จินขวางรู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็ูเาไฟ เืร้อนผ่าวดุจดั่งเพลิงโลกันตร์ ในหัวมีเสียงดังสนั่นอึกทึกกึกก้องดั่งปฐีทลาย
กระทั่งทองคำยังแหลกเป็เสี่ยงเสมือนยามเจอกับัในตำนาน ทุกครั้งที่มันขยับหนึ่งครั้ง เปลวเพลิงร้อนรุ่มยิ่งขึ้นกว่าเดิม
คล้ายกับกายากำลังมอดไหม้ดังเพลิงผลาญลุกโชนโชติ่!
“ศิษย์พี่ ได้สติแล้วหรือ!” ครั้นจินขวางลืมตา เขาก็ได้ยินเสียงคนเรียกดังอยู่ข้างหู
“เ้าเป็ใคร?” จินขวางมองชายหนุ่มแปลกหน้าข้างกาย ถึงอีกฝ่ายจักสวมใส่ชุดสำนักขุนเขากระบี่เทียนหยวน หากแต่กลับไม่มีภาพความทรงจำใดๆ เกี่ยวกับเขาในหัวเลย
“ปลาซิวปลาสร้อย” จินขวางแค่นเสียงหึ มิได้เห็นเย่หยางอยู่ในสายตา
เย่หยางยิ้มแหย แม้ว่าจินขวางจะเป็พวกปากคอเราะร้าย ใจเย็นเยือกเยี่ยงูเาเหมันต์ หากก็เป็คนมีน้ำใจ ไม่อย่างนั้นคงไม่ใช้วิชาต้องห้ามประมือกับคนบัดซบอย่างชวีหลิงเฟิงเพื่อช่วยศิษย์ในสำนัก
จินขวางมองร่างกายของตัวเองอย่างไม่อยากเชื่อ เขาพบว่าเส้นลมปราณของตัวเองกลับคืนเป็ดั่งเดิมแล้ว มิหนำซ้ำยังแข็งแกร่งกว่าเก่ามาก ลมปราณในตันเถียนเองก็เข้มข้นยิ่งขึ้นหลายเท่า ดังมีเตาหลอมขนาดใหญ่คอยกลั่นหลอมลมปราณอย่างต่อเนื่อง
“เป็ไปได้อย่างไร เส้นลมปราณของข้าพังทลายไปแล้วไม่ใช่หรือ!” จินขวางลุกขึ้นพรวดพลางลองปล่อยหมัดใส่ต้นไม้หมื่นปีที่อยู่ข้างหน้าจนต้นไม้สลายเป็จุณ
เดิมทีเขาคิดว่าตัวเองน่าจะกลายเป็ปุถุชนสามัญไปแล้ว ไม่คิดเลยว่าจักแกร่งกล้ากว่าเดิมหลายเท่าตัว
หลังจากที่สำแดงดัชนีเอกภพ เขาพยายามกลั่นหลอมลมปราณของตัวเองเพื่อยกระดับขั้นพลังที่ควรจะเป็ให้ได้มากที่สุด และด้วยเหตุนั้นเตาหลอมจึงพินาศไม่เป็ชิ้นดี
เตาหลอมพินาศ ตันเถียนดับสูญ เขาซึ่งควรจักกลายเป็ปุถุชนสามัญ กลับแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม เหตุการณ์อันน่าเหลือเชื่อนี้ยากอธิบายนัก
“เกิดอะไรขึ้น?” จินขวางเอ่ยถามเย่หยาง
“พี่จูใช้หญ้าโลหิตัช่วยชีวิตท่านไว้” เย่หยางอธิบาย
“หญ้าโลหิตั!” จินขวางหนังตากระตุก แม้เป็อัจฉริยะเช่นเขา ทว่าเมื่อได้ยินคำว่าหญ้าโลหิตัก็อดใจสั่นไม่ได้
วินาทีนั้นจินขวางมีความคิดเหมือนกับเย่หยางในตอนแรก ใช้สมุนไพรล้ำค่าเฉกเช่นนั้นกับเขาช่างสิ้นเปลืองยิ่งนัก
“ข้าหลับไปกี่วัน?” จินขวางพยายามข่มใจที่สั่นไม่หยุด
“ครึ่งเดือนแล้ว” เย่หยางหน้าขาวซีดเล็กน้อย
“ครึ่งเดือนแล้วพวกเรายังอยู่บนเกาะหลัวโหวอยู่อย่างนั้นรึ?” จินขวางหน้าเปลี่ยนเป็อัปลักษณ์!
เขาหลับใหลไปถึงครึ่งเดือน เลยเวลาที่เกาะหลัวโหวจักเปิดอีกครั้งเสียแล้ว!
“ท่านผู้าุโยังมิได้เปิดเกาะหลัวโหวงั้นรึ?” จินขวางแหงนหน้ามองฟ้า
“พวกเขาถูกัสมุทรอัษฎาเนตรขัดขวาง ตอนนี้ไม่มีใครเข้าใกล้เกาะหลัวโหวได้!” เย่หยางส่ายศีรษะ รอยยิ้มขื่นขมปรากฏบนใบหน้า
เขายังจำภาพในวันนั้นได้ดี ัสมุทรอัษฎาเนตร สัตว์อสูรอันแกร่งกล้าไร้ทานเทียม ถึงขนาดที่ผู้าุโหลายสิบคนร่วมมือกันก็ยังต้านทานัสมุทรอัษฎาเนตรไม่ไหว แม้กระทั่งเ้าสำนักก็ไม่อาจต่อกร!
ัสมุทรอัษฎาเนตรเป็ราชันแห่งดึกดำบรรพ์ อยู่มาก่อนที่ขุนเขากระบี่เทียนหยวนจักก่อตั้งเสียอีก!
วันนั้น มหาสมุทรโถมสูงเหนือฟ้า เมฆาทมิฬก่อตัวหนาแน่น อัสนีกัมปนาทอึกทึก ฟ้าดินคลุ้มคลั่งดั่งโลกาวินาศ!
“เหตุใดถึงกลายเป็เช่นนั้นไปได้?” จินขวางขมวดคิ้ว ถึงปรากฏการณ์นี้จะเคยเกิดขึ้นมาก่อน ทว่าัสมุทรอัษฎาเนตรมิเคยยุ่งเกี่ยวกับการเข้าออกเกาะของขุนเขากระบี่เทียนหยวน แล้วทำไมครั้งนี้มันจึงทำเช่นนั้น
“ศิษย์น้องล่ะ?” จินขวางหันมองรอบๆ ทว่าไม่เห็นซั่งกวานจือหนิง ภายในใจเต็มไปด้วยความกังวล
“่หลายวันที่ผ่านมามีเื่ประหลาดเกิดขึ้นบนเกาะหลัวโหว ศิษย์พี่ซั่งกวานจึงออกไปดูสถานการณ์กับพี่จู” เย่หยางตอบ
“เื่ประหลาดหมายถึงเื่อะไร?” จินขวางถามต่อ
เย่หยางยิ้มเจื่อนๆ พลางส่ายหน้า เขาอ่อนแอเกินกว่าที่จะเดินไปเดินมาบนเกาะหลัวโหว เขาจึงไม่รู้เื่ที่เกิดขึ้นบนเกาะหลัวโหวละเอียดมากนัก
“ครืนนน!” ทันใดนั้น เสียงเอ็ดอึงดังสนั่นจากแดนไกล ร่างเงาสองร่างพุ่งทะยานออกมาจากกลุ่มควัน จากนั้นร่างสูงหนึ่งในสองร่างเงาก็หมุนตัวยิงธนูโลหิตกลางอากาศกลับเข้าไปในกลุ่มควัน!
“โฮกกก!” เสียงคำรามมากล้นด้วยโทสะดังออกมาจากกลุ่มควันหนาทึบ ก่อนที่กรงเล็กั์จะพุ่งตะปบลงมาจากท้องฟ้า!
“เข้ามาสิ คิดว่าข้ากลัวเ้าหรือไง!” จูชิงหัวเราะลั่น กระบองเหล็กทมิฬประจักษ์ในมือ
“เคร้ง!” กระบองเหล็กปะทะกับกรงเล็บ จูชิงตัวกระเด็นลอยทันใด!
เสี้ยวพริบตาเดียว จูชิงก็ง้างยิงกระบองทมิฬเหล็กออกไป!
“ตายซะ!” มุมปากจูชิงกระตุกยิ้ม
แสงทมิฬหมุนวนอยู่บนกระบองเหล็ก จากนั้นก็พุ่งเจาะกะโหลกของสัตว์อสูรดึกดำบรรพ์!
“สัตว์อสูรดึกดำบรรพ์ขั้นสร้างลมปราณ!” ครั้นเห็นว่าสัตว์อสูรดึกดำบรรพ์ที่ถูกฆ่าอยู่ในระดับอะไร ใบหน้าของจินขวางพลันแปรเปลี่ยนเป็ตกตะลึง
“เ้า!” พอจินขวางเห็นจูชิง หน้าเปลี่ยนสียิ่งกว่าเดิม ไม่อยากเชื่อว่าจูชิงจะแข็งแกร่งถึงขั้นที่สามารถสังหารสัตว์อสูรดึกดำบรรพ์ขั้นสร้างลมปราณได้
จูชิงยิ้มบางๆ “คิดไม่ถึงเลยว่าเ้าจะตื่นเร็วขนาดนี้ พอดีเลย กระบี่เ้าคมมากไม่ใช่รึ ช่วยข้าแล่เ้านี่หน่อยสิ”
“เกิดเื่อะไรขึ้น?” จินขวางมองจูชิง
“เื่มันค่อนข้างจะซับซ้อนเสียหน่อย มีซากโบราณลึกลับปรากฏขึ้นบนเกาะหลัวโหว พวกสัตว์อสูรดึกดำบรรพ์ต่างก็มุ่งมารวมตัวกันที่ซากโบราณ แค่พวกเราเข้าไปใกล้นิดหน่อย เ้าพวกสัตว์อสูรดึกดำบรรพ์ขั้นสร้างลมปราณก็แห่กันโจมตีแล้ว” จูชิงถอนหายใจ
“ซากโบราณ? ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามีซากโบราณบนเกาะหลัวโหว ในบันทึกของสำนักก็ไม่มี” จินขวางขมวดคิ้ว
“เป็ความจริง ซากโบราณนั่นใหญ่มากเกือบเท่าเกาะทั้งเกาะ” ซั่งกวานจือหนิงเดินมา สีหน้าหนักอึ้งสุดแสน
“ทำไมก่อนหน้านี้ท่านผู้าุโถึงไม่เคยเห็นมันมาก่อน?” จินขวางถาม
“เพราะซากโบราณซ่อนอยู่ใต้ดิน จนเมื่อสิบวันก่อนัสมุทรอัษฎาเนตรสำแดงพลานุภาพ เกิดการสั่นะเืครั้งใหญ่บนเกาะหลัวโหว ส่วนหนึ่งของซากโบราณจึงโผล่ออกมา” จูชิงตอบแทน
เพราะเหตุนั้นทั่วทั้งเกาะหลัวโหวเลยถูกปกคลุมไปด้วยม่านหมอก มองไม่เห็นว่าข้างนอกเป็อย่างไร
พอนึกจินตนาการถึงพลานุภาพของัสมุทรอัษฎาเนตรแล้ว แม้ผู้าุโขุนเขากระบี่เทียนหยวนจักร่วมมือกันก็ไม่มีทางเข้าใกล้เกาะหลัวโหวได้อย่างแน่นอน!
ไม่รู้ว่าสัตว์อสูรดึกดำบรรพ์บนเกาะเกิดคลุ้มคลั่งอะไรขึ้นมา พวกมันมุ่งหน้ามาที่ซากโบราณ แม้ว่าซากโบราณจักพังพินาศไม่เหลือซาก ผนังเต็มไปด้วยรอยร้าวและตะไคร่น้ำ ทว่าแม้เป็สัตว์อสูรดึกดำบรรพ์ที่ทรงพลังที่สุดก็ยังไม่สามารถทำลายมันได้เลย
จูชิงเคยเห็นสัตว์อสูรดึกดำบรรพ์พยายามใช้พลังทั้งหมดของมันทำลายซากโบราณอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่สำเร็จ
“สำนักไม่เคยพูดเื่นี้มาก่อน” จินขวางสูดลมหายใจเข้าลึก
“เป็ไปได้ว่าการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นบนเกาะหลัวโหวอาจจะมีความเกี่ยวข้องกับัสมุทรอัษฎาเนตร” ซั่งกวานจือหนิงพูด
“หาอะไรกินกันก่อนเถอะ ข้าสู้กับเ้าพวกนั้นมาหลายตัว ชักจะเริ่มหิวแล้วสิ!” จูชิงลูบท้องตัวเอง
กะโหลกของสัตว์อสูรดึกดำบรรพ์ถูกทะลวงเป็รูพรุน แน่นอนว่าเน่ยตันที่อยู่ข้างในถูกัคะนองน้ำน้อยเขมือบเป็ที่เรียบร้อยแล้ว
“ต่อจากนี้พวกเ้าจะเอายังไงต่อ” จินขวางมองจูชิง ถึงจูชิงจะมีขั้นพลังต่ำ ทว่าดูจากฤทธิรณเมื่อครู่แล้วจูชิงมิได้อ่อนแอแม้แต่น้อย
“พวกเราอยู่บริเวณรอบนอกมานานแล้ว ข้าว่าจะลองไปที่ซากโบราณดู” จูชิงพูดไปพลางเติมฟืนไปพลาง
“บริเวณรอบนอกมีสัตว์อสูรดึกดำบรรพ์ขั้นสร้างลมปราณอยู่มาก ถ้าเข้าไปในซากโบราณมิรู้ว่าต้องเจอกับสิ่งที่น่ากลัวขนาดไหน แม้เป็สัตว์อสูรดึกดำบรรพ์อย่างปักษาอัสนีเก้า์ ข้าก็ไม่แปลกใจ” ซั่งกวานจือหนิงกล่าว
“ทว่าก็มีทางเลือกเดียว ต้องรู้ให้ได้ว่ามีอะไรอยู่ในซากโบราณ พวกเราถึงจักรู้วิธีไปจากที่นี่” จูชิงพูด
“หรือว่าพวกเราจะอยู่รอก่อนล่ะ ท่านเ้าสำนักแข็งแกร่งมาก ทั้งว่ากันว่ามีผู้เยี่ยมยุทธ์ที่สามารถทลายมิติได้เพียงกำปั้นเดียวอยู่ด้วยนะ” เย่หยางออกความเห็น
“มันเป็แค่ตำนาน อีกอย่างถึงสำนักจักมีผู้เยี่ยมยุทธ์เช่นนั้นอยู่จริง แต่เขาจะมาช่วยศิษย์ต่ำต้อยอย่างพวกเราหรือ?” จินขวางส่ายศีรษะ
ใช้กำปั้นทลายมิติ ความแข็งแกร่งระดับนั้นเรียกว่าเป็ผู้ที่อยู่จุดสูงสุดของเส้นทางบำเพ็ญเพียรแล้ว ทุกสรรพสิ่งในใต้หล้านี้ยากจะทำอะไรพวกเขา บางทีความเป็ความตายของสำนัก พวกเขาอาจจักไม่สนใจด้วยซ้ำ แล้วนับประสาอะไรกับคนต่ำต้อยอย่างพวกเขา?
“ถ้าอย่างนั้นพวกเรารอ รอให้อาณาเขตต้องห้ามของเกาะหลัวโหวปรากฏขึ้นอีกครั้งเป็อย่างไร ถ้าระวังตัวสักหน่อยก็น่าจักเอาชีวิตรอดอยู่ในเกาะหลัวโหวได้” เย่หยางพูดต่อ
“ข้าไม่คิดแบบนั้น ตอนนี้เกาะหลัวโหวไม่ใช่เกาะหลัวโหวที่พวกเรารู้จักอีกต่อไปแล้ว อันตรายเพิ่มมากขึ้นทุกวัน ไม่ว่าพวกเ้าจักเห็นด้วยหรือไม่ ข้าก็ขอยืนยันคำเดิมว่าข้าจะไปที่ซากโบราณ ข้าชินกับการที่ต้องเสี่ยงชีวิตตัวเองอยู่แล้ว” จูชิงพูด
“ข้าว่าไปดูหน่อยก็ดี” ซั่งกวานจือหนิงพยักหน้าเห็นด้วย
“อยู่รอความตายอยู่นี่ สู้ไปตายเอาดาบหน้าดีกว่า” จินขวางเช็ดคราบเืบนกระบี่ทลายทอง
เย่หยางมองพวกเขาสามคน “ถ้าพวกเ้าว่าอย่างนั้น ข้าจะพูดอะไรได้?”
“กินให้อิ่ม หลับให้สบาย อีกสองวันพวกเราจะไปที่ซากโบราณ” จูชิงกล่าว
“เ้าคิดว่าจะสำเร็จหรือไม่?” ซั่งกวานจือหนิงนั่งอยู่กับจูชิง แหงนหน้ามองท้องฟ้าสีเทา
“ไม่เลยสักนิด!” จูชิงยิ้ม
“ถ้าอย่างนั้นทำไมเ้าถึงยังดันทุรังจะไปที่ซากโบราณ มันอาจจะอันตรายกว่าที่เ้าคิดก็ได้” ซั่งกวานจือหนิงถาม
“แม้ว่าจะไม่มีหลักฐาน แต่ข้ารู้สึกว่ามีบางอย่างในซากโบราณเรียกหาข้า มันเป็ความรู้สึกที่ประหลาดมาก” จูชิงยิ้มตอบ
“เหตุใดเ้าถึงรู้สึกเช่นนั้น? เ้ามีความเกี่ยวข้องอย่างไรกับเกาะหลัวโหวกันแน่?” ซั่งกวานจือหนิงมองจูชิง
“ข้าเองก็อยากรู้คำตอบเหมือนกัน” จูชิงยิ้มเจื่อน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้