ฟักเชื่อมหวานเจี๊ยบราวกับอมน้ำผึ้งทั้งโหลไว้ในปาก
หลังถูกยัดฟักเขียวใส่ปากสองชิ้น พวงแก้มผอมตอบของเซวียเสี่ยวเหล่ยก็ตุ่ยออกสองข้าง สีหน้าคล้ายยิ้ม แต่ก็คล้ายร้องไห้ในคราวเดียวกัน หัวคิ้วขมวดราวกับคนแก่
เซวียเสี่ยวหรั่นเห็นแล้วก็หัวเราะฮ่าๆ เสียงดัง
"เสี่ยวเหล่ย เป็อย่างไร ฟักเชื่อมอร่อยหรือไม่"
เซวียเสี่ยวเหล่ยหน้าเสียอยู่บ้าง ตามเหตุผลแล้ว กล่องฉวนเหองามวิจิตรเช่นนี้ ของด้านในควรเป็ของอร่อยมากถึงจะถูก แต่ทว่า...
"พี่สาว จะว่าอร่อยก็อร่อยอยู่ขอรับ เพียงแต่หวานไปหน่อย"
เหมือนอย่างคำกล่าวของพี่สาว หวานจนน้ำตาแทบไหล
อูหลันฮวาตามอยู่ด้านหลังเซวียเสี่ยวหรั่น เห็นกล่องฉวนเหอก็กลืนน้ำลาย แต่ไม่ได้เอื้อมมือไปหยิบ
นางเห็นตัวอย่างก่อนหน้านี้อย่างชัดเจน สาวใช้ของผู้อื่นหากเ้านายไม่ขยับ หรือออกคำสั่ง ก็จะไม่ทำสิ่งใดส่งเดช นางต้องฝึกให้ชิน
"หลันฮวา เ้าชิมสิ" เซวียเสี่ยวหรั่นส่งฟักเชื่อมเข้าปากนาง
"เ้าค่ะ" อูหลันฮวายิ้มร่า ต้าเหนียงจื่อให้เองกับมือ ย่อมต้องรับตามความเหมาะสม
พอชิมไปได้หนึ่งคำ ไอ้หยา... หวานจริงๆ หวานยิ่งกว่าน้ำผึ้งป่าหลังเขาที่นางเคยกินเสียอีก
"อร่อยไหม?" เซวียเสี่ยวหรั่นยิ้มพลางเอ่ยถาม
"อร่อย" อูหลันฮวาตอบอย่างหนักแน่น
ความชอบระหว่างบุรุษกับสตรีต่างกันมาก
ยามเซวียเสี่ยวหรั่นส่งฟักเชื่อมให้ให้เหลียนเซวียน เขาขมวดคิ้วพลางสั่นศีรษะอย่างรังเกียจ
เห็นปฏิกิริยาของเขาแล้ว เซวียเสี่ยวหรั่นก็หัวเราะคิกคัก หยิบใส่ปากชิมชิ้นหนึ่ง หลังจากนั้นก็เบ้ปาก นี่ก็ไม่ใช่รสชาติที่เธอชอบเหมือนกัน
"ยาเย็นแล้ว ดื่มก่อนเถอะ" เหลียนเซวียนเคาะโต๊ะ เตือนให้นางดื่มยา
"ข้าเพิ่งกินของหวานเสร็จ..." เขาก็จะให้กินของขมเสียแล้ว เซวียเสี่ยวหรั่นทำตาเขียวใส่
"กินยาเสร็จค่อยกินของหวาน ไม่ดีหรือ" เหลียนเซวียนไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดีกว่ากัน
เอาเถอะ จ่ายเงินซื้อยาแล้วก็ต้องกิน เซวียเสี่ยวหรั่นก็ไม่งอแง ดื่มอึกๆ เข้าไปคำเดียว
"ต้าเหนียงจื่อ กินน้ำตาลเ้าค่ะ" อูหลันฮวารีบยกกล่องฉวนเหอให้นางเลือกผลไม้แห้งที่ถูกใจ
เซวียเสี่ยวหรั่นหยิบพุทราเชื่อมใส่ปาก ดับความขมเฝื่อนในปากลงไป
"ของหวานเช่นนี้เหมาะที่จะกินเวลาแบบนี้ล่ะ"
เซวียเสี่ยวหรั่นไม่ชอบผลไม้แห้งหวานจัดประเภทนี้สักเท่าไร
"ต้าเหนียงจื่อ อันนี้ก็ร่อยมาก" อูหลันฮวาแปลกใจอยู่บ้าง ของอร่อยขนาดนี้ ต้าเหนียงจื่อกลับไม่ชอบกิน
"เ้าชอบ ก็เอาไปกินสิ" เซวียเสี่ยวหรั่นรินน้ำชาใส่ถ้วยให้ตัวเอง
"ชาเย็นแล้ว" เหลียนเซวียนมุ่นคิ้ว
"เย็นสิถึงจะดี" เซวียเสี่ยวหรั่นดื่มเข้าไปรวดเดียว ขับรสชาติหวานเลี่ยนลงไปจนหมด
"สตรีไม่ควรดื่มของเย็น" เหลียนเซวียนถลึงตาใส่นาง แต่ละเดือนนางปวดท้องใช่เบาเสียเมื่อไร
"นี่ก็อุ่นปรกติ ไม่เห็นจะเย็นตรงไหนเลย" เซวียเสี่ยวหรั่นแย้งอย่างไม่เห็นด้วย
แค่ของเย็นก็กินไม่ได้ ก็ไม่ต้องทำอะไรกันแล้ว
"พยายามดื่มน้ำอุ่น ถึงจะเป็วิถีการดูแลสุขภาพที่เหมาะสมของสตรี" พอเห็นนางไม่เชื่อฟัง เหลียนเซวียนก็ขมวดคิ้วแน่นยิ่งกว่าเดิม
เซวียเสี่ยวหรั่นค้อนใส่เขา "คนขี้บ่น..."
เหลียนเซวียนหน้าเขียวสลับแดง จากแดงก็กลับไปเขียวอีกรอบ
เซวียเสี่ยวเหล่ยเห็นเช่นนั้นก็จูงอาเหลย พร้อมกับขยิบตาให้อูหลันฮวา แล้วรีบย่องออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว
อูหลันฮวายังจับต้นชนปลายไม่ถูก ทว่าเซวียเสี่ยวเหล่ยก็เป็สหายในแนวรบของนางตลอดมา เมื่อเขาให้นางออกไป ย่อมจะมีเหตุผลส่วนตัว ดังนั้นจึงรีบตามออกไปอย่างเงียบเชียบ พลางถือกล่องฉวนเหอใบใหญ่ติดมือไปด้วย
"มีอะไรหรือ" อูหลันฮวากระซิบถาม
"ชู่" เซวียเสี่ยวเหล่ยทำมือให้เงียบ แล้วดึงแขนเสื้อนางไปข้างห้อง "ไม่เห็นหรือว่าหลางจวินกำลังโมโห"
"หา? เหตุใดถึงโกรธเล่า" อูหลันฮวานึกทบทวนเหตุการณ์เมื่อครู่อย่างละเอียด "เพราะต้าเหนียงจื่อหาว่าเขาขี้บ่นหรือ"
เซวียเสี่ยวเหล่ยยักไหล่แบมือสองข้าง พี่สาวกล้าว่าหลางจวินขี้บ่น เขาไม่โกรธสิ ถึงจะแปลก
แท้จริงแล้ว ทันทีที่เอ่ยปากออกไป เซวียเสี่ยวหรั่นก็นึกเสียใจภายหลัง เห็นเซวียเสี่ยวหรั่นกับอูหลันฮวาออกไปแล้ว ก็รีบเปลี่ยนสีหน้าเป็ยิ้มแย้ม
"ข้าผิดไปแล้ว ท่านเป็ผู้ใหญ่ใจกว้าง อย่าถือสาหาความกับดรุณีน้อยคนหนึ่งเลยนะ"
แม้แต่ถ้อยคำที่บ่งบอกว่า 'ท่านแก่แล้ว' ยังยกมาใช้ เหลียนเซวียนถลึงตาใส่นางที่พยายามยิ้มประจบเอาใจ
"ข้าแค่ปากไวไปหน่อย ไม่ได้ตั้งใจจะว่าท่านขี้บ่นจริงๆ นะ"
ในใจของเซวียเสี่ยวหรั่นไม่เคยรู้สึกว่าเขาขี้บ่น ปรกติเหลียนเซวียนเป็คนเงียบๆ แค่พูดเยอะขึ้นสองสามประโยคก็ว่ายากแล้ว ไหนเลยจะเรียกว่าเป็คนพูดมาก
เอ่อ... ดูเหมือนจะไม่ใช่ ยามเขาอบรมเธอ ก็พูดมากอยู่
เซวียเสี่ยวหรั่นลอบมองสีหน้าเขา
เหลียนเซวียนเม้มริมฝีปากบางไม่พูดไม่จา คิดจะเมินใส่นาง
ถูกสตรีที่ชอบบ่นหาว่าขี้บ่น เหลียนเซวียนหาใช่คนใจกว้างที่จะไม่โกรธแม้แต่น้อย
เซวียเสี่ยวหรั่นแลบลิ้น เห็นเขาหยิบพู่กันก็รีบกุลีกุจอเข้ามาช่วยฝนหมึกอย่างเอาอกเอาใจ
"เหลียนเซวียน ท่านช่วยเขียนตำรับยาที่ใช้จัดการกับพวกอันธพาลคราก่อนอีกสักฉบับได้หรือไม่ ยาที่สูดดมแล้วทำให้คนมึนงง มือเท้าอ่อนแรงนั่นน่ะ"
พอเห็นเขาจับพู่กัน เซวียเสี่ยวหรั่นก็นึกถึงเื่สำคัญ
มือของเหลียนเซวียนหยุดชะงัก ช้อนตาขึ้นมองนาง
แม้ไม่เปล่งเสียง แต่เซวียเสี่ยวหรั่นอยู่กับเขาขณะที่ตามองไม่เห็นปากพูดไม่ได้มานาน การกระทำและสายตาของเขา เซวียเสี่ยวหรั่นย่อมเดาความหมายออกเจ็ดแปดส่วน
ดังนั้นแม้เขาจะไม่พูดไม่จา เซวียเสี่ยวหรั่นก็รู้ว่าเขาคิดอย่างไร
"พวกเราเตรียมเดินทางกันอยู่ จากที่นี่ไปแคว้นฉีต้องใช้เวลาสิบกว่าวัน ภายในแคว้นหลีไม่สงบ ระหว่างทางมีโอกาสสูงมากที่จะเจอกับพวกโจรป่า เตรียมป้องกันไว้ก่อนจะได้ไม่ผิดพลาด หากพวกมันมากันเป็กลุ่ม โปรยใส่ทีเดียวล้มระเนระนาด ต่อให้หมดสติไปเพียง่สั้นๆ ก็ยังมีเวลาหลบหนีทัน"
เซวียเสี่ยวหรั่นพูดแผนการของตนเองเป็ฉากๆ
เหลียนเซวียนนิ่งคิด นี่ก็เป็วิธีการที่ไม่เสียหาย ถึงแม้พวกเขาจะมีขบวนสินค้านำหน้าและมีผู้คุ้มกันติดตาม แต่เมื่อพบกับโจรป่า ใครจะว่างมาใส่ใจพวกเขา
เขาหยิบกระดาษขึ้นมาลงมือเขียนอย่างช้าๆ
สีหน้าของเซวียเสี่ยวหรั่นเผยแววยินดี "อีกประเดี๋ยวข้าจะออกไปซื้อกับอูหลันฮวา จะได้แวะซื้อผงพริกห่อใหญ่กลับมาด้วย หากเจอโจรป่าจริงๆ ผงพริกก็ทำให้พวกมันร่วงได้เหมือนกัน"
มือที่กำลังเขียนอักษรชะงักอีกหน เงยหน้าขึ้นมองนางด้วยแววตาซับซ้อน
เซวียเสี่ยวหรั่นกลับยืดอก เอ่ยวาจาฉาดฉานอย่างมั่นใจเต็มเปี่ยม "มีคำกล่าวว่าอันการศึกมิหน่ายเล่ห์กล ตราบใดที่ล้มคนได้ จะพริกหรือยาสลายกำลังก็ไม่ต่างกัน"
"อืม... มีใครสักคนว่าไว้ ไม่ว่าแมวดำหรือแมวขาว ขอแค่จับหนูได้ก็คือแมวดี ขั้นตอนไม่สำคัญ สำคัญที่ผลลัพธ์"
เซวียเสี่ยวหรั่นเห็นเขายังคงจ้องมาที่ตนเอง ก็เลยยิ่งพล่ามต่อยืดยาว
เหลียนเซวียนมุมปากกระตุก เหตุผลบิดเบี้ยวสารพัด ไม่รู้ว่าไปร่ำเรียนมาจากไหน
