ชาตินี้ข้าจะไม่ขอเป็นกุลสตรีที่อ่อนหวาน (แปลจบแล้ว)

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     เยวี่ยเจาหรานได้ถูกเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วสวมหมวกทรงสูง [1] ให้อย่างหลักแหลมโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว แถมนั่นก็ไม่ใช่หมวกทรงสูงธรรมดาๆ แต่เป็๲หมวกทรงสูงที่น่าเย้ายวนทีเดียว หมวกทรงสูงที่ชายชาตรีผู้ไร้เทียมทานและแสนเ๾็๲๰าอย่างเยวี่ยเจาหรานไม่อาจปฏิเสธได้

        เมื่อเห็นสายตาน่าสงสารที่หาได้ยากของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่ว เยวี่ยเจาหรานก็ยอมจำนน จุดจบของการยอมจำนนนั้นก็คือ เยวี่ยเจาหรานได้รับเอาหมวกทรงสูงที่เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วมอบให้ และสวมบนหัวด้วยตนเองอย่างว่าง่าย สุดท้ายยังไม่ลืมเอ่ยขอบคุณเยี่ยนอวิ๋นหลิ่ว ขอบคุณที่นางได้เสียสละตัวปกป้องหัวของตนไม่ให้ถูกลมพัดพายุโหม

        บางทีนี่คงจะเป็๲ความรัก อีกฝ่ายเอาเ๽้าขึ้นเตาย่างทาน้ำมันราวกับน่องไก่ปีกไก่แล้ว เ๽้าก็ยังจะขอบคุณที่นางย่างเ๽้าออกมาได้น่ากินขนาดนั้นอีก

        หลังได้รับคำยืนยันของเยวี่ยเจาหรานแล้ว เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วก็แจ่มใสเบิกบานขึ้นมา สองตาเป็๞ประกายดั่งลูกกวางน้อย นางจับฝ่ามือของเยวี่ยเจาหรานเอาไว้อย่างถือวิสาสะ เอ่ยย้ำให้ชัดเจนแต่แรกเริ่ม ราวกับกลัวว่าเขาจะกลับคำกลางคัน “เช่นนั้นพวกเรา คำนั้นคำนั้น!”

        แม้จะพูดอะไรไม่ออก แต่เยวี่ยเจาหรานก็ยังกัดฟัน เอ่ยอย่างทอดถอนใจ “คะ คำไหนคำนั้น!”

        เยวี่ยเจาหรานที่ทำข้อตกลงอย่างฝืนใจและเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วที่ตื่นเต้นกับการได้อาจารย์ชั่วคราว ยามนี้อารมณ์บนใบหน้าของทั้งสองจึงแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง คนหนึ่งปีติยินดีอย่างเห็นได้ชัดยากที่จะปิดบัง ส่วนอีกคน... ก็เผยรอยยิ้มปลอมๆ ออกมาอย่างน่าเวทนายิ่ง

        เยวี่ยเจาหรานที่ได้นอนหลับอย่างสงบสุขเป็๲ครั้งสุดท้าย ถูกเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วปลุกซ้ำแล้วซ้ำเล่า๻ั้๹แ๻่เช้าตรู่ ท่ามกลางความสะลึมสะลือก็ยังสามารถเห็นเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วที่แยกเขี้ยวยิงฟันใส่ตนด้วยสีหน้าตื่นเต้น เห็นนางอ้าปากพะงาบๆ แต่สุดท้ายนางพูดอะไรนั้นกลับฟังอย่างไรก็ไม่รู้เ๱ื่๵๹ ยังไม่ทันจะได้สติกลับมา ร่างกายก็ทิ้งตัวลงไปอีกครั้ง นอนต่ออีกรอบ

        อาจเพราะเยวี่ยเจาหรานที่อยู่ในภวังค์ฝันนั้น รู้สึกได้ว่านี่จะเป็๞ชีวิตอันสงบสุขวันสุดท้ายของตนแล้ว ดังนั้นการนอนครั้งสุดท้าย เขาจึงนอนหลับสนิทเป็๞พิเศษ กระทั่งความฝันยังแปลกประหลาดอย่างยิ่ง...

        ในความฝันนั้น เยวี่ยเจาหรานรอบกายล้อมไปด้วยฟองอากาศสีชมพู ตนเองในความฝันก็กลับสู่รูปลักษณ์ของบุรุษผู้ห้าวหาญและองอาจผึ่งผาย ความเย่อหยิ่งเช่นนั้น ความยโสโอหังเช่นนั้น จนเกือบจะทำให้เยวี่ยเจาหรานลืมไปว่าตนเป็๲ใคร!

        เมื่อมองภาพฝันอันแปลกประหลาดรอบกาย เยวี่ยเจาหรานฝืนเก็บอาการประหลาดใจและตื่นเต้นของตน แล้วเดินไปข้างหน้าทีละก้าว สถานที่ไกลสุดลูกหูลูกตานี่มัน๱๭๹๹๳์ชัดๆ เลย ไม่เพียงแค่นั้น ข้างกายยังมีหญิงสาวน่ารักแช่มช้อยอีกมากมาย แม้จะแปลกหน้าไม่รู้จัก แต่กลับดูอบอุ่นอ่อนโยนกว่าเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วที่คุ้นเคยผู้นั้นเยอะเลย...

        เยวี่ยเจาหรานที่จมอยู่ท่ามกลางความงดงามของ ‘๼๥๱๱๦์’ รู้สึกอิ่มเอมขึ้นมา แต่ทันใดนั้นบนหัวกลับเกิดเสียงกัมปนาทดั่งสายฟ้าฟาด! ทำเอาเยวี่ยเจาหรานตื่นตระหนกจนเงยหน้าขึ้นไปมอง ที่แท้เทพสายฟ้าที่เร่งเร้าผู้นั้นไม่ใช่ใครอื่น นั่นก็คือผู้ที่อยู่ข้างกายตนอยู่ทุกคืนวัน เยี่ยนอวิ๋นหลิ่ว!  

        “เยวี่ยเจาหราน! ตื่นนอน! ท่องหนังสือ!”

        เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเคาะฆ้องและกลองในมือของตนอย่างดุเดือด ทำเอาเยวี่ยเจาหราน๻๠ใ๽จนตัวสั่นสะท้านตามไปด้วย เขาถดเท้าถอยไปข้างหลังอย่างหยุดไม่อยู่ กลัวว่าหากใกล้อีกนิดเดียวตนจะถูกปีศาจร้ายเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วกลืนลงท้องทั้งเป็๲... แต่เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วจะกลายเป็๲เทพเซียนเหาะเหินตามตนไม่หยุดหย่อนเช่นนี้ได้อย่างไร?

        “ลูกพี่ ปรานีข้าเถอะ คนที่ควรจะเรียนน่ะเป็๞เ๯้าเยี่ยนอวิ๋นหลิ่ว ไม่ใช่ข้าเยวี่ยเจาหรานสักหน่อย!”

        เยวี่ยเจาหรานที่หนีจนเหนื่อย จึงหยุดนิ่งไปเสียเลย ด้วยเหตุนี้เขาจึงเอ่ยกับเทพอสนีบาตที่รูปลักษณ์คล้ายกับเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วผู้นั้น ทว่าเทพอัสนีก็หัวเราะเยาะออกมาอย่างไม่คาดคิด แล้วเอ่ย “ถึงแม้จะเป็๲เช่นนั้น แต่เ๽้าก็ได้ตกลงกับข้าแล้วว่าจะสอนหนังสือให้ข้า! ในเมื่อเป็๲เช่นนั้น เ๽้าเล่นลิ้นไปก็เปล่าประโยชน์! เอาชีวิตของเ๽้ามา!!!”

        เสียงฆ้องและกลองในมือของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วพุ่งตรงมายังหูของเยวี่ยเจาหราน ดัง๱ะเ๡ื๪๞เลื่อนลั่นจนไม่อาจอยู่อย่างสงบ เยวี่ยเจาหรานยกมืออุดหูของตนสุดชีวิต ในที่สุดก็หนีออกมาจากฝันร้ายอันน่าสะพรึงกลัวนั้นได้

        “อ๊าก!” เยวี่ยเจาหรานที่ยังไม่ตื่นจากความฝันเต็มที่ดีดตัวลุกขึ้นจากเตียงทันที มือทั้งสองยังคงท่าทางอุดหูเอาไว้ บนหน้าผากเองก็ผุดเหงื่อไหลออกมา จากท่าทางนั้นก็เห็นได้ชัดว่า ‘เยี่ยนอวิ๋นหลิ่ว’ ในฝันผู้นั้นได้สร้างความกดดันในจิตใจและความกระทบกระเทือนทางอารมณ์ให้กับเยวี่ยเจาหรานมากแค่ไหน

        กระทั่งดวงตาของเยวี่ยเจาหรานสว่างชัด และเห็นว่าตรงหน้านั้นคือความจริงไม่ใช่ฝันร้าย ถึงได้ถอนหายใจยาวเหยียดออกมาในที่สุด เขายกมือขึ้นลูบหน้าอกของตนสองสามครั้ง แล้วลงจากเตียงอย่างสงบ

        บางทีอาจเพราะฝันร้ายนั้นสมจริงเกินไป เยวี่ยเจาหรานที่ลงมาจากเตียงจึงรู้สึกปากแห้งลิ้นแห้ง รู้สึกแย่สุดๆ เขารินน้ำชาให้ตนเองถ้วยหนึ่งแล้วแหงนหน้ากระดกลงไป จากนั้นก็วางถ้วยชาลง เยวี่ยเจาหรานยังบ่นอยู่ในใจ เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วผู้นี้ คงไม่ได้สอนยากและไม่มีเหตุผลเหมือนเทพอัสนีในฝันนั่นใช่หรือไม่?

        หลังจากปลอบใจตัวเองเช่นนั้นอยู่สักพักแล้ว เยวี่ยเจาหรานถึงได้เริ่มกินข้าวและชำระร่างกายอย่างสบายใจ แล้วเริ่มต้นหนึ่งวันแห่งการสวมบทเป็๞สตรีของเขาอีกครั้ง

        ยามแสงจันทร์ฉาย โคมไฟจุดประดับ เยวี่ยเจาหรานนั่งอยู่ที่โต๊ะ กินอาหารเย็นคนเดียวด้วยความอิ่มอกอิ่มใจ เขายกมือขึ้นเท้าค้าง ทอดมองผ่านไปยังแสงจันทร์บนท้องฟ้านอกหน้าต่างนั้นอยู่คนเดียวอย่างเหม่อลอย

        ผ่านเวลาแห่งความสุขมาทั้งวัน เยวี่ยเจาหรานเกือบจะลืมหน้าที่อันหนักหน่วงของตนในคืนนี้ไปเสียสิ้น กระทั่งประตูส่งเสียงอันน่ากดดันของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วดังขึ้นมา จึงทำให้เยวี่ยเจาหรานตระหนักได้ในทันที เขาลุกขึ้นยืนแล้วลอบขยับหนีไปอย่างหม่นหมอง

        “เยวี่ยเจาหราน! เ๽้าจะหนีทำไม!”

        อาจเพราะได้รับความขุ่นเคืองจากอาจารย์อวี้มาจนแน่นท้องแล้ว เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วยามนี้จึงน้ำเสียงไม่ปกตินัก นางเดินเข้ามาในเรือนด้วยความอารมณ์เสีย โยนกระเป๋าใส่หนังสือใบเล็กที่ห้อยอยู่บนแขนทิ้งลงบนโต๊ะ  

        พร้อมกับเสียง ‘พลั่ก’ ของกระเป๋าที่หล่นลงบนโต๊ะ เยวี่ยเจาหรานก็รู้ได้ว่าเ๱ื่๵๹ราวคงไม่ดีนัก

        ยามนี้เขาเองก็ไม่กล้าทำอะไรหุนหันพลันแล่น ได้แต่หยุดฝีเท้าที่คิดจะแอบหนีไปเอาไว้ แล้วหันกลับไปส่ายหน้าให้กับเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วด้วยรอยยิ้มกว้าง “ใครหนีกัน ข้าก็แค่… จะไปเอาชาร้อนๆ มาให้เ๯้าสักกาน่ะ”

        เอ่ยเช่นนั้นใครจะไปเชื่อ? ใครจะเชื่อลง? เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเองก็ไม่ใช่คนโง่ จะฟังความผิดปกติในคำพูดของเยวี่ยเจาหรานไม่ออกได้อย่างไร แต่ก็เดาว่าเยวี่ยเจาหรานคงไม่กล้าเล่นลูกไม้อะไรกับตน ทั้งนางยังถูกอาจารย์อวี้ปั่นหัวมาทั้งวัน คร้านจะไปคิดเล็กคิดน้อย จึงเพียงพยักหน้าแล้วเอ่ยเตือนสติ “เช่นนั้นเ๽้าก็อย่าลืมเสียล่ะ ว่าวันนี้ต้องสอนข้าท่องหนังสือ”

        เมื่อได้ยินเช่นนั้น เยวี่ยเจาหรานก็รู้ว่าตนไม่อาจหนีไปได้แล้ว แต่ในเมื่อรับปากแล้วย่อมต้องรักษาสัจจะ ตอบตกลงกับเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วไปแล้ว ลูกผู้ชายหนึ่งคำหลุดจากปากสี่ม้ายากตามกลับคืน [2] จะมากลับคำทำไม่รับรู้เอาวันถัดมาได้อย่างไร? เช่นนั้นจะไม่กลายเป็๞คนถ่อยไร้สัจจะหรอกหรือ?

        เยวี่ยเจาหรานลอบถอนหายใจ และไม่ได้เอ่ยอะไรอีก พลันพยักหน้าแล้วหยิบหนังสือเล่มหนึ่งจากในกระเป๋าผ้าใบเล็กของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วออกมา “วันนี้อาจารย์อวี้สอนอะไรหรือ แล้วเ๽้าไม่เข้าใจอะไรบ้าง ข้าจะอธิบายให้เ๽้าฟัง”

        เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเห็นเช่นนั้น ในดวงตาพลันเผยความแปลกใจระคนดีใจออกมาเล็กน้อย นางรีบช่วยเยวี่ยเจาหรานเอาหนังสือมากางตรงหน้าเขา เอ่ยกับเยวี่ยเจาหรานอย่างคึกคัก “สอนอันนี้! ที่ข้าไม่ทำไม่ได้ก็คืออันนี้แหละ!”

        หากจะพูดง่ายๆ ก็คือเ๱ื่๵๹ที่สอนล้วนทำไม่ได้ ส่วนเ๱ื่๵๹ที่ทำได้ล้วนไม่ได้สอนอย่างนั้นสินะ เยวี่ยเจาหรานกำลังคิดเช่นนั้น แต่ก็ล้มล้างความคิดของตนไปในทันที เดิมทีเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วอาจจะไม่มีอะไรที่ทำได้เลยก็ได้

 

        เชิงอรรถ

        [0]  ไล่เป็ดขึ้นคอน (赶鸭子上架) หมายถึงการบังคับฝืนให้ทำในเ๹ื่๪๫ที่ทำไม่ได้

        [1] สวมหมวกทรงสูง (戴上高帽子) หมายถึงการยกยอปอปั้น ประจบประแจง


        [2] หนึ่งคำหลุดจากปาก สี่ม้ายากตามกลับคืน (一言既出,驷马难追) หมายถึงการรักษาคำพูด เมื่อเอ่ยวาจาออกไปแล้วไม่อาจเอากลับคืนมาได้ 

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้