แค่ฉินซีก้าวเท้าเข้าไป ก็ถูกคลื่นเสียงทุ้มจากลำโพงปะทะแก้วหูอย่างจัง แสงไฟว่อบแว่บตรงหน้ายิ่งทำให้จิตใจของเขาหม่นหมองหดหู่ ระดับรสนิยมของผู้ที่เลือกสถานที่นี้จะต้องต่ำมากแน่ๆ ถึงได้เลือกสถานที่ที่เสียงดังโหวกเหวกแบบนี้
“เฮ้ สุดหล่อ ไม่ดื่มด้วยกันสักแก้วเหรอ?” เด็กสาววัยรุ่นที่สวมเสื้อสายเดี่ยวยกแก้วค็อกเทลพร้อมส่งรอยยิ้มเย้ายวนมาให้เขา อีกทั้งยังคิดจะเข้ามาวุ่นวายที่ข้างกายอีก
ฉินซียื่นมือออกไปปรามเด็กสาวอย่างไม่นึกเอ็นดูอะไร “รบกวนหลบไปด้วยครับ”
รอยยิ้มบนใบหน้าของเด็กสาวพลันหายไป รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาเล็กๆ แต่ก็ทำได้เพียงเปิดทางให้เขา เพราะถึงอย่างไรการให้บริการของที่นี่ก็ขึ้นอยู่กับความ้าของทั้งสองฝ่ายอยู่แล้ว
ที่นี่คือบาร์ล่าสาวที่มีชื่อเสียงมากแห่งหนึ่ง พนักงานเงินเดือนที่หล่อเหลาและมีกำลังมักจะชอบมาหากันความสุขกันที่นี่ ใครใช้ให้ที่นี่ขึ้นชื่อเื่คนสวยมากกันล่ะ? เพียงแต่ฉินซีคิดไม่ถึงว่า ‘ชวนมาทานอาหารมื้อค่ำ’ อะไรนี่จะจัดขึ้นที่บาร์ เขาไม่ได้ยังมาสถานที่ที่เต็มไปด้วยบรรยากาศย่ำแย่แบบนี้มานานแล้ว แม้ว่าเมื่อชาติก่อนเขาจะเป็เพียงดาราที่มีชื่อเสียงเพียงเล็กน้อย แต่ก็ไม่อาจดูถูกพวกช่างกล้องแอบถ่ายอย่างพวกปาปารัสซี่ได้ ดังนั้นเขาจึงไม่กล้ามาสถานที่แบบนี้
“ขอโทษนะครับ ห้องส่วนตัวหมายเลข 13 อยู่ตรงไหนเหรอครับ?” ฉินซีถามพนักงานที่กำลังยกไวน์แดงไปเสิร์ฟคนหนึ่ง
พนักงานมองเขาด้วยสายตาตกตะลึง “สวัสดีค่ะ ฉันกำลังจะเอาไวน์ไปส่งพอดี เชิญตามมาได้เลยค่ะ”
ฉินซีพยักหน้า ก่อนจะเดินตามพนักงานคนนั้นไป
ประตูห้องส่วนตัวหมายเลข 13 ถูกเปิดออก ผู้คนภายในห้องต่างพากันมองมา ฉินซีกวาดสายตามองกลุ่มคนตรงหน้าเรียงตัว แปลกแฮะ... ทำไมถึงไม่เห็นผู้ดูแลคนนั้นล่ะ?
ภายในห้องส่วนตัวมีคนนั่งอยู่ไม่น้อย ผู้ชายที่นั่งอยู่บนโซฟาบริเวณตรงกลางดูเหมือนจะเป็หัวหน้า เขามองมาที่ฉินซีเล็กน้อย ก่อนจะขมวดคิ้วถามพนักงาน “เขาเป็ใคร?”
พนักงานเองก็นิ่งไป ก่อนจะถามผู้ชายคนนั้นกลับไป “คุณเฉิน เขาไม่ใช่แขกของคุณเหรอคะ?”
ชายหนุ่มโบกมือไปมา “ไม่ใช่”
หยาดเหงื่อเย็นผุดพรายเต็มศีรษะของพนักงาน เธอรีบหันกลับมามองฉินซี “พี่ชาย คุณรีบไปเถอะ คุณจำเลขห้องผิดไปหรือเปล่าคะ?”
ฉินซีมองชายคนนั้นเล็กน้อย เพราะแสงไฟในห้องค่อนข้างมืด เขาจึงมองเห็นไม่ชัดนัก แต่ว่าเขามักจะรู้สึกว่าชายคนนั้นดูคุ้นตาอยู่ตลอด เพียงแต่พยายามคิดอย่างไรก็นึกไม่ออกว่าอีกฝ่ายเป็ใคร ฉินซีจึงทำได้เพียงปล่อยไป
“ขอโทษด้วยครับ ผมคงจำผิดไป...” ฉินซีเอ่ยขอโทษคนในห้องส่วนตัวตามมารยาท หลังจากนั้นก็เดินออกมา พนักงานผ่อนลมหายใจลงด้วยความสบายใจ ก่อนจะเดินเข้าไปเสิร์ฟไวน์
รอจนฉินซีเดินออกมาไกลแล้ว เขาก็เพิ่งจะรู้สึกอับอาย ไปผิดห้องเสียแล้ว โชคดีที่คนในห้องไม่ได้นิสัยแย่อะไร ไม่อย่างนั้นไม่แน่ว่าเขาอาจเจอปัญหาเข้าก็ได้! ฉินซีนำโทรศัพท์ออกมาดูข้อความอีกครั้ง ก่อนจะพบว่าในข้อความเขียนเอาไว้ว่าหมายเลข 16 เขาตาลายไปชั่วขณะจนทำเื่น่าขันไปเสียได้!
เมื่อหาห้องหมายเลข 13 เจอแล้ว หากจะหาห้องหมายเลข 16 ก็เป็เื่ง่าย ไม่จำเป็ต้องให้พนักงานนำทางอีก ฉินซีเดินมาถึงหน้าห้องหมายเลข 16 ด้วยตัวเอง หน้าประตูไม่มีพนักงานเฝ้าเอาไว้ ฉินซีจึงเคาะประตู แล้วค่อยๆ เปิดออก
บรรยากาศด้านในกำลังครึกครื้น เดิมทีก็ไม่ได้สนใจว่าใครผลักประตูเข้ามา เพียงแต่หลังจากฉินซีเห็นภาพด้านในชัดเจนแล้ว สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป คิ้วขมวดเข้าหากันแน่นอย่างไม่ทันรู้สึกตัว
คนของบริษัทเทียนหม่าหยูเล่อบ้าคลั่งไร้สาระถึงขนาดนี้เลยเหรอ!
ทั้งห้องหมายเลข 16 ถูกห้อมล้อมไปด้วยควันบุหรี่ คนที่นั่งอยู่บนโซฟาหัวเราะคิกคัก ครางเสียงหวานบ้าง เสียงเหล่านี้ทำให้ฉินซีรู้สึกขยะแขยง จนเขาอดคิดขึ้นมาไม่ได้ว่า หากมีคนเรียกตำรวจมาก็คงจะเจอ ‘ของดี’ จากที่นี่ได้ไม่น้อย
ฉินซีเดินก้าวไปด้านหน้าสองก้าว ก่อนจะชะงักฝีเท้า เขาไม่อยากจะเข้าไปในสถานที่แบบนี้นัก
ในตอนนั้นเอง จู่ๆ ก็มีคนมาจับแขนของเขาไว้เสียแน่น!
นี่ทำเอาฉินซีใ ตอนที่กำลังจะขัดขืนตามความเคยชิน เสียงหัวเราะแหลมเล็กเสียงหนึ่งพลันดังขึ้น “ผู้กำกับหม่า รีบมาดูเร็วเข้า! นี่เป็นักแสดงหน้าใหม่ที่เพิ่งเซ็นสัญญากับบริษัทเรา ฉันว่าให้เขามาเล่นเป็ตัวละครหลักในละครเื่นี้ของผู้กำกับหม่าก็ไม่เลวเลยนะ!”
ตัวละครหลัก? ฉินซียิ้มเยาะในใจ บริษัทเทียนหม่าหยูเล่อดีกับเขาขนาดนั้นเลย? เขาปาที่เขี่ยบุหรี่ใส่ผู้ดูแล แต่ก็ยังแนะนำให้เขาไปแสดงเป็ตัวละครหลักอีก?
ในตอนนี้เสียงโหวกเหวกวุ่นวายภายในห้องต่างหยุดลงเพราะเสียงนี้ คนที่พูดต่อคือผู้กำกับหม่าคนนั้น เขาเปิดปากพูดด้วยสำเนียงกวางตุ้ง “พาเข้ามาดูใกล้ๆ หน่อยสิ” น้ำเสียงของผู้กำกับหม่าแหบแห้งไม่น่าฟัง ฉินซีรู้สึกได้ทันทีว่าอีกฝ่ายต้องไม่ใช่คนดี
ควันบุหรี่ภายในห้องกระจายหายไปบ้างแล้ว แม้จะรู้สึกคลื่นไส้ แต่ฉินซีก็พยายามอดกลั้นไว้ เมื่อถูกลากเข้าไปใกล้อีกหน่อย ก็ได้เห็นรูปลักษณ์ของผู้กำกับหม่าอย่างชัดเจน อีกฝ่ายตัวโตสูงใหญ่ ใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอยและหนวดเครา ดวงตาทั้งสองตี่เล็ก สายตาที่มองมายังทางฉินซีเต็มไปด้วยความหยาบคาย
พระเ้า ชายคนนี้เป็คนดีแน่เหรอ? ฉินซีกำโทรศัพท์ในมือแน่น แล้วค่อยๆ ขยับ เพื่อให้มั่นใจว่ากล้องจะสามารถถ่ายภาพใบหน้าของผู้กำกับหม่าคนนี้ไว้ได้
ผู้กำกับหม่าพยายามหรี่ตาเล็กๆ ที่เริ่มจะมึนมัวคู่นั้นมองพิจารณาฉินซีให้ชัดเจน ก่อนจะสูดลมหายใจด้วยความตะลึงในความงาม แล้วหัวเราะเสียงดังพร้อมพูดกับคนข้างกาย “ได้ๆๆ! ให้เขาไป เอาบทให้เขาไป ฉันว่าเขาเล่นบทตัวเอกได้ไม่มีปัญหาเลย!”
เมื่อผู้กำกับหม่าพูดจบ บทเล่มหนึ่งก็ถูกโยนมาที่ข้างเท้าของฉินซี เห็นได้ชัดว่าค่อนข้างจะไม่ให้เกียรติกันเลย ผู้ดูแลของบริษัทเทียนหม่าหยูเล่อที่อยู่ข้างฉินซีผลักเขาเล็กน้อย “เ้าเด็กนี่ จะนิ่งอยู่ทำไมล่ะ? ไปเก็บขึ้นมาดูสิ”
ฉินซีเก็บบทเล่มนั้นขึ้นมาอ่าน แม้ว่าเขาจะเตรียมใจมาแล้ว ทว่าสีหน้าก็ยังคงเปลี่ยนไป นี่มันเป็บทละครจริงๆ เสียที่ไหน เดิมทีก็แค่หนังเกรดสาม[1] ที่นิยมทางฝั่งฮ่องกงเท่านั้น
ฉินซีปล่อยบทเล่มนั้นลงไปอยู่ข้างๆ เท้า เขาไม่ยอมทำตัวอ่อนแอให้อีกฝ่ายเอาเปรียบได้แน่! เขาไม่ยอมเป็นักแสดงนำในหนังอีโรติกหรอก!
ผู้กำกับหม่าส่งเสียงเ็าในลำคอ “นายหมายความว่ายังไง?”
เื่ก็มาถึงขนาดนี้แล้ว ไม่มีอะไรที่ฉินซีต้องกลัวอีกแล้ว “ผมไม่มีทางถ่ายหนังแบบนี้” พูดจบก็หันหน้าไปมองผู้ดูแล “การกระทำของคุณเข้าข่ายหลอกลวง บริษัทรู้หรือเปล่าว่าคุณทำแบบนี้?”
ผู้ดูแลมีความแค้นเก่าอยู่แล้ว เมื่อรวมกับความแค้นครั้งใหม่นี้ สายตาที่มองมายังฉินซีก็ราวกับจะมีไฟลุกออกมา เขาหลุดปากพูดออกมา “นี่มันก็เป็ความ้าของบริษัทอยู่แล้ว! ฉันจะบอกให้นะ นายอย่าได้ถือตัวนักเลย ถ้าเข้ามาในวงการบันเทิงแล้วอยากจะแจ้งเกิดก็ต้องหาวิธีการขยับเข้าไปใกล้ให้มากขึ้นไม่ใช่เหรอ? มีนักแสดงหน้าใหม่คนไหนที่ไม่ผ่านเื่แบบนี้มาบ้าง?”
ฉินซีถามเสียงเรียบ “อ้อ อย่างนั้นเหรอครับ? แล้วถ้าผมแจ้งความบริษัทของพวกคุณล่ะ? พวกคุณจะยังปากดีอยู่ไหม?”
ก่อนหน้านี้พวกที่ถูกหลอกให้มาเซ็นสัญญาจะมีใครกล้าตั้งตัวเป็ศัตรูกับบริษัทบ้าง? เด็กสาวเด็กชายแต่ละคนอายุยังน้อย แม้จะถูกหลอกลวงก็ไม่กล้าบอกออกไป พวกคนขี้ขลาดนี้ ไม่ว่าบริษัทจัดเตรียมอะไรมาก็ยอมเชื่อฟังไปเสียหมด ผู้ดูแลคนนี้คิดไม่ถึงว่าฉินซีจะรับมือได้ยากขนาดนี้ แถมยังเริ่มแข็งข้อขึ้นมาตรงๆ อีก!
“ถ้าแบบนั้นวันนี้ก็อย่าได้ออกไปอีกเลย” ผู้กำกับหม่าตอบกลับเขาด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น ทั้งยังแฝงไปด้วยความข่มขู่
ฉินซีไม่แน่ใจถึงที่มาที่ไปของผู้กำกับหม่าคนนี้ และไม่รู้ว่าพวกเขาจะกล้าทำเื่เลวร้ายไปมากกว่านี้หรือไม่ เมื่ออีกฝ่ายแข็งแกร่ง เขาก็มีแต่จะต้องแข็งแกร่งกว่าเท่านั้น! คนที่ตายไปแล้วครั้งหนึ่งจะยังสนใจอะไรกับความเป็และความตายอยู่อีก? ปลาไม่ตาย แหก็ต้องขาด หากมีชีวิตขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง แต่ก็ไม่อาจทำตามที่ใจปรารถนาได้ แล้วมันจะมีความหมายอะไร?
ฉินซีส่งเสียงเยือกเย็นขึ้นมาในลำคอ ก่อนที่จะยกโทรศัพท์ขึ้น “ถ้าพวกคุณไม่อยากให้มันถูกส่งไปถึงนักข่าวละก็...”
ไม่มีใครคิดว่าฉินซีจะจัดการยากแบบนี้ ทันใดนั้นไฟโทสะในใจของทุกคนก็ยิ่งลุกโชน และพุ่งเข้าหาฉินซีเพื่อแย่งโทรศัพท์มา ทางด้านฉินซีก็ไม่ได้โง่ถึงขนาดยืนรออยู่ให้อีกฝ่ายเข้ามาแน่ เพราะเดิมทีเขาก็ไม่ได้เดินเข้าไปใกล้นัก ดังนั้นเมื่อสบโอกาสก็หมุนตัววิ่งออกมาด้านนอก ส่วนพวกคนในห้องเดิมทีก็ดื่มเหล้าสูบบุหรี่กันจนมึนเมา หลังจากวุ่นวายกันไปรอบหนึ่ง แขนขาก็ไร้เรี่ยวแรง จึงตามฉินซีมาไม่ทัน ฉินซีตัดสินใจจะฉีกหน้าคนพวกนั้นอยู่แล้ว เขาจึงอัปโหลดวิดีโอลงไปยังเว็บไซต์หนึ่ง
รอจนพวกคนด้านหลังตามมา ก็น่าจะสายไปแล้ว...
เมื่อฉินซีวิ่งออกมา เขาก็ดึงดูดความสนใจจากพนักงานโดยรอบทันที มีพนักงาน 2-3 คนรีบเข้ามาล้อม และถามเขาด้วยใบหน้านิ่งเฉยว่า “คุณลูกค้า เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าครับ?”
บริษัทเทียนหม่าหยูเล่อกล้าใช้ที่นี่เป็สถานที่นัดพบ นั่นแปลว่าที่นี่ไม่น่าจะใสสะอาด ฉินซีไม่กล้าบอกพวกพนักงานว่าเกิดอะไรขึ้น เขาผลักคนพวกนี้ออกไป แล้วก้าวเท้ายาวๆ เดินออกไปด้านนอก “ให้ฉันออกไป! ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน”
พวกพนักงานต่างก็มองหน้ากันเลิ่กลั่ก
คนในห้องหมายเลข 16 ตามออกมา พวกเขาะโสั่งเสียงดัง “ขวางเขาเอาไว้!”
พวกพนักงานเ่าั้สบตากันก่อนจะยื่นมือไปข้างหน้าหมายจะจับตัวฉินซี ในตอนที่ฉินซีกำลังร้อนรน เขาก็พุ่งใส่ประตูห้องที่อยู่ข้างๆ ให้เปิดออกและกลิ้งเข้าไป พวกพนักงานเ่าั้ต่างก็เฝ้าอยู่หน้าประตู
ในใจของฉินซีผุดความคิดหนึ่งขึ้นมา ถ้าลากลูกค้าคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง พวกเขาจะยังกล้าไล่ตามเขาออกไปอีกไหม? ทางที่ดีที่สุดคือทำให้ทั้งสองฝ่ายทะเลาะกัน เมื่อเริ่มชกต่อยกัน เขายังสามารถอาศัยความวุ่นวายหนีออกไปได้...
ผู้กำกับหม่านำคนมาถึงหน้าประตูห้อง พร้อมทั้งะโด้วยความหยาบคาย “ทำไมไม่เอาตัวมันออกมาให้ฉัน?”
“พวกคุณจะจับตัวใคร? หือ? วุ่นวายมาจนถึงประตูห้องของฉันแล้ว” จู่ๆ น้ำเสียงเ็าเสียงหนึ่งก็ขัดเสียงะโของผู้กำกับหม่า
ฉินซีหยัดกายลุกขึ้นจากพื้น ปัดเสื้อผ้าของตัวเองก่อนจะหันหน้าไปยังคนที่ถูกเขารบกวนทำให้ใ เมื่อหันไปมองก็พบว่า นี่มันไม่ใช่ห้องหมายเลข 13 ที่เข้าผิดมาก่อนหน้านี้เหรอ? และคนที่กำลังพูดอยู่ก็คือผู้ชายที่มีท่าทีเหมือนหัวหน้าคนนั้น
โคมไฟดวงใหญ่ภายในห้องถูกเปิดขึ้น คนในห้องและกลุ่มคนด้านนอกประตูห้องต่างก็ถูกส่องเปิดเผยให้เห็นชัด ฉินซีเพิ่งจะเห็นใบหน้าของผู้ชายคนนั้นอย่างชัดเจน ใบหน้าของเขาเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ โดยเฉพาะดวงตาสีเขียวคู่นั้นที่ถูกปกคลุมไปด้วยความเยือกเย็น ทำให้คนหวาดกลัวราวกับาาหมาป่าแสนดุร้ายในทุ่งหญ้า เขาสวมใส่ชุดสบายๆ สีขาว ทว่าท่าทางกลับไม่ได้ดู “สบายๆ” เลยแม้แต่น้อย
ฉินซีอดใขึ้นมาไม่ได้ ผู้ชายคนนี้… เมื่อชาติก่อนก็เคยช่วยเขาไว้ครั้งหนึ่ง! แม้ว่าสำหรับชายคนนี้แล้ว มันจะเป็เพียงเื่ง่ายๆ ก็ตาม
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงรู้สึกว่าชายคนนี้ดูคุ้นเคยนัก
“พวกเรา้าจับตัวเขา ขอแค่ส่งตัวเขามาให้พวกเรา พวกเราก็จะไปแล้ว” ผู้กำกับหม่าโมโหจนขึ้นสมอง การพูดจาจึงไร้ซึ่งความเกรงใจ
พวกผู้หญิงผู้ชายคนอื่นในห้องต่างก็อดยิ้มไม่ได้ “พูดจาได้ผยองดีนี่”
……
[1] หนังเกรดสาม เป็คำที่ใช้เรียกละครที่มีฉากวาบหวิวค่อนข้างมาก