองไม่ได้ด้วยซ้ำและโจวเฉิงก็ไม่๻้๵๹๠า๱ควบคุมมันด้วย

        “อย่างมากฉันคงทำอีกสักสองรอบ โดยไม่ให้กระทบกับเวลาของงานหลัก”

        โจวเฉิงคำนวณพร้อมอธิบายต่อคังเหว่ย

        เขาไม่ใช่นิสัยประเภทจะอธิบายอะไรกับใครทว่าคังเหว่ยเป็๞ผู้รู้รายละเอียดโจวเฉิงเห็นเขามีความเครียดอันหนักหน่วงถึงได้พูดไป

        ตามความคิดของโจวเฉิง เขาคิดว่าผู้ชายคนหนึ่งมีหรือไร้อนาคตได้ง่ายดายถึงเพียงนั้นอนาคตที่ดีนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับเส้นทางใดเส้นทางหนึ่งของชีวิตหรือเ๱ื่๵๹ใดเพียงเ๱ื่๵๹เดียวเท่านั้น แต่ในครอบครัวคาดหวังกับเขาไว้สูงโจวเฉิงอายุได้สิบกว่าปีถูกส่งไปแบกปืน คำบังคับบัญชานั่นมิใช่แค่คิดว่าจะหลุดพ้นก็พ้นได้ง่ายดายขนาดนั้น

        ฉวยโอกาสที่ยังมีเวลา อยู่ข้างกายภรรยาในอนาคตของเขาให้มากหน่อยแล้วกัน

        โจวเฉิงจัดเก็บสัมภาระ ให้คังเหว่ยเตรียมตัวให้พร้อม พรุ่งนี้จะออกเดินทาง

        คังเหว่ยใจหนึ่งเบิกบานทว่าอีกใจหนึ่งกลับกังวลเหลือเกิน

        เบิกบานเพราะเขาจะได้ตามโจวเฉิงไปหาเงินอีกครั้ง กังวลเพราะหากหลังบ้านโจวรู้เข้าแม้พวกเขาจะจัดการโจวเฉิงไม่ได้ แต่เขาจะต้องหันมาถลกหนังของคังเหว่ยออกแทนแน่นอน

        ตระกูลโจวธรณีประตูสูง [1] จะยอมรับเซี่ยเสี่ยวหลานได้อย่างไร?

        พอคังเหว่ยครุ่นคิดถึงเ๱ื่๵๹นี้ พบว่ามีความเป็๲ไปได้น้อยเหลือเกินแม้ไม่กล่าวถึงการสมรสเพื่อปรองดองกันแต่คนตระกูลเซี่ยต้องมีมาตรฐานสำหรับคู่ชีวิตของโจวเฉิงอยู่แน่นอนไม่ว่าจะมองสถานะของเซี่ยเสี่ยวหลานอย่างไร ล้วนไม่สอดคล้องกับมาตรฐานการเลือกสะใภ้ของตระกูลโจวทว่าหากเปรียบเป็๲สถานการณ์ของครอบครัวเขาเองก็คงไม่ต่างกันมากบิดานั้นเสียชีวิตไปแล้ว คุณปู่คุณย่าทนความรั้นของเขาไม่ไหว มารดาเขาอาจจะคัดค้านแต่คังเหว่ยมั่นใจว่าสามารถจัดการให้ลงตัวได้

        หยุดเลย คิดอะไรกันนะ หน้าตาสวยเพียงใดก็คิดเกินเลยไม่ได้นั่นคือว่าที่พี่สะใภ้ของเขาเชียวนะ

        คังเหว่ยช่างน่าขันตนเองคิดว่าตระกูลโจวไม่อาจยอมรับเซี่ยเสี่ยวหลาน แต่ในขณะเดียวกันก็ถูกโจวเฉิงล้างสมองให้ยอมรับในตัวเซี่ยเสี่ยวหลานไปเสียแล้ว—อย่างไรเสียเ๱ื่๵๹ที่โจวเฉิงอยากทำ เ๱ื่๵๹ไหนๆ ล้วนสำเร็จเสร็จสิ้นคังเหว่ยจึงเชื่อมั่นในตัวเขาอย่างไม่ลืมหูลืมตา

        โจวเฉิงนำของที่จะให้เซี่ยเสี่ยวหลานยัดลงใต้เตียง “ธุระที่ฉันวานนายสืบ ได้เบาะแสแล้วหรือยัง?”

        โจวเฉิงวานคังเหว่ยตรวจสอบเซี่ยจื่ออวี้

        “นักศึกษามหาวิทยาลัยจากเขตอันชิ่งมณฑลอวี้หนาน เซี่ยจื่ออวี้สินะเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ในปักกิ่ง วิทยาลัยฝึกหัดครูปักกิ่ง”

        คังเหว่ยเหยียดริมฝีปาก นึกว่าสอบติดจิงต้า [2] แล้วเสียอีก!

        แทบจะเยินยอเซี่ยจื่ออวี้จนลอยขึ้นฟ้ากันหมดแล้วและคังเหว่ยไม่เห็นด้วยว่านี่เป็๞สิ่งที่ถูกต้อง ตัวเขาเองไม่ได้อยากเรียนมหาวิทยาลัยแต่ถ้าอยากเรียนหนังสือจริงก็ไม่อาจจัดแจงให้เขาเรียนเพียงวิทยาลัยฝึกหัดครูปักกิ่งแน่จะว่าอย่างไรก็เป็๞ถึงลูกชายของวีรบุรุษผู้เสียสละชีพ ต่อให้สถานะตระกูลคังไม่ดีอีกเท่าไรคังเหว่ยก็ยังควรได้รับสิทธิพิเศษมากเสียหน่อย

        “คู่หมายของเซี่ยจื่ออวี้นั่นก็อยู่ที่วิทยาลัยฝึกหัดครูปักกิ่ง...พวกเรารู้จักด้วย เขาคือหวังเจี้ยนหัว”

        ชื่อประเภทเจี้ยนกั๋วรึเจี้ยนหัวนั้นธรรมดาดาษดื่นเสียเหลือเกินยิ่งแซ่หวังยิ่งมีคนใช้กันมากมายเต็มไปหมดแรกเริ่มเดิมทีชื่อหวังเจี้ยนหัวนี้ไม่ดึงดูดความสนใจของคังเหว่ยเลยแม้แต่น้อยแต่เขาจะไปสืบเ๹ื่๪๫เซี่ยจื่ออวี้ย่อมต้องสืบถึงว่าที่พี่เขยผู้ที่เซี่ยเสี่ยวหลานเคยเปลือยกายยั่วยวนตอนกลางวันแสกๆตามคำบอกเล่าด้วยเช่นกัน

        เมื่อตรวจสอบเสร็จก็พบว่าน่าสนใจขึ้นมา กลับเป็๲หวังเจี้ยนหัวคนที่เขารู้จักขึ้นมาเสียได้โลกช่างแคบจริงๆ

        หลายปีก่อนตระกูลโจว ตระกูลคัง และตระกูลหวังสถานะไม่แตกต่างกันมากนักตอนนี้ตระกูลโจวมีภาษีดีที่สุด ตระกูลคังจะแย่ลงมาหน่อยส่วนตระกูลหวังถูกเตะออกจากแวดวงไปนานมากแล้ว หวังเจี้ยนหัวโตกว่าพวกเขาเล็กน้อยตอนเด็กทุกคนไม่ได้เข้ากันดีนัก หลังจากตระกูลหวังร่อแร่คังเหว่ยได้ยินมาว่าหวังเจี้ยนหัวก็โดนย้ายไปใช้แรงงานที่อื่นแล้วจึงไม่ได้ใส่ใจมากนักคิดไม่ถึงว่าจะได้ข่าวคราวของหวังเจี้ยนหัวอีกครั้งในสถานการณ์แบบนี้

        “หวังเจี้ยนหัว?”

        หลังจากตระกูลหวังเกิดเ๹ื่๪๫ขึ้นก็ไม่ได้พบหน้ากันอีกเลยโจวเฉิงเกือบลืมแล้วว่าหวังเจี้ยนหัวมีหน้าตาเป็๞อย่างไรแล้วด้วยซ้ำ

        อย่างไรเสียก็คงหล่อเหลาเทียบเขาไม่ได้

        ในชั่วพริบตาเดียวโจวเฉิงก็ไม่ได้ให้ความสนใจอันใดกับเ๹ื่๪๫นี้อีก

        หวังเจี้ยนหัวในความทรงจำนั้นทะนงไม่เบา เวลามองคนอื่นเหมือนดวงตาอยู่เหนือศีรษะลงชนบทไปตรากตรำตั้งหลายปี จะเปลี่ยนแปลงไปบ้างหรือไม่นะ?

        โจวเฉิงเชื่อมั่นในตนเองมาก ถ้านำตัวเขาและหวังเจี้ยนหัวมาวางไว้ด้วยกันเซี่ยเสี่ยวหลานต้องเลือกเขาอย่างแน่นอน

        “สืบได้ทั้งสองคนก็ยิ่งดี แต่ยังไม่ต้องไปยุ่งกับพวกเขา”

        ใครเคยรังแกภรรยาของเขาเอาไว้ โจวเฉิงไม่มีวันลืมแต่จะจัดการสองคนนี้อย่างไร โจวเฉิงจะทิ้งไว้ถามความคิดเห็นของเซี่ยเสี่ยวหลานก่อนเซี่ยจื่ออวี้กับจางเสเพลนั้นไม่เหมือนกัน จางเสเพลนั่นเป็๞เพียงพวกเหลือขอแต่เซี่ยจื่ออวี้เป็๞ลูกพี่ลูกน้องของเสี่ยวหลาน โจวเฉิงแค่รู้สึกว่าเ๹ื่๪๫ราวระหว่างนี้ไม่ค่อยปกตินักเซี่ยจื่ออวี้ทำอะไรไปบ้างก็ไม่มีข้อมูลรับรู้อย่างชัดเจน

        เช่นนั้นก็ค่อยๆ ตรวจสอบไป อย่าได้คิดหนีแม้แต่คนเดียว

         

         

         

        เซี่ยเสี่ยวหลานยังไม่รู้ว่าเธอมีคนหนุนหลังแล้ว

        แต่แม้จะรู้ เธอก็ไม่ขอพึ่งพาโจวเฉิงแน่นอน ‘อาศัย๥ูเ๠า เขาถล่ม พึ่งพิงคน คนหนีหาย’ ใครจะให้พึ่งพาได้ทั้งชาติกัน? ตนเป็๞ที่พึ่งแห่งตนนั้นย่อมถูกต้องที่สุด

        ส่งผลผลิตให้แก่รัฐเรียบร้อย เหล่าเกษตรกรไม่ใช่ว่าจะได้พักผ่อนเสียทีเดียวอีกสักพักก็จะต้องหว่านเมล็ดข้าวสาลีและผักกาดก้านขาว หน้าดินจึงต้องราบเรียบงานที่หลี่เฟิ่งเหมยต้องทำยังรออยู่อีกมากมาย และเธอไม่ยอมให้เซี่ยเสี่ยวหลานช่วยเหลือด้วยเธอบอกว่ามือของเซี่ยเสี่ยวหลานมีไว้ถือปากกา ไม่ได้มีไว้ถือจอบคอยพลิกหน้าดิน

        “ธุรกิจของหลานน่ะ มีแค่หลานกับแม่ทำกันอยู่สองคน จะทำไหวหรือ?”

        หลี่เฟิ่งเหยไม่เพียงแต่ไม่ยอมให้เซี่ยเสี่ยวหลานช่วยงานเธอยังกังวลถึงธุรกิจของเซี่ยเสี่ยวหลานด้วยตอนนี้เป็๲หลิวเฟินที่ไปส่งสินค้าในซางตูตอนกลางวันเซี่ยเสี่ยวหลานรับซื้อสินค้าทุกหนแห่ง ตอนเย็นถึงมีเวลาทบทวนบทเรียนเวลาที่หลิวเฟินไม่ส่งสินค้า ก็เป็๲หลิวเฟินไปรับซื้อสินค้าแทน ทำเช่นนี้เซี่ยเสี่ยวหลานจึงสามารถอ่านหนังสืออยู่ที่บ้านได้ทั้งวันดังนั้นแท้จริงแล้วผู้ที่เหนื่อยที่สุดคือหลิวเฟินต่างหาก

        เซี่ยเสี่ยวหลานรู้ว่าในเวลานี้อัตราการใช้งานเครื่องจักรทางการเกษตรมีระดับที่ต่ำมากก่อนหว่านเมล็ดข้าวสาลีและผักกาดก้านขาวต้องกลับที่ดินทั้งผืนนา บางคนอาศัยใช้จอบบางคนใช้วัวลากคันไถไถนา บ้านหลิวไม่มีวัว หลี่เฟิ่งเหมยยังต้องเชิญคนอื่นมาช่วยไถนาด้วยวัวที่ผู้อื่นเลี้ยง ไม่ได้เลี้ยงโดยไม่เสียเงิน ปกติต้องใช้เวลาใช้เงินเพื่อเลี้ยงดูไปตั้งเท่าไรกัน? ไถนาหนึ่งหมู่ไม่ว่าเท่าไรก็มีราคา แม้เสียดายเงินส่วนนี้แต่ก็ต้องจ่ายอยู่ดี

        ในบ้านขาดแรงงานที่แข็งแกร่งไปหนึ่งคนงานเกษตรจึงตกอยู่กับหลี่เฟิ่งเหมยเพียงคนเดียว เดิมทีหลิวเฟินก็เป็๲มือฉมังด้านงานเกษตรอีกอย่างที่ดินของหลิวเฟินและเซี่ยเสี่ยวหลานยังไม่ถูกแบ่งอย่างเรียบร้อยหลิวเฟินสามารถช่วยงานได้... ทว่าทุกวันนี้หลิวเฟินยุ่งกว่าทำงานเกษตรเสียอีกหลี่เฟิ่งเหมยจะวานให้น้องสาวสามีลงไร่นาได้อย่างไรกัน?

        หลิวเฟินและเซี่ยเสี่ยวหลานมิใช่อยู่บ้านเปล่าๆ ปลี้ๆเซี่ยเสี่ยวหลานได้ใช้จ่ายเงินในชีวิตประจำวันทั้งโดยตรงและโดยอ้อมที่จริงสองแม่ลูกแค่มีที่พักแรมอยู่กับบ้านหลิว ไม่ใช่ว่าตั้งใจจะอาศัยหลี่เฟิ่งเหมยและสามีให้เลี้ยงดูปูเสื่อ

        เซี่ยเสี่ยวหลานกังวลว่าในมือของป้าสะใภ้จะไม่มีเงินก่อนหน้านี้หลิวหย่งให้เงินเธอ 50 หยวนไว้เป็๲ต้นทุน ในบ้านจะไม่กักตุนสินค้าปลาไหลไว้เยอะขนาดนั้นแล้วเซี่ยเสี่ยวหลานจึงนำเงินออกมาคืน

        ตอนยืม ยืม 50 หยวนตอนคืนเธอเตรียมต้าถวนเจี๋ยไว้ 10 ใบ

        “หลานทำอะไร?! รีบเก็บกลับไปเลย! เงินนี้ลุงของหลานเคยบอกแล้วว่านั่นเป็๲เบี้ยเลี้ยงให้กับหลานถ้าทำแบบนี้ ป้าจะโกรธแล้วนะ!”

        เป็๞ตายหลี่เฟิ่งเหมยก็ไม่ยอมรับเงินก้อนนี้

        50 หยวนนั้นถือเป็๲เงินไม่น้อยเลย แต่ก็ไม่ถือว่ามากเช่นกันอย่าว่าแต่ 50 หยวน ต่อให้เป็๲เงิน 5000 หยวน หรือต่อให้หลิวหย่งผู้เป็๲ลุงคนนี้สามารถหาเงินมาได้มากมายหรือน้อยไปกว่านี้แต่หลี่เฟิ่งเหมยก็ไม่อาจรับคืนได้อีก สามีภรรยาเหมือนคนคนเดียวกันเมื่อหลิวหย่งตัดสินใจแล้ว หลี่เฟิ่งเหมยจึงไร้ข้อกังขาแน่นอน

        ถึงอย่างไรหากเป็๞เงิน 5000 หยวนจริง หลี่เฟิ่งเหมยย่อมเสียดายแน่ แต่ก็มิใช่การเสียดายต่อหน้าเซี่ยเสี่ยวหลาน

        ป้าสะใภ้ไม่รับเงิน เซี่ยเสี่ยวหลานคิดไปคิดมาก็ยิ้มกว้าง

        “ป้าไม่รับก็ได้ ใน๰่๭๫เวลานี้ฉันจะทำธุรกิจอื่น เงินส่วนนี้เท่ากับลุงเป็๞ผู้ร่วมลงทุนแล้ว”

         

         

        เชิงอรรถ

        [1]门槛高 ธรณีประตูสูงหมายถึง มีมาตรฐานต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งสูง

        [2] จิงต้า ผู้แต่งหมายความเปรียบเทียบกับ北京大学 มหาลัยแห่งชาติปักกิ่งที่มีชื่อเสียงมีมาตรฐานสูงกว่าวิทยาลัยฝึกหัดครูปักกิ่ง ที่เซี่ยจื่ออวี้สอบเข้าได้


         

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้