“หัวหน้าหมู่บ้าน พวกเราไปหาหัวหน้าหมู่บ้านเหลียงผิงอธิบายเหตุผลเถิด อย่างไรเสียเหลียงหู่ก็เป็คนของหมู่บ้านพวกเขา อย่างไรก็ต้องจัดการสักหน่อยใช่ไหมล่ะ” มีคนเสนอขึ้นมาอีก
“ไม่มีประโยชน์หรอก” เสียงแหบมีความท้อใจทะลุออกมา ชายรูปร่างผอมและร่างกายอ่อนแอใบหน้าเต็มไปด้วยความทุกข์ระทมเดินออกมาจากในลานบ้านช้าๆ
“หงซาน น้องสาวเ้าเป็อย่างไรบ้าง?”
ชายผู้นี้เป็จ้าวหงซานพี่ชายของจ้าวหงยู่
“ท่านหมอหลินกำลังเข้ากระดูกและพันไว้ให้นางอยู่ นางกระดูกไหล่ซ้ายหัก ซี่โครงได้รับาเ็ ต้นขาก็หักอีกด้วย” จ้าวหงซานนึกถึงร่างกายที่บอบช้ำของน้องสาวที่นอนอยู่บนเตียง ความเศร้าในดวงตาทำให้น้ำตารื้นขึ้น
“เหลียงหู่ที่ควรถูก์ลงทัณฑ์ผู้นี้ ทำไมถึงใจอำมหิตเพียงนี้!”
“หงยู่ที่น่าสงสาร พบเจอกับคนระยำเช่นนี้เข้า ควรทำอย่างไรดี?”
“าเ็รุนแรงจริงๆ ตอนหามกลับมาใบหน้านั่นบวมจนเกือบจำไม่ได้”
“จุ๊ๆ สะใภ้สาวรูปโฉมราวบุปผาคล้ายดั่งหยก [1] ไม่รู้เลยจริงๆ ว่าเหลียงหู่ผู้นั้นลงมือได้อย่างไร”
ทุกคนต่างทยอยแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างกันออกมาชั่วขณะ มีทั้งปลอบโยนจ้าวหงซาน มีทั้งด่าทอเหลียงหู่ มีทั้งสงสารจ้าวหงยู่…
แต่ไม่มีผู้ใดกล้าร้องขอความเป็ธรรมเพื่อจ้าวหงยู่เลย
เหลียงหู่ทำให้คนทั้งหมู่บ้านต่างหวาดกลัวได้เช่นนี้?
เจินจูพยายามนึกย้อนเื่ราวในความทรงจำ ตอนจ้าวหงยู่แต่งงานออกไปหูเจินจูเพิ่งอายุห้าหรือหกปีเอง บวกกับพวกนางอาศัยอยู่ท้ายสุดของหมู่บ้าน ทั้งครอบครัวไม่ชอบสุงสิงกับใคร เื่น้อยใหญ่ในหมู่บ้านเลยไม่ค่อยรู้เท่าไรนัก
ต่อมาเป็หวังซื่อที่บอกเื่นี้กับพวกเขา พวกเขาจึงรับรู้เื่ราวที่จ้าวหงยู่แต่งให้กับเหลียงหู่เล็กน้อย
ตอนจ้าวหงยู่ยังไม่เป็ฝั่งเป็ฝาก็เป็บุปผาหนึ่งดอก [2] ของหมู่บ้านวั้งหลิน คิ้วโค้งได้รูปงาม ดวงตากลมโต ริมฝีปากแดงฟันขาว [3] รูปร่างอรชรอ้อนแอ้นนิสัยอ่อนโยน ชายหนุ่มค่อนข้างโตที่ยังไม่แต่งงานมากมายตั้งใจเดินอ้อมมาถึงบ้านของนาง เพียงเพื่อมามองด้วยสองตาเท่านั้น
นอกจากนี้ยังมีผู้ชายนอกหมู่บ้านวิ่งมาถึงหมู่บ้านวั้งหลินไม่ขาดสาย เพื่อ้าเห็นใบหน้าที่งดงามของนางกับตา
เหลียงหู่ก็เป็หนึ่งในนั้นเช่นกัน
เหลียงหู่อายุสิบกว่าปีก็ติดตามหัวหน้าหน่วยคุ้มกันของคณะรักษาความปลอดภัย อาศัยความเฉลียวฉลาดบวกกับร่างกายที่แข็งแรงมีพละกำลังมาก ติดตามเรียนรู้ทักษะการต่อสู้ไม่น้อยและได้รับการฝึกมาอย่างดี
ต่อมานิสัยของเขายิ่งหยาบคายและฉุนเฉียวง่ายขึ้น เมื่อผิดใจกับหัวหน้าคณะรักษาความปลอดภัย เลยถูกเตะออกมาจากคณะนั้น
เดิมทีเหลียงหู่คิดว่าที่แห่งนี้ไม่รับเขาไว้ย่อมมีที่อื่นที่รับเขาแน่ จึงจากไปอย่าไม่อาลัยอาวรณ์เลยแม้แต่น้อย
อาศัยฝีมือการต่อสู้ทั้งหมดที่มี ไม่นานเขาก็หานายจ้างจนเจอ แต่ไม่นานก็ถูกไล่ออกมาอีกเพราะมีเื่ต่อยตีกับผู้คน
ถูกคนไล่รับสองต่อสาม [4] เหลียงหู่จึงกลับหมู่บ้านเหลียงผิงด้วยความโกรธเคืองอย่างมาก เหลียงหู่ตอนนั้นเพิ่งยี่สิบต้นๆ ผ่านวัยเหมาะสมที่จะแต่งงานมาแล้ว แต่เขาออกจากบ้านไปทำมาหากินอยู่ข้างนอกหลายปี สะสมเงินส่วนตัวไว้ไม่น้อย คนที่เป็พ่อสื่อแม่ชักให้เขาก็มีมากมาย แต่เขากลับไม่แยแสบอกว่าแม่นางที่เป็เ้าสาวหน้าตางดงามไม่พอ การแต่งงานจึงยืดเวลาออกไปเรื่อยๆ
สุดท้ายได้ยินว่าจ้าวหงยู่ของหมู่บ้านวั้งหลินงดงาม เขาเลยวิ่งมาดูอย่างตั้งใจเป็พิเศษ รูปโฉมสวยและสง่างามท่วงท่าอ่อนช้อยจริงๆ ไม่มีความเป็ครอบครัวชาวนาที่หยาบกระด้างเลย เขาจึงเกิดความคิดจะแต่งงานทันที
จะว่าไปแล้วก็เป็จ้าวหงยู่ที่ชีวิตขมขื่น นางอายุสิบห้าปีกำลังพูดคุยการแต่งงานกับคนสกุลหวงในหมู่บ้านต้าวัน ไม่กี่วันจะตกลงการแต่งงานอยู่แล้ว กลับไม่นึกเลยว่าจะเกิดเื่ไม่คาดฝันถูกเหลียงหู่เห็นแล้วถูกอกถูกใจเข้า
เหลียงหู่สอบถามเล็กน้อย ทราบว่าจ้าวหงยู่กำลังพูดคุยการแต่งงานอยู่ อีกไม่กี่วันก็จะหมั้นหมายอยู่แล้ว เขากลับไม่สนใจ อยู่ข้างนอกมาหลายปี เคยพบเห็นอุบายความเลวทรามต่ำช้าทุกรูปแบบ อยากตบแต่งสตรีผู้หนึ่งที่ยังไม่หมั้นหมาย นั่นไม่ใช่ว่ามือถึงจับมาหรือ [5]
ด้วยเหตุนี้จ้าวหงยู่จึงตกลงไปในแม่น้ำแล้วถูกเหลียงหู่ช่วยชีวิตขึ้นมา ร่างกายที่มีการัักับบุรุษแปลกหน้าแล้วก็เสียชื่อเสียงและเกียรติยศ สุดท้ายจ้าวหงยู่ทำได้เพียงแต่งให้กับเหลียงหู่ผู้นั้น
เจินจูคิดไปพลางใจนกล่าวไม่ออกไปพลาง จริยธรรมยุคศักดินาที่ล้าสมัยของยุคโบราณนี่ช่างก่อให้เกิดความยุ่งยากแก่ผู้คนจริงๆ สตรีที่ยังไม่แต่งงานถูกคนช่วยชีวิตขึ้นมาก็ต้องแต่งให้กับบุรุษที่ช่วยชีวิต เช่นนั้นหากบุรุษที่ช่วยชีวิตเป็คนชราอายุห้าสิบจะเป็อย่างไร? หรือบุรุษที่ช่วยชีวิตแต่งงานมีภรรยามีบุตรแล้วเล่าจะเป็อย่างไร? ไม่ต้องแต่งไปเป็อนุหรือ?
ยิ่งคิดยิ่งขนลุกขนพอง นางตัดสินใจแล้วว่าถ้ามีเวลาจะต้องเรียนรู้การว่ายน้ำ จะพึ่งพาให้บุรุษช่วยอะไรกัน ต้องพึ่งพาตนเองสิถึงจะปลอดภัยและน่าเชื่อถือที่สุด
“ท่านอาหงยู่น่าสงสารเกินไปแล้ว คนดีๆ คนหนึ่งเช่นนี้ ถูกตีจนดูไม่ได้ คนผู้นั้นลงมือได้อย่างไร” เสียงคุ้นหูของชุ่ยจูดังแว่วขึ้นมา ในน้ำเสียงมีความสะอื้นไห้เล็กน้อย
“พี่รอง ท่านได้เห็นแล้วหรือ?” เห็นดวงตาของชุ่ยจูปรากฏน้ำตา เจินจูเลยเดินเข้าไปถามใกล้ๆ
“อื้ม เพิ่งเห็นเมื่อครู่ ดวงตาถูกตีจนเืออก ใบหน้าครึ่งซีกบวมไปหมด แล้วยังกระอักเืออกมามากอีกด้วย ท่านหมอชราหลินกล่าวว่า อวัยวะภายในาเ็ ไม่รู้ว่าจะช่วยชีวิตกลับมาได้หรือไม่! ฮือ... ท่านอาหงยู่เป็คนดีตั้งเท่าไร ทำไมถึงได้พบเจอคนสารเลวเช่นนี้” ชุ่ยจูเช็ดน้ำตาที่ไหลร่วงลงมา ขบฟันกล่าวด้วยความโกรธแค้น
บ้านเก่าอยู่ใกล้กับบ้านจ้าวหงยู่ จ้าวหงยู่เป็รุ่นาุโกว่าชุ่ยจู นางดูแลชุ่ยจูอย่างดีั้แ่เด็ก ชุ่ยจูย่อมใกล้ชิดกับท่านอาหงยู่ที่ยิ้มหวานหยดย้อยอย่างมาก
าเ็รุนแรงเพียงนี้เลย? เจินจูตบไหล่ของชุ่ยจูเบาๆ เป็การปลอบใจ ดวงตากวาดไปรอบๆ ด้วยความเร็วสูงทีหนึ่ง เหล่าชาวไร่ชาวนาล้อมอยู่รอบจ้าวหงซานไต่ถามและสืบข่าวเสียส่วนใหญ่ มีฟู่เหรินไม่กี่คนกระซิบกระซาบกันอยู่ด้านข้าง หน้าประตูบ้านเก่าไม่ไกลออกไป เหลียงซื่อยืดท้องใหญ่ๆ ให้ตั้งตรงกำลังชะเง้อมองสังเกตการณ์ แต่ไม่กล้าเดินเข้ามาใกล้ อาจเป็เพราะหวังซื่อตักเตือนนางไว้ว่าห้ามนางมารวมกับกลุ่มคน ถึงอย่างไรไม่กี่วันก่อนก็เพิ่งหกล้ม ตอนนี้ยังต้องดื่มสมุนไพรบำรุงป้องกันการแท้งอยู่
เจินจูฉวยเอาปลากินหญ้าหนึ่งตัวในมือหลัวจิ่ง แล้ววิ่งไปตรงหน้าเหลียงซื่อ “ตึกๆๆ”
“ป้าสะใภ้ ข้าซื้อปลากินหญ้ามา ตอนเย็นให้ท่านย่าทำหม่าล่าต้มปลาทานนะเ้าคะ” กล่าวจบก็ไม่รอให้เหลียงซื่อได้ตอบ แล้ววิ่งเข้าไปในครัวด้วยตัวเอง หากะละมังไม้ตักน้ำใส่จนเต็มและใส่ปลาเข้าไป
วางของเรียบร้อยแล้วก็ล้างมือ แล้วนางก็วิ่งออกมาอีกครั้ง “ตึกๆๆ”
“ป้าสะใภ้เ้าคะ ท่านกลับไปพักเถิด ระวังชนอะไรเข้าเล่า” ขณะเอ่ยเจินจูก็วิ่งออกไป
“…เด็กบ้านี่” เหลียงซื่อมองเจิงจูที่ไกลออกไปหนึ่งที
“ยู่เซิง ไม่เช่นนั้น เ้าถือของกลับไปก่อนเถิด ข้ากับพี่รองจะเข้าไปดูว่ามีอะไรให้ช่วยเหลือได้บ้าง? ข้าจะอยู่อีกครู่หนึ่งค่อยกลับไป” เจินจูวิ่งมาถึงข้างกายหลัวจิ่ง ยิ้มแล้วกล่าว
หลัวจิ่งมองซ้ายแลขวา ล้วนเป็ชาวไร่ชาวนาในหมู่บ้านที่อยากรู้อยากเห็น เขายืนอยู่ไม่นานก็ได้รับความสนใจจากคนจำนวนหนึ่งแล้ว ดังนั้นจึงพยักหน้าแล้วถือปลากับไส้เล็กเดินไปยังท้ายหมู่บ้าน
“พี่รอง พวกเราเข้าไปดูสักหน่อย ครอบครัวพบเื่เช่นนี้เข้าต้องเสียใจมากแน่ พวกเราช่วยก่อไฟต้มน้ำ อีกเดี๋ยวพอท่านอาหงยู่ฟื้นแล้วจะได้มีน้ำดื่ม” เจินจูจูงชุ่ยจูเดินอ้อมกลุ่มคนเข้าไป
เพราะต้องพันส่วนกระดูกที่หักไว้ จ้าวหงยู่เจ็บจนสลบไป และตื่นขึ้นมาเพราะความเจ็บอยู่หลายครั้ง ความเ็ปของกระดูกที่หักเจ็บเหมือนเจาะเข้าที่หัวใจ อาการบวมเป่งของหน้าอกและท้องทำให้แม้แต่หายใจก็รู้สึกลำบาก
จ้าวหงยู่คิดอยู่นับครั้งไม่ถ้วน ว่าตนเองตายไปเช่นนี้คงจะดี วันคืนที่น่าสังเวชและหมดหวังเช่นนี้ อาจมีเพียงตายไปถึงจะหลุดพ้นได้กระมัง ตายแล้วก็ไม่ต้องเห็นผู้ชายน่ากลัวผู้นั้นอีก
แต่เสียงสะอื้นไห้โศกเศร้าของมารดาข้างหู เสียงร้องเรียกอย่างปวดร้าวของบิดา กลับทำให้นางตัดใจไม่ได้ บิดามารดาที่ทะนุถนอมและปกป้องนางั้แ่เล็ก นางยังไม่ได้กตัญญูให้ดีเลย จะให้พวกเขาแบกรับความเ็ปของคนหัวขาวส่งคนหัวดำหรือ?
จ้าวหงยู่หอบหายใจด้วยความยากลำบาก ความเ็ปบนร่างกายและความโศกเศร้าภายในใจบิดพันจิติญญาของนางไว้ จิตสำนึกค่อยๆ เลือนลางเล็กน้อย นางในยามนี้้าเพียงปล่อยให้ตนเองหลับไป ในใจมีเสียงดังว่า ...เอาเช่นนี้เถิด เอาเช่นนี้เถิด มีชีวิตอยู่เหนื่อยล้าเกินไป เหนื่อยล้าเกินไป…
“ท่านอาหงยู่ ท่านอาหงยู่ ท่านตื่นหน่อย มาดื่มน้ำร้อนก่อนเ้าค่ะ ค่อยๆ ค่อยๆ” เสียงผ่อนคลายอ่อนโยนบางเบา
ริมฝีปากแห้งผากไร้กำลัง พอได้ัักับความอบอุ่นและชุ่มชื้นของน้ำอุ่นๆ ไหลเข้าช่องปากผ่านลงลำคอ ราวกับพื้นดินแห้งแล้งได้พบความชุ่มชื้นของฝนน้ำค้าง ในชั่วพริบตากระแสน้ำบริสุทธิ์ก็ไหลเข้าสู่ร่างกาย
จ้าวหงยู่อดเปิดปากไม่ได้ ้ารับความหวานอร่อยมากยิ่งขึ้น
“ดื่มลงไปแล้ว นางจะต้องกระหายมากแน่เลย เ้าป้อนอีกสองสามอึก” เสียงใสปรากฏความดีใจออกมา
“หงยู่…” เสียงแหบและสุขุมของบิดาเรียกะโชื่อนาง
“อื้ม ดื่มน้ำเข้าไปได้ก็ดี อีกเดี๋ยวต้มสมุนไพรเสร็จค่อยป้อนเข้าไปให้นางอีกที เคี่ยวยาไม่กี่วันผ่านไปก็จะอาการคงที่ได้หน่อย” เป็อีกเสียงหนึ่งที่น่าเกรงขามและใจเย็น
ป้อนน้ำอุ่นๆ รสหวานอร่อยเข้าไปในปากทีละอึก ไหลเข้าสู่ช่องท้องปลอบประโลมหน้าอกที่บวมเป่งและยากที่จะทนไหวของนางให้ชุ่มชื้นด้วยความอบอุ่น ลมหายใจกระชั้นถี่ก็คงที่ขึ้นด้วย ความเศร้าเสียใจความระทมทุกข์ที่เกาะติดอยู่เต็มหัวใจค่อยๆ จางออกไป คิ้วของจ้าวหงยู่ที่ขมวดแน่นจึงคลายออก ในความสงบผ่อนคลายนางก็ค่อยๆ ผล็อยหลับไป
“เหมือนนางจะหลับไปแล้ว?”
“ให้นางหลับสักครู่ รอจนต้มสมุนไพรเสร็จค่อยเรียกนางเถิด”
คนที่ล้อมอยู่ในห้องล้วนออกจากห้องไปอย่างเงียบเชียบ
“ยัยหนูชุ่ยจู ต้องขอบใจพวกเ้าสองพี่น้องแล้ว” จ้าวสี่เหวินบิดาของจ้าวหงยู่กล่าวอย่างจริงใจ ภรรยาของเขาเห็นบุตรสาวถูกหามกลับมาเืท่วมกาย สะดุ้งใจนเป็ลมล้มพับไป กว่าจะฟื้นขึ้นมาไม่ง่ายเลย แล้วยังได้ยินท่านหมอกล่าวอีก ว่าอวัยวะภายในาเ็เกรงว่าจะอดทนให้ผ่านไปได้ยาก ยายเฒ่าร้องไห้แล้วร้องไห้อีก ไม่นานก็เป็ลมไปอีกครั้ง
ลูกสะใภ้ก็ต้องดูแลแม่สามีที่เป็ลม แล้วยังต้องเฝ้าหลานชายหลานสาวที่ตื่นใกลัว ทั้งครอบครัวยุ่งวุ่นวายอย่างมาก แม้แต่คนต้มน้ำยังไม่มีสักคน
หลานสาวสกุลหูสองคนล้วนเป็แม่นางน้อยจิตใจดีงาม ช่วยต้มน้ำร้อนแล้วยังยกถ้วยน้ำร้อนไปให้ภรรยาของเขากับลูกสาวอีกด้วย
“ท่านปู่ของตงเซิ่ง ไม่ต้องขอบคุณ ท่านอาหงยู่เป็คนดี จะต้องแคล้วคลาดปลอดภัยแน่เ้าค่ะ” ชุ่ยจูปลอบใจคนชราที่หน้าตาเต็มไปด้วยความเศร้าโศก
“อื้ม หวังว่าจะเป็เช่นนั้น” คนชราตอบรับอย่างเข็ญใจ บนใบหน้าที่ทุกข์ระทมฝืนฉีกยิ้มขึ้น
เขาใช้ชีวิตอย่างซื่อสัตย์สุจริตมาครึ่งชีวิต แม้ความเป็อยู่จะไม่ได้ผ่านไปอย่างร่ำรวยมั่งคั่ง แต่สงบเงียบสบายใจมาตลอด ผู้ใดจะคาดคิดว่าบุตรสาวจะเกิดอุบัติเหตุ แต่งให้กับอันธพาลหยาบคายและโเี้ผู้นั้น เวลาไม่ถึงห้าเดือนหกเดือน บุตรสาวที่อ่อนแอและบอบบางก็ถูกตีจนลุกไม่ขึ้นมากี่หนแล้ว คิดถึงตรงนี้จิตใจของจ้าวสี่เหวินก็เ็ปขึ้นมา
เจินจูกำลังนั่งยองลงเคี่ยวสมุนไพรอยู่ฝั่งห้องครัวไม่ไกลนัก เมื่อครู่ตอนนางช่วยต้มน้ำ ได้แอบใส่น้ำแร่จิติญญาลงไปไม่น้อยโดยไม่ให้คนเห็น หม้อต้มสมุนไพรนี่นางก็ใส่ลงไปไม่น้อยเช่นกัน จ้าวหงยู่าเ็อย่างรุนแรง หากไม่รักษาให้ดีเพียงนิดอาจเหมือนหยกที่หล่นแตกเหมือนบุปผาที่ร่วงโรย ในเมื่อมีกำลังความสามารถช่วยชีวิตคนได้ นางย่อมไม่มองอย่างนิ่งดูดาย
เหลียงหู่ผู้นั้นเป็ขยะสังคมจริงๆ!
นึกถึงจ้าวหงยู่ที่ถูกตีจนใบหน้าเปลี่ยนรูปขึ้น เจินจูก็เต็มไปด้วยความจงเกลียดจงชังต่อเหลียงหู่ที่ยังไม่เคยพบหน้านัก ร่างกายป่าเถือนถืออาวุธทำร้ายสตรีอ่อนแอไร้กำลังความสามารถต่อต้าน เป็ขยะชั้นหนึ่งจริงๆ ชั่วชีวิตนางเคียดแค้นชิงชังเป็ที่สุดคือผู้ชายที่ชอบใช้กำลังป่าเถื่อนเช่นนี้ ไม่มีเส้นคุณธรรมแม้แต่นิด ไม่นึกเลยว่าจะปฏิบัติต่อภรรยาของตนเองอย่างโหดร้ายทารุณได้
มารดาเถอะ ขยะสังคมเช่นนี้ทำไมไม่มีคนไปจัดการ?
เชิงอรรถ
[1] รูปโฉมราวบุปผาคล้ายดั่งหยก เปรียบดั่งหญิงสาวที่สวยมาก
[2] บุปผาหนึ่งดอก เปรียบว่าเป็สาวงามที่มีความเป็ผู้หญิง
[3] ริมฝีปากแดงฟันขาว หมายถึง หญิงสาวที่มีหน้าตาสวยงาม
[4] รับสองต่อสาม หมายถึง ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
[5] มือถึงจับมา หมายถึง ง่ายนิดเดียว