เขตอันชิ่งตั้งอยู่บริเวณที่กันระหว่างทางเหนือและทางใต้เป็ธรรมดาที่อาหารการกินจะได้รับอิทธิพลจากทั้งสองฝั่ง
ผู้คนกินข้าวสวยกันค่อนข้างเยอะ แต่ก็กินแป้งเช่นกัน พื้นที่เพาะปลูกข้าวสาลีเป็รองพื้นที่เพาะปลูกข้าวเพียงเล็กน้อยเท่านั้นในการส่งผลผลิต [1] ของทุกปีข้าวสาลีถือเป็ผลผลิตหลักแป้งสาลีที่คนชนบทรับประทานนั้นจะโม่เอง เพื่อนำมาทำหมั่นโถวและเกี๊ยวสีสันจะไม่สวยเหมือนใช้แป้งสาลีคุณภาพสูงทำ เทียบกับแป้งขาวแล้วยิ่งไม่ได้เลย
เมื่อกินแล้วรสััไม่นุ่มนวลเท่าแป้งคุณภาพสูงทว่ากลิ่นหอมดั้งเดิมของข้าวสาลีจะชัดกว่า
ป้าสะใภ้ของเซี่ยเสี่ยวหลานทำผักดองรสเลิศ
ไชเท้าผิวแดงเนื้อขาวลูกโตเป็วัตถุดิบหลักในน้ำดองประกอบด้วยเกลือและน้ำตาลทรายแดง หลี่เฟิ่งเหมยเติมพริกแดงอีกนิดหน่อยรสเปรี้ยวหวานของไชเท้าที่ดองแล้วเจือด้วยความเผ็ดนิดๆ เรียกน้ำย่อยได้ดีมากหากนำมาปรุงอาหารกับเนื้อสัตว์แล้ว แค่คิดก็น้ำลายแทบไหลทีเดียว
หน้าที่ผสมแป้งเป็ของหลิวเฟิน ให้เซี่ยวเสี่ยวหลานรับไม้ต่อทำไส้ เพื่อการนี้เธอตื่นเช้ากว่าเดิมถึงหนึ่งชั่วโมง ล้างๆ สับๆอยู่ในครัว รวมแล้วห่อไส้เกี๊ยวไปสองชั่ง ในบ้านมีเนื้อสัตว์อยู่เพียงเท่านี้เซี่ยเสี่ยวหลานนำเกี๊ยวใส่เต็มโถกระเบื้อง ตนเองกินไปไม่กี่ชิ้น ส่วนที่เหลือก็เก็บไว้ให้เทาเทาผู้ยังไม่ตื่นนอน
เธอยังคงรู้สึกไม่สบายใจ
“เดี๋ยววันนี้ตอนกลับฉันซื้อเนื้อสัตว์มานะ”
เนื้อสัตว์ค่อนข้างมีราคาแต่หนึ่งวันกินสักหนึ่งชั่งก็มิใช่ว่ากินไม่ได้
เซี่ยเสี่ยวหลานรู้ดีว่าเงินนั้นต้องเก็บแต่ก็ไม่ใช่หาเงินได้แล้วไม่ใช้เลยสักเฟินเดียว เธอสามารถอดทนไม่ดูเสื้อผ้างดงามไม่ไปซื้อขี้ผึ้งทาหน้า ของใช้ส่วนตัวเรียบง่ายแต่ต้องไม่ปล่อยให้ครอบครัวกินไม่อิ่ม
หลี่เฟิ่งเหมยเร่งให้เธอรีบไป “ลุงของหลานเตรียมของเสร็จแล้วรออยู่ที่ประตู รีบออกเดินทางเถอะหลานจะซื้อเนื้อทำไมกัน เมื่อวานป้าให้คนขายเนื้อสัตว์เขาเหลือตับหมูไว้ครึ่งหนึ่งหลานกับลุงรีบกลับมาแล้วกัน”
ต้นข้าวบ้านหลิวหย่งเก็บเกี่ยวใกล้เสร็จแล้ววันนี้ก็เชิญคนอื่นมาช่วยอีกตอนเย็นหลี่เฟิ่งเหมยจะต้องทำกับข้าวหลายอย่างให้สุดฝีมือแน่นอน
หลิวหย่งได้บรรจุไข่ไก่ไว้เรียบร้อยแล้ว จึงเข็นจักรยานมารอเธอ
“หลานนั่งซ้อนท้ายแล้วหันหลังให้ลุงระวังอย่าเหยียบไข่ไก่ในตะกร้าสองฝั่งจนแตกล่ะคืนเมื่อวานแม่หลานจัดการเก็บไข่ไก่ที่แตกไปปวดใจไปเชียวนะ”
เสียไข่ไก่ไปตั้งหลายสิบฟอง จะไม่ปวดใจได้ที่ไหนเล่า?
ไข่ไก่พวกนี้ไม่ใช่เก็บมาเปล่าๆ เหมือนไข่เป็ดป่าแต่ต้องรับซื้อด้วยเงินทั้งหมด เซี่ยเสี่ยวหลานไปหมู่บ้านโน้นทีเข้าเรือนนี้ทีล้วนเหน็ดเหนื่อยเป็อย่างมากคนล้วนกล่าวว่าในยุค 80 นี้ทุกที่เป็โอกาสทว่าแม้เงินจะหาง่ายแต่ต้องจ่ายด้วยหยาดเหงื่อและความเพียรพยายาม
เซี่ยเสี่ยวหลานกอดโถกระเบื้องไว้กับอก นั่งซ้อนท้ายอย่างมั่นคง
หลิวหย่งจึงหัวเราะ “ตอนเช้ากินเกี๊ยวไม่กี่ตัวคงไม่อิ่มล่ะสิ? ทนหน่อยนะ ถึงเขตอันชิ่งเมื่อไรเดี๋ยวลุงเลี้ยงของดีๆ เอง!”
เซี่ยเสี่ยวหลานนึกคิดหลิวหย่งเข้าเมืองครานี้นอกจากไปสืบเื่ราวแล้ว หลักๆคือเพื่อแสดงความขอบคุณต่อโจวเฉิงและคังเหว่ยด้วยความตั้งใจจริง ไม่ว่าสมัยใดการแสดงความขอบคุณนั้นก็ไม่พ้นเลี้ยงอาหารเพียงแต่มื้อนี้ที่หลิวหย่งเป็ผู้เลี้ยงต้องมิใช่แค่บะหมี่ธรรมดาชามเดียวแน่นอน
เงินทุนที่เธอยืมจากลุงยังไม่ทันคืนยังต้องมารบกวนให้เขาเสียเงินเสียทองอีก เซี่ยเสี่ยวหลานจึงไม่ค่อยเบิกบานนัก
“ลุง... ลุงช่างดีกับฉันจริงๆ ”
เขาร่างเล็กสันทัด สำหรับเซี่ยเสี่ยวหลานแล้วกลับห้าวหาญเหมือน ‘บิดา’ มากกว่าคนร่างสูงกำยำอย่างเซี่ยต้าจวิน
หลิวหย่งก้มหน้ามองจักรยานเงียบๆใจคิดว่าเด็กคนนี้พูดอะไรโง่เง่าอีกแล้ว
ความรู้สึกที่เขารักเซี่ยเสี่ยวหลานก็ไม่ต่างกับที่เขารักเทาเทาลูกชายของตนเองล้วนเป็ลูกหลานตระกูลหลิวทั้งนั้น จะไม่ห่วงหาอาทรได้หรือ?
ถ้าเขาสำนึกได้เร็วกว่านี้สักหลายปีตอนนี้คงทำให้ครอบครัวได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายจะปล่อยให้เซี่ยเสี่ยวหลานหาเงินเล็กน้อยจากการขายไข่ไก่ได้ที่ไหนกัน!
หลิวหย่งปั่นมาได้ครึ่งทาง เห็นคนรออยู่ข้างถนนลิบๆในใจระแวงขึ้นมาในทันที ฟ้าจะสางก็ยังไม่สาง ไอ้หนุ่มบ้านไหนว่างขนาดนี้คงไม่ใช่พวกเดียวกับอันธพาลเมื่อวานมาดักกลางทางรอหาเื่หลานสาวเขาหรอกนะ?!
“เสี่ยวหลาน ดูคนข้างหน้านั่นหน่อยสิ รู้จักไหม?”
เซี่ยเสี่ยวหลานหันศีรษะไปมอง ในม่านแสงอาทิตย์รุ่งอรุณทรงผมเกรียนที่เป็เอกลักษณ์กับใบหน้าครั้นผ่านตาก็มิอาจลืมเลือนนอกจากโจวเฉิงแล้วจะมีผู้ใดอีก?
“พี่โจวเฉิงน่ะ เมื่อวานเป็เขากับเพื่อนอีกคนที่ช่วยฉันไว้เอง!”
หลิวหย่งรีบหยุดรถ เซี่ยเสี่ยวหลานะโลงจากที่นั่งซ้อน
“พี่โจว มาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร?”
น้ำค้างยามเช้าทำเอาบ่าของโจวเฉิงเปียกชื้นไม่รู้ว่าเขารออยู่ที่นี่นานเท่าไร มองเห็นบนพื้นมีก้นบุหรี่อยู่เจ็ดแปดชิ้น
โจวเฉิงเห็นเซี่ยเสี่ยวหลาน จึงทิ้งบุหรี่ที่สูบได้ครึ่งมวนลงพื้นแล้วเหยียบลงไปสองที
“ไม่ใช่ว่าฉันบอกให้เธอออกจากบ้านช้าหน่อยหรือ?”
เขามองที่หลิวหย่งอีกครั้ง เซี่ยเสี่ยวหลานเลยไม่รีรอแนะนำ “นี่คือลุงของฉันน่ะ เขาบอกว่าจะมาขอบคุณพวกพี่ทั้งสอง ลุงจ๊ะนี่คือพี่โจวเฉิง”
โจวเฉิงรู้สึกทำตัวไม่ถูก
เซี่ยเสี่ยวหลานขาวผ่องสะโอดสะอง หลิวหย่งกลับตัวเล็กคล้ำแดดบอกว่าเป็ลุงก็ไม่เหมือนเสียทีเดียว ได้พบกับผู้ปกครองเร็วถึงเพียงนี้โจวเฉิงยังไม่ทันได้เตรียมตัวเตรียมใจเลยแต่เขาเองเป็คนอิสระไม่หยุมหยิมเื่กฎเกณฑ์ พอเปิดปากก็ใช้คำเรียกตามเซี่ยเสี่ยวหลานเสียแล้ว
“คุณลุงครับ ผมคือโจวเฉิง”
ชายหนุ่มผู้นี้ดูดียิ่งนัก
ความสูงคงต้องสักหนึ่งร้อยแปดสิบห้าได้ ตอนแรกเหมือนคนระเบียบหย่อนยานทว่าพอยืนเอวตั้งหลังตรงขึ้นกลับดูหล่อเหลาเอางานเอาการ
แค่เวลาคุยกับเขานั้นหลิวหย่งต้องเงยหน้า เหนื่อยอยู่เหมือนกัน
ใบหน้าหลิวหย่งฉายแววมิตรไมตรี “คุณโจวเฉิง ขอบคุณคุณมากจริงๆผมอยู่ที่บ้านก็บอกแล้วไม่ว่าอย่างไรต้องพาเสี่ยวหลานมาขอบคุณพวกคุณทั้งสองให้ได้เด็กคนนี้ช่างไม่รู้จักที่เหมาะที่ควรเลยผู้มีบุญคุณช่วยชีวิตไว้จะจบแค่บะหมี่ชามเดียวได้อย่างไรเล่า? ใช่แล้ว ยังมีคุณคังเหว่ยอีกคนนี่?”
เช้าตรู่ขนาดนี้ไม่หลับไม่นอน มารอเสี่ยวหลานกลางทาง?
หลิวหย่งหัวเราะร่วนชดเชยบุญคุณผู้ช่วยชีวิตด้วยบะหมี่หนึ่งชามนั้นย่อมไม่พอ แต่ก็ไม่อาจยกหลานสาวของเขาให้ไปอยู่ดี
หลิวหย่งเป็เพียงแค่ลุง แต่เขาออกหน้าช่วยเหลือเซี่ยเสี่ยวหลานความสัมพันธ์ลุงและหลานสาวต้องดีแน่นอน โจวเฉิงเองก็มิได้เฉยเมย
“เมื่อวานพวกเราอยู่ที่บ้านพักในอันชิ่ง ทั้งยังมีของอีกหนึ่งคันรถผมให้คังเหว่ยเฝ้าไว้ ได้ยินว่าวันนี้เซี่ยเสี่ยวหลานยังจะเข้าเมือง เกรงว่าอันธพาลเมื่อวานนั้นจะมีพวกพ้องก็เลยมารอเธอกลางทางครับ”
หลิวหย่งพยักหน้า
“ไปกันเถอะ พวกเราเข้าเมืองก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
เดิมทีโจวเฉิงนั้นตั้งใจมากรับเซี่ยเสี่ยวหลานหลิวหย่งไม่ได้อยู่ในการคาดการณ์ของเขา ทว่าตอนนี้มีหลิวหย่งอยู่ด้วย เขาจึงต้องสนทนากับ ‘คุณลุง’ ด้วยความเคารพแล้ว เขารับมอบจักรยานที่มีไข่ไก่มาจากมือหลิวหย่งแล้วค่อยๆเข็นไป พยายามไม่แอบมองเซี่ยเสี่ยวหลานมากเท่าที่จะเป็ไปได้
กว่าจะเดินทางถึงในเมืองโจวเฉิงก็ทำความเข้าใจกับสถานการณ์ของเซี่ยเสี่ยวหลานได้มากทีเดียว
เขาได้รู้ว่าเธอกับมารดาอยู่บ้านลุงชั่วคราวไม่กี่วันก่อนเพิ่งริเริ่มการค้าไข่ไก่เก็งกำไร เป็เพราะ่ทำเกษตรกรรมที่บ้านแบ่งแรงงานคนอื่นไปช่วยไม่ได้ เซี่ยเสี่ยวหลานไปมาโดยลำพังเมื่อวานถึงได้เพิ่งเจออันธพาลเป็ครั้งแรก โจวเฉิงย่นหน้ายู่คิ้ว เธอทั้งสวยทั้งมีเสน่ห์ ไปรับซื้อไข่ไก่ทุกหนแห่งนี่มิใช่ว่าพาตนเองส่งไปในสถานการณ์ที่อันตรายหรอกหรือ?
เมื่อถึงที่พัก คังเหว่ยรออย่างใจจดใจจ่ออยู่นานแล้ว
เมื่อมองเห็นเซี่ยเสี่ยวหลานดวงตาก็เปล่งประกายแต่พอเห็นโจวเฉิงไม่พูดไม่จา คังเหว่ยก็เหงาหงอยสร้อยซึมขึ้นมานิดๆ
เซี่ยเสี่ยวหลานส่งเกี๊ยวหมูไชเท้าดองให้กับคังเหว่ยอีกทั้งแนะนำลุงของตน คังเหว่ยยังไม่ทันคิดแต่ก็เรียก ‘คุณลุง’ ตามเธอเช่นกัน
โจวเฉิงร้อง หึ เบาๆ “เรียกมั่วแล้ว นายต้องเรียกลุงหลิวสิ”
หลิวหย่งไม่ส่งสุ้มเสียง
เขาเข้าใจแล้ว ลูกหมาป่าใจอำมหิต [2] อย่างโจวเฉิงนี้ ไม่คิดปิดบังสิ่งใดแม้แต่นิดเดียว!
เชิงอรรถ
[1]交公粮 ส่งผลผลิต คือเกษตรกรหรือหน่วยงานเกษตรกรรมส่งผลผลิตทางการเกษตรให้รัฐบาลในทุกปีถือเป็ภาษีเกษตรกรรม
[2]狼子野心 ลูกหมาป่าใจอำมหิตหมายถึง แม้เป็เพียงลูกหมาป่า แต่ก็มีสัญชาตญานดุร้าย เปรียบเปรยว่าคนที่โหดร้ายป่าเถื่อนก็ย่อมมีจิตใจร้ายกาจยากที่จะเปลี่ยนแปลงได้