ทานข้าวเสร็จเรียบร้อยแล้วทั้งสองคนก็นั่งอยู่ตรงนั้นสักพัก ในร้านค่อนข้างที่จะร้อนพอสมควร ความร้อนเพิ่มสูงขึ้นจนทำให้ใบหน้าของทั้งสองคนแดงก่ำอย่างเห็นได้ชัด หลังจากที่พูดคุยร่ำลาเจ๊ฮุ่ยแล้ว ชวีเสี่ยวปอก็ชิงไปจ่ายเงินก่อน จากนั้นทั้งสองคนจึงเดินออกจากร้านมา
“ให้นายจ่ายเงินอยู่คนเดียวไม่ได้หรอกนะ” เซี่ยเจิงขมวดคิ้วขึ้นมา บนใบหน้ามีคำว่าไม่สบายใจเขียนอยู่เต็มไปหมด
“ก็ฉันมีนี่นา” ชวีเสี่ยวปอยิ้มขึ้นมา “ครั้งหน้านายจ่าย” ถึงแม้ว่าจะพูดปัดออกไปเช่นนั้น เขาไม่ได้เดือดร้อนเื่เงิน อีกอย่างระหว่างเขากับเซี่ยเจิงก็ไม่เคยคิดเล็กคิดน้อยกับเื่พวกนี้ แต่เมื่อเห็นที่บ้านของเซี่ยเจิงเป็แบบที่ว่าการใช้จ่ายกว่าจะผ่านไปได้ในแต่ละวัน ให้เซี่ยเจิงจ่ายเงินเขาทนไม่ได้เลยจริงๆ
“ถ้างั้นครั้งหน้าห้ามแย่งฉันจ่ายแล้วนะ” เซี่ยเจิงยิ้มออกมาในที่สุด
“ได้” ชวีเสี่ยวปอพยักหน้า จากนั้นจึงยืดแขนยาวออกไปเพื่อบิดี้เี เมื่อครู่หลังจากทานข้าวในร้านเสร็จก็รู้สึกง่วงขึ้นมานิดหน่อย แต่ทันทีที่เดินออกมาแล้วโดนลมพัดปะทะเข้า ความง่วงจึงหายไปเป็ปลิดทิ้ง “จริงสิ แล้วพรุ่งนี้นายจะทำอะไรอะ”
“พรุ่งนี้” เซี่ยเจิงหยุดเว้นวรรคไปครู่หนึ่ง เหมือนกับรู้สึกลำบากใจที่จะพูดออกมา แต่แล้วก็พูดออกมาว่า : “ฉันต้องไปสอนพิเศษ”
“ไม่ใช่” ท่าทีตอบสนองแรกของชวีเสี่ยวปอก็คือเมื่อครู่ที่ตัวเองไปชิงจ่ายเงินไปก่อน จนทำให้เซี่ยเจิงรู้สึกอ่อนไหวกับเื่เงินแล้วต่างหาก “ก็นายบอกว่าครั้งหน้านายจะจ่ายไม่ใช่เหรอ? ”
“ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น” เซี่ยเจิงวางมือลงไปบนไหล่ของชวีเสี่ยวปอ พร้อมทั้งอธิบายไปว่า : “มันถูกกำหนดไว้ั้แ่ก่อนหน้านี้แล้ว ไม่ได้เพิ่งจะคิดขึ้นมานะ”
“อ๋า” ชวีเสี่ยวปอรู้สึกว่ามันกะทันหันมาก “นายต้อง่ชิงวันหยุดของเด็กๆ ไปจริงๆ เหรอ”
“ไม่ใช่ฉัน” เซี่ยเจิงแกล้งทำหน้าจริงจังขึ้นมา “แต่เป็พ่อแม่ของเด็กๆ ที่่ชิงไป”
“พอแล้ว” ชวีเสี่ยวปอขำออกมาอย่างรู้สึกตลก “แล้วพรุ่งนี้ต้องไปสอนกี่วิชาอะ? ”
“สองวิชา” เซี่ยเจิงพูด “ตอนสายกับตอนบ่ายอย่างละวิชา”
“งั้นก็ได้ ตั้งใจสอนนะ” ชวีเสี่ยวปอยื่นมือออกไปบีบหลังของเซี่ยเจิงสองครั้ง ทั้งยังตีลงใบบนเอวอย่างเบามือ เพื่อให้กำลังใจเขา แต่ที่จริงแล้วในใจของเขาก็รู้สึกเสียดายอยู่ไม่น้อย เมื่อครู่ยังคิดอยู่เลยว่าเซี่ยเจิงมีสอนแค่วิชาเดียว ตัวเองจะได้มาหาเขาได้ ตอนนี้ทำได้เพียงล้มเลิกความคิดนั้นไป
“แล้วนายล่ะ” เซี่ยเจิงหันไปมองใบหน้าด้านข้างของเขา “พรุ่งนี้จะทำอะไร? ”
“ไม่รู้สิ” ชวีเสี่ยวปอเงยหน้าขึ้นไปมอง พบว่าอีกนิดเดียวก็จะถึงบ้านของเซี่ยเจิงแล้ว คืนนี้เขาไม่ได้วางแผนที่จะนอนค้างที่นี่ ถึงแม้ความตั้งใจเดิมของเขาจะอยากอยู่ก็ตาม แต่เขาก็กลัวว่าแม่ของเซี่ยเจิงจะมองออกถึงความผิดปกติอะไรบางอย่าง และมันก็ไม่ได้เป็ผลดีนัก ดังนั้นเขาจึงหยุดฝีเท้าเอาไว้แต่เพียงเท่านี้ “นอนสักงีบ เล่นเกมสักหน่อย เอ๊ะ หรือไม่พรุ่งนี้ฉันก็คงจะไปหาซือจวิ้นละมั้ง? จะได้ถือโอกาสบอกเื่ของเรากับเขาด้วย”
“พรุ่งนี้? ” เซี่ยเจิงรู้สึกลังเลขึ้นมาชั่วครู่ แล้วจึงพูดต่อขึ้นมาทันทีว่า : “ได้ แต่นาย... ”
“นายตั้งใจสอนอย่างสบายใจไปเถอะน่า” ชวีเสี่ยวปอรีบพูดขึ้น เขารู้ว่าเซี่ยเจิงอยากจะพูดอะไร ไม่ว่าซือจวิ้นจะมีท่าทีอย่างไรเขาก็ต้องบอกให้เซี่ยเจิงรับรู้อย่างแน่นอน เพียงแต่ชวีเสี่ยวปอไม่อยากให้เซี่ยเจิงต้องรู้สึกกังวลใจเพราะเื่นี้ “ฉันเชื่อมั่นในตัวซือจวิ้น”
“ได้” เซี่ยเจิงพยักหน้า พร้อมทั้งกุมมือของชวีเสี่ยวปอเอาไว้ให้กระชับขึ้น เขาเองก็ทำอะไรไม่ได้เช่นกัน แต่วิธีที่ไม่ต้องเอ่ยคำพูดใดออกมาเช่นนี้ถือได้ว่าเป็การให้กำลังใจเขาอย่างหนึ่ง
ทั้งสองคนร่ำลากันตรงปากทางแยก หลังจากที่ชวีเสี่ยวปอขึ้นรถแท็กซี่ไป เขาเห็นเซี่ยเจิงยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหนจากกระจกมองข้าง จนกระทั่งรถเลี้ยวออกไป เงาร่างของเซี่ยเจิงในกระจกก็หายตามไปด้วย
ชวีเสี่ยวปอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา แล้วพิมพ์ตัวอักษรสองสามตัวลงไปอย่างรวดเร็ว : “กลับเข้าบ้านไปเถอะ”
“อืม กลับแล้ว” เซี่ยเจิงตอบกลับมาทันที
ชวีเสี่ยวปอยิ้มกับโทรศัพท์อยู่ครู่หนึ่ง ยิ้มถึงขั้นที่ว่าคนขับรถหันมามองเขาอย่างรู้สึกแปลกๆ อยู่หลายครั้ง ชวีเสี่ยวปอไม่ได้สนใจทั้งยังเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกงไป แต่เพียงไม่กี่วินาทีต่อมาก็หยิบขึ้นมาอีกครั้ง
เขาจ้องมองไปที่รูปโปรไฟล์ดำสนิทของเซี่ยเจิง จากนั้นจึงเปลี่ยนหมายเหตุเป็คำว่า “คุณแฟน” อย่างเป็ทางการ
รู้สึกเป็ทางการขึ้นมาเล็กน้อย หลังจากที่เปลี่ยนเสร็จเรียบร้อยแล้วชวีเสี่ยวปอก็กดเข้าไปดูอยู่ซ้ำๆ อยู่หลายรอบ ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้มีอะไรให้ดูมากมาย แต่คำว่าแฟนคำนี้มันทำให้เขารู้สึกแปลกใหม่และตื่นเต้นมากขึ้นไปยิ่งกว่าเดิม
หลังจากที่กลับมาถึงบ้านชวีเสี่ยวปอก็ยัดเสื้อผ้าทั้งหมดที่เปลี่ยนออกมาเข้าไปในเครื่องซักผ้า จากนั้นจึงเปิดโทรทัศน์พร้อมทั้งนอนขดตัวลงไปบนโซฟา ถึงแม้ว่าปากของเขาจะพูดกับเวินลี่และชวีอี้เจี๋ยว่า พ่อกับแม่ไปเที่ยวแล้วเขาอยู่บ้านคนเดียวสบายใจยิ่งกว่า แต่ภายในบ้านหลังใหญ่หลังนี้กลับมีแต่ความว่างเปล่าจนไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมาเลยสักนิด ชวีเสี่ยวปอจึงรู้สึกเบื่ออยู่ไม่น้อย
เขาสุ่มหาภาพยนตร์เปิดขึ้นมาเื่หนึ่ง แล้วจึงหลับตาลงภายใต้เสียงของโทรทัศน์ที่ดังออกมา
ถ้าหากไม่ใช่เพราะในตอนที่ตื่นขึ้นมา เขาเห็นท้องฟ้าด้านนอกมืดสนิทแล้ว ชวีเสี่ยวปอต้องคิดว่าตัวเองหลับไปเพียงครู่เดียวอย่างแน่นอน เหตุผลหลักคือการนอนโซฟาไม่ได้สบายเลยสักนิด ความรู้สึกที่ไม่สามารถยืดแขนยืดขาออกไปได้มันช่างทำให้ไม่สบายตัวเสียเหลือเกิน ชวีเสี่ยวปอลุกขึ้นมานั่งด้วยความรู้สึกมึนศีรษะ พร้อมทั้งใช้มือบีบนวดไปบนลำคอที่มีอาการปวดขึ้นมาเล็กน้อย ในขณะนั้นโทรทัศน์ถูกปิดไปโดยอัตโนมัติเรียบร้อยแล้ว จึงทำให้บนหน้าจอส่องภาพสะท้อนของตัวเขาออกมาแทน
ชวีเสี่ยวปอนั่งตั้งสติอยู่พักหนึ่ง แล้วจึงหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะหน้าโซฟาขึ้นมา
มีข้อความแจ้งเตือนค่อนข้างเยอะอยูเหมือนกัน
มีการแจ้งเตือนสิบกว่าข้อความที่เวินลี่เป็คนส่งมา ทั้งหมดนั้นล้วนเป็รูปที่เธอถ่ายเอง มีทั้งรูปภาพวิวทิวทัศน์ รูปเซลฟี่ และยังมีรูปคู่ของเธอกับชวีอี้เจี๋ยด้วย ระหว่างรูปภาพที่ส่งมายังมีข้อความเสียงแทรกอยู่ด้วยสองสามข้อความ ซึ่งก็เป็เพียงแค่คำถามที่ถามชวีเสี่ยวปอว่าวันนี้ทำอะไรบ้าง กำชับให้เขาเข้านอนเร็วหน่อยอะไรทำนองนี้
หลังจากที่ชวีเสี่ยวปอดูเสร็จแล้วจึงบอกกลับไปเพียงแค่คำว่าครับ
มีข้อความจากคุณแฟนส่งมาสองข้อความ
ข้อความแรกคือ “ทำอะไรอยู่? ”
ส่วนอีกข้อความหนึ่งคือ “นอนแล้วเหรอ? ”
ชวีเสี่ยวปอชำเลืองมองไปที่เวลา ทั้งสองข้อความนี้ล้วนส่งมาเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว
เขาจึงรีบโทรวิดีโอคอลไปทันที
หลังจากที่เสียงดังขึ้นเพียงแค่สองครั้ง ปลายสายก็กดรับแล้ว ใบหน้าของเซี่ยเจิงปรากฏขึ้นมาบนหน้าจอเล็ก ทั้งยังเข้ามาใกล้มากอีกด้วย
“ฉันทายถูกจริงๆ ด้วย” เซี่ยเจิงอยู่ในห้องรับแขก แต่เขาพูดพลางเดินไปยังห้องนอน
“อะไร? ” ชวีเสี่ยวปอขยี้ตา
“นายไม่ได้เพิ่งตื่นเหรอ? ” เซี่ยเจิงเปิดไฟบนหัวเตียงขึ้นมา “กลับไปถึงก็นอนเลย? ”
“อืม” ชวีเสี่ยวปอทำท่าจุ๊บไปยังกล้องครั้งหนึ่ง “มา จุ๊บที” แต่เมื่อพูดจบเขาถึงรู้สึกว่าเมื่อครู่เสียงของตัวเองดังเกินไป จึงรีบพูดเสริมออกไปอย่างเสียงเบาอีกประหนึ่งว่า : “นายปิดประตูห้องแล้วหรือยัง? ”
“ปิดแล้ว ไม่ได้ยินหรอก” เซี่ยเจิงเห็นท่าทางร้อนรนของชวีเสี่ยวปอจึงรู้สึกตลกขึ้นมา จากนั้นจึงทำท่าทางเช่นเดียวกับเขาเมื่อครู่นี้ จุ๊บลงไปที่โทรศัพท์หนึ่งที
ชวีเสี่ยวปอหัวเราะออกมาสองครั้ง รู้สึกพอใจกับการให้ความร่วมมือของเซี่ยเจิงเป็อย่างมาก แต่หัวเราะอยู่ครู่หนึ่งก็ถอนหายใจออกมา : “ฉันเบื่อมากเลย” หลังจากพูดจบจึงสลับให้เป็กล้องหลัง เพื่อถ่ายบ้านอันว่างเปล่าให้เซี่ยเจิงดู
“น่าเบื่อมากจริงด้วย” เซี่ยเจิงทำเสียงจิ๊ปาก “หรือไม่คืนนี้นายก็เปลี่ยนห้องนอน? นอนห้องละสองชั่วโมง แค่นี้ทั้งคืนก็มีเื่ให้ทำแล้ว”
“วิธีบ้าอะไรของนายเนี่ย” ทั้งสองคนพูดคุยต่อบทสนทนากันไปมาอยู่นานพอสมควร จนกระทั่งไม่มีเื่อะไรจะพูดแล้ว จึงมองหน้าอีกฝ่ายพลางหัวเราะออกมาอย่างไม่มีเหตุผลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะวางสายไป ในตอนนั้นเองชวีเสี่ยวปอถึงนึกขึ้นมาได้ว่าในเครื่องซักผ้ายังมีเสื้อผ้าที่ยังไม่ได้ตากอยู่ จึงรีบไปเอาเสื้อผ้าทั้งหมดออกมาตากให้เรียบร้อย
หลังจากที่ทำเสร็จอย่างรวดเร็วเขาก็รู้สึกร้อนขึ้นมานิดนึงแล้ว ชวีเสี่ยวปอจึงถอดเสื้อออกและเดินไปเดินมาอยู่ในบ้าน ขณะที่กำลังจะเดินเข้าไปดูในครัวว่ามีอะไรกินบ้าง เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง
ยังคงเป็เซี่ยเจิง
“นายอยู่ไหน? ”
“จะนอนแล้วเหรอ? ”
ทั้งสองคนถามออกมาพร้อมกัน