ลู่หลิงซานถูกเลี้ยงดูมาอย่างตามใจโดยเหอเสวี่ยฉิน ั้แ่ก่อนที่ลู่ซือหยวนจะแต่งงาน งานบ้านทั้งหมดก็เป็ของเธอ หลังจากลู่ซือหยวนแต่งงาน งานเหล่านี้ก็ตกเป็ของลู่ซืออวี่แทน
อย่าว่าแต่การปรนนิบัติรับใช้ใครเลย แม้แต่กางเกงในของเธอก็ไม่เคยซักเองด้วยซ้ำ
“พ่อคะ” ลู่หลิงซานพูดอย่างน้อยใจ “ทำไมพ่อไม่ให้พี่หญิงใหญ่หรือพี่หญิงรองไปทำล่ะคะ”
“แล้วก็นังตัวซวยนี่ด้วย” เธอชี้นิ้วไปที่สวี่จือจือ “ก็นังนี่แหละที่จับแม่ไปขังไว้ในห้องใต้ดิน นังนี่ต้องเป็คนรับผิดชอบสิ”
ใช่แล้ว ต้องเป็แบบนั้นแหละ
“น้าเหอ” สวี่จือจือยิ้มบางๆ พลางเอ่ย “น้าช่วยพูดให้ชัดเจนหน่อยได้ไหมคะ หนูเพิ่งจะก้าวเข้ามาเป็สะใภ้ใหม่ พวกคุณก็เอาแต่พูดว่าหนูเป็ตัวซวย หนูไปทำร้ายใครกันคะ?”
“พี่รอง” เหอเสวี่ยฉินร้องไห้พลางชี้หน้าสวี่จือจือด้วยมือที่สั่นเทา “เมื่อคืนฉันบอกให้มันช่วยยกของเข้าไปข้างใน แต่...แต่มันกลับจับฉันขังไว้ในห้องใต้ดิน”
“น้าเหอ กินข้าวไม่เลือกได้ แต่พูดพล่อยๆ ไม่ได้นะคะ” สวี่จือจือพูดด้วยท่าทีเหมือนคนถูกรังแก “ก็ใช่ค่ะ เมื่อวานน้าให้หนูช่วยยกของไปที่ห้องใต้ดิน แต่พอขนของเสร็จหนูก็ออกมาแล้วนี่คะ”
“แกโกหก เห็นๆ อยู่ว่าแก...”
“หนูเป็แค่สะใภ้ใหม่ที่เพิ่งแต่งเข้ามาในบ้าน ก่อนหน้านี้หนูไม่เคยรู้จักน้าเลยสักนิด หนูจะไปทำร้ายน้าทำไมกันคะ” สวี่จือจือหัวเราะเยาะตัวเอง
“แกก็แค่หาข้ออ้าง หาอันที่ดีกว่านี้หน่อย”
นั่นสิ
ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย
“ค่ะ” ไม่รอให้เหอเสวี่ยฉินได้พูด สวี่จือจือก็พูดต่อ “หนูรู้ว่าชื่อเสียงของบ้านเดิมหนูไม่ดี แต่ก็ไม่ควรจะมาใส่ร้ายหนูแบบนี้สิคะ”
“ฉันไม่ได้ทำนะ” เหอเสวี่ยฉินอยากจะข่วนหน้าสวี่จือจือสักทีสองที ถ้าไม่ติดว่าตอนนี้ปวดเอวจนแทบลุกไม่ไหว “เป็แก...พี่รองคะ พี่เชื่อฉันสิ”
“พอได้แล้ว” ลู่หวยเหรินสีหน้าดำคล้ำ หันไปสั่งลู่หลิงซานกับลู่ซืออวี่ “พวกแกสองคนไปหาน้ำมาให้แม่แกเช็ดตัวซะ”
“คุณย่าคะ” สวี่จือจือไม่สนใจสิ่งใด พลางเข็นรถเข็นให้คุณนายลู่ “ข้างนอกแดดดี อากาศก็ดีด้วย หนูเข็นคุณย่าไปตากแดดนะคะ”
เหอเสวี่ยฉินถึงกับพูดไม่ออกอีกครั้ง
“วันนี้เป็วันกลับไปเยี่ยมบ้าน” คุณนายลู่เอ่ย “ของที่ต้องใช้ย่าให้ป้าสะใภ้ของเธอเตรียมไว้หมดแล้ว เดี๋ยวเธอกลับไปเยี่ยมบ้านพร้อมกับจิ่งซานนะ”
ในประชาคมชีหลี่ หญิงสาวที่แต่งงานแล้วจะกลับไปเยี่ยมบ้านในวันรุ่งขึ้น
คืนวันแต่งงานจะมีการเล่นหยอกสะใภ้ในบ้านฝ่ายชาย ส่วนวันกลับไปเยี่ยมบ้านจะเล่นหยอกลูกเขยที่บ้านของฝ่ายหญิง แน่นอนว่าในวันกลับไปเยี่ยมบ้านนี้ ทางบ้านของฝ่ายหญิงก็จะมีการจัดงานเลี้ยงเพื่อต้อนรับลูกเขยที่มาเยือนเป็ครั้งแรกด้วย
แต่ตอนที่เธอแต่งงาน เธอกับหวังซิ่วหลิงและสวี่เจวียนเจวียนนับว่าได้แตกหักกันไปแล้ว คิดดูแล้วพวกเขาคงจะไม่จัดงานเลี้ยงอะไรเพื่อต้อนรับลูกเขย หรือทำให้ลูกสาวของตัวเองได้หน้าหรอก
“ฉันว่าแล้ว” สวี่จือจือมองกุญแจเหล็กที่คล้องอยู่บนประตู พลางยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ “คงไม่อยากให้พวกเรากลับไป ก็ดีแล้วล่ะ”
ลู่จิ่งซานเหลือบมองเธอ “แล้วของพวกนี้จะทำยังไง”
“ไปเยี่ยมคุณปู่กับคุณย่าของฉันกันเถอะ” สวี่จือจือเอ่ย
สองสามีภรรยาเฒ่าตระกูลสวี่ก็เป็ชาวนาที่ซื่อสัตย์คนหนึ่ง ลูกสาวคนโตแต่งงานออกไปไกล พวกเขาก็เลยต้องคอยดูแลลูกชายคนเดียวอย่างสวี่จงโฮ่ว
เมื่อก่อนตอนที่สวี่จงโฮ่วยังไม่มีภรรยา ครอบครัวก็ยังพอมีกินมีใช้ แต่หลังจากที่แต่งหวังซิ่วหลิงเข้ามา ผู้หญิงคนนี้ร้ายกาจมาก แม้ว่าจะไม่มีลูกชาย แต่ในบ้านตระกูลสวี่ เธอก็เป็เหมือนคนที่สามารถออกคำสั่งได้
ั้แ่สวี่จือจือเพิ่งจะเริ่มทำงานบ้านได้ หวังซิ่วหลิงก็รีบไล่สองสามีภรรยาเฒ่าออกจากบ้านแล้ว ยังห้ามไม่ให้พวกเขามาที่บ้านอีกด้วย ไม่อย่างนั้นก็จะด่าว่าทุกครั้งที่เจอ
ตอนนี้สองสามีภรรยาเฒ่าตระกูลสวี่อาศัยอยู่ในบ้านโทรมๆ สองห้องข้างๆ ศาลเ้าเก่า แม้ว่าตอนนี้จะกินข้าวหม้อใหญ่ แต่คะแนนแรงงานของสองสามีภรรยาเฒ่าก็ถูกหวังซิ่วหลิงเอาไปหมด พวกเขาจึงได้รับส่วนแบ่งข้าวเพียงเล็กน้อยในแต่ละเดือน มีเพียงเ้าของร่างเดิมเท่านั้นที่แอบเอาของไปให้เพื่อช่วยเหลือสองสามีภรรยาเฒ่า
“จือจือเหรอ? นี่จะไปไหนกันเหรอ?”
ระหว่างที่ทั้งสองคนเดินมาก็ได้พบกับคนแก่คนเฒ่าในหมู่บ้านหลายคน เมื่อเห็นทั้งคู่หิ้วของพะรุงพะรังก็อดไม่ได้ที่จะถามด้วยความสงสัย
“สวัสดีค่ะย่าอู๋” สวี่จือจือทักทายอย่างสุภาพ แล้วพูดอย่างจนใจ “จริงๆ แล้วพวกหนูจะกลับไปเยี่ยมบ้าน แต่แม่ของหนูไม่อยู่บ้าน พวกหนูก็เลยมาเยี่ยมคุณปู่กับคุณย่าแทนค่ะ”
ตามหลักแล้วเมื่อวานลูกสาวแต่งงาน วันนี้ลูกสาวกับลูกเขยจะกลับไปเยี่ยมบ้าน แม่ยายก็ควรจะอยู่รออยู่ที่บ้านสิ
หวังซิ่วหลิงนี่! ช่างเป็คนบาปกรรมจริงๆ!
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เหล่าคนเฒ่าคนแก่ก็ส่ายหน้าอย่างระอาใจ
เมื่อวานโจวซื่อหญิงชราของบ้านตระกูลสวี่แอบไปดูหลานสาวแต่งงาน ตอนกลับมาก็เลยเผลอเท้าแพลง วันนี้ก็เลยไม่ได้ไปทำงาน พอเห็นหลานสาวคนเล็กกับหลานเขยมาถึงบ้าน หญิงชราก็ใ
“จือจือเอ๊ย ทำไมถึงมาที่นี่ได้ล่ะ?” โจวซื่อถาม
“คุณย่าเป็อะไรเหรอคะ?” สวี่จือจือถาม “เท้าแพลงเหรอคะ?”
แม่ของโจวซื่อเป็เมียน้อยของเ้าของที่ดิน ตอนเด็กๆ ก็เลยถูกรัดเท้า
“ไม่ทันระวังน่ะ” โจวซื่อรีบเอ่ย พลางเชื้อเชิญลู่จิ่งซาน “สามีจือจือ รีบมานั่งพักก่อนเถอะ”
ลู่จิ่งซานวางของขวัญลงบนตู้ แล้วหันไปพูดกับโจวซื่อ “คุณย่า ขายังเจ็บอยู่ไหมครับ ได้ไปหาหมอหรือเปล่าครับ?”
“จะไปหาทำไม” โจวซื่อเอ่ย “ไม่เป็อะไรหรอก พรุ่งนี้ก็หายแล้ว”
แต่ลู่จิ่งซานไม่เชื่อ “ผมพอมีความรู้เื่การาเ็อยู่บ้าง ผมขอลองนวดให้ย่าหน่อยนะครับ”
“นี่มัน...ไม่เหมาะกระมัง” โจวซื่อรีบปฏิเสธ
“จือจือเอ๋ย แกไปเปิดตู้ของย่าหน่อยสิ” โจวซื่อบอก “ไปชงน้ำตาลให้หลานกับจิ่งซานดื่มหน่อย”
“คุณย่าคะ” สวี่จือจือไม่ทำตามที่โจวซื่อบอก “คุณทำเป็เหรอคะ ถ้าทำเป็คุณก็ช่วยดูให้คุณย่าหน่อยสิคะ ดูสิว่าขาบวมขนาดไหนแล้ว”
ดูน่ากลัวจริงๆ
สวี่จือจือคิดว่า ถ้าไม่ไหวจริงๆ เธอจะพาไปสถานีอนามัยประจำหมู่บ้าน
“อืม” ลู่จิ่งซานเอ่ย “คุณย่า เดี๋ยวผมจะนวดให้นะครับ ไม่เจ็บหรอกครับ”
จะไม่เจ็บได้ยังไง? ข้อเคลื่อนขนาดนี้แล้วจะไม่เจ็บได้ยังไงกัน?
“คุณย่าครับ” ลู่จิ่งซานถามขึ้นมา “คนในศาลเ้าเก่าข้างๆ นี่คือใครเหรอครับ?”
“คนน่าสงสารทั้งนั้นแหละ” โจวซื่อเอ่ย “เมื่อคืนเหมือนคนแก่จะป่วย ได้ยินเสียงไอทั้งคืนเลย โอ๊ย...เจ็บ...”
ยังไม่ทันขาดคำก็เห็นลู่จิ่งซานดึงและดันข้อเท้าของโจวซื่อ
“เอ๊ะ?” โจวซื่อลองขยับเท้า “อัศจรรย์จัง ไม่เจ็บแล้ว”
“เมื่อกี้มันแค่เคลื่อนไปนิดหน่อย ดันกลับไปก็หายแล้ว” ลู่จิ่งซานพูดพลางยิ้ม
“คนหนุ่มที่ดี” โจวซื่อน้ำตารื้น ใช้มือที่เหี่ยวย่นลูบเส้นผมของสวี่จือจือด้วยความรัก “ต่อไปก็ใช้ชีวิตกับสามีให้ดีๆ นะ”
“ทราบแล้วค่ะคุณย่า” สวี่จือจือดวงตาแดงเรื่อ
ไม่รู้ว่าเป็เพราะจิตสำนึกของเ้าของร่างเดิมหรืออะไรก็ตาม แต่ดวงตาของเธอรู้สึกแสบร้อนและอยากจะร้องไห้
“พ่อแม่ของแกไม่ได้อยู่บ้านเหรอ” โจวซื่อถามเสียงเบา เมื่อเห็นสวี่จือจือนิ่งเงียบไปก็พูดขึ้น “ย่ารู้แล้ว เดี๋ยวย่าไปทำกับข้าวให้”
“คุณย่าคะ” สวี่จือจือเอ่ย “อย่าไปทำอะไรเลยค่ะ เดี๋ยวพวกหนูก็จะกลับแล้ว”
“จะปล่อยให้เขยใหม่มาบ้านทั้งทีแล้วกลับไปมือเปล่าได้ยังไง?” โจวซื่อใส่รองเท้าลงจากเตียงเตา “แกคุยกับหลานเขยไปก่อนนะ เดี๋ยวย่าจะทำบะหมี่ให้กิน”
“ก็ดีค่ะ” สวี่จือจือพูด “พวกเรากินข้าวเที่ยงกันที่นี่เลยก็ได้ค่ะ”
เมื่อโจวซื่อได้ยินเช่นนั้นก็ดีใจมาก เท้าเล็กๆ ที่ถูกรัดของหญิงชรายังคงเจ็บอยู่บ้าง แต่ก็ทำงานได้อย่างคล่องแคล่ว
“ที่บ้านคงไม่มีเสบียงอาหารอะไรแล้ว” สวี่จือจือกระซิบกับลู่จิ่งซาน “คุณย่าคงจะต้องเอาเสบียงอาหารที่เก็บไว้ก้นหีบออกมาแน่ๆ”
“คุณช่วยฉันเื่หนึ่งได้ไหมคะ” เธอเงยหน้ามองลู่จิ่งซาน “ฉันมีเงินเก็บอยู่บ้าง เป็เงินที่ฉันเก็บมาหลายปี แต่ว่าไม่มีคูปองอาหาร คุณพอจะ...”
“ผมมี” ลู่จิ่งซานเอ่ย “ผมจะออกไปเดินดูรอบๆ แล้วค่อยหาเสบียงอาหารกลับมา”
ถือโอกาสนี้แอบไปดูข้างบ้านด้วยเลยก็ดี
.............................
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้