เล่มที่ 3 บทที่ 65
จ้าวจื่อซินมองขึ้นไปบนท้องฟ้าก่อนหาวนอน "ทำงานทั้งคืนแล้ว ข้าง่วงมาก ข้าจะไปนอนก่อน และข้าจะไม่กินอาหารเช้า ตอนเที่ยงเรียกข้ากินข้าวด้วย" หลังจากก้าวเท้าไปสองก้าว จ้าวจื่อซินก็เดินกลับมาอีกหน โดยมองไปที่มู่หรงฉิงด้วยสายตาจริงจัง "ตอนเที่ยง ข้าอยากกิน... มันเรียกว่าอะไรแล้วนะ ข้าวเหนียวห่อใบบัว ทำให้มากกว่าเล็กน้อย ข้าวเหนียวห่อใบบัวอร่อยมากจริงๆ"
มู่หรงฉิงพูดไม่ออก เขาคิดว่านางเป็แม่ครัวหรือ? ให้เรียกเขากินอาหาร เขาเป็เ้านายหรืออะไรกัน?
“นี่ มู่หรงฉิง ตอนนี้เ้าเป็เ้านายของข้าแล้ว เ้าจะต้องรับผิดชอบต่อชีวิตประจำวันของข้า เ้าต้องรับผิดชอบต่อปากท้องของข้า ข้าอยากจะกินอะไร เ้าก็ต้องทำให้ข้ากิน ถ้าไม่ให้ข้าอิ่มท้อง ข้าจะมีกำลังทำงานให้เ้าได้อย่างไร?" เมื่อเห็นสีหน้าซึ่งแสดงถึงความไม่เต็มใจเป็อย่างมากของมู่หรงฉิง จ้าวจื่อซินจับดาบพลางวางด้ามดาบไว้บนไหล่ของนาง จากนั้นพูดอย่างจริงจังว่า "โธ่! การเป็เ้านายของคนอื่นมันไม่ใช่เื่ง่ายๆ เลย"
"เ้าดูแลชิงยวี่เช่นนี้หรือ? ถ้าชิงยวี่หิว เ้าก็ทำอาหารให้เขากิน? หากชิงยวี่อยากกินอะไร เ้าก็ทำอาหารให้เขากระนั้นหรือ?" ตลก!
ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้หน้าด้านนัก? คุยโวโอ้อวดอย่างไม่ละอายใจโดยไม่กลัวว่าลิ้นจะถูกฟ้าผ่า
“มันแตกต่างกัน ข้าเป็เ้านายของคนอื่น สวัสดิการย่อมแตกต่างกันโดยธรรมชาติ หากเ้า้าเป็เ้านายของข้า แน่นอนว่าจะต้องทุ่มเทให้ข้าเพิ่มมากขึ้นสักเล็กน้อย” เขาเคาะด้ามดาบบนไหล่ของมู่หรงฉิงเบาๆ และท่าทีของเขาก็ดูน่ากระทืบมาก "จำไว้ ถึงเวลากินข้าวแล้ว เรียกข้าด้วย"
หลังจากพูดจบก็หาวนอนและเดินออกจากห้องโดยไม่หันกลับมามองอีกต่อไป
จวบจนกระทั่งจ้าวจื่อซินออกไปจนไม่เห็นเงา มู่หรงฉิงถึงได้เปล่งเสียงอย่างเ็า "ไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย"
“บ่าวจะรับใช้คุณหนูใหญ่อาบน้ำ” ปี้เอ๋อร์ลอบพ่นลมหายใจ นางคิดว่าจ้าวจื่อซินไม่ใช่คนดีอย่างแน่นอน นางยังคงวิตกกังวลว่าความร่วมมือระหว่างคุณหนูใหญ่และจ้าวจื่อซิน จะทำให้คุณหนูใหญ่ตกอยู่ในกำมือของเขาหรือไม่? เพียงแต่ในเวลานี้นอกจากจ้าวจื่อซินแล้ว ดูเหมือนว่าคงไม่มีใครสามารถร่วมมือได้
มู่หรงฉิงเอ่ยตอบรับ นางนั่งลงบนเก้าอี้และครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่หนึ่ง จากนั้นเงยหน้าขึ้นถามปี้เอ๋อร์ว่า "ไข่มุกรูปดอกไม้อยู่ที่ไหนหรือ?"
“บ่าวทำตามคำสั่งของคุณหนูใหญ่โดยนำไปวางไว้ั้แ่เมื่อคืนแล้ว” ปี้เอ๋อร์ตอบคำถามก่อนหันไปสั่งคนให้ยกน้ำร้อนมาที่นี่ มู่หรงฉิงใช้โอกาสใน่เวลาที่เฉินเทียนหยูยังไม่ตื่นในการอาบน้ำ จากนั้นมานั่งตรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง โดยมีปี้เอ๋อร์ช่วยสางผมให้
สายลมยามเช้าหอบความเย็นสบายในยามค่ำคืนโชยผ่านหน้าต่างที่เปิดกว้าง มองออกไปจะเห็นสระบัวซึ่งส่งกลิ่นหอมฟุ้ง ฝูงปลาเวียนว่ายราวกับกำลังมีความสุขกับเช้าวันใหม่ หมู่ปลาะโขึ้นสูงก่อนทิ้งตัวลงไปในน้ำ บางครั้งก็มีปลาสีทองะโขึ้นมาตะครุบยุงที่บินผ่านและกลืนกินเข้าไปในท้องภายในรวดเดียว
วันใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว และสาวใช้ก็ตื่นแต่เช้าตรู่ทุกคน แต่ละคนง่วนอยู่กับภาระงานในหน้าที่ของตนเอง
เฉินเทียนหยูตื่นขึ้นท่ามกลางเสียงนกร้องอย่างมีความสุข เมื่อเขาลุกขึ้นจากเตียง ขยี้ตา เขาได้เห็นมู่หรงฉิงในชุดสีม่วงเอนกายอยู่บนเก้าอี้ยาว นางถือหนังสืออยู่ในมือ เส้นผมยาวจรดเอวพลิ้วไหวเพราะสายลมยามเช้าซึ่งพัดมาจากด้านนอกหน้าต่าง
ใบหน้าด้านข้างสวยเสมือนหยกแต่ซีดขาวเล็กน้อย แสงอาทิตย์ยามเช้าสาดส่องผ่านหน้าต่างกระทบมู่หรงฉิงเสริมเน้นใบหน้าอันประณีตงดงามของนางให้ดูสวยสง่าและสดใสมากยิ่งขึ้น ชั่วขณะหนึ่งเฉินเทียนหยูถึงกับตกตะลึง
น้องหญิงสวยมาก นี่เป็ความคิดเดียวของเฉินเทียนหยู
ไม่ใช่เื่ง่ายที่จะรู้สึกตัวกลับมาอีกหน เฉินเทียนหยูไม่แม้กระทั่งสวมรองเท้า เขาะโลงจากเตียง และกระโจนเข้าใส่มู่หรงฉิงจนเด็กสาวล้มลงกับเก้าอี้ยาว ทีท่าของเขาราวกับหมาป่าดุร้ายกระโจนเข้าใส่เสือ
มู่หรงฉิงกำลังอ่านสมุดบันทึกของหมอเทวดา ในจังหวะนั้นนางไม่ทันระวังตัว จู่ๆ เฉินเทียนหยูก็กระโจนเข้ามาย่อมต้องถูกเขากดทับลงบนเก้าอี้ โชคดีที่ไม่ใจนเป็อะไรไป
"น้องหญิงสวยมาก"
ประโยคแรกเป็การชื่นชมอย่างตรงไปตรงมา ดวงตาใสสะอาดเป็ประกายยามมองมู่หรงฉิง มิหนำซ้ำนางยังสามารถมองเห็นเงาของตนในดวงตาของเขาได้
หลังจากรู้สึกตัวอีกหน มู่หรงฉิงก็รีบดึงเฉินเทียนหยูลงมา ก่อนจะซ่อนสมุดบันทึกไว้ใต้หมอนและแทนที่ด้วยหนังสือบทกวี "คราวหน้าคราวหลังขอท่านพี่อย่าได้ทำให้ฉิงเอ๋อร์ต้องใกลัวอีก ฉิงเอ๋อร์รับความใและความหวั่นกลัวไม่ได้”
“น้องหญิงสวยมากจริงๆ” ไม่ว่ามู่หรงฉิงจะพูดอะไร เฉินเทียนหยูก็ยังเอ่ยถ้อยคำเดิม มู่หรงฉิงถึงกับประหลาดใจจนพูดไม่ออก "ถ้าวันใดวันหนึ่งฉิงเอ๋อร์หน้าตาไม่สวยแล้ว ท่านพี่จะไม่ชอบฉิงเอ๋อร์ใช่หรือไม่?"
“ไม่สวยแล้วหรือ?” คิ้วดาบซึ่งเรียงตัวสวยของเฉินเทียนหยูพับเข้าด้วยกันเป็รอยย่นคล้ายไม่คิดว่ามู่หรงฉิงจะเอ่ยคำถามดังกล่าวกับเขา
ชายหนุ่มไม่เคยคิดว่าน้องหญิงจะมีวันที่หน้าตาไม่สวย? แต่น้องหญิงสวยจริงๆ นี่นา
เฉินเทียนหยูยังคงสับสนอยู่กับคำถามของมู่หรงฉิง แต่มู่หรงฉิงกลับส่ายศีรษะและหัวเราะ นางดึงเฉินเทียนหยูที่กำลังขบคิดอย่างงุนงงออกจากเตียงโดยไม่ได้เรียกให้บ่าวดูแลรับใช้แต่อย่างใด นางแต่งตัวให้เฉินเทียนหยูด้วยเสื้อคลุมและมัดผมยาวให้เขาด้วยตัวเอง
ความสับสนของเฉินเทียนหยูเป็เพียง่ระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น เมื่อเขามองดูภาพสะท้อนของมู่หรงฉิงบนกระจกที่กำลังมัดผมยาวให้เขาอย่างตั้งใจ เขามีความสุขอย่างอธิบายไม่ถูก หลังจากมู่หรงฉิงเกล้าผมให้เขาเสร็จเรียบร้อย เฉินเทียนหยูจึงหันหลังกลับไปจับมือของมู่หรงฉิงและพูดว่า "น้องหญิง ข้ามีความสุขตรงนี้เป็อย่างมาก ข้ามีน้องหญิงอยู่ด้วย ข้ามีความสุขมาก"
ระหว่างพูด เขาจับมือของมู่หรงฉิง ดึงวางทาบลงบนหน้าอกเพื่อให้ััจังหวะการเต้นของหัวใจ
อัตราการเต้นของหัวใจนั้นไม่เร็วและไม่ช้า พิสูจน์ให้เห็นว่าจิตใจของเฉินเทียนหยูสงบมากแต่ความสุขในสายตาของเขากลับแทงทะลุหัวใจของมู่หรงฉิงอย่างแ่เบา
ไม่รู้ว่าทำไม หลังจากได้ฟังคำพูดของเฉินเทียนหยู นางกลับรู้สึกทั้งอิจฉาทั้งขมขื่นในใจ
เมื่อปี้เอ๋อร์เข้ามาก็เห็นเฉินเทียนหยูดึงมือของมู่หรงฉิงด้วยรอยยิ้ม ใบหน้าของเขาสดใสราวกับดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิ
นางสั่งให้บ่าวรับใช้วางอาหารเช้าลงบนโต๊ะและพูดกับเฉินเทียนหยูว่า “บ่าวจะรับใช้คุณชายรองอาบน้ำแต่งตัวเอง”
“ท่านพี่ ท่านพี่อาบน้ำและแต่งตัวก่อนแล้วค่อยมารับประทานอาหารเช้าด้วยกัน” มู่หรงฉิงทำได้แค่เกลี้ยกล่อมเสียงเบาเมื่อเฉินเทียนหยูยึดมือของนางไว้ไม่ยอมปล่อย
เสียงของมู่หรงฉิงอ่อนหวานและนุ่มนวล เฉินเทียนหยูได้ฟังแล้วพลอยรู้สึกสบายใจอย่างอธิบายเป็คำพูดไม่ถูก เขาพยักหน้าก่อนเดินตามปี้เอ๋อร์ไปอาบน้ำและแต่งตัวอย่างเชื่อฟัง
ครั้นทั้งสองคนกลับมานั่ง ปี้เอ๋อร์จึงยกข้าวต้มให้ทั้งสองเพื่อรับประทาน
“เ้าก็ไม่ได้นอนทั้งคืนเหมือนกัน ฉะนั้นจงนั่งลงและกินอาหารด้วยกัน หลังจากกินเสร็จแล้วค่อยกลับไปพักผ่อนสักครู่เถอะ คาดว่าน่าจะพักได้ไม่นานก็คงจะมีคนมาหาเื่อีก” ในระหว่างการสนทนา มู่หรงฉิงไม่ให้โอกาสปี้เอ๋อร์ได้ปฏิเสธ มู่หรงฉิงจับมือของคู่สนทนาให้นั่งลงด้านข้าง
ปี้เอ๋อร์ตั้งใจที่จะปฏิเสธแต่เมื่อนางเห็นสีหน้าอันแน่วแน่ของมู่หรงฉิง นางจึงไม่ได้หักล้างความตั้งใจของผู้เป็นายและหย่อนตัวลงนั่งด้านข้าง ทั้งสามคนจึงกินข้าวเช้าด้วยกัน
เฉินเทียนหยูมองไปทางมู่หรงฉิงสลับกับการหันไปมองปี้เอ๋อร์ก่อนคิดในใจ น้องหญิงดีกับบ่าวคนนี้มาก วันข้างหน้าต้องไม่ตีบ่าวคนนี้อย่างเด็ดขาด
หลังจากรับประทานอาหารเช้า มู่หรงฉิงง่วงนอนมากจึงเอนตัวนอนตะแคงอยู่บนเก้าอี้ยาว เดิมทีนาง้าจะงีบหลับสักพักหนึ่ง แต่ไม่นึกคิดเลยว่านางจะผล็อยหลับไปจริงๆ
การนอนหลับในคราวนี้ยาวนานจนถึงเวลารับประทานอาหารกลางวัน
ฝ่ายเฉินเทียนหยูก็ได้แต่กะพริบตาปริบๆ นั่งอยู่หน้าเก้าอี้ยาวเฝ้ามองดูมู่หรงฉิงที่กำลังหลับตลอดทั้ง่เช้า มันเป็ประสบการณ์ที่หายากเนื่องจากเขาไม่ได้ไปไหนเลย
จนกระทั่งบ่าวรับใช้มาถามว่าจะรับอาหารเลยหรือไม่ เฉินเทียนหยูถึงได้ปลุกมู่หรงฉิงให้ตื่นขึ้น "น้องหญิง พวกนางถามน้องหญิงว่าจะให้ยกอาหารเข้ามาหรือไม่?"
ลืมตาขึ้นด้วยความงุนงงและได้สบกับดวงตาใสสะอาดบริสุทธิ์ของเฉินเทียนหยู จากนั้นถึงค่อยๆ รู้สึกตัวก่อนนางจะหย่อนปลายเท้าลงจากเก้าอี้ยาว "อืม"
การนอนหลับชั่วพักใหญ่ทำให้นางไม่ค่อยหิวนัก แต่จ้าวจื่อซินบอกให้เรียกเขาตอนทานอาหารกลางวันด้วย บวกกับมู่หรงฉิงรู้สึกขอบคุณจ้าวจื่อซินที่ช่วยเหลือนางเมื่อวาน นางจึงไม่ลืมสิ่งที่เขาพูด
เมื่อปี้เอ๋อร์เดินเข้ามา มู่หรงฉิงจึงพูดกับปี้เอ๋อร์ว่า "ไปเตรียมส่วนผสมสำหรับทำข้าวเหนียวห่อใบบัว นอกจากนั้นให้หั่นผลไม้สดตามฤดูกาลเพิ่มเติมอีกสักเล็กน้อย วันนี้พวกเราจะเปลี่ยนรสชาติและทำขนมอบไส้ผลไม้กินกัน"
ปี้เอ๋อร์ตอบรับ หลังจากสาวใช้วางอาหารทั้งหมดลงบนโต๊ะเสร็จ พวกนางก็ออกไปจากห้อง ปี้เอ๋อร์ถึงได้พูดเบาๆ ว่า "วันนี้แม่นมจิ่น้าออกจากจวน แต่คนของจ้าวจื่อซินขวางกั้นไว้เสียก่อน ส่วนแม่นมฟางกลับอยู่เฝ้าห้องเก็บฟืนอย่างเงียบๆ โดยไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ”
หลังจากฟังคำพูดของปี้เอ๋อร์ มู่หรงฉิงก็ถอนหายใจเบาๆ ดูเหมือนนางคิดผิดั้แ่แรก ไม่แน่ว่าแม่นมทั้งสองคนอาจไม่ใช่แค่ถูกเปลี่ยนความทรงจำธรรมดาทั่วไป ฟังจากน้ำเสียงของแม่รองเฉินมีความเป็ไปได้ว่าแม่นมทั้งสองคนน่าจะถูกควบคุม
และไม่รู้ว่าถูกควบคุมั้แ่เมื่อไร? มีวิธีใดบ้างที่จะทำให้พวกนางกลับมาเป็ปกติได้?
ปี้เอ๋อร์เลื่อนสายตามองเฉินเทียนหยู มู่หรงฉิงเข้าใจในทันทีทันใดจึงพูดกับเฉินเทียนหยูว่า "ท่านพี่ ท่านพี่ช่วยไปเรียกจ้าวจื่อซินมาให้ที บอกเขาว่าถึงเวลากินอาหารกลางวันแล้ว"
เฉินเทียนหยูได้ฟังก็เหมือนตระหนักได้ว่าวันนี้เขาลืมทำอะไรบางอย่าง ั้แ่เช้าเขาเอาแต่เฝ้ามองน้องหญิงโดยไม่ได้ไปหาจ้าวจื่อซิน ไม่น่าแปลกใจที่รู้สึกเหมือนขาดอะไรไป ปรากฏว่าเขาไม่ได้กินผลไม้นั่นั้แ่ตื่นนอนตอนเช้านี่เอง
คิดได้ดังนั้น เฉินเทียนหยูก็วิ่งออกไปราวกับสายลมกระโชก
“หลิงเอ๋อร์พบไข่มุกรูปดอกไม้แล้วเมื่อสองชั่วยามก่อน บ่าวใช้โอกาสขณะไปส่งยาให้ยวี้เอ๋อร์เพื่อสอบถามถึงเื่นี้ ชุ่ยเอ๋อร์บอกกับหลิงเอ๋อร์ว่า เมื่อคืนหลังจากคุณหนูใหญ่เป็ลมหมดสติก็สะลึมสะลือหลับไป คุณหนูใหญ่นอนหลับทั้งคืนโดยไม่ได้ตื่นขึ้นมาแต่อย่างใด” ปี้เอ๋อร์กระซิบข้างใบหูของมู่หรงฉิงทันทีหลังจากในห้องเหลือแค่พวกนาง
“อืม เดาว่าอีกสักครู่แม่รองเฉินน่าจะมาเพื่อสอบถามความจริง เ้าก็แสดงละครให้ดีแล้วกัน จากนี้พวกเราจะรอดูคนเ่าั้ตีกันในรังของพวกเขาเอง” มู่หรงฉิงยิ้มเ็า สายตาของนางหลุบมองโต๊ะเสมือนมองปลาตุ๋นในเครื่องปรุงสีน้ำตาลอย่างไรอย่างนั้น
ปลาจะต้องอยู่ในน้ำถึงจะสามารถแหวกว่ายได้ และกลอุบายเ่าั้สามารถทำร้ายคนได้ก็ต่อเมื่อผู้ตกเป็เป้าหมายยังไม่รู้ตัวเท่านั้น แต่เมื่อคนในที่แจ้งมาอยู่ในที่มืด อันตรายเ่าั้ก็จะกลายเป็ปลาที่ออกจากน้ำ อุบายทั้งหลายย่อมไม่ใช่เื่ยากที่จะบรรลุผล
เมื่อเฉินเทียนหยูเดินกลับเข้ามาพร้อมแทะผลโยิไปพลาง ฟากฝ่ายจ้าวจื่อซินก็นั่งลงบนเก้าอี้อย่างไม่แยแส หยิบตะเกียบและเริ่มกินโดยไม่พูดอะไรสักคำ
หลังจากกินไปสองคำ เขาถึงเงยหน้าขึ้นมองปี้เอ๋อร์ซึ่งนั่งรับประทานอาหารเงียบๆ อยู่ด้านข้างมู่หรงฉิง เขาเหลือบมองอยู่สองหนแต่ไม่พูดอะไรจากนั้นกินต่อไป
ครั้นทานอาหารเสร็จแล้ว และมู่หรงฉิงได้อธิบายวิธีเตรียมส่วนผสมแก่ปี้เอ๋อร์ ก่อนปล่อยให้อีกฝ่ายพาเหล่าสาวใช้ไปที่ห้องครัวเล็ก
ได้ฟังมู่หรงฉิงพูดถึงขนมชนิดใหม่ ไม่เพียงแต่เฉินเทียนหยูเท่านั้นที่มีความสุข จ้าวจื่อซินก็ดูสดใสเช่นกัน
มู่หรงฉิงกำลังคิดตรึกตรองว่าจะทำอย่างไรต่อไป นางช่วยจื่อเอ๋อร์ออกมาแล้ว ทั้งยังจัดการกับซูมู่หานแล้วด้วย คิดว่าหลังจากที่ซูมู่หานหายดี เขาจะต้องกลับมาแก้แค้นและไม่ปล่อยแม่รองเฉินกับอนุหนิงให้มีชีวิตที่ดีอย่างแน่นอน
ค่ำคืนอันแสนสุขของซูมู่หานและจางเฟิงเฉิงซึ่งทั้งสองคนได้เชื่อมโยงกันและ ‘เข้าใจกัน’ แล้ว ตราบใดที่ซูมู่หานบอกกับจางเฟิงเฉิงว่าทั้งหมดเป็กลยุทธ์ของแม่รองเฉินและอนุหนิง คิดว่าด้วยอุปนิสัยใจแคบของจางเฟิงเฉิง เขาย่อมไม่ทำให้เ้าของแผนการทั้งสองคนรู้สึกดีอย่างแน่นอน
ตอนนี้ดูเหมือนว่ายวี้เอ๋อร์จะไร้ประโยชน์เสียแล้ว แม่รองเฉิน้าให้มู่หรงฉิงพบกับอาจารย์ขององค์ชายรัชทายาท แน่นอนว่าแม่รองเฉินจะต้องมาหานาง ส่วนไข่มุกรูปดอกไม้ของนางย่อมมีจุดประสงค์สำคัญ
คิดได้ดังนั้น มู่หรงฉิงก็ใคร่ครวญถึงสถานการณ์ของแม่นมทั้งสองคนอีกหน นั่นทำให้ความเกลียดชังของนางเพิ่มพรวดขึ้นในทันใด จึงคิดว่านางควรจะไปหายวี้เอ๋อร์
“ขี้ผึ้งขวดนั้น เ้าได้เพิ่มอะไรตามที่บอกหรือไม่?” ในห้องมีเพียงสามคน แน่นอนว่าคำถามดังกล่าวย่อมเป็การเอ่ยกับจ้าวจื่อซิน
จ้าวจื่อซินกินและดื่มมากเพียงพอแล้ว หลังจากรับรู้ว่าจะมีขนมอร่อยๆ ให้ทานในภายหลัง เขาถึงกับรู้สึกสบายใจและผ่อนคลาย ยามได้ยินคำถามของมู่หรงฉิง เขาจึงพยักหน้าตามธรรมชาติ “ทั้งหมดที่ควรเพิ่มก็เพิ่มเข้าไปแล้ว ส่วนสิ่งที่ไม่ควรเพิ่มก็เพิ่มเข้าไปด้วยแล้วเช่นกัน"
ไม่ควรเพิ่มหรือ? นางชายตามองไปที่จ้าวจื่อซินอย่างงงงวย
“ด้วย ‘ยาที่ดี’ ของแม่รองเฉิน อาการาเ็ของนางย่อมหายเร็วโดยธรรมชาติ และผิวของนางก็จะฟื้นตัวตามธรรมชาติเช่นเดียวกัน แต่หลังจากผ่านไปครึ่งเดือน ิัของนางจะเป็หนองจากภายใน ส่วนมือทั้งสองข้างจะเป็ไปตามที่เ้า้า นับจากนี้นางจะทำได้แค่ดูเท่านั้นแต่ใช้ไม่ได้"
พูดถึงตรงนี้จ้าวจื่อซินก็มองไปที่มู่หรงฉิงด้วยดวงตาเป็ประกาย "ในตอนนั้นเกรงว่าจะเป็่เวลาที่ซูมู่หานและจางเฟิงเฉิงเคลื่อนไหวและถึงเวลานั้นจะมีการแสดงดีๆ ให้ดูแล้ว"
“ใช่แล้ว จะมีการแสดงดีๆ ให้ดูแล้ว” สายตาของเขาหันไปทางหน้าต่างด้วยรอยยิ้มอันเ็า
อนุหนิง ยวี้เอ๋อร์ นี่เป็เพียงจุดเริ่มต้น ข้าจะคืนความทุกข์ทรมานที่ท่านแม่ของข้าได้รับ คืนให้กับพวกเ้าทีละน้อย... อย่างช้าๆ แน่นอน