เหอเสวี่ยฉินนิ่งอึ้งอยู่ตรงนั้น แล้วความโกรธก็ปะทุขึ้น
นี่มันหมายความว่ายังไงกัน? ยายแก่ใจร้ายคนนี้!
สรุปคิดจะแยกเธออกไปจากบ้านอย่างนั้นเหรอ? ด้วยเหตุผลอะไร?
ลู่หวยเหรินเองก็ยืนงงอยู่ตรงนั้นเช่นกัน
แยกบ้าน? ทำไมต้องแยกบ้านด้วย?
ต้องรู้ว่าที่เขานั่งตำแหน่งรองหัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยของโรงงานหม้อแปลงไฟฟ้าได้นั้น ส่วนใหญ่ก็เป็เพราะผู้อำนวยการโรงงานเห็นแก่หน้าแม่ของเขา อีกทั้งหัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยคนปัจจุบันก็กำลังจะเกษียณในปีหน้า ากไม่มีอะไรผิดพลาด ขั้นต่อไปเขาก็จะได้ปลดคำว่ารองออกจากตำแหน่งเสียที
่นี้ลู่หวยเหรินจึงเหมือนคนกำลังขึ้นหม้อไฟ แต่พอกลับมาถึงบ้าน แม่ก็บอกว่าจะแยกบ้าน แถมท่าทางแบบนี้ ไม่ได้เรียกว่าแยกบ้านสักนิด แต่เป็การไล่สองผัวเมียอย่างเขากับเหอเสวี่ยฉินออกไปจากบ้านชัดๆ!
“เสวี่ยฉิน เธอทำอะไรที่บ้านกันแน่?” ลู่หวยเหรินถามเสียงเข้ม “ดูสิ แม่โกรธขนาดนี้ รีบขอโทษแม่ซะ”
“คุณแม่ ใจเย็นๆ ก่อนนะครับ” ลู่หวยเหรินประจบประแจงพลางยิ้มให้หญิงชรา “ลูกชายแม่กลับมาแล้ว เดี๋ยวผมจะสั่งสอนเธอเอง”
เหอเสวี่ยฉินโมโหจนแทบเป็ลม
ยังไม่ทันจะได้พูดอะไร ก็ได้ยินเสียงจ้าวลี่เจวียนพูดแดกดันขึ้นมาว่า “สั่งสอน? ใครกล้าสั่งสอนภรรยานายกันล่ะ? ขนาดเผาครัวไปแล้วก็ยังไม่ใช่เื่ใหญ่ในสายตาภรรยานายเลย”
ถึงแม้ว่าจ้าวลี่เจวียนจะมีการศึกษาสู้เหอเสวี่ยฉินไม่ได้ แต่ก็รู้ว่าไม่ควรเลี้ยงลูกแบบนี้
จ้าวลี่เจวียนไม่มีลูกสาว แต่ลูกชายทั้งสามคนของเธอไม่เคยมีใครที่ไม่เคยทำงานบ้าน
เมื่อก่อนตอนที่ลูกๆ ยังเล็ก เธอกับสามีต้องไปทำคะแนนแรงงาน ข้าวในบ้านก็เป็ลูกชายคนโตที่ยืนบนเก้าอี้ทำ โดยมีน้องชายสองคนคอยช่วย ทำไมพอมาถึงลู่หลิงซานแล้วถึงทำไม่ได้? นี่คิดว่าตัวเองเป็คุณหนูจากตระกูลใหญ่ที่ไหนกัน?
ตอนนี้ลู่หวยเหรินถึงได้รู้เื่ราวทั้งหมดจากพี่ใหญ่
“คุณแม่ ทุกอย่างตามที่แม่สั่งเลย” เขาเช็ดเหงื่อที่หน้าผาก แล้วจ้องเขม็งไปที่ลู่หลิงซาน “ดูสิว่าแกี้เีขนาดไหน? ั้แ่วันพรุ่งนี้ไป แกต้องตามแม่แกกับป้าสะใภ้ใหญ่แกไปเรียนรู้งานบ้านซะ”
“คุณพ่อ” ลู่หลิงซานรู้สึกน้อยใจมากขึ้น
เธอไม่เคยคิดเลยว่าลู่หวยเหรินที่รักเธอมาั้แ่เด็ก จะใจร้ายกับเธอได้ขนาดนี้ ตอนนี้เธอร้องไห้เสียงดังกว่าเดิม
เหอเสวี่ยฉินปวดใจมาก รีบเข้าไปปลอบโยนอีกฝ่าย
ในใจของลู่หวยเหรินก็ไม่สบายใจเหมือนกัน เพราะเด็กคนนี้มีความหมายกับเขามาก อีกทั้งเขาก็เลี้ยงดูเธอมาั้แ่เด็ก แต่เมื่อเห็นสีหน้าของคุณนายลู่แล้วเขาก็ไม่กล้าพูดอะไร จึงพูดอย่างหงุดหงิด “เลิกร้องไห้ได้แล้ว ไม่รู้จักอายบ้างหรือไง?” โตขนาดนี้แล้วยังทำอาหารไม่เป็ เกิดเื่แล้วก็รู้จักแต่ร้องไห้
ลู่หวยเหรินหันกลับไปก็เห็นพวกลู่จิ่งซานยืนอยู่หน้าบ้าน โดยเฉพาะลู่ซืออวี่ที่ยืนอยู่ตรงนั้นอย่างสง่างาม เมื่อเอามาเปรียบเทียบกันแล้วก็รู้สึกได้ถึงความแตกต่าง
ถึงจะเป็ลูกสาวของเขาเหมือนกัน แต่ลู่ซืออวี่กลับว่านอนสอนง่ายกว่ามาก
“แกควรจะไปเรียนรู้จากเสี่ยวอวี่ให้มากกว่านี้” ลู่หวยเหรินพูด
“เธอเป็ตัวซวยที่ฆ่าแม่ตัวเองตาย หนูไม่อยากเรียนรู้จากเธอหรอก” ลู่หลิงซานพูดพลางร้องไห้แล้วก็วิ่งออกไป
“ซานเอ๋อร์...” เหอเสวี่ยฉินทั้งเสียใจและเป็ห่วง “ลูกจะไปไหนน่ะ?”
เหอเสวี่ยฉินจับเอวแล้วอยากจะวิ่งตาม แต่ก็ถูกลู่หวยเหรินห้ามไว้ “ถ้าหล่อนอยากจะวิ่งก็ปล่อยให้หล่อนวิ่งไป ใครก็ไม่ต้องตามหา” อารมณ์ใหญ่โตเสียจริง
“นี่มันใกล้จะมืดแล้วนะ” เหอเสวี่ยฉินพูดอย่างเศร้าใจ
“ไม่ต้องตามามา” ลู่หวยเหรินพูด “ให้หล่อนจำไว้เป็บทเรียน” แล้วก็พูดว่า “คุณแม่ ผมจะพาแม่ไปพักผ่อนในห้องนะครับ”
หญิงชราแค่นเสียงเ็า แล้วกวักมือเรียกให้ลู่จิ่งเหนียนเข้ามา
ลู่จิ่งเหนียนก็รีบเข็นรถเข็นให้หญิงชรากลับห้อง
จ้าวลี่เจวียนหัวเราะเยาะ ปัดตัวเบาๆ แล้วมองเหอเสวี่ยฉิน ก่อนที่จะเดินไปเก็บกวาดห้องครัว
“คุณย่า” สวี่จือจือเรียกหญิงชราไว้ แล้วพูดพลางยิ้ม “วันนี้พวกเราโชคดี ได้จับสลากไปรดน้ำนาข้าว จิ่งซานจับปลามาได้สามตัว ตอนเย็นพวกเราจะกินปลาน้ำแดงกันค่ะ”
“เด็กดี พวกเธอเป็เด็กดีทุกคน” หญิงชราพยักหน้าอย่างพอใจ เมื่อเทียบกับคนน่าปวดหัวคนนั้นแล้ว เด็กคนอื่นล้วนแล้วแต่เป็เด็กดี
“น้าเหอ” สวี่จือจือยิ้ม “เป็อะไรไปเหรอคะ? ทำไมถึงมองหนูแบบนั้นล่ะ หนูรู้สึกกลัวจัง”
ทุกคนมองไปก็เห็นเหอเสวี่ยฉินไม่ได้เก็บสายตาที่เต็มไปด้วยความอาฆาต
“น้าไม่ชอบกินปลาเหรอคะ?” สวี่จือจือถามอย่างแปลกใจ “เสียดายจัง วันนี้ปลาตัวใหญ่มากเลยนะ”
เหอเสวี่ยฉิน “...” ใครจะไม่ชอบกินของอร่อยกัน?
“เปล่านี่” เหอเสวี่ยฉินยิ้มเจื่อนๆ แล้วพูด “เมื่อกี้ฉันกำลังคิดเื่หลิงซานอยู่ก็เลยเหม่อไปหน่อย”
เหอะๆ สายตาที่แทบจะกลืนกินเธอไปทั้งตัวนั่นเรียกว่าเหม่อเหรอ?
สวี่จือจือพูด “อ้อ” อย่างช้าๆ แล้วก็เดินผ่านหน้าอีกฝ่ายไปอย่างไม่ใส่ใจ แถมยังไม่ลืมกำชับลู่จิ่งซานว่า “ปลาพวกนี้ คุณจะช่วยฉันฆ่าไหม?”
ลู่จิ่งซานตอบรับ “อืม”
ทั้งสองคนก็เดินผ่านหน้าเหอเสวี่ยฉินไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น “เสี่ยวอวี่ มานี่สิ”
ลู่ซืออวี่กำลังลังเลว่าจะออกไปตามหาลู่หลิงซานหรือไม่ แต่พอได้ยินสวี่จือจือเรียก เธอก็รีบตอบรับแล้ววิ่งไป
เด็กเหลือขอคนนี้ อกตัญญูจริงๆ เร็วขนาดนี้ก็หักหลังกันแล้ว!
เหอเสวี่ยฉินโมโหจนแทบตาย อยากจะคว้าตัวลู่ซืออวี่ไว้ แต่ก็เห็นสวี่จือจือยิ้มมองเธอ แล้วดึงลู่ซืออวี่เข้าไปในครัว “ต้องเก็บกวาดครัวก่อนด้วย”
เหอเสวี่ยฉิน “...”
คำพูดที่แฝงอยู่ในประโยคนั้นเธอได้ยินแล้ว ถ้าลู่ซืออวี่ไปตามหาลู่หลิงซาน อีกฝ่ายก็กล้าไม่ให้พวกเขากินข้าวเย็น
นังแพศยา!
“ปลาสามตัว” เสียงของจ้าวลี่เจวียนดังมาจากในครัวด้วยความตื่นเต้น “จะกินหมดเหรอ?”
กินหมด!
เหอเสวี่ยฉินรู้สึกใจหาย ต้องรีบไปตามลู่หลิงซานกลับมา อีกฝ่ายมีประจำเดือน จะต้องบำรุงร่างกายให้ดี
“ทำปลาน้ำแดงสองตัว ตัวเล็กอีกตัวเอาไปทำซุปปลา” สวี่จือจือพูด “ในบ้านยังมีเต้าหู้อีกนิดหน่อย เอามาใส่ในซุปปลาด้วยก็อร่อยนะคะ”
“แล้วอาหารหลักจะกินอะไรล่ะ?” จ้าวลี่เจวียนรู้สึกเสียดายเล็กน้อยที่ต้องกินปลาสามตัวในคราวเดียว แต่พอเห็นสภาพห้องครัวที่ดำเมี่ยมแล้วก็กัดฟัน
แค่ปลาสามตัวเอง ใครจะกินไม่ได้กัน!
“เอาข้าวโพดมาทำเป็เกี๊ยวทอดแล้วเอาไปแปะไว้บนปลาน้ำแดง” สวี่จือจือพูด “กลิ่นหอมของปลาจะซึมเข้าไปในเกี๊ยวทอด รับรองว่าอร่อยแน่นอน”
จ้าวลี่เจวียนอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย ฟังดูเหมือนจะอร่อยจริงๆ
“ก็ได้” จ้าวลี่เจวียนพูดพลางยิ้ม “เธอว่ายังไงก็ทำตามนั้นเลย ป้าสะใภ้ใหญ่จะช่วยเธอเอง”
สวี่จือจือตอบตกลงอย่างง่ายดาย ทำเหมือนไม่รู้ว่าที่จ้าวลี่เจวียนบอกว่าจะช่วยนั้น ที่จริงก็คือกลัวว่าเธอจะใช้น้ำมันเปลือง
แต่ตอนที่ทำปลาน้ำแดง มือก็สั่น แล้วใส่น้ำมันลงไปมากกว่าเดิม
จ้าวลี่เจวียน “...”
เด็กคนนี้! แค่ปลาน้ำแดงมื้อเดียวก็ใช้น้ำมันที่เธอใช้ได้หลายวันแล้ว
ไม่ได้การ เธอต้องออกไปสงบสติอารมณ์สักหน่อย!
.............................
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้