หลี่ชิงหลิงพิงหน้าอกของหลิวจือโม่ หน้าอกนี้ไม่ถือว่ากว้าง แต่มันทำให้นางรู้สึกปลอดภัยในยามนี้
นางยืดตัวเพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองล้มลง เมื่อนางล้ม น้องๆ ในครอบครัวจะมี่เวลาที่ยากลำบากกว่าเดิม
แต่นางก็เป็คนเช่นกัน เจอเื่แบบนี้ก็รู้สึกเหนื่อยบ้าง เหนื่อยใจบ้าง
นางยอมขึ้นูเาเข้าป่า ต่อสู้กับสัตว์มากกว่าทำาประสาท
หลิวจือโม่ลูบหลังของหลี่ชิงหลิงเบาๆ เขารู้สึกเ็ปใจมาก ถ้าไม่ใช่เพราะครอบครัวนี้ นางคงไม่ต้องเผชิญหน้ากับลมฝนราวกับเป็ทหารแบบนี้
ทุกครั้งที่เขาเห็นนางระวังตัวเพื่อจัดการกับพวกที่้ารังแกพวกเขา เขาจะรู้สึกว่าตนเองไร้ประโยชน์มาก อยากช่วยนางก็ไม่สามารถช่วยได้
“ขอโทษนะ ถ้าข้าเข้มแข็งกว่านี้ได้ เ้าคงไม่ต้องลำบากขนาดนี้” เสียงของเขาแหบแห้งเล็กน้อย เมื่อเห็นท่าทางไหล่ตกของเด็กสาวก็รู้สึกไม่สบายใจ “ข้า... ข้าไร้ประโยชน์มากใช่ไหม ช่วยอะไรเ้าไม่ได้เลย"
เมื่อได้ยินเสียงตำหนิตัวเอง หลี่ชิงหลิงก็ส่ายหัวเบาๆ เสียงดังมาจากอกของเขา "ใช่ที่ไหนกัน ถ้าไม่มีพี่ ข้าคนเดียวคงไม่ไหวหรอก” เป็เพราะเขาอยู่กับนาง นางจึงจะสามารถยืดตัวตรง เดินหน้าโดยปราศจากความกลัว
“แต่นอกจากตั้งแผงแล้ว ข้าช่วยอะไรอย่างอื่นไม่ได้เลย” อย่างเื่เมื่อครู่ นอกจากยืนอยู่ข้างหลังคอยสนับสนุน เขาก็ทำอะไรไม่ได้เลย ความรู้สึกนี้ทำให้เขารู้สึกไร้เรี่ยวแรง
หลี่ชิงหลิงเอื้อมมือไปลูบหลังของหลิวจือโม่ และพูดอย่างจริงจัง "ไม่ พี่ช่วยข้าได้มากจริงๆ อย่างเด็กๆ ในครอบครัวพี่ก็เป็คนสอน พี่น่าจะรู้ เลี้ยงเด็กเป็เื่ง่าย แต่การสอนเด็กเป็เื่ยากที่สุด ข้าไม่ค่อยเก่งด้านนี้ แต่พี่ทำได้" นางหยุดเล็กน้อย "อย่าดูถูกตัวเอง พี่เก่งกว่าที่ตัวเองคิด แล้วพี่ก็เป็เหมือนเสาหลักทางจิติญญาข้าด้วย จริงๆ นะ ถ้าไม่มีพี่ข้าคงไม่ไหว ข้าพูดจากใจจริง”
เขาเป็เสาหลักทางจิติญญาของครอบครัวจริงๆ ถ้าเขาล้มลง จิติญญาของครอบครัวก็จะล้มตาม
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลิวจือโม่ก็เงียบ ขมวดคิ้วครุ่นคิดเกี่ยวกับสิ่งที่หลี่ชิงหลิงพูดกับเขาเงียบๆ
หลี่ชิงหลิงก็ไม่ได้รบกวนเขา นางค่อยๆ ปล่อยมือที่จับเอวของเขา อยากจะออกจากอ้อมกอด แต่มือของเขายังคงจับเอวของนางไว้แน่น
นางไม่สามารถขัดจังหวะความคิดของเขา นางจึงเอนหัวพิงหน้าอกของเขา และฟังการเต้นของหัวใจเงียบๆ
นางเองก็ค่อยๆ สงบลงอย่างช้าๆ
นางอยากจะถอนหายใจ ดีจริงๆ ที่มีเขาอยู่
หลังจากนั้นไม่นาน หลิวจือโม่ก็ยิ้มอย่างอ่อนโยน จริงๆ เลย เขาหลุดเข้าไปในทางตันถึงได้ไม่เข้าใจเื่แค่นี้ เขาสู้หลี่ชิงหลิงไม่ได้เลย!
“ขอบคุณนะ!” ต้องขอบคุณนางจริงๆ ถ้าไม่มีนาง ครอบครัวเขาคงไม่ได้มีชีวิตแบบนี้
เขาสาบานในใจว่าทั้งชีวิตนี้จะไม่ทำให้นางผิดหวัง
หลี่ชิงหลิงหัวเราะอย่างไม่ใส่ใจ "เกรงใจอะไรล่ะ” นางเอื้อมมือออกไปตบมือหลิวจือโม่ "พอแล้วน่า ปล่อยข้าได้แล้ว ข้าต้องทำอาหาร" หากเด็กๆ ที่บ้านเห็นต้องแอบหัวเราะนางอีกแน่
หลิวจือโม่ดึงมือออกเหมือนถูกไฟฟ้าช็อต หันหลังกลับและวิ่งหนีออกจากห้องปากบอกจะไปดูว่าเด็กๆ กำลังทำอะไร
เด็กสาวตอบรับเบาๆ แล้วล้างข้าวสารทำกับข้าวอย่างมีความสุข การค้าขายวันนี้ก็ดีมาก พวกเขาซื้อเนื้อกลับมาเพื่อบำรุงร่างกายพวกเด็กๆ
ต้องได้รับสารอาหารครบถ้วน เด็กๆ จึงจะสามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็ว
เมื่อได้ยินเสียงร้องเพลงจากห้องครัว มุมปากของหลิวจือโม่ก็ยกขึ้น แม้แต่แววตาก็มีรอยยิ้ม เดินเข้าไปในห้องด้วยฝีเท้ากระฉับกระเฉง
เด็กทั้งสี่คนนอนหลับสนิท หัวเรียงติดกันอย่างสนิทสนม
หลิวจือโม่เดินย่องผ่านไปเบาๆ ช่วยเด็กๆ ห่มผ้า
เหตุผลที่เขาและหลี่ชิงหลิงทำงานหนักก็เพื่อให้เด็กๆ มีชีวิตที่ดีกว่าเดิม และเติบโตอย่างมีความสุข
"พี่..." หลิวจือโม่กำลังจะจากไป หลิวจือเยี่ยนก็ตื่นขึ้น "ไม่เป็ไรใช่ไหม" เขาลูบหัวและลุกขึ้นนั่ง ที่จริงเขาเป็คนกล่อมน้องสาวเข้านอน ทำไมถึงหลับไปเองได้นะ?
หลิวจือโม่เอื้อมมือไปอุ้มหลิวจือเยี่ยน ให้เขานั่งข้างเตียงและสวมรองเท้า
“ไม่เป็ไร” เขาลูบหัวหลิวจือเยี่ยน “กลัวใช่ไหม”
ที่บ้านไม่มีผู้ใหญ่ ถ้าเขากับหลี่ชิงหลิงไม่อยู่บ้านก็จะเหลือเพียงเด็กๆ หากโดนคนมาหาเื่ถึงบ้านคงต้องใกลัว
หลิวจือเยี่ยนยืดอกเล็กๆ กล่าวว่า "ไม่กลัว" เมื่อหลิวจือโม่มองมา เขาก็ก้มหัวลงเล็กน้อยด้วยความเขินอาย "ตอนแรกก็นิดหน่อย แต่หลังจากนั้นน้องใร้องไห้ ข้าก็เลยไม่กลัวแล้ว ถ้าข้าที่เป็พี่กลัว น้องก็จะยิ่งกลัว”
หลิวจือโม่ยื่นมือออกไปลูบหัวหลิวจือเยี่ยนและชมเชย "ใช่แล้ว แบบนี้สิคนเป็พี่ชาย” รอจนน้องเขาลุกขึ้น เขาจึงไปทำอย่างอื่น
เมื่อได้รับคำชมอีกครั้ง หลิวจือเยี่ยนก็ยิ้มและหัวเราะ
"ตัวอักษรวันนี้เขียนเสร็จหรือยัง?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ มุมปากหลิวจือเยี่ยนก็ตกลง เขาเกาหัว “ข้าจะไปเขียนเดี๋ยวนี้" ทั้งหมดเป็เพราะคนเ่าั้ที่มาเอะอะจนเขาเขียนไม่เสร็จ เขาหันไปผลักหลี่ชิงเฟิง ต้องมีคนทำเป็เพื่อนถึงจะมีแรงจูงใจในการเขียน
หลี่ชิงเฟิงที่ถูกผลักให้ตื่นขึ้นด้วยความงุนงงขยี้ตา "เกิดอะไรขึ้น?" เขาง่วงนอน ทำไมต้องผลักเขาตื่นด้วย
หลิวจือเยี่ยนหัวเราะเบาๆ ชี้หลิวจือโม่ "พี่ถามว่าเขียนตัวอักษรเสร็จหรือยัง” ถ้ายังไม่เสร็จ วันนี้จะไม่มีข้าวเย็นกินแน่ พี่ใหญ่เข้มงวดมาก
เมื่อได้ยินคำว่าตัวอักษร หลี่ชิงเฟิงก็ตื่นขึ้นทันที เขาตื่นตระหนก "จะเขียนเดี๋ยวนี้… เดี๋ยวนี้…” ถ้าไม่มีข้าวเย็นกินจะหิวตายได้
หลี่ชิงเฟิงจูงมือหลิวจือเยี่ยนเดินออกจากห้องอย่างรวดเร็ว นั่งลงบนที่นั่งตน หยิบพู่กัน หมึก กระดาษ และหินฝนหมึกออกมา เขียนตัวอักษรตัวใหญ่ที่ยังเขียนไม่เสร็จต่อ
หลิวจือโม่พยักหน้าด้วยความพอใจ หันหลังกลับออกจากห้อง ไปที่ห้องครัว
"มีอะไรให้ข้าช่วยไหม"
หลี่ชิงหลิงเงยหน้าขึ้นมองหลิวจือโม่พร้อมเลิกคิ้ว "ไม่อายแล้วหรือ ไม่หลบหน้าข้าแล้วหรือ" นางคิดว่าเขาจะไม่กล้าเจอนางจนกว่าจะถึงมื้อค่ำเสียอีก
ครั้งนี้ฟื้นตัวเร็วทีเดียวเชียว
เมื่อถูกนางแกล้ง หลิวจือโม่ก็กระแอม เอื้อมมือไปหยิบมีดในมือของหลี่ชิงหลิงมาหั่นผัก
ในครอบครัวของพวกเขา ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าสุภาพบุรุษห่างครัว
นางยิ้มเงียบๆ นั่งบนเก้าอี้พลางจุดไฟ
มีความช่วยเหลือของเขา อาหารเย็นจึงถูกเตรียมอย่างรวดเร็ว ซี่โครงหมูเปรี้ยวหวาน ปลาตุ๋น ผักกาดขาว เป็กับข้าวที่อุดมสมบูรณ์มาก
ถ้าคนในหมู่บ้านรู้ว่าอาหารบ้านพวกเขาดีขนาดนี้จะวางแผนจัดการยังไงอีกนะ?
ด้วยเหตุนี้นาง และหลิวจือโม่จึงมักจะบอกน้องๆ ในครอบครัวว่าอย่าบอกเื่นี้กับคนอื่น
ถ่อมตัวไว้... พวกเขาไม่มีผู้ใหญ่ในครอบครัว ดังนั้นทุกอย่างควรเก็บเงียบไว้
"่นี้แป้งทอดไข่ห้าสิบชิ้นขายหมดทุกวัน พรุ่งนี้จะเพิ่มไหม" หลังทานอาหาร หลิวจือโม่ถามหลี่ชิงหลิงขณะล้างจาน
เด็กสาวคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูด "งั้นลองเพิ่มอีกสามสิบชิ้น ดูว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหนจึงจะขายหมด” หากขายหมดช้าก็ห้าสิบเหมือนเดิม พวกเขาจะได้กลับมาเร็วหน่อย
"ตกลง…"
วันรุ่งขึ้น หลี่ชิงหลิงและหลิวจือโม่เพิ่งถึงเมือง ยังไม่ทันเริ่มตั้งแผงขายของ เ้าของร้านฝูหมั่นโหลวก็มาถึง
หลี่ชิงหลิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่กล่าวด้วยรอยยิ้ม "ท่านลุงเ้าของร้าน มีอะไรหรือ" เมื่อเห็นเขามองไปที่แม่พิมพ์ในมือ นางจึงพูดต่อ "ท่านอยากกินแป้งทอดไข่หรือ? ถ้างั้นก็รอสักครู่” นางเร่งตั้งแผงขายของ
เ้าของร้านกล่าว "แม่หนูข้าอยากจะร่วมงานด้วย” เขาเคยกินแป้งทอดไข่แล้ว ไม่เลวเลยจริงๆ จึงอยากจะซื้อเอาไว้
ร่วมงาน? หรือจะถูกใจแป้งทอดไข่ของนางเข้าแล้ว?
หลี่ชิงหลิงมีความสุขอยู่ในใจ แต่ไม่ได้แสดงออกทางหน้า นางยืนขึ้นและหัวเราะ "ท่านลุงเ้าของร้าน ข้าเกรงว่าที่นี่จะไม่สะดวก ไปคุยที่ร้านน้ำชาตรงนั้นดีไหมเ้าคะ” นางชี้ไปที่ร้านน้ำชาไม่ไกล
"อย่าลำบากเลย ไปฝูหมั่นโหลวโดยตรงเลยดีกว่า!"
“ก็ได้เ้าค่ะ..."
หลี่ชิงหลิงสบตากับหลิวจือโม่ เก็บข้าวของเรียบร้อย แบกไว้บนหลังและเดินตามเ้าของร้านไปที่ฝูหมั่นโหลว
หลี่ชิงหลิงที่นั่งอยู่ในห้องส่วนตัวจิบชาช้าๆ ไม่รีบร้อนที่จะพูด รอให้เ้าของร้านเปิดปากก่อน ดูว่าเขาจะพูดอะไร
เ้าของร้านมองหลี่ชิงหลิงและหลิวจือโม่ แอบชื่นชมพวกเขาในใจ เด็กสองคนนี้อายุไม่มาก แต่พวกเขาสุขุมมากเลย
เขากระแอม "สูตรแป้งทอดไข่ของเ้าขายเท่าไร”
อยากซื้อสูตรอีกแล้ว...
หลี่ชิงหลิงหลุบตาต่ำ จิบชาช้าๆ มองหลิวจือโม่ ให้หลิวจือโม่พูด
นางมีความกังวลของตนเอง นางเป็เด็กผู้หญิง ตอนนี้ยังอายุน้อยจึงสามารถออกตัวได้ แต่เมื่อโตกว่านี้จะไม่สะดวกนัก
จะเป็การดีกว่าถ้าปล่อยให้หลิวจือโม่โดดเด่น และให้คนอื่นรู้ว่าเขาจึงจะเป็ผู้มีสิทธิ์มีเสียง
หลิวจือโม่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และหัวเราะ "ขอโทษจริงๆ เราไม่ขายสูตรครอบครัว" ธุรกิจแป้งทอดไข่กำลังไปได้ดี หากทำต่อไปจะคุ้มกว่าขายสูตร "ถ้าเ้าของร้านยินดีร่วมมือจริง ส่วนแบ่งเท่าไรหรือ”
โชคดีที่หลี่ชิงหลิงเคยพูดคุยเื่นี้กับเขาก่อนแล้ว มิฉะนั้นเขาคงไม่สุขุมเยือกเย็นขนาดนี้
