หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายหลงอวี้ก็ตัดสินใจจะกินโอสถเม็ดนี้
ในใจเขามีความรู้สึกประทับใจต่อลัทธิสยบฟ้า ต่อผู้เฒ่าขาว และต่อเลี่ยวเล่อเล่อเพิ่มขึ้นอีกแล้ว!
พอคิดถึงตรงนี้แล้ว หลงอวี้ก็ควักเอาขวดเล็กๆ อีกขวดหนึ่งออกมา
“โอสถรวมิญญา เพิ่มโอกาสสำเร็จในการสร้างิญญาแท้ขึ้นได้หนึ่งส่วน เป็โอสถระดับธรรมดาชั้นยอด”
หลงอวี้มองดูขวดเล็กๆ ขวดนี้ สิ่งที่บรรจุอยู่ในนั้นคือโอสถระดับธรรมชั้นยอดที่ไป๋อวิ๋นจงมอบให้เขาเป็รางวัลในฐานะที่สามารถปกป้องอวี้สุ่ยอวิ๋นไว้ได้ สร้างผลงานใหญ่ให้กับลัทธิ
ตอนที่เขาสร้างิญญาแท้สุริยะขึ้นได้ เขารู้สึกว่าตัวเองมีโอกาสสำเร็จสูงมากอยู่แล้ว จึงไม่ใช้โอสถรวมิญญาช่วย
“รอเลี่ยวเล่อเล่อมาหาคราวหน้าค่อยมอบโอสถรวมิญญาให้นางแล้วกัน”
หลงอวี้ตัดสินใจแล้ว จากนั้นก็กลืนโอสถระดับิญญาขั้นสูง โอสถแก่นหิมะ ในมือลงไปในคำเดียว
โอสถแก่นหิมะ มันคือโอสถที่นำเืของสัตว์อสูรภูตหิมะที่อยู่ฝั่งเหนือกับสมุนไพรอันล้ำค่าหลายชนิดมาหลอมเข้าด้วยกัน
เมื่อทานเข้าไป เืของอสูรภูตหิมะก็จะแปรเปลี่ยนไปเป็พลังฟ้าดินอย่างสมบูรณ์ สมุนไพรหลายชนิดที่ผสมเข้าไปนั้น ทำให้โอสถเม็ดนี้แสดงประสิทธิภาพของมันออกมาถึงขีดสุดได้
และแน่นอนว่า ผู้ฝึกยุทธ์จะดูดพลังของมันเข้าไปได้มากแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับพร์ของคนผู้นั้น
อย่างเช่นหลงอวี้ หากไม่มีสัญลักษณ์ัปรภพ เขาจะสามารถดูดกลืนพลังได้เพียงสามส่วนจากทั้งหมดเหมือนคนทั่วไป แต่เมื่อมีความสามารถของัปรภพ เขาจะสามารถดูดกลืนพลังจากโอสถได้ทั้งหมดอย่างสมบูรณ์ เทียบเท่ากับคนทั่วไปที่ใช้โอสถระดับิญญาขั้นสูงที่แตกต่างกันถึงสามเม็ดเลยทีเดียว!
นี่คือความน่าสะพรึงกลัวของสัญลักษณ์ัปรภพ
พลังที่อยู่ในโอสถแก่นหิมะและถูกแปลงเป็พลังฟ้าดินอันบริสุทธิ์นั้น ถูกหลงอวี้ดึงเข้าไปในเส้นลมปราณทั่วร่างอย่างรวดเร็ว และยังเหลืออีกจำนวนมากที่ถูกสัญลักษณ์ดูดกลืนเข้าไปเก็บไว้ทั้งหมด
แม้หลงอวี้จะมีสัญลักษณ์ัปรภพ สามารถดูดกลืนพลังทั้งหมดในโอสถแก่นหิมะได้ แต่หลงอวี้ก็ไม่สามารถก้าวขึ้นสู่ระดับิญญาขั้นที่สองได้อยู่ดี
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงดูดกลืนมาเพียงส่วนหนึ่งก่อนแล้วเก็บส่วนที่เหลือไว้ ไว้ถึงตอนที่เขาหาโอสถมาเพิ่มได้แล้ว เขาจะสามารถใช้ทะลวงขีดจำกัดขึ้นได้ในคราวเดียว
“ขีดจำกัดสูงสุดของระดับิญญาแท้ขั้นที่หนึ่ง มีพลังหนึ่งพันสองร้อยแรงม้าพยศ ตัวข้าในตอนนี้ขึ้นไปถึงแล้ว หากไม่สามารถทะลวงขีดจำกัดสู่ขั้นสองได้ ข้าก็ไม่อาจพัฒนาอะไรได้อีก”
หลังจากเวลาผ่านไปสักพักหนึ่ง ในที่สุดหลงอวี้ก็ดูดกลืนโอสถแก่นหิมะสามส่วนจนหมด ยกระดับจนถึงขีดจำกัดสูงสุดของระดับิญญาแท้ขั้นที่หนึ่งแล้ว
หลังจากนั้น เขาก็เริ่มฝึกฝนวิทยายุทธ์ระดับิญญาชั้นยอด ฝ่ามือตื่นรู้สู่สังสารวัฏต่อ
การฝึกฝนเมื่อวาน เขาใช้เวลาตลอดทั้งคืนแต่ก็ไม่สามารถทำความเข้าใจเนื้อหาของวิชาได้สักเท่าไร ดูท่าหากคิดจะฝึกฝนวิชานี้ให้สำเร็จ เขาคงต้องใช้เวลาอีกไม่น้อยเลยทีเดียว
เมื่อถึง่เที่ยงวัน เลี่ยวเล่อเล่อก็มาตามนัดจริงๆ
คราวนี้หลงอวี้โยนโอสถรวมิญญาไปให้นางโดยไม่พูดอะไร จากนั้นก็เริ่มฝึกฝนกระบวนท่าฝ่ามือตื่นรู้สู่สังสารวัฏของตัวเองต่อ
พอเลี่ยวเล่อเล่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่สนใจตัวเอง ก็ได้แต่จากไปอย่างหงุดหงิด
“ไอ้คนบ้าฝึกวิชา”
เลี่ยวเล่อเล่อบ่นในใจ
......
การฝึกฝนแบบนี้ดำเนินไปต่อเนื่องนานถึงเจ็ดวัน ่พลบค่ำของวันนี้ ในที่สุดหลงอวี้ก็สามารถทำให้ลมปราณโคจรไปตามวิธีการฝึกท่าฝ่ามือตื่นรู้สู่สังสารวัฏได้แล้ว สามารถโคจรในเส้นลมปราณได้ครบหนึ่งรอบใหญ่1อย่างสมบูรณ์
หมายความว่า ในที่สุดหลงอวี้ก็บรรลุกระบวนท่าฝ่ามือตื่นรู้สู่สังสารวัฏ การฝึกฝนวิทยายุทธ์ที่ซับซ้อนบางวิชา โดยทั่วไปแล้วมักจะเริ่มจากการโคจรลมปราณรอบเล็ก[1]เพื่อทำความคุ้นเคยกับพลังงานที่เป็เอกลักษณ์ของวิชานั้นก่อน
เมื่อโคจรลมปราณรอบเล็กจนชำนาญแล้ว ก็จะสามารถโคจรลมปราณรอบใหญ่เพื่อให้ใช้วิทยายุทธ์วิชานั้นๆ ได้
ฝ่ามือตื่นรู้สู่สังสารวัฏนั้นจำเป็ต้องใช้วิธีการฝึกฝนแบบนี้ ความยากของมัน สูงกว่าวิทยายุทธ์ทั่วไปไม่รู้กี่เท่าตัว
โชคดีที่เขามีสัญลักษณ์ัปรภพอยู่ อีกทั้งฝ่ามือตื่นรู้สู่สังสารวัฏเองก็เป็วิชาที่ได้มาจากสัญลักษณ์ัปรภพอยู่แล้ว ทำให้หลงอวี้ฝึกฝนจนบรรลุขั้นต้นได้สำเร็จโดยใช้ระยะเวลาเพียงเจ็ดวันเท่านั้น
“หมัดสู่ปรภพ ฝ่ามือตื่นรู้สู่สังสารวัฏ ทั้งสองกระบวนท่านี้สามารถใช้ต่อเนื่องกันได้ เริ่มจากทำให้ศัตรูตกลงไปในปรภพภูมิ จากนั้นค่อยซัดเข้าไปในวัฏสงสาร หากใช้ออกอย่างเต็มกำลัง อานุภาพของมันจะน่าสะพรึงกลัวถึงขีดสุด”
แม้หลงอวี้เพิ่งจะบรรลุกระบวนท่าฝ่ามือตื่นสังสารวัฏในขั้นต้นเท่านั้น แต่เมื่อลองซัดออกไปหลายฝ่ามือ เขาก็ััได้ว่ามีพลังแห่งสังสารวัฏได้แผ่ซ่านออกมาจากร่างกายเขา ไม่รู้เหมือนกันว่าหากซัดมันโดนศัตรูแล้วจะเกิดผลลัพธ์อย่างไร
เขามองดูนอกหน้าต่างพบว่า บัดนี้เวลาได้ล่วงเลยเข้าสู่่กลางคืนแล้ว จึงได้แต่ข่มกลั้นความคิดที่จะไปขอท้าประลองกับปู้สิงไว้ก่อน
ดึกขนาดนี้แล้ว หากปู้สิงไม่ได้ฝึกฝนก็คงจะกำลังพักผ่อน หากไปรบกวนเขาตอนนี้เหมือนจะไม่ใช่เื่ดีสักเท่าไร
“่เจ็ดวันที่ผ่านมาข้าเองก็ได้ไม่ได้พักผ่อนดีๆ บ้างเลย ถ้าอย่างนั้นคืนนี้ก็นอนให้เต็มอิ่มสักคืนแล้วกัน”
หลงอวี้ตัดสินใจแล้ว จึงเอนกายลงนอนบนเตียงไผ่ เตรียมที่จะนอนหลับพักผ่อน
ใน่เจ็ดวันที่ผ่านมานั้นเขานอนไปเพียงหนึ่งถึงสองชั่วยามเท่านั้น ทำให้ทันทีที่หลงอวี้นอนลงก็จมดิ่งสู่ห้วงนิทราทันที
ป่าไผ่ยามราตรีนั้นเงียบสงัด มีเพียงแสงจันทร์ที่สาดสองอยู่บนป่าไผ่และเสียงร้องของเหล่าแมลงทั้งหลายที่ดังเป็พักๆ ทำให้รัตติกาลของที่นี่ยิ่งเงียบเหงาเปล่าเปลี่ยวมากขึ้นกว่าเดิม
ทันใดนั้นเอง อยู่ๆ ก็มีเงาดำสายหนึ่งเคลื่อนตัวผ่านป่าไผ่ด้วยความเร็วสูงโดยมุ่งหน้าไปยังกระท่อมไม้ไผ่ที่หลงอวี้พักอาศัยอยู่!
หอกวายุคลั่ง!
ได้มีลมพายุสายหนึ่งอัดแน่นและก่อตัวขึ้นจนกลายเป็หอกยาวเล่มหนึ่งถูกซัดเข้ามาทางบ้านไผ่ของหลงอวี้จากไกลๆ เพียงพริบตาเดียวก็ได้พุ่งทะลวงบ้านไผ่ทั้งหลังไป พลังของลมพายุอันน่าสะพรึงกลัวได้ะเิออกมา ทำให้เงาร่างของหลงอวี้ถูกเปิดเผยสู่ภายนอก
หลงอวี้เองย่อมไม่มีทางนอนหลับต่อไปได้อยู่แล้ว!
“ใครน่ะ!”
หลงอวี้ยันตัวลุกขึ้นยืน มองไปทางเงาดำที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก ก่อนจะเผยแววตาประหลาดใจอย่างอดไม่ได้
เงาดำสายนั้นเหมือนจะมาลอบสังหารเขา แต่ก็เพียงซัดหอกลเล่มหนึ่งเข้ามาะเิบ้านกระท่อมเท่านั้น เห็นได้ชัดว่าจงใจปลุกหลงอวึ้ให้ตื่น
และที่สำคัญที่สุดคือ อีกฝ่ายไม่มีจิตสังหารใดๆ ปล่อยออกมาเลยแม้แต่น้อย!
“มันไม่ได้มาฆ่าข้า”
หลงอวี้คาดเดาในพริบตา
“ถ้าอย่างนั้น ข้าขอใช้เ้าเป็หนูลองวิชาฝ่ามือตื่นรู้สู่สังสารวัฏหน่อยแล้วกัน”
หลงอวี้แสยะยิ้มที่มุมปาก ดีดตัวพุ่งทะยานออกไปทันที
แม้ว่าระดับวิถียุทธ์ของอีกฝ่ายจะเป็ระดับิญญาแท้ขั้นที่สาม แต่ในเมื่อไม่มีจิตสังหาร หลงอวี้ก็ย่อมกล้าเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายอยู่แล้ว!
ต่อจากนั้นหลงอวี้ก็ได้ปล่อยิญญาแท้สุริยะสยบฟ้าทันที
เมื่อสุริยะสยบฟ้าทอแสงจนส่องสว่างไปทั่วทั้งป่าไผ่แล้ว เงาดำที่อยู่ด้านหน้านั่นพลันชะงักทันที แต่หลังจากนั้น หอกวายุคลั่งอีกเล่มหนึ่งก็ได้ก่อตัวในมือของเขาแล้ว ก่อนจะซัดมาทางหลงอวี้ด้วยความเร็วสูงสุดขีด!
“สุริยะสยบฟ้า สยบมันซะ!”
หลงอวี้ตะคอกเสียงเบา ปลดปล่อยเขตแดนสยบฟ้าออกมา ทำการบดขยี้หอกวายุจนะเิกลางอากาศ!
“ปีกแห่งหุบเขาปีศาจ!”
หลงอวี้ใช้ลมปราณเร่งเร้ายุทธภัณฑ์ปีกแห่งหุบเขาปีศาจ ตัวเขาพลันเคลื่อนตัวออกไปอย่างรวดเร็วจนเห็นเป็ประกายแสงในพริบตา เพียงแวบเดียวก็ได้เคลื่อนตัวผ่านป่าไผ่อย่างรวดเร็วจนไปปรากฏด้านหลังของเงาดำนั่นในพริบตา
“ฝ่ามือตื่นรู้สู่สังสารวัฏจำลองเส้นทางสังสารวัฏ ซัดศัตรูเข้าสู่วัฏสงสาร!”
หลงอวี้ซัดออกไปหนึ่งฝ่ามือด้วยความเร็วที่สูงดุจประกายสายฟ้า จังหวะนั้นได้มีพลังแห่งสังสารวัฏพุ่งออกจากฝ่ามือของเขาไปครอบคลุมเงาดำสายนั้นไว้ในพริบตา
ฝ่ามือยังไม่ทันถึงตัว แต่เส้นทางสังสารวัฏก็ได้ปรากฏขึ้นที่ใต้เท้าของเงาดำนั่นแล้ว
ตึง!!!
มีเสียงดังขึ้น เงาดำนั่นนิ่งชะงักไปทันที ตัวมันที่มีขอบเขตวิถียุทธ์สูงถึงระดับิญญาแท้ขั้นที่สามราวกับถูกลดระดับลงเหลือขั้นที่สอง
ฝ่ามือตื่นรู้สู่สังสารวัฏจำลองเส้นทางสังสารวัฏ หนึ่งฝ่ามือซัดเข้าสู่วัฏสงสาร!
หลงอวี้อึ้งตะลึงทันที เพียงหนึ่งฝ่ามือก็เหมือนกับจะสามารถทำให้ระดับวิถียุทธ์ของอีกฝ่ายลดลงหนึ่งขั้นก็ไม่ปาน กระบวนท่าฝ่ามือตื่นรู้สู่สังสารวัฏนี่ร้ายกาจถึงเพียงนี้เลยหรือ?
หลงอวี้ในตอนนี้ยังไม่สามารถต่อกรกับยอดฝีมือระดับิญญาแท้ขั้นสามได้ แต่หากอีกฝ่ายถูกลดระดับลงหนึ่งขั้น สำหรับหลงอวี้แล้วก็ใช่ว่าจะไม่สามารถต่อกรได้!
“เ้าเงาดำนั่นถูกลดระดับพลังลงเหลือระดับิญญาแท้ขั้นที่สองแล้วแน่นอน ข้าไม่ได้คิดไปเองแน่ เพียงแค่ว่า ระดับพลังของอีกฝ่ายเหมือนจะฟื้นฟูกลับมาอย่างรวดเร็วตามระยะเวลาที่ผ่านไป เกรงว่าคงจะลดระดับพลังลงได้เพียงไม่กี่อึดใจเท่านั้น...”
หลงอวี้สังเกตดูอย่างละเอียด สังเกตเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
ที่แท้ ฝ่ามือตื่นสังสารวัฏ สามารถทำให้ระดับพลังของศัตรูลดลงได้ หรือว่านี่ก็คือพลังแห่งสังสารวัฏหรือ?
จินตนาการได้เลยว่า หากพลังแห่งสังสารวัฏแข็งแกร่งมากพอ มันอาจถึงขั้นซัดศัตรูเข้าไปในวัฏสงสารได้อย่างแท้จริง ไม่อาจฟื้นคืนได้!
แน่นอนว่า ระดับนั้นจำเป็ต้องใช้พลังมากขนาดไหน แม้แต่ตัวหลงอวี้เองก็ไม่อาจจินตนาการได้
ต่อให้ขึ้นไปถึงขอบเขตระดับคนผสานฟ้าในตำนานได้ก็ยังไม่สามารถทำได้ถึงขั้นนั้นแน่
“ศิษย์น้องหลงอวี้ ไม่คิดเลยว่าเ้าจะร้ายกาจถึงเพียงนี้ นี่มันวิทยายุทธ์อะไรกัน ร้ายกาจเกินไปแล้ว!”
เสียงหัวเราะอันน่าเกรงขามดังมาจากเงาดำนั่น จากนั้นอีกฝ่ายก็ได้ปลดผ้าคลุมสีดำที่ปิดบังใบหน้าอยู่ลงมา เผยให้เห็นใบหน้าที่หล่อเหลาแต่ดุดัน เขาคือปู้สิง!
“เป็ท่านจริงๆ ด้วย ศิษย์พี่ปู้”
หลงอวี้ไม่ประหลาดใจเลยแม้แต่น้อย เขาหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะเก็บปีกกลับเข้าไป สลายพลังสังสารวัฏ
“เ้ารู้ได้อย่างไรว่าเป็ข้า?”
ปู้สิงรู้สึกประหลาดใจ จึงเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้
“ก่อนอื่นเลย ที่นี่คือเขตหวงห้ามของลัทธิสยบฟ้า แค่หอาุโที่อยู่ด้านหน้าก็ไม่มีทางที่มือสังหารจะเข้าใกล้ได้อย่างเงียบเชียบไร้ร่องรอย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงที่นี่เลย”
หลงอวี้อธิบายออกไปด้วยรอยยิ้ม
“สองคือ บนตัวศิษย์พี่ปู้ท่านไร้ซึ่งจิตสังหารอย่างสิ้นเชิง เห็นได้ชัดเลยว่าอีกฝ่ายไม่ได้มาเพื่อสังหารข้า สุดท้ายคือ พวกเราต้องสู้กันรุนแรงขนาดนี้ แต่เหล่าผู้าุโทั้งหลายกลับไม่มีใครออกมาตรวจสอบเลย ข้าว่าพวกเขาคงจะรู้เื่นี้กันอยู่ก่อนแล้วเป็แน่”
หลังจากอธิบายเสร็จหลงอวี้ก็เอ่ยพูดอย่างปวดหัว
“ศิษย์พี่ปู้ หากท่านอยากทดสอบฝีมือข้า พวกเราหาที่ประลองกันตรงๆ สักรอบเลยก็ได้ ท่านมาลอบโจมตีจนที่พักของข้าพังถล่มเช่นนี้ ทำให้ข้าต้องลำบากอีก!”
“ลำบากอะไรกัน? ศิษย์พี่ข้ายกกระท่อมไผ่ของตัวเองให้เ้าก็ได้!”
ปู้สิงหัวเราะด้วยท่าทางสบายๆ
“ผู้าุโทั้งหลายรู้สึกสนใจในความแข็งแกร่งของเ้าอย่างมาก จึงไหว้วานให้ข้าลงมือทดสอบฝีมือ ศิษย์น้องหลงอวี้ เ้าอย่าเก็บไปคิดมากล่ะ”
“วางใจเถอะ ข้าไม่ใช้พวกคิดเล็กคิดน้อย อีกทั้งข้าเองก็อยากลองวิทยายุทธ์ที่เพิ่งฝึกสำเร็จอยู่พอดี ดูท่าผลลัพธ์จะไม่เลวเลยทีเดียว”
หลงอวี้พูดพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ
พอพูดถึงฝ่ามือตื่นรู้สู่สังสารวัฏเมื่อครู่นี้แล้ว ปู้สิงที่ตื่นใ ทุบบ่าหลงอวี้ไปทีหนึ่งอย่างอดไม่ได้
“เ้านี่ทำเอาศิษย์พี่ใจนสะดุ้งโหยงจริงๆ ฝ่ามือนั่น ทำให้ระดับวิถียุทธ์ของข้าลดลงไปหนึ่งขั้น ยังดีที่ลดเพียงแค่อึดใจเดียวเท่านั้น ไม่อย่างนั้นศิษย์พี่คงแย่แน่ๆ”
“ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเป็เช่นนี้ อันที่จริงข้าก็เพิ่งจะฝึกสำเร็จพอดี อีกทั้งยังไม่เคยเห็นใครใช้มาก่อนเลยด้วย”
หลงอวี้พูดด้วยความเก้อเขิน
“อืม วิชานี้มันทรงพลังมากเกินไปจริงๆ”
สีหน้าของปู้สิงเปลี่ยนไปตึงเครียดมากขึ้น
“ศิษย์น้องหลง เ้าจำไว้นะ อย่าเปิดเผยกระบวนท่านี้ในที่สาธารณะเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นมันอาจจะชักนำปัญหาที่ไม่จำเป็มาให้เ้าก็เป็ได้ หากจะใช้ท่านี้ เ้าต้องมั่นใจว่าจะสามารถฆ่าศัตรูทั้งหมดทิ้งได้อย่างแน่นอน!”
หลงอวี้พยักหน้ารับอย่างจริงจัง
วิชาที่สามารถลดระดับพลังของศัตรูลงได้ชั่วคราว หากเื่นี้ถูกแพร่ออกไป จะต้องดึงดูดความสนใจของขุมอำนาจใหญ่หลายฝ่ายได้ไม่น้อยแน่ มันทำให้หลงอวี้ต้องเผชิญหน้ากับอันตรายอย่างไม่จบไม่สิ้นเลย!
……
[1] การโคจรลมปราณรอบเล็กรอบใหญ่ (小周天 大周天) เป็หลักการโคจรลมปราณของลัทธิเต๋า โดยการโคจรรอบเล็กนั้นจะเป็การโคจรลมปราณผ่านจุดลมปราณเพียงสองจุดเท่านั้น แต่การโคจรลมปราณรอบใหญ่จะผ่านจุดลมปราณทั้งหมดแปดจุดในร่างกาย แต่ในนิยายไม่ได้ระบุไว้ว่าอ้างอิงตามความเป็จริงหรือเปล่า
