บทที่ 1 สำนักวิชาเหยียนหลง
ณ สำนัก “วิชาเหยียนหลง” อันโด่งดังขจรไกลชื่อของ “ไป๋อิงเซียน” ศิษย์เอกผู้เลื่องลือแห่งสำนักวิชชาเหยียนหลง เป็เสมือนดวงจันทร์ที่ส่องประกายเหนือฟากฟ้าในราตรีอันมืดมิด ทุกสายตาล้วนจับจ้องด้วยความหลงใหลในความงามและพลังอันไร้ขอบเขตของนาง
“ผิวกายขาวราวเกล็ดหิมะ”
“ดวงตาดำสนิทสะท้อนความฉลาดเฉียบแหลมเกินผู้ใด”
แต่เื้ัความงดงามอันน่าเย้ายวนของ ไป๋อิงเซียน คือพลังจิตอันไร้เทียมทานและพร์ทางวิชาอันล้ำเลิศ เธอทุ่มเทฝึกฝนจนเข้าถึงศาสตร์พลังจิตระดับสูงสุดขั้นที่สำนักต่างยอมรับว่า
“ไร้ผู้เทียบเคียง”
เพียงแค่จ้องมอง เธออาจสะกดจิตให้ผู้อื่นทำตามคำสั่ง ควบคุมสัตว์ดุร้ายได้ราวกับชักหุ่นเชิดให้เป็ไปดังใจหวัง อีกทั้งนางยังสามารถใช้พลังธาตุทั้งห้าได้ดั่งใจ:
ไฟโหม น้ำเชี่ยว ลมกระหน่ำ ดินะเื โลหะเปลี่ยนแปร
ทุกสรรพสิ่งล้วนอยู่ภายใต้การควบคุมของนางเพียงชั่วปลายนิ้ว
แม้จะมีพลังอันยิ่งใหญ่เกินคน แต่ไป๋อิงเซียน กลับมีจิตเมตตา มักช่วยเหลือผู้ทุกข์ยาก รักษาคนป่วย และขับไล่คนชั่ว จนกลายเป็ “ความหวัง” ของสำนัก วิชชาเหยียนหลงแห่งนี้ ซึ่งยกย่องเธอประหนึ่งยอดบุปผางามที่สมบูรณ์ด้วยความงาม ความกล้าหาญ ความสามารถ และคุณธรรมทั้งปวง
ด้วยความพากเพียรและศรัทธาที่มีต่อวิชา นางก้าวขึ้นเป็ปรมาจารย์ระดับสูงที่ทุกคนเคารพ และถูกคัดเลือกให้เป็ “เ้าสำนัก” คนใหม่ พิธีสถาปนาเตรียมจัดขึ้นในอีกไม่ถึงหนึ่งเดือนข้างหน้า โดยเ้าสำนักคนปัจจุบันนั้นพึงพอใจในตัวศิษย์รักคนนี้เป็อย่างยิ่ง ถึงขั้นมอบ
“กระจกชี้ชะตา”
ของวิเศษประจำสำนักให้นางก่อนพิธี พร้อมถ่ายทอดมนตร์ตราควบคุมกระจกใบนั้นให้อย่างหมดเปลือก และยังส่ง “ภูตเงาดำเหินหาว” กับ “ภูตขาววายุปักษา” ผู้เป็มือขวาและมือซ้ายของตนมาเป็ผู้รับใช้และอารักขานางโดยเฉพาะ
ทว่าความสำเร็จอันยิ่งใหญ่นี้กลับกลายเป็ตะปูตำใจแก่พวกอิจฉาในสำนัก โดยเฉพาะ “หยวนต้าฟง” ศิษย์พี่ใหญ่ผู้หมกมุ่นในอำนาจ เขาได้สมคบคิดกับเหล่าผู้าุโบางคนที่ไม่้าให้ “สตรี” มาดำรงตำแหน่งเ้าสำนัก
พวกเขาปรารถนา “กระจกชี้ชะตา” ของวิเศษที่ว่ากันว่ามีพลังสะกดิญญา ทะลุพิภพ และเป็กุญแจสู่ขุมพลังลี้ลับ พวกเขาเชื่อว่าสตรีนั้นย่อมด้อยกว่าบุรุษ ไม่สมควรขึ้นนำสำนักอันยิ่งใหญ่เช่นนี้ จึงวางแผนกำจัดไป๋อิงเซียนเพื่อ่ชิงตำแหน่งผู้นำ
ในราตรีที่ท้องฟ้ามืดสนิทราวหมึก ภูตเงาดำเหินหาว และ ภูตขาววายุปักษา สองผู้รับใช้นางกลับเปิดเผยธาตุแท้ ของพวกมันออกมา แท้ที่จริงมันคือคนของ หยวนต้าฟง ที่แอบส่งมาสืบความลับและหาโอกาสหักหลัง แม้แต่เ้าสำนักคนปัจจุบันก็ไม่เคยระแคะระคาย เ้าปีศาจร้ายทั้งสองได้ลอบวาง ยาสลายพลังจิต ลงในอาหารที่ ไป๋อิงเซียนกินทุกคืน ในที่สุดเมื่อพลังนางเริ่มถูกกัดกร่อนลงทุกวี่ทุกวันอย่างไม่รู้ตัว
ไม่นานนัก “ศึกภายใน” ก็ะเิขึ้นในสำนักวิชชาเหยียนหลง
เหล่าศิษย์พี่ที่นางเคยคิดว่าซื่อสัตย์ บัดนี้เปิดฉากทรยศ โจมตีร่วมกับศัตรูภายนอกที่หยวนต้าฟงลอบเชิญเข้ามา
ไป๋อิงเซียนซึ่งปกติต่อกรศัตรูได้ทั้งกองทัพ กลับพบว่าพลังจิตและปราณของตนกำลังถูกยาสลายพลังกัดกร่อนอย่างหนัก
แม้สภาพร่างกายและวิชาจะเหือดหาย นางยังฝืนปกป้องสำนักเต็มกำลัง แต่นั่นก็ไม่อาจหยุดยั้งกองกำลังมหึมาของหยวนต้าฟงลงได้ ไฟโหมเผาอาคารวิชชาเหยียนหลงจนวอด ศิษย์และอาจารย์ล้มตายท่ามกลางเสียงกรีดร้อง องค์ความรู้หลายร้อยปีกำลังแตกสลาย ไป๋อิงเซียน มองไม่เห็นทางรอด “กระจกชี้ชะตา” ที่ได้รับมาก็ไม่อาจปกป้องนางได้ เพราะพลังนางถูกกดจนเกือบถึงขีดศูนย์
ไป๋อิงเซียนตัดสินใจหลบหนีออกจากสำนักอย่างรันทด สภาพเต็มไปด้วยาแจากคมอาวุธของเหล่าศัตรูและพิษร้ายที่คอยเล่นงานเป็ระยะ นางหนีไปจนถึง หน้าผาเจิ้งฉางรั่ว ซึ่งเป็ยอดผาสูงชัน รายล้อมด้วยน้ำเชี่ยวกรากด้านล่าง แม้กระนั้น หยวนต้าฟงและสองภูตทรยศ ก็ยังตามมาทัน
“ไป๋อิงเซียน เ้าไร้ทางสู้แล้ว ส่งกระจกชี้ชะตาออกมาเสียเถอะ!”
เสียง ภูตขาววายุปักษา ดังลั่น มันยิ้มเหี้ยม
“ตอนนี้เ้าหมดพลังโดยสิ้นเชิง ยอมมอบมันดี ๆ ข้าจะส่งเ้าไปตายอย่างสงบ! ฮ่าๆๆ” มันผู้นี้ก็คือคนที่ลงมือวางยาสลายพลังในอาหารให้นางกินอยู่ทุกวัน เนื่องจากได้รับความไว้วางใจจากไป๋อิงเซียนมากเธอไม่มีทางระแวงคนที่ดูแลเธอราวญาติใกล้ชิด
“กระจกชี้ชะตาไม่ควรอยู่ในมือเ้าอีกต่อไป เพราะมันไร้ประโยชน์สำหรับผู้ใกล้ตาย”
ภูตเงาดำเหินหาว ต่อคำ พลางเค้นเสียงเยียบเย็น มันเดินประชิดเข้ามา ั์ตาวาว อาวุธดาบในมือเปล่งประกายอำมหิต
สภาพไป๋อิงเซียนอยู่ริมผาที่ไร้ทางถอย าแตามร่างกายมีทั้งรอยกรีดจากกระบี่และการปะทะกับเวทมนตร์และพลังจิต ในมือกำกระบี่เพื่อสู้ในเฮือกสุดท้าย และฝืนยืนแม้เืเปรอะเปื้อนชุดยาวสีขาวจนกลายเป็แดงเรื่อ
“ในเมื่อวันนี้ข้าไร้หนทางรอด ก็เข้ามาสิ ถ้าพวกเ้าคิดว่ามีพลังพอ!”
เธอเค้นเสียง ทอประกายดวงตาดุดัน พยายามงัดเศษพลังจิตสั่งรากไม้บริเวณนั้นให้เคลื่อนไหวกลายเป็ตาข่ายขวางกั้น ทว่าลำต้นเ่าั้ก็ถูกทำลายในวินาทีถัดมา!
ภูตเงาดำเหินหาว พุ่งดาบทะลวงหน้าอกด้านขวาของนาง เืสีแดงฉานพวยพุ่งออกมา ไป๋อิงเซียนกระอักเืคำใหญ่ แต่ยังฮึดส่งแรงถีบมันกระเด็นไปสองสามก้าว จากนั้นจึงฝืนถอนดาบของมันออกจากร่างเอง เืยิ่งทะลักราวสายน้ำ ใบหน้าซีดเผือดราวร่างไร้ิญญา
ภูตขาววายุ หัวเราะสะใจ “ช่างดื้อดึงนักนะ นี่เ้าไม่เข้าใจหรือไร ว่าพิษสลายพลังจิตคงแล่นไปทั่วกายเ้าแล้ว! รีบมอบกระจกนั่นมาเถอะ ไม่เช่นนั้นก็ทนเ็ปไปจนตายเสียเปล่า หากเ้ามอบมันมาข้าจะสังเหวยให้เ้าตายอย่างไม่ทรมานแบบนี้!”
ไป๋อิงเซียนแทบหมดสติ แต่ยังกัดฟันยืน หันมองหน้าหยวนต้าฟงที่ยืนกอดอกมองอย่างเหยียดหยัน นางสูดลมหายใจครั้งสุดท้าย รวบรวมพลังจิตที่เหลือ โบกมือสั่งกระบี่ลอยวูบไปโจมตีสองภูตตรงหน้า แต่นั่นก็มีไว้เพียงถ่วงเวลา พร้อมกันนั้น นางค่อยๆ ถอยหลังจนเท้าแตะขอบเหว ผาเจิ่งฉางรั่ว ที่ด้านล่างเป็แม่น้ำเชี่ยว
“กระจกชี้ชะตาอยู่ที่ใดน่ะหรือ? ไปหาเอาในนรกเองก็แล้วกัน!”
เธอแค่นหัวเราะ ก่อนทิ้งตัวะโลงหุบเหวในพริบตา
“อย่าาาาาา!”
เสียงภูตเงาดำและภูตขาววายุะโพร้อมกัน พวกมันรีบพุ่งไปที่ขอบผา แต่ก็สายไปเสียแล้ว
ร่างของไป๋อิงเซียนร่วงลงสู่กระแสน้ำเบื้องล่าง ดำดิ่งลึกด้วยแรงกระแทกจนเหมือนร่างจะแตกเป็เสี่ยง แต่ภายใต้น้ำอันเย็นเฉียบ เธอใช้สัญชาตญาณดึงเศษพลังสุดท้าย ผนึกการหายใจและชะลอจังหวะหัวใจ ให้ต่ำราวสภาวะตาย ร่างของนางลอยคว้างไร้สติไปตามกระแสคลื่นที่พัดเชี่ยวดุจพายุ
เธอไม่อาจรู้ว่านานเท่าไหร่หลายชั่วยามหรือหลายวัน ร่างบอบช้ำของไป๋อิงเซียนถูกซัดขึ้นฝั่ง บนชายหาดเล็กๆ ใต้ผาสูง แสงอาทิตย์อ่อน ๆ ส่องผ่านเมฆ เธอปรือตาตื่นอย่างอ่อนแรงสุดขีด มองเห็นท้องฟ้าสีครามและต้นไม้รกครึ้มรอบข้าง เธอรอดปาฏิหาริย์..!!!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้