ยามเที่ยง เดิมที่ควรเป็เวลาที่แสงอาทิตย์จ้าที่สุดในยามกลางวันแต่น่าเสียดายที่เมฆดำมาเยือน ประกาศศักดาว่าลมฝนจวนมาถึง
อวี้จิ่นรออยู่ข้างนอกห้อง คิดว่ายามหลิ่วจิ้งพูดจาส่งเดชปั้นน้ำเป็ตัวช่างแเีสมจริงทั้งที่ไม่มีแม้แต่โพยเตรียมเอาไว้ก่อนทำให้นางรู้สึกนับถือจนแทบก้มลงคำนับกับพื้น
หลังจากได้ััใกล้ชิดหลิ่วจิ้งมากว่าหนึ่งเดือนจิตใจของอวี้จิ่นก็เปลี่ยนไป นางกลับมารู้สึกเช่นเด็กสาวไร้เดียงสาอีกครั้ง
พ่อบ้านหวังในชุดสีเขียวอมเทาเดินด้วยแผ่นหลังตั้งตรงมองเห็นอวี้จิ่นแสนงามยืนอยู่หน้าประตูห้องฮูหยินมาแต่ไกลๆ คนวัยหนุ่มสาวช่างดีนักเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา พ่อบ้านหวังคิดอยู่ในใจ ใบหน้าก็พลอยมีรอยยิ้มไปด้วย
“อวี้จิ่น ฮูหยินอยู่หรือไม่?” ด้วยประสบการณ์การเป็พ่อบ้านมานานปีฝึกฝนให้เขามีความคล่องแคล่วรอบด้านเขาจึงให้ความเกรงใจสาวใช้ชั้นเอกข้างกายฮูหยินมาแต่ไร
อวี้จิ่นยิ้มตาหยีต้อนรับพ่อบ้านหวัง “คำนับพ่อบ้านหวังท่านมาหาฮูหยินหรือเ้าคะ? ฮูหยินกำลังอยู่ในห้องกับท่านแม่ทัพเ้าค่ะ”
“โอ้? ท่านแม่ทัพก็อยู่ในห้องหรือ? เช่นนั้นข้าควรเข้าไปพูดตอนนี้เลย หรือว่าค่อยมาเวลาอื่นดี?” พ่อบ้านหวังหยุดเดินพลางรำพึงกับตนเองเขากำมือขวาทุบมือซ้ายของตนเบาๆ ยืนที่ลานบ้านชะเง้อมองไปข้างในห้องด้วยท่าทีลำบากใจไปก็ไม่ใช่ถอยก็ไม่ถูก
อวี้จิ่นเอียงหัวมองพ่อบ้านหวังด้วยความสงสัย“ท่านพ่อบ้านมาหาฮูหยินมีเื่ใดหรือเ้าคะ?”
“มานี่ มาๆ อวี้จิ่น ข้าถามเ้าหน่อยตอนนี้ท่านแม่ทัพและฮูหยินจะนอนพักหรือไม่” พ่อบ้านหวังดึงตัวอวี้จิ่นมาข้างๆเอ่ยถามเสียงเบา
อวี้จิ่นยิ้มร่าเมื่อเห็นท่าทีระมัดระวังตัวเช่นนั้นของพ่อบ้านหวัง“ท่านพ่อบ้าน ท่านคิดมากไปแล้ว ท่านแม่ทัพเพิ่งกลับมาฮูหยินก็ยังไม่ได้ทานอาหารเที่ยงเลย จึงยังไม่นอนพักหรอกเ้าค่ะ”
“ฮูหยินยังไม่ได้ทานอาหารเที่ยงเลยหรือ?” พ่อบ้านหวังเงยหน้าขึ้นมองตะวันบนหัว สูดหายใจลึกก่อนจะหันมามองทางอวี้จิ่น เอ่ยยิ้มๆ ว่า “เพราะฮูหยินเป็คนพูดจาง่ายนี่มันยามใดแล้ว สาวใช้เช่นพวกเ้ากลับยังไม่เตรียมอาหารให้ฮูหยินรับประทานอีกหากเป็นายคนอื่น ต้องเอาพวกเ้าไปขังในห้องเก็บฟื้นให้อดข้าวหลายวันไปแล้ว”
อวี้จิ่นมองพ่อบ้านหวัง ปั้นหน้าตาตลกใส่อย่างซุกซน “บ่าวยังอยากให้ท่านพ่อบ้านคอยดูแลอย่าได้ส่งบ่าวไปให้นายอื่นเลยเ้าค่ะ”
พ่อบ้านหวังชะเง้อคอมองไปไกลๆ ยังทิศทางของเรือนเฉินจื่อแย้มยิ้มอย่างมีความหมาย “อวี้จิ่นเ้าวางใจเถิด ต่อให้ข้าอยากทำก็ไม่มีอำนาจหรอกมิใช่หรือ”
อิ๋งเหอยกไข่ตุ๋นดอกเก๊กฮวยที่เพิ่งนึ่งเสร็จเดินมาอย่างระมัดระวังอาหารนี้เป็หลิ่วจิ้งสั่งมาด้วยตนเอง นางไม่กล้าวางใจให้บ่าวชราในครัวทำจึงเข้าครัวนึ่งมาเองนานกว่าครึ่งชั่วยามจึงทำให้นางพอใจได้
“คำนับพ่อบ้านหวังเ้าค่ะ” อิ๋งเหอเดินมา เห็นพ่อบ้านหวังกำลังยืนคุยกับอวี้จิ่นตรงมุมลานบ้านจึงทักทายและมองพวกเขาด้วยความสงสัย เห็นว่าพ่อบ้านหวังมาหาอวี้จิ่นเพียงลำพังคงเพราะต้องมีเื่ใดแน่
น้ำเสียงของอิ๋งเหอบางเบาแต่แจ่มชัดจึงเป็การแจ้งข่าวที่พ่อบ้านหวังมาหาดังเข้าไปภายในห้อง
พ่อบ้านหวังยิ้มเจื่อนขึ้นมาทันใด อิ๋งเหอร้องทักแบบนี้ต่อให้เขาไม่อยากเข้าไปทักทายท่านแม่ทัพและฮูหยินก็คงไม่ได้แล้ว
“อิ๋งเหอ ของว่างที่เ้ายกมาจะนำไปส่งให้ฮูหยินสินะ เ้าเข้าห้องไปเรียนถามท่านแม่ทัพกับฮูหยินว่ามีเวลาหรือไม่ข้ามีเื่จำเป็ต้องมาแจ้ง แต่เื่นี้ก็ไม่ได้เร่งร้อนหากท่านแม่ทัพและฮูหยินไม่มีเวลา เช่นนั้นอีกสักพักข้าค่อยมาใหม่”
พ่อบ้านหวังเดินไปสั่งความเสียงเบาข้างๆ อิ๋งเหอ
“โอ้ พ่อบ้านหวังมีเื่จะรายงานก็เข้าไปได้เลยเ้าค่ะไม่ต้องรายงานก่อน” อิ๋งเหอแปลกใจ เหตุใดพ่อบ้านหวังต้องมีท่าทีระมัดระวังเช่นนี้
“รีบไปๆ” พ่อบ้านหวังสะบัดมือให้อิ๋งเหอ ไม่อธิบายกับนาง
ท่านแม่ทัพและฮูหยินอยู่ด้วยกันตามลำพังในห้องย่อมไม่มีใครรู้ว่าภายในห้องเป็เช่นใด แล้วจะเข้าไปสุ่มสี่สุ่มห้าได้หรือหากไปขัดจังหวะเื่ดีๆ ของท่านแม่ทัพ มิใช่ว่าเขาจะรับผิดไม่ไหวหรอกหรืออิ๋งเหอยังอ่อนต่อโลกเกินไป เื่เช่นนี้พ่อบ้านหวังเห็นมานักต่อนักแล้วเขาย่อมต้องระวังไว้สักหน่อย
อิ๋งเหอกระทืบเท้า “ท่านพ่อบ้านทำบ่าวงงไปหมดแล้ว เอาเถอะ บ่าวจะเข้าไปดูให้”
เมื่ออวี้จิ่นเห็นว่ามีอิ๋งเหอคอยดูแลรับใช้อยู่แล้ว จึงเดินกลับไปทานข้าวที่ห้องครัวหลังฮูหยินบอกเอาไว้แล้วว่าให้มีคนคอยดูแลนางเพียงคนเดียวเป็พอแล้ว นางไม่ชอบให้มีคนมากมายมาอยู่รอบตัวเพราะทำให้รู้สึกไม่สงบ
เมื่ออิ๋งเหอเข้ามาในห้องก็คารวะท่านแม่ทัพและฮูหยินหั่วอี้นั่งรับการคารวะของอิ๋งเหอ หลิ่วจิ้งถามยิ้มๆ ว่า“ข้างนอกเป็พ่อบ้านหวังมารออยู่ใช่หรือไม่ เขาบอกว่ามีธุระใดหรือ?”
อิ๋งเหอจัดวางไข่ตุ๋นดอกเก๊กฮวยเรียบร้อยก็หันหน้ามาบอกกับหลิ่วจิ้งว่า“เรียนฮูหยิน พ่อบ้านหวังบอกว่ามีเื่จะหารือกับฮูหยิน แต่ก็ไม่ได้เร่งร้อนอันใดอยากมาดูว่าฮูหยินว่างอยู่หรือไม่ ถ้าไม่ว่างเขาก็จะมาใหม่ภายหลังเ้าค่ะ”
“ไหนๆ พ่อบ้านหวังก็มาแล้ว สำคัญไม่สำคัญก็ให้เขาเข้ามาบอกเถิดจะได้ไม่ต้องมาใหม่อีกหน” หลิ่วจิ้งยังไม่ทันเอ่ยปาก หั่วอี้ก็พูดไปก่อน
หลิ่วจิ้งยิ้มเจื่อนพลางส่ายหน้า หั่วอี้ทำการใดตามใจจริงๆไม่ดูเสียบ้างหรือว่านางยังครึ่งนอนครึ่งนั่งอยู่บนเตียงนี่เป็เวลาเหมาะจะพบคนนอกหรือ?
แคว้นชางอี้คงไม่ได้ให้ความสำคัญกับเื่ต้องห้ามระหว่างชายหญิงมากมายนักกระมังหลิ่วจิ้งคิดว่าในเมื่อหั่วอี้ก็ยังไม่ถือสา ก็ช่างเขาเถิดนางก็จะมองผ่านก็แล้วกัน
จวบจนอิ๋งเหอออกไปบอก พ่อบ้านหวังก็ก้าวเท้าเข้ามาในห้องแล้วเห็นว่าฮูหยินกำลังนอนพิงหลังอยู่บนเตียงมีท่านแม่ทัพนั่งอยู่ข้างๆ เขาก็รีบก้มหน้าคารวะท่านแม่ทัพและฮูหยิน
“พ่อบ้านหวังมาหาฮูหยินมีเื่ใด?” หั่วอี้ถามตรงประเด็นในทันที
หลิ่วจิ้งดูอยู่ข้างๆ คิ้วเรียวงามเลิกขึ้นเล็กน้อยแต่ไม่เอ่ยคำใด
ไม่ว่าอย่างไรพ่อบ้านหวังก็รู้สึกว่านี่มิใช่เวลาเหมาะเพียงแต่เื่มาจนถึงขั้นนี้แล้วก็ยากแก้ไข เขาจึงพยายามไม่มองฮูหยินที่นั่งพิงหลังอยู่บนเตียงเอาแต่มองไปทางท่านแม่ทัพพลางกล่าวว่า “เรียนท่านแม่ทัพ อีกครึ่งเดือนก็จะเป็วันคล้ายวันเกิดของฮูหยินผู้เฒ่าแล้วบ่าวจึงคิดจะมาขอคำชี้แนะกับฮูหยินว่าในวันคล้ายวันเกิดปีนี้ของฮูหยินผู้เฒ่าควรจัดการเช่นใดขอรับ”
หั่วอี้ได้ยินก็ก้มหน้าลงใคร่ครวญ ไม่ได้ตอบพ่อบ้านหวังไปในทันใด
“โอ้ วันเกิดของฮูหยินผู้เฒ่าก็คืออีกครึ่งเดือนหรือ? เช่นนั้นในจวนก็ควรเฉลิมฉลองกันอย่างครึกครื้น พ่อบ้านหวัง ปีก่อนๆในจวนจัดการกันเช่นใด บอกให้ข้าฟังหน่อย”หลิ่วจิ้งได้ยินจุดประสงค์ที่พ่อบ้านหวังมาคิดว่านี่เป็เื่ใหญ่ที่ไม่อาจละเลยได้ นางจึงลุกขึ้นมานั่งดีๆ
“เรียนฮูหยิน โดยปกติแล้วในวันเกิดของฮูหยินผู้เฒ่าปีก่อนๆล้วนเชิญคณะงิ้วมาแสดงที่จวนขอรับและยังเชิญสหายร่วมงานที่สนิทสนมกับท่านแม่ทัพมาร่วมฉลองปีนี้จะจัดเช่นเดิมหรือไม่ขอรับ ขอท่านแม่ทัพและฮูหยินสั่งการด้วยขอรับ”
“ท่านแม่ทัพ ท่านอยากจะจัดการเช่นใด เหมือนปีก่อนๆ หรือไม่เ้าคะ?” หลิ่วจิ้งหันไปถามหั่วอี้
หลิ่วจิ้งถามไปลอยๆ แต่ในใจกลับหวังให้หั่วอี้จัดงานเหมือนปีก่อนๆเพราะนางอยากอาศัยโอกาสนี้รู้จักขุนนางต่างๆ ของแคว้นชางอี้นางไม่อาจเอาแต่อยู่ในจวนแม่ทัพเล็กๆ เช่นนี้เท่านั้นนาง้าเวทีที่ใหญ่กว่านี้เพื่อทำให้สิ่งที่นางมุ่งหวังเป็จริง
“ฮูหยินมีข้อเสนอใดหรือไม่” หั่วอี้ก้มหน้ามาถามนาง
“ท่านแม่ทัพพูดเล่นเสียแล้ว ข้าจะไปมีข้อเสนอใดได้สำหรับข้าแล้วแคว้นชางอี้แห่งนี้นับเป็แคว้นที่ข้าไม่คุ้นเคยแม้แต่จวนแม่ทัพเองข้าก็ยังเดินไม่ทั่วเลย แล้วจะไปมีข้อเสนอใดเล่า จะจัดการเช่นใดต้องขอให้ท่านแม่ทัพชี้แนะแล้วเ้าค่ะ”
หลิ่วจิ้งไม่ได้เป็ฝ่ายร้องขออำนาจนางคิดจะใช้วิธีนี้ลองใจหั่วอี้ ก่อนมาให้ใครรับผิดชอบเื่ใหญ่โตภายในจวนเช่นนี้นับว่าเป็สิ่งที่ทำให้มองเห็นแนวโน้มในภายหน้าได้ หากแนวโน้มนี้ชี้ไปที่ผู้ใดผู้นั้นก็คือคนที่สำคัญที่สุดในสายตานายใหญ่ของจวนในเวลานี้
_____________________________
