คังเหว่ยอยู่ที่บ้าน นั่งไม่ติดที่เหมือนใต้ก้นโรยตะปูตัวใหญ่เอาไว้
เมื่อทนไม่ไหวอีกต่อแล้ว เขาจึงรีบพุ่งไปหาโจวเฉิง
เขาไปบ้านโจวอยู่บ่อยครั้ง คนตระกูลโจวจึงไม่รู้สึกว่าเขาเป็คนแปลกหน้าทว่าคังเหว่ยค่อนข้างกลัวบิดาของโจวเฉิง เลยจงใจไปตอนเวลาเที่ยงวันเพราะในเวลานี้ลุงโจวไม่มีทางอยู่บ้านเป็แน่
เมื่อคังเหว่ยมาถึง โจวเฉิงหยิบของกองหนึ่งโยกไปโยกมาอยู่ภายในห้อง
“พี่เฉิงจื่อ ทำอะไรน่ะ?”
โจวเฉิงนำสิ่งของเก็บใส่ในถุง “พี่สะใภ้นายไปโน่นมานี่คนเดียว ฉันจะหาของป้องกันตัวให้เธอเสียหน่อย”
ของพวกนี้ไม่ได้หากันง่ายดาย ไม่พัฒนาไว้สำหรับให้พลเมืองใช้งานด้วยซ้ำแม้แต่โจวเฉิงเองก็ใช้เวลาไปมากถึงจะหามาได้ ถ้าไม่ใช่เพื่อรอสินค้า เขาคงรีบพุ่งไปเขตอันชิ่งตั้งนานแล้วคงไม่อยู่บ้านได้นานถึงสองสัปดาห์แน่
คังเหว่ยปิดประตูอย่างลับๆ ล่อๆ ราวกับขโมยขโจร
“พี่เฉิงจื่อ พี่ยังจะไปเขตอันชิ่งอีกหรือ?”
“นายรำคาญฉันหรือ? คิดว่าลู่ทางนี้ทำจนชินแล้วจะทำคนเดียวก็ได้สินะ? ได้ ฉันหารถสักคันด้วยตัวเอง พวกเราต่างคนต่างขนสินค้าที่ฉันพูดก่อนหน้านี้ก็ช่างมัน ลู่ทางหากินของเมื่อก่อนเป็ของนายฉันจะไปหาหนทางใหม่”
โจวเฉิงกล่าวเช่นนี้เป็การรังแกคังเหว่ยจนแทบร้องไห้แล้ว
วิธีของโจวเฉิงทำเงินได้จำนวนมากขนาดไหนคังเหว่ยรู้ดีกว่าใครทั้งนั้น ต่อให้เป็พี่น้องท้องเดียวกันก็ไม่จำเป็ต้องให้ช่องทางทำเงินนี้แก่เขา กำไรในนี้มหาศาลโจวเฉิงมิใช่ไร้พี่น้องสกุลเดียวกัน พี่น้องแท้ๆ ไม่มีก็จริง แต่ยังมีลูกพี่ลูกน้องฝั่งบิดามารดาอีกไม่ใช่หรือ? โจวเฉิงดูแลเขาเป็เพราะว่าสงสารเขาต่างหาก
“ในฐานะที่เป็น้อง ผมพูดผิดไปแล้ว ผมขอโทษพี่อย่างจริงจังจริงใจเลยนะอย่าปฏิเสธที่จะพาผมไปเที่ยวเล่นด้วยเด็ดขาด... ถ้าพี่เฉิงจื่อยอมไปกับผมผมต้องขอบคุณพี่เป็พันเป็หมื่นครั้งเลย!”
“พอแล้ว ฉันรับรู้ความตั้งใจของนาย”
โจวเฉิงไม่ปฏิเสธว่าตนเองตกหลุมรักเซี่ยเสี่ยวหลานั้แ่แรกพบ
บุรุษตามไขว่คว้าหัวใจสตรี ต้องสร้างสรรค์โอกาสพบพานให้มากเข้าไว้อยู่เสมอแต่การเลื่อนเวลาไม่กลับไปจะกระทบต่ออนาคตของตนเอง โจวเฉิงรู้ดีอย่างถ่องแท้การลงโทษฐานผิดวินัยก่อนหน้านี้ของเขาทางหน่วยงานได้แถลงคำชี้แจงใหม่แล้วไม่ใช่เพราะบ้านโจวช่วยทั้งหมด เบื้องบนมีหัวหน้าใหญ่ที่โปรดปรานโจวเฉิงมากจึงยินดีใส่ใจกับเื่ของเขา
แต่เขาชอบใครสักคนเป็ครั้งแรก ควบคุมความคิดของตนเองไม่ได้ด้วยซ้ำและโจวเฉิงก็ไม่้าควบคุมมันด้วย
“อย่างมากฉันคงทำอีกสักสองรอบ โดยไม่ให้กระทบกับเวลาของงานหลัก”
โจวเฉิงคำนวณพร้อมอธิบายต่อคังเหว่ย
เขาไม่ใช่นิสัยประเภทจะอธิบายอะไรกับใครทว่าคังเหว่ยเป็ผู้รู้รายละเอียดโจวเฉิงเห็นเขามีความเครียดอันหนักหน่วงถึงได้พูดไป
ตามความคิดของโจวเฉิง เขาคิดว่าผู้ชายคนหนึ่งมีหรือไร้อนาคตได้ง่ายดายถึงเพียงนั้นอนาคตที่ดีนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับเส้นทางใดเส้นทางหนึ่งของชีวิตหรือเื่ใดเพียงเื่เดียวเท่านั้น แต่ในครอบครัวคาดหวังกับเขาไว้สูงโจวเฉิงอายุได้สิบกว่าปีถูกส่งไปแบกปืน คำบังคับบัญชานั่นมิใช่แค่คิดว่าจะหลุดพ้นก็พ้นได้ง่ายดายขนาดนั้น
ฉวยโอกาสที่ยังมีเวลา อยู่ข้างกายภรรยาในอนาคตของเขาให้มากหน่อยแล้วกัน
โจวเฉิงจัดเก็บสัมภาระ ให้คังเหว่ยเตรียมตัวให้พร้อม พรุ่งนี้จะออกเดินทาง
คังเหว่ยใจหนึ่งเบิกบานทว่าอีกใจหนึ่งกลับกังวลเหลือเกิน
เบิกบานเพราะเขาจะได้ตามโจวเฉิงไปหาเงินอีกครั้ง กังวลเพราะหากหลังบ้านโจวรู้เข้าแม้พวกเขาจะจัดการโจวเฉิงไม่ได้ แต่เขาจะต้องหันมาถลกหนังของคังเหว่ยออกแทนแน่นอน
ตระกูลโจวธรณีประตูสูง [1] จะยอมรับเซี่ยเสี่ยวหลานได้อย่างไร?
พอคังเหว่ยครุ่นคิดถึงเื่นี้ พบว่ามีความเป็ไปได้น้อยเหลือเกินแม้ไม่กล่าวถึงการสมรสเพื่อปรองดองกันแต่คนตระกูลเซี่ยต้องมีมาตรฐานสำหรับคู่ชีวิตของโจวเฉิงอยู่แน่นอนไม่ว่าจะมองสถานะของเซี่ยเสี่ยวหลานอย่างไร ล้วนไม่สอดคล้องกับมาตรฐานการเลือกสะใภ้ของตระกูลโจวทว่าหากเปรียบเป็สถานการณ์ของครอบครัวเขาเองก็คงไม่ต่างกันมากบิดานั้นเสียชีวิตไปแล้ว คุณปู่คุณย่าทนความรั้นของเขาไม่ไหว มารดาเขาอาจจะคัดค้านแต่คังเหว่ยมั่นใจว่าสามารถจัดการให้ลงตัวได้
หยุดเลย คิดอะไรกันนะ หน้าตาสวยเพียงใดก็คิดเกินเลยไม่ได้นั่นคือว่าที่พี่สะใภ้ของเขาเชียวนะ
คังเหว่ยช่างน่าขันตนเองคิดว่าตระกูลโจวไม่อาจยอมรับเซี่ยเสี่ยวหลาน แต่ในขณะเดียวกันก็ถูกโจวเฉิงล้างสมองให้ยอมรับในตัวเซี่ยเสี่ยวหลานไปเสียแล้ว—อย่างไรเสียเื่ที่โจวเฉิงอยากทำ เื่ไหนๆ ล้วนสำเร็จเสร็จสิ้นคังเหว่ยจึงเชื่อมั่นในตัวเขาอย่างไม่ลืมหูลืมตา
โจวเฉิงนำของที่จะให้เซี่ยเสี่ยวหลานยัดลงใต้เตียง “ธุระที่ฉันวานนายสืบ ได้เบาะแสแล้วหรือยัง?”
โจวเฉิงวานคังเหว่ยตรวจสอบเซี่ยจื่ออวี้
“นักศึกษามหาวิทยาลัยจากเขตอันชิ่งมณฑลอวี้หนาน เซี่ยจื่ออวี้สินะเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ในปักกิ่ง วิทยาลัยฝึกหัดครูปักกิ่ง”
คังเหว่ยเหยียดริมฝีปาก นึกว่าสอบติดจิงต้า [2] แล้วเสียอีก!
แทบจะเยินยอเซี่ยจื่ออวี้จนลอยขึ้นฟ้ากันหมดแล้วและคังเหว่ยไม่เห็นด้วยว่านี่เป็สิ่งที่ถูกต้อง ตัวเขาเองไม่ได้อยากเรียนมหาวิทยาลัยแต่ถ้าอยากเรียนหนังสือจริงก็ไม่อาจจัดแจงให้เขาเรียนเพียงวิทยาลัยฝึกหัดครูปักกิ่งแน่จะว่าอย่างไรก็เป็ถึงลูกชายของวีรบุรุษผู้เสียสละชีพ ต่อให้สถานะตระกูลคังไม่ดีอีกเท่าไรคังเหว่ยก็ยังควรได้รับสิทธิพิเศษมากเสียหน่อย
“คู่หมายของเซี่ยจื่ออวี้นั่นก็อยู่ที่วิทยาลัยฝึกหัดครูปักกิ่ง...พวกเรารู้จักด้วย เขาคือหวังเจี้ยนหัว”
ชื่อประเภทเจี้ยนกั๋วรึเจี้ยนหัวนั้นธรรมดาดาษดื่นเสียเหลือเกินยิ่งแซ่หวังยิ่งมีคนใช้กันมากมายเต็มไปหมดแรกเริ่มเดิมทีชื่อหวังเจี้ยนหัวนี้ไม่ดึงดูดความสนใจของคังเหว่ยเลยแม้แต่น้อยแต่เขาจะไปสืบเื่เซี่ยจื่ออวี้ย่อมต้องสืบถึงว่าที่พี่เขยผู้ที่เซี่ยเสี่ยวหลานเคยเปลือยกายยั่วยวนตอนกลางวันแสกๆตามคำบอกเล่าด้วยเช่นกัน
เมื่อตรวจสอบเสร็จก็พบว่าน่าสนใจขึ้นมา กลับเป็หวังเจี้ยนหัวคนที่เขารู้จักขึ้นมาเสียได้โลกช่างแคบจริงๆ
หลายปีก่อนตระกูลโจว ตระกูลคัง และตระกูลหวังสถานะไม่แตกต่างกันมากนักตอนนี้ตระกูลโจวมีภาษีดีที่สุด ตระกูลคังจะแย่ลงมาหน่อยส่วนตระกูลหวังถูกเตะออกจากแวดวงไปนานมากแล้ว หวังเจี้ยนหัวโตกว่าพวกเขาเล็กน้อยตอนเด็กทุกคนไม่ได้เข้ากันดีนัก หลังจากตระกูลหวังร่อแร่คังเหว่ยได้ยินมาว่าหวังเจี้ยนหัวก็โดนย้ายไปใช้แรงงานที่อื่นแล้วจึงไม่ได้ใส่ใจมากนักคิดไม่ถึงว่าจะได้ข่าวคราวของหวังเจี้ยนหัวอีกครั้งในสถานการณ์แบบนี้
“หวังเจี้ยนหัว?”
หลังจากตระกูลหวังเกิดเื่ขึ้นก็ไม่ได้พบหน้ากันอีกเลยโจวเฉิงเกือบลืมแล้วว่าหวังเจี้ยนหัวมีหน้าตาเป็อย่างไรแล้วด้วยซ้ำ
อย่างไรเสียก็คงหล่อเหลาเทียบเขาไม่ได้
ในชั่วพริบตาเดียวโจวเฉิงก็ไม่ได้ให้ความสนใจอันใดกับเื่นี้อีก
หวังเจี้ยนหัวในความทรงจำนั้นทะนงไม่เบา เวลามองคนอื่นเหมือนดวงตาอยู่เหนือศีรษะลงชนบทไปตรากตรำตั้งหลายปี จะเปลี่ยนแปลงไปบ้างหรือไม่นะ?
โจวเฉิงเชื่อมั่นในตนเองมาก ถ้านำตัวเขาและหวังเจี้ยนหัวมาวางไว้ด้วยกันเซี่ยเสี่ยวหลานต้องเลือกเขาอย่างแน่นอน
“สืบได้ทั้งสองคนก็ยิ่งดี แต่ยังไม่ต้องไปยุ่งกับพวกเขา”
ใครเคยรังแกภรรยาของเขาเอาไว้ โจวเฉิงไม่มีวันลืมแต่จะจัดการสองคนนี้อย่างไร โจวเฉิงจะทิ้งไว้ถามความคิดเห็นของเซี่ยเสี่ยวหลานก่อนเซี่ยจื่ออวี้กับจางเสเพลนั้นไม่เหมือนกัน จางเสเพลนั่นเป็เพียงพวกเหลือขอแต่เซี่ยจื่ออวี้เป็ลูกพี่ลูกน้องของเสี่ยวหลาน โจวเฉิงแค่รู้สึกว่าเื่ราวระหว่างนี้ไม่ค่อยปกตินักเซี่ยจื่ออวี้ทำอะไรไปบ้างก็ไม่มีข้อมูลรับรู้อย่างชัดเจน
เช่นนั้นก็ค่อยๆ ตรวจสอบไป อย่าได้คิดหนีแม้แต่คนเดียว
เซี่ยเสี่ยวหลานยังไม่รู้ว่าเธอมีคนหนุนหลังแล้ว
แต่แม้จะรู้ เธอก็ไม่ขอพึ่งพาโจวเฉิงแน่นอน ‘อาศัยูเา เขาถล่ม พึ่งพิงคน คนหนีหาย’ ใครจะให้พึ่งพาได้ทั้งชาติกัน? ตนเป็ที่พึ่งแห่งตนนั้นย่อมถูกต้องที่สุด
ส่งผลผลิตให้แก่รัฐเรียบร้อย เหล่าเกษตรกรไม่ใช่ว่าจะได้พักผ่อนเสียทีเดียวอีกสักพักก็จะต้องหว่านเมล็ดข้าวสาลีและผักกาดก้านขาว หน้าดินจึงต้องราบเรียบงานที่หลี่เฟิ่งเหมยต้องทำยังรออยู่อีกมากมาย และเธอไม่ยอมให้เซี่ยเสี่ยวหลานช่วยเหลือด้วยเธอบอกว่ามือของเซี่ยเสี่ยวหลานมีไว้ถือปากกา ไม่ได้มีไว้ถือจอบคอยพลิกหน้าดิน
“ธุรกิจของหลานน่ะ มีแค่หลานกับแม่ทำกันอยู่สองคน จะทำไหวหรือ?”
หลี่เฟิ่งเหยไม่เพียงแต่ไม่ยอมให้เซี่ยเสี่ยวหลานช่วยงานเธอยังกังวลถึงธุรกิจของเซี่ยเสี่ยวหลานด้วยตอนนี้เป็หลิวเฟินที่ไปส่งสินค้าในซางตูตอนกลางวันเซี่ยเสี่ยวหลานรับซื้อสินค้าทุกหนแห่ง ตอนเย็นถึงมีเวลาทบทวนบทเรียนเวลาที่หลิวเฟินไม่ส่งสินค้า ก็เป็หลิวเฟินไปรับซื้อสินค้าแทน ทำเช่นนี้เซี่ยเสี่ยวหลานจึงสามารถอ่านหนังสืออยู่ที่บ้านได้ทั้งวันดังนั้นแท้จริงแล้วผู้ที่เหนื่อยที่สุดคือหลิวเฟินต่างหาก
เซี่ยเสี่ยวหลานรู้ว่าในเวลานี้อัตราการใช้งานเครื่องจักรทางการเกษตรมีระดับที่ต่ำมากก่อนหว่านเมล็ดข้าวสาลีและผักกาดก้านขาวต้องกลับที่ดินทั้งผืนนา บางคนอาศัยใช้จอบบางคนใช้วัวลากคันไถไถนา บ้านหลิวไม่มีวัว หลี่เฟิ่งเหมยยังต้องเชิญคนอื่นมาช่วยไถนาด้วยวัวที่ผู้อื่นเลี้ยง ไม่ได้เลี้ยงโดยไม่เสียเงิน ปกติต้องใช้เวลาใช้เงินเพื่อเลี้ยงดูไปตั้งเท่าไรกัน? ไถนาหนึ่งหมู่ไม่ว่าเท่าไรก็มีราคา แม้เสียดายเงินส่วนนี้แต่ก็ต้องจ่ายอยู่ดี
ในบ้านขาดแรงงานที่แข็งแกร่งไปหนึ่งคนงานเกษตรจึงตกอยู่กับหลี่เฟิ่งเหมยเพียงคนเดียว เดิมทีหลิวเฟินก็เป็มือฉมังด้านงานเกษตรอีกอย่างที่ดินของหลิวเฟินและเซี่ยเสี่ยวหลานยังไม่ถูกแบ่งอย่างเรียบร้อยหลิวเฟินสามารถช่วยงานได้... ทว่าทุกวันนี้หลิวเฟินยุ่งกว่าทำงานเกษตรเสียอีกหลี่เฟิ่งเหมยจะวานให้น้องสาวสามีลงไร่นาได้อย่างไรกัน?
หลิวเฟินและเซี่ยเสี่ยวหลานมิใช่อยู่บ้านเปล่าๆ ปลี้ๆเซี่ยเสี่ยวหลานได้ใช้จ่ายเงินในชีวิตประจำวันทั้งโดยตรงและโดยอ้อมที่จริงสองแม่ลูกแค่มีที่พักแรมอยู่กับบ้านหลิว ไม่ใช่ว่าตั้งใจจะอาศัยหลี่เฟิ่งเหมยและสามีให้เลี้ยงดูปูเสื่อ
เซี่ยเสี่ยวหลานกังวลว่าในมือของป้าสะใภ้จะไม่มีเงินก่อนหน้านี้หลิวหย่งให้เงินเธอ 50 หยวนไว้เป็ต้นทุน ในบ้านจะไม่กักตุนสินค้าปลาไหลไว้เยอะขนาดนั้นแล้วเซี่ยเสี่ยวหลานจึงนำเงินออกมาคืน
ตอนยืม ยืม 50 หยวนตอนคืนเธอเตรียมต้าถวนเจี๋ยไว้ 10 ใบ
“หลานทำอะไร?! รีบเก็บกลับไปเลย! เงินนี้ลุงของหลานเคยบอกแล้วว่านั่นเป็เบี้ยเลี้ยงให้กับหลานถ้าทำแบบนี้ ป้าจะโกรธแล้วนะ!”
เป็ตายหลี่เฟิ่งเหมยก็ไม่ยอมรับเงินก้อนนี้
50 หยวนนั้นถือเป็เงินไม่น้อยเลย แต่ก็ไม่ถือว่ามากเช่นกันอย่าว่าแต่ 50 หยวน ต่อให้เป็เงิน 5000 หยวน หรือต่อให้หลิวหย่งผู้เป็ลุงคนนี้สามารถหาเงินมาได้มากมายหรือน้อยไปกว่านี้แต่หลี่เฟิ่งเหมยก็ไม่อาจรับคืนได้อีก สามีภรรยาเหมือนคนคนเดียวกันเมื่อหลิวหย่งตัดสินใจแล้ว หลี่เฟิ่งเหมยจึงไร้ข้อกังขาแน่นอน
ถึงอย่างไรหากเป็เงิน 5000 หยวนจริง หลี่เฟิ่งเหมยย่อมเสียดายแน่ แต่ก็มิใช่การเสียดายต่อหน้าเซี่ยเสี่ยวหลาน
ป้าสะใภ้ไม่รับเงิน เซี่ยเสี่ยวหลานคิดไปคิดมาก็ยิ้มกว้าง
“ป้าไม่รับก็ได้ ใน่เวลานี้ฉันจะทำธุรกิจอื่น เงินส่วนนี้เท่ากับลุงเป็ผู้ร่วมลงทุนแล้ว”
เชิงอรรถ
[1]门槛高 ธรณีประตูสูงหมายถึง มีมาตรฐานต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งสูง
[2] จิงต้า ผู้แต่งหมายความเปรียบเทียบกับ北京大学 มหาลัยแห่งชาติปักกิ่งที่มีชื่อเสียงมีมาตรฐานสูงกว่าวิทยาลัยฝึกหัดครูปักกิ่ง ที่เซี่ยจื่ออวี้สอบเข้าได้