แม้เหน็ดเหนื่อยไปสักหน่อย แต่ระหว่างทางเขาสงบเสงี่ยม ทำให้จัดการง่ายขึ้นมาก
ทว่าถึงแม้ซวี่เฉินฟางจะหลับไปแล้ว ก็มิอาจปล่อยปละละเลยไปได้ เพราะร่างกายของเขายังร้อนระอุ หลั่งเหงื่อออกมาไม่หยุด
อินเหิงรออยู่ในลานเรือนนานแล้ว เมื่อเห็นเมิ่งอู่พาซวี่เฉินฟางเข้ามาก็รู้สึกใอยู่บ้าง คาดไม่ถึงว่าซวี่เฉินฟางจะอยู่ในสภาพเยี่ยงนี้
อินเหิงบังคับเก้าอี้เข็นเข้าไปในห้องของซวี่เฉินฟางก่อน แล้วจุดตะเกียงให้สว่าง
ไม่ง่ายเลยสำหรับเมิ่งอู่ที่จะลากซวี่เฉินฟางเข้าห้อง
นางเงยหน้ามองอินเหิง อินเหิงก็ก้มมองนางเช่นกัน ใต้แสงไฟ เห็นได้ชัดว่าทั่วหน้าของนางมีแต่เหงื่อ นางเหนื่อยจนหอบหายใจหนักๆ ศีรษะและใบหน้าเปรอะเปื้อนสกปรกไปหมด แต่ั์ตากลับเปล่งประกายวิบวับงดงามเหลือหลาย
อินเหิงยกมือขึ้นเช็ดเหงื่อและสิ่งสกปรกออกจากหน้าผากของเมิ่งอู่เบาๆ เมิ่งอู่เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเมื่อครู่นางเกลือกกลิ้งอยู่บนพื้นดิน จึงรีบลุกขึ้นอย่างว่องไว เพราะเกรงว่าจะทำให้เสื้อผ้าของเขาเปื้อน
อินเหิงสังเกตเห็นโดยธรรมชาติ มือหนึ่งของเขากดเอวกิ่วของนางไว้อย่างสงบพลางปลอบโยนว่า “ไม่เป็ไร ข้าจะให้เ้าพักสักครู่ก่อน”
ซวี่เฉินฟางที่อยู่บนเตียงถอนหายใจแ่เบา ดึงเมิ่งอู่หวนกลับคืนสู่ความเป็จริงได้ทันเวลา
นางลุกจากอ้อมกอดของอินเหิง แล้วไปหยิบเข็มเงินของตนเองออกมา
เมิ่งอู่ไม่มีเวลาชื่นชมมัน นางกดนิ้วลงบนจุดฝังเข็มที่แผ่นหลังของเขา จากนั้นบิดเข็มเงินแทงลงไปทีละเล่มด้วยน้ำหนักที่พอเหมาะ
เมิ่งอู่ฝังเข็มให้ซวี่เฉินฟางราวครึ่งชั่วยาม ทำเอาเขาเหงื่อออกท่วมกาย สุดท้ายก็ขับยาออกจากร่างกายทางเหงื่อ จากนั้นซวี่เฉินฟางก็ค่อยๆ มีสติกลับคืนมาและสงบลง
สีแดงเข้มในตาคู่นั้นจางหายไป ั์ตาใต้แสงเทียนกลับคืนสู่ระลอกคลื่นดำมืดดุจเดิม
เมิ่งอู่ใช้เสื้อผ้าของเขาเองเช็ดเหงื่อให้เขา และห่มผ้าห่มผืนบางให้เขา กล่าวว่า “คืนนี้นอนแบบนี้ไปก่อน รอจนถึงเช้าวันพรุ่งค่อยอาบน้ำ”
เมิ่งอู่เหน็ดเหนื่อยมาทั้งคืนก็หมดแรง นางดับตะเกียง แล้วเดินออกจากห้องซวี่เฉินฟางไปตักน้ำมาอาบ
เมื่อนางกลับออกมา อินเหิงก็เตรียมผ้าขนหนูแห้งไว้เช็ดผมให้นางแล้ว
นางไม่ยอมให้อินเหิงช่วยเหลือเหมือนกาลก่อน แต่รับผ้ามาเช็ดเองลวกๆ ไม่กี่ครั้ง จากนั้นก็พาดผ้าไว้บนบ่า แล้วเข็นเก้าอี้เข็นของอินเหิง ก่อนเอ่ยว่า “อาเหิง ทำให้เ้ารอนานแล้ว ข้าจะพาเ้าเข้าห้องไปนอนก่อน”
ความจริงไม่ต้องให้นางช่วยเข็น อินเหิงก็เข้าห้องและนอนเองได้ โดยใช้แรงแขนพยุงตนเองขึ้นเตียง
เพียงแต่ยามที่มีเมิ่งอู่อยู่ นางมักจะทำให้ทั้งหมดด้วยตนเองเสมอ
พอเข้าไปในห้องอินเหิงแล้ว ก็ใกล้จะถึงเวลานอน จึงไม่ต้องจุดตะเกียงก็ได้
เดิมนางเคยกอดเขาไว้แน่นมาก แต่คืนนี้เป็เพราะแบกซวี่เฉินฟางมาตลอดทาง เลยใช้พละกำลังไปหมดแล้ว ยังไม่ทันได้หันหลังกลับและวางอินเหิงลงบนเตียง ตัวนางก็เซถอยหลัง
เมื่อน้ำหนักตัวของอินเหิงกดทับลงมา เมิ่งอู่จึงยืนไม่อยู่ คราวนี้ยิ่งไม่มีมือข้างหนึ่งรั้งนางไปด้านข้าง สุดท้ายนางเบิกตาโตขณะล้มลงไปพร้อมกับเขา
บางทีวันนี้นางไม่สมควรยกของหนัก มิเช่นนั้นตนเองจะได้รับาเ็โดยง่าย
คืนนี้นางถูกทับครั้งแล้วครั้งเล่าทำเอามึนงงไปหมด ทั้งยังเหนื่อยล้าสุดประมาณ
ทว่าพอช้อนตามองแวบหนึ่งก็บังเอิญสบเข้ากับั์ตาลุ่มลึกของอินเหิง แสงจันทร์ขาวนอกหน้าต่างส่องลอดเข้ามาเล็กน้อย พาให้ั์ตาของเขาดูคล้ายนภายามรัตติกาลที่เต็มไปด้วยดวงดาราข้างนอก หัวใจของเมิ่งอู่คล้ายถูกกดทับ จู่ๆ ก็หายใจเข้าออกปั่นป่วนอยู่บ้าง
หลังจากนั้นเมิ่งอู่ก็กล่าวเบาๆ “อาเหิง ข้าหายใจไม่ออก”