กลิ่นที่ทำให้รู้สึกสบายใจลอยฟุ้งอยู่ที่ปลายจมูก เมื่อเหยาเชียนเชียนตื่นขึ้นมานางก็สบกับดวงตาที่ยิ้มจนเป็เส้นโค้งของอาเหยียนเข้าพอดี
“หืม?” นางลุกขึ้นนั่งอย่างสะลึมสะลือ “อาเหยียน เ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร...ที่นี่ที่ไหน?”
เหยาเชียนเชียนงงงันอยู่ชั่วครู่ก่อนจะลุกขึ้นนั่ง ที่นี่ไม่ใช่ห้องของนาง
“เมื่อคืนท่านแม่นอนพักที่นี่กับท่านพ่อขอรับ” อาเหยียนกล่าวถ้อยคำที่ทำให้นางตกตะลึงออกมา เหยาเชียนเชียนราวกับถูกโจมตีที่ท้ายทอยอย่างกะทันหัน “ท่านพ่อไปเข้าเฝ้าว่าราชการยามเช้าจะกลับมา่สายๆ ท่านแม่ เราไปรับสำรับเช้ากันเถิดขอรับ”
เมื่อคืนนางนอนพักในห้องของชิงผิงอ๋อง เหยาเชียนเชียนรีบตรวจสอบอาภรณ์ของตัวเอง หลังจากแน่ใจว่าเครื่องแต่งกายยังอยู่ครบจึงผ่อนลมหายใจออกมา
เผลอหลับไปบนเตียงของผู้อื่นด้วยความสับสนงุนงง นางเชื่อใจชิงผิงอ๋องจนถึงขั้นนี้ั้แ่เมื่อไร?
“อาเหยียน แม่อยากจะขอโทษเ้า” เหยาเชียนเชียนตั้งสติได้และมองไปยังเด็กชายตรงหน้าอย่างรู้สึกผิด “แม่ไม่ได้ตรวจสอบให้แน่ชัดจนทำให้อาเหยียนต้องน้อยเนื้อต่ำใจ แม่ผิดไปแล้ว”
อาเหยียนน้อยส่ายหัวรัว เป็ดังเช่นที่ท่านพ่อบอก ท่านแม่เพียงแค่โดนคนไม่ดีหลอก สิ่งที่เขาควรทำคือให้คนชั่วเผยตัวตนที่แท้จริงออกมา และทำให้ท่านแม่ของเขาได้เห็นชัดแจ้ง ความโกรธเพียงอย่างเดียวต่างหากที่จะเข้าทางคนชั่ว
สองแม่ลูกเดิมทีก็ไม่มีความแค้นใดๆ ต่อกันอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อเตรียมตัวเสร็จเรียบร้อยจึงจูงมือพากันไปรับประทานอาหารเช้าด้วยกัน
“หวังเฟย อวี่เหลียนเอ๋อร์ผู้นั้นเอาแต่ร้องไห้ตลอดเวลาและกล่าวว่าอยากพบพระองค์เพคะ” สาวใช้เดินเข้ามาบอกเหยาเชียนเชียนด้วยความลำบากใจ
ก่อนหน้านี้ท่านอ๋องมีรับสั่งว่าให้คอยจับตามองเด็กคนนั้นให้ดี ทว่าไม่ได้ห้ามไม่ให้หวังเฟยเหนียงเหนี่ยงเข้าเยี่ยม
เหยาเชียนเชียนถอนหายใจและลูบศีรษะเล็กของอาเหยียนอย่างอ่อนโยน “แม่จะไปดูสักหน่อยแล้วจะรีบกลับมาโดยเร็วที่สุด อาเหยียนไปรอในเรือนก่อนนะ”
เด็กน้อยไม่ค่อยวางใจ ทว่าเมื่อเห็นสีหน้าแน่วแน่ของนางก็ทำได้เพียงปล่อยมือนางอย่างเงียบเชียบ “เช่นนั้นท่านแม่รีบไปรีบกลับ และอย่าได้เชื่อในสิ่งที่นางพูดนะขอรับ”
เหยาเชียนเชียนยิ้มน้อยๆ และเดินตามสาวใช้ไปที่โรงเก็บฟืน แม้ที่นี่จะเป็จวนอ๋องแต่ก็ไม่สามารถสร้างห้องทรมานสำหรับใช้ส่วนตัวได้ ดังนั้นจึงทำได้เพียงขังอวี่เหลียนเอ๋อร์ไว้ที่นี่
“เ้าอยากพบข้าหรือ” นางกล่าวเสียงเรียบ
อวี่เหลียนเอ๋อร์ถูกมัดไพล่หลังไว้อีกด้านหนึ่ง เมื่อเห็นเหยาเชียนเชียนมาถึงก็พยายามดิ้นรนคลานเข้าไปหา นางกะพริบตาสองครั้ง จากนั้นน้ำตาเม็ดใหญ่ก็ไหลรินลงมา
“หวังเฟยเหนียงเหนี่ยง ได้โปรดช่วยเหลียนเอ๋อร์ด้วยเพคะ เหลียนเอ๋อร์ถูกขังไว้ที่นี่ก็เพื่อพระองค์นะเพคะ” นางร้องห่มร้องไห้ “ที่นี่มืดและหนาวเหลือเกิน เหลียนเอ๋อร์อยู่ที่นี่เพียงลำพังและกลัวมากจริงๆ พระองค์ช่วยขอความเมตตาให้เหลียนเอ๋อร์ด้วย ได้โปรดวอนขอให้ท่านอ๋องปล่อยเหลียนเอ๋อร์ออกไปเถิดนะเพคะ”
เหยาเชียนเชียนเม้มริมฝีปากเล็กน้อยและมองนางอย่างเงียบๆ อยู่ครู่หนึ่ง
ั้แ่นางเห็นอีกฝ่ายทำท่าเหมือนจะร้องไห้แล้ว ในคราแรกนางรู้สึกสงสารยิ่งนัก สงสารที่เด็กคนนี้แก่กว่าอาเหยียนเพียงไม่กี่ปี แต่ชีวิตตกระกำลำบาก และเพิ่งได้ใช้ชีวิตอย่างดีเพียงไม่กี่วันเท่านั้น
แต่เมื่อมาถึงยามนี้นางเข้าใจแล้วว่าน้ำตาเหล่านี้ไม่มีความเศร้าโศกและความไม่สบายใจอยู่ภายในอย่างที่นางคิด ตรงกันข้าม อีกฝ่ายอาศัยน้ำตาเหล่านี้จึงสามารถหลบเลี่ยงความระแวงของผู้อื่นมาได้ครั้งแล้วครั้งเล่า
“เ้าบอกว่ายินดีแบกรับโทษเหล่านี้แทนข้าไม่ใช่หรือ?” เหยาเชียนเชียนเอ่ยอย่างสบายๆ “ในเมื่อเ้าต้องแบกรับโทษทั้งหมดแล้ว เช่นนั้นข้าจะช่วยเ้าได้อย่างไร เื่บางเื่ต้องมีคนยอมรับไป หากไม่ใช่เ้า ก็ต้องเป็ข้า”
อวี่เหลียนเอ๋อร์คล้ายกับไม่เชื่อว่าคำพูดเหล่านี้จะออกมาจากปากของเหยาเชียนเชียนจริงๆ อีกฝ่ายสงสารนางและดูแลนางมาตลอดไม่ใช่หรือ เหตุใด...เหตุใดยามนี้ถึงปล่อยให้นางไปตายเล่า?
“หวังเฟยเหนียงเหนี่ยง เหลียนเอ๋อร์ซาบซึ้งในบุญคุณของพระองค์ ดังนั้นจึงยอมรับโทษเหล่านี้แทนพระองค์ด้วยความเต็มใจ ท่านอ๋องจะได้ไม่สงสัยพระองค์อีกต่อไป และก็เพื่อความรุ่งเรืองและเกียรติยศของพระองค์ในวันข้างหน้านะเพคะ!”
เหยาเชียนเชียนพยักหน้า “ใช่ ข้ารู้แล้ว และเพราะว่าข้ารู้ถึงได้ช่วยสนองน้ำใจนี้ของเ้า แล้วเ้ามีปัญหาอันใดหรือ?"
อวี่เหลียนเอ๋อร์สะอึก คำกล่าวนี้ไม่มีปัญหาใด ทว่าคนต่างหากที่มีปัญหา ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะปล่อยให้นางตายได้ลงคอจริงๆ ความสงสารและความห่วงใยที่ปฏิบัติต่อนางในอดีตล้วนเป็ของปลอมอย่างนั้นหรือ?
มันไม่ควรเป็เช่นนี้ นางไม่ได้รับความเป็ธรรมเพราะคนผู้นี้ และถึงขั้นที่ต้องสูญเสียชีวิตหนึ่งไป ไม่มีคนปกติคนไหนที่จะกล่าวถ้อยคำที่เฉยชาเช่นนี้ออกมาได้
“หวังเฟยเหนียงเหนี่ยง เหลียนเอ๋อร์ไม่กลัวตาย ทว่าหากเหลียนเอ๋อร์ตายไปทั้งอย่างนี้ แล้วในวันหน้าจะตอบแทนบุญคุณของหวังเฟยเหนียงเหนี่ยงได้อย่างไร เหลียนเอ๋อร์ไม่ได้อาวรณ์ชีวิตนี้ เพียงแต่อาวรณ์หวังเฟยเหนียงเหนี่ยงต่างหากเพคะ!”
กล่าวได้ค่อนข้างจริงใจเลยทีเดียว เรียกได้ว่าน้ำเสียงและสีหน้าในการแสดงช่างน่าประทับใจ เหยาเชียนเชียนพินิจมองใบหน้าเล็กนั้นอย่างละเอียด ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเหตุใดเด็กคนหนึ่งถึงเ้าแผนการได้ถึงขนาดนี้ หากถูกสั่งสอนมาั้แ่เด็ก ก็คงต้องใช้เวลาไม่น้อย
“ข้าก็ไม่อาจลืมเลือนเ้าได้อย่างง่ายดายเช่นกัน หากท่านอ๋องกำจัดเ้าไปแล้ว ข้าจะจดจำไว้ว่าต้องจุดธูปหน้าหลุมศพของเ้า และจะมอบชาดและแป้งน้ำให้เพิ่มเติม เพื่อที่ยามอยู่ข้างล่างเ้าจะได้ไม่โดดเดี่ยว เพียงแต่หากยังกลับมาเกิดใหม่เป็คนได้ ก็ขอให้เป็เด็กดีที่สะอาดบริสุทธิ์ก็แล้วกัน”
อวี่เหลียนเอ๋อร์หยุดร้องไห้ นางเงยหน้าขึ้นตัวแข็งทื่อ
“สิ่งที่หวังเฟยเหนียงเหนี่ยงกล่าวหมายความว่าอย่างไรเพคะ เหลียนเอ๋อร์ไม่เข้าใจ”
เหยาเชียนเชียนหัวเราะเบาๆ องครักษ์ไม่พบสิ่งใดในห้องของอวี่เหลียนเอ๋อร์เลย ทั้งชาดและแป้งน้ำที่เคยเห็นในคืนนั้นถ้าไม่ถูกนางโยนทิ้งไปแล้ว ก็คงถูกนางพกติดตัวไปด้วย
การค้นตัวเด็ก ถึงอย่างไรเหยาเชียนเชียนก็ยังรู้สึกว่าไม่สามารถทำได้ นางถอนหายใจยาวเหยียดและกล่าวว่า
“ความไว้วางใจที่ข้ามอบให้เ้า ล้วนถูกเ้าใช้มันมาคิดร้ายกับข้าและวางแผนทำร้ายข้า ข้ากับเ้า หรืออาจจะเป็เ้านายของเ้าที่อยู่เื้ัมีความแค้นอาฆาตอะไรกันแน่ ถึงได้ใช้วิธีการเช่นนี้มาจัดการข้า หากเ้าสารภาพมาตามตรง ข้าจะขอให้ท่านอ๋องไว้ชีวิตเ้าจริงๆ”
สีหน้าของอวี่เหลียนเอ๋อร์เปลี่ยนไปหลายครั้ง จนในที่สุดนางก็หัวเราะเย้ยหยันเสียงใส และเมื่อนางเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ความหวาดกลัวและท่าทีหมดหนทางก่อนหน้านี้ก็หายไปหมดแล้ว
“หวังเฟยเหนียงเหนี่ยงเก่งกาจยิ่งนัก หม่อมฉันประเมินพระองค์ต่ำไปแล้ว พระองค์บอกหม่อมฉันได้หรือไม่ว่าค้นพบตัวตนของหม่อมฉันั้แ่เมื่อไร?”
เหยาเชียนเชียนส่ายหน้าและมองดูเด็กที่นางพากลับมาเองด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อน
“เหตุใดข้าต้องบอกเ้าด้วยเล่า บอกเพื่อให้เ้าหันกลับมาทำร้ายผู้คนต่อหลังจากปรับปรุงตัวเองได้แล้วอย่างนั้นหรือ?”
อวี่เหลียนเอ๋อร์ยิ้มเย็น ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะััมันได้ทั้งหมดแม้นางจะซ่อนเร้นไว้อย่างดีขนาดนี้แล้ว คราวนี้นางประมาทจริงๆ พระชายาของชิงผิงอ๋องที่เล่าลือกันว่าสามารถทำให้องค์ชายทั้งสองคนปะทะกันอย่างรุนแรงได้ช่างมีฝีมือไม่น้อยเลยจริงๆ
และสิ่งที่นางคิดไม่ถึงยิ่งกว่านั้นคือการดูแลเอาใจใส่ที่อีกฝ่ายปฏิบัติต่อนางก่อนหน้านี้ ทั้งหมดล้วนเป็การกระทำโดยจงใจเช่นกัน แม้แต่นางก็ยังถูกหลอกไปด้วย
“หวังเฟยเหนียงเหนี่ยงฝีปากคมคายเหลือเกินเพคะ เพียงแต่หม่อมฉันก็ไม่ได้ใส่ร้ายพระองค์ไปเสียทั้งหมดหรอกนะเพคะ จดหมายเ่าั้พระองค์เป็คนเขียนเองทุกฉบับ ข้อนี้พระองค์คงไม่ยอมรับไม่ได้สินะเพคะ?”
เ้าของร่างเดิมเป็คนเขียนจริงๆ ด้วย สีหน้าของเหยาเชียนเชียนยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ทว่าในใจของนางกำลังร้องไห้จนน้ำตาไหลเป็สายน้ำ ยังมีอีกกี่สิ่งกันที่เกี่ยวข้องกับองค์ชายสาม หรือว่าในเรือนของนางยามนี้ยังมีสิ่งอื่นถูกซ่อนไว้อีก?
เมื่อเห็นว่าเหยาเชียนเชียนเงียบไป อวี่เหลียนเอ๋อร์ก็อดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วอย่างได้ใจ
“หวังเฟยเหนียงเหนี่ยงทรงสงสัยหรือไม่เพคะ ทั้งที่พระองค์เก็บจดหมายเ่าั้ไว้เป็อย่างดี แต่เหตุใดหม่อมฉันถึงเอาออกมาให้ชิงผิงอ๋องเห็นได้”
นางมองไปที่เหยาเชียนเชียนอย่างแน่วแน่แม้จะอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่กดดัน รอให้อีกฝ่ายเก็บกลั้นอาการลนลานไม่ได้และเอ่ยถามนาง แม้ว่านางจะเป็คนรื้อค้นจดหมายออกมา ทว่าเหยาเชียนเชียนที่อยู่ในฐานะพระชายาของชิงผิงอ๋องเก็บสิ่งเหล่านี้เอาไว้ก็ยากจะอธิบายได้
นางพบสิ่งเหล่านี้ได้ก็อาจจะพบของอย่างอื่นได้อีก เหยาเชียนเชียนพัวพันกับองค์ชายสามมาหลายปี แม้ว่ายามนี้จะแต่งงานกับชิงผิงอ๋องแล้ว แต่ก็เป็ไปไม่ได้ที่จะไม่สนใจเื่ราวในอดีตเลย
“หวังเฟยเหนียงเหนี่ยง ขอเพียงพระองค์ขอให้ท่านอ๋องปล่อยหม่อมฉันไป หม่อมฉันจึงจะสามารถรับรองได้ว่าสิ่งของเ่าั้ของพระองค์จะมั่นคงปลอดภัย และจะไม่ปรากฏขึ้นต่อหน้าท่านอ๋อง” อวี่เหลียนเอ๋อร์กล่าวด้วยรอยยิ้มอ่อนหวาน “ว่าอย่างไรเล่า ข้อตกลงนี้คุ้มค่ามากเลยนะเพคะ”
เหยาเชียนเชียนยิ้มพลางส่ายหน้า ฟังดูแล้วเหมือนจะเป็ข้อแลกเปลี่ยนที่นางปฏิเสธไม่ได้ แต่เมื่อนางคิดอย่างรอบคอบแล้ว สิ่งของของนางแต่คนนอกกลับรับรู้ได้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง ทำให้นางรู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้
“ข้าบอกไปแล้ว ขอแค่เ้าบอกคนบงการเื้ั ข้าก็จะขอร้องให้ท่านอ๋องปล่อยเ้าไป” นางกล่าวเสียงเย็น “นี่เป็โอกาสสุดท้ายของเ้า ส่วนเื่อื่นๆ เ้าก็ไม่ต้องไปคิดถึงมันแล้ว”
อวี่เหลียนเอ๋อร์เอนหลังพิงลงบนฟืน ท่าทางราวกับไม่อยากตอบนางแล้ว
“กล่าวเช่นนี้แสดงว่าเจรจากันไม่ลงตัว ไม่เป็ไรเพคะ หม่อมฉันจะให้เวลาหวังเฟยเหนียงเหนี่ยงสักพัก แล้วพระองค์จะเข้าใจเองเพคะ”
ทุกคนในนครหลวงล้วนรู้เื่ความสัมพันธ์ของเหยาเชียนเชียนกับองค์ชายสาม หากมีผู้ใดพบหลักฐานที่แน่ชัดและพิสูจน์ได้ว่าเหยาเชียนเชียนมีความสัมพันธ์กับองค์ชายสาม เช่นนั้นก็จะไม่สามารถรักษาตำแหน่งหวังเฟยไว้ได้แล้ว
และที่นางหาจดหมายพวกนั้นเจอ ก็ไม่แน่ว่าอาจมีคนพบอย่างอื่นเพิ่มเติมอีกก็เป็ได้ ใช้ชีวิตของตัวนางแลกกับอนาคตที่ไร้ซึ่งความกังวลใดๆ อีกฝ่ายน่าจะคิดได้กระจ่าง
เหยาเชียนเชียนออกมาจากโรงเก็บฟืนและสูดลมหายใจเข้าลึก เมื่อครู่สีหน้าของอวี่เหลียนเอ๋อร์ดูไม่เหมือนเด็กอายุราวเจ็ดแปดขวบเลย ตลอดการสนทนากับนางอีกฝ่ายดูโชกโชนเหลือเกิน ไม่เห็นกระทั่งแววตื่นตระหนกเลยแม้แต่น้อย
“ข้าประเมินนางต่ำเกินไปั้แ่แรก” เหยาเชียนเชียนกระตุกริมฝีปาก “ทว่าการใช้สิ่งเ่าั้มาคุกคามข้าก็เป็ก้าวเดียวที่นับว่านางก้าวพลาด”
เมื่อกลับมาถึงเรือนของตัวเอง เหยาเชียนเชียนก็ขอให้บ่าวไพร่พลิกค้นสวนหน้าห้อง โดยต้องขุดหน้าดินออกไปสักสองสามนิ้ว
“ข้าเตรียมจะเปลี่ยนเอาดอกไม้ชนิดอื่นมาปลูก พวกเ้าเตรียมดินไว้ให้ดี และระมัดระวังหน่อย อย่าได้ตกหล่นไปแม้แต่มุมเดียว”
ซ่อนมันไว้กับนางหรือ เหยาเชียนเชียนยิ้มเย็น จากนั้นก็หมุนตัวกลับเข้าไปในห้อง สิ่งของมากมายในห้องนี้ล้วนถูกนำมาจากจวนตระกูลเหยาเมื่อครั้งที่นางแต่งเข้ามา ไม่แน่ว่าอาจจะมีสิ่งของที่เกี่ยวข้องกับองค์ชายสามอีกก็เป็ได้
เหยาเชียนเชียนรู้จักเพียงสิ่งของที่ได้รับพระราชทานจากเป่ยเหลียนโม่เท่านั้น นอกเหนือจากนั้น สิ่งของชิ้นอื่นล้วนมองเป็ของตระกูลเหยาทั้งสิ้น และนางก็ไม่ลืมว่าเ้าของร่างเดิมเคยมีแม่นมมาก่อน
ไม่แน่ว่าของบางอย่างแม้แต่เ้าของร่างเดิมก็อาจจะไม่รู้
“ต้องหาของทั้งหมดเท่าที่สามารถหาได้ออกมาก่อนที่ชิงผิงอ๋องจะเสด็จกลับมา”
หากยังโอ้เอ้ต่อไปอีกสักหน่อยก็เท่ากับเป็การให้โอกาสอวี่เหลียนเอ๋อร์ใช้จังหวะนี้แผลงฤทธิ์
ก่อนหน้านี้นางไม่ได้ใส่ใจกับสิ่งของของตัวเองมากนัก เพราะของมีค่าก็มีเพียงของชิ้นใหญ่เ่าั้ แต่ครั้งนี้เหยาเชียนเชียนถึงขั้นที่ต้องยกพรมบนพื้นขึ้นดู มุมในตู้ก็แงะค้นจนหมด และนั่นก็ทำให้นางพบของบางอย่างเข้าจริงๆ
“นี่มันอะไรกัน?”
เหยาเชียนเชียนเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก ด้านในสุดของลิ้นชักมีหีบใบหนึ่งวางอยู่ เมื่อเปิดออกมาก็พบว่าสิ่งของถูกห่อหุ้มไว้อีกชั้นหนึ่ง นางหยิบมันขึ้นมา เมื่อพินิจดูอย่างละเอียดก็เห็นเป็เพียงถุงหอมธรรมดาเท่านั้น
นางหากรรไกรมาตัดของสิ่งนี้ออก จากนั้นแท่งสี่เหลี่ยมชิ้นหนึ่งที่มีความยาวประมาณนิ้วชี้ของนางก็ตกลงมา
“ตราประทับ...ขององค์ชายสาม?”
เหยาเชียนเชียนเบิกตากว้าง ของสิ่งนี้มาอยู่ในถุงหอมได้อย่างไร ความสัมพันธ์ระหว่างเ้าของร่างเดิมและองค์ชายสามถึงจุดที่เขามอบตราประทับของตัวเองให้กับอีกฝ่ายได้เชียวหรือ?
“สิ่งนี้ถ้ามีคนเห็นเข้า ข้าคงอธิบายไม่ได้อย่างแน่นอน”
ตราประทับขององค์ชายนั้นมีค่าและมีอำนาจบางประการ หากของเช่นนี้ตกไปอยู่ในมือของนาง ต่อให้นางบอกว่าไม่ได้ยุ่งเกี่ยวและไม่ได้พัวพันกับองค์ชายสามแล้วก็คงไม่มีผู้ใดเชื่อ
บนหน้าต่าง แมวดำตัวหนึ่งกำลังจะะโเข้ามา แต่มันเหลือบไปเห็นตราประทับในมือของหญิงสาวโดยไม่ได้ตั้งใจเสียก่อน พลันทำให้ตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม
