เสียงนกหลายตัวร้องจิ๊บๆ ดังมาจากข้างหน้าต่างคงเพราะกลิ่นอาหารโอชะล่องลอยออกไป จึงดึงดูดให้พวกมันเข้ามา
หลิ่วจิ้งฝืนเก็บงำความกลัดกลุ้มน้อยใจเอาไว้ไม่ให้หั่วอี้มองความไม่พอใจของนางออก
ได้ยินเสียงนกน้อยร้องอยู่นอกหน้าต่าง หลิ่วจิ้งแอบมองหั่วอี้เห็นว่าเขานั่งตัวตรงทั้งยังยิ้มด้วยความสบายใจ นางก็แอบถอนใจอยู่ในใจก่อนนี้นางประเมินหั่วอี้ต่ำเกินไป หลงนึกว่าเขาเป็คนไม่ละเอียดอ่อนไม่เหมาะมาเป็เครื่องมือของนาง ขอเพียงกะเกณฑ์ให้พอดี การจะบีบให้เขาอยู่ในมือก็มิใช่ว่าง่ายดายหรอกหรือ? ทว่าดูจากตอนนี้ เื่ราวกลับไม่ได้ง่ายดายดังที่นางเคยคิดเอาไว้เสียแล้ว
หั่วอี้ทานอาหารไม่มากนัก พักเดียวก็วางตะเกียบลงนั่งมองหลิ่วจิ้งทานอาหาร
“ฮูหยิน คืนนี้สามีจะมาค้างกับท่านดีหรือไม่” จู่ๆหั่วอี้ก็ก้มหน้ามากระซิบข้างหูหลิ่วจิ้ง
“อะ เฮอะ…” คราวนี้กลายเป็หลิ่วจิ้งสำลักจริงๆนางเพิ่งตักไข่ตุ๋นใส่ปากช้อนหนึ่ง คงเพราะไข่ตุ่นเนื้อเนียนนุ่มเกินไปจึงเกือบจะหลุดออกมาจากปาก นางต้องเอาลิ้นเลียที่ริมฝีปากโดยไม่รู้ตัว
นางกลับไม่รู้ว่าท่าทางยามนางอ้าปากหุบปากน้อยๆ นี้ทำเอาหั่วอี้เห็นแล้วจิตใจร้อนรุ่ม จึงเกิดความคิดเช่นนี้ขึ้นมา
“ท่านแม่ทัพ…” หลิ่วจิ้งสำลักไม่หยุดแต่กลับไม่ลืมส่งสายตาพิฆาตอย่างคับแค้นไปยังหั่วอี้แต่น่าเสียดายที่สายตาไม่อาจสังหารคน หาไม่เวลานี้หั่วอี้ก็ต้องถูกสายตาของนางสังหารไปนานแล้ว
“ฮ่าๆๆ…” หั่วอี้อารมณ์ดีไม่เบาแต่เมื่อคิดว่ายังมีเื่ต้องไปหารือกับฮูหยินผู้เฒ่า เขาจึงทำได้เพียงฝืนใจลุกขึ้นตบหลังมือหลิ่วจิ้งเบาๆ “ข้าจะไปหาฮูหยินผู้เฒ่า ฮูหยินพักผ่อนก่อนเถิด”
หลิ่วจิ้งมองส่งแผ่นหลังของหั่วอี้ไปด้วยสายตาอิ๋งเหอที่เฝ้าอยู่นอกประตูได้ยินเสียงจึงเปิดม่านที่ประตูให้เขาออกไปหลิ่วจิ้งค่อยวางตะเกียบในมือลง
“ฮูหยินเ้าคะ เมื่อครู่บ่าวได้ยินหมดแล้วท่านแม่ทัพหมายความว่าจะให้ฮูหยินใหญ่รับผิดชอบเื่งานวันเกิดของฮูหยินผู้เฒ่าจริงหรือเ้าคะ?”
อิ๋งเหอรอจนหั่วอี้เดินไปไกลแล้วจึงรีบวิ่งเข้ามาโดยไม่คำนึงถึงที่ต่ำที่สูง
“ไป เรียกคนมาเก็บอาหารเหล่านี้เสีย ข้าอิ่มแล้ว”หลิ่วจิ้งสั่งคำไปเรียบๆ สายตานางสงบนิ่งจนอิ๋งเหอมองไม่ออกว่ามีสิ่งผิดปกติใด
หลิ่วจิ้งเอ่ยพลางลุกขึ้นเดินไปเปิดหน้าต่างออกพวกนกที่เริงร่าอยู่ที่ริมหน้าต่างพากันใบินหนีไปทั่วทิศพริบตาเดียวก็หายไปจนหมด
“ข้าอุตส่าห์จะให้พวกเ้าเข้ามา แต่พวกเ้ากลับหนีไปหมดยามปิดหน้าต่างพวกเ้าก็กลับบินกรูเข้ามาด้วยอยากเข้ามาข้างในดูไปแล้วนกก็เหมือนกับคน ข้าไม่คิดไปก่อเื่ เื่ก็กลับมาหาข้าเองอยากจะหลบก็ไร้ที่หลบ”คล้ายว่าหลิ่วจิ้งเอ่ยเื่เหล่านี้ให้นกน้อยที่โบยบินไปไกลเ่าั้ฟังแต่ก็ดูคล้ายว่ากำลังพูดให้ตนเองฟังด้วยเช่นกัน
แววตาของหลิ่วจิ้งทอดยาวจากหน้าต่างไปยังสวนหลังจวนที่นั่นมีใบไม้หนาแน่นเขียวชอุ่ม ดูไปแล้วเมื่อตะวันลับภูผาในยามเย็น ที่แห่งนั้นคงจะสบายเป็ที่สุดท่าทางคืนนี้คงไปเดินเล่นในสวนหลังจวนได้ นางพึมพำเบาๆ
ฮูหยินผู้เฒ่านอนกลางวันเป็ประจำเพียงแต่หลายปีมานี้พร้อมกับวัยที่ล่วงเลยลงทุกวันเวลาที่นางนอนกลางวันก็เหลือไม่ถึงหนึ่งก้านธูป ตอนที่หั่วอี้ไปถึงนั้นก็พอดีว่าฮูหยินผู้เฒ่าเพิ่งตื่นได้ไม่นาน
ฮูหยินผู้เฒ่ากำลังนั่งทานอาหารว่างรสเลิศอยู่ที่โต๊ะน้ำชาพอเห็นหน้าหั่วอี้ก็รีบไปดึงเขาเข้ามา เื่ที่บุตรชายคนนี้ของนางทำในระยะนี้ นับวันยิ่งทำให้นางมองไม่เข้าใจทั้งยังมีแนวโน้มที่นางไม่อาจควบคุมได้ซึ่งเื่เหล่านี้เป็สิ่งที่นางไม่อยากพบเห็น
“ท่านแม่สบายดีหรือไม่ อี้เอ๋อร์มาคารวะท่านขอรับ”หั่วอี้เดินมาข้างๆ ฮูหยินผู้เฒ่าก่อนนั่งลงตรงหน้านาง
“สบายดีสิ สบายดี อี้เอ๋อร์ทำให้แม่โมโหตั้งหลายครั้งแม่จึงสบายดีอยู่เช่นนี้” ฮูหยินผู้เฒ่าวางถ้วยชาลงบนโต๊ะอย่างแรงด้วยความไม่พอใจนางวางแรงจนน้ำชาในถ้วยกระฉอกออกมา
ป้าจ้าวเป็คนดูแลอยู่ภายในห้อง รีบเข้ามาเช็ดให้
“เ้าออกไปเสีย หากไม่ได้เรียกก็ไม่ต้องเข้ามา”ป้าจ้าวได้ยินเสียงเย็นเฉียบของหั่วอี้พลันเย็นวาบเหมือนถูกผีเรียกเอาิญญาตั้งหลายปีมาแล้วแต่ทุกครั้งที่นางได้พบหั่วอี้ก็ยังรู้สึกหวาดกลัวเขามาจากขั้วหัวใจ
“เ้าค่ะ ท่านแม่ทัพ” ป้าจ้าวโค้งตัวลงแล้วถอยออกไป
ฮูหยินผู้เฒ่ามองหั่วอี้อย่างสงสัย ไม่มีแก่ใจมาสนใจว่าเมื่อครู่นางเพิ่งจะแง่งอนใส่หั่วอี้ทั้งที่เดิมทีนางก็ไม่อยากสนใจเื่ของเขา
“อี้เอ๋อร์เกิดเื่ใดหรือ?” ฮูหยินผู้เฒ่าเห็นหั่วอี้สั่งบ่าวในห้องออกไป จึงรู้ว่าหั่วอี้มีเื่สำคัญที่้าพูดกับนางเพียงลำพัง
“ท่านแม่ขอรับ หลายวันก่อนที่องค์หญิงถูกลักพาตัวไปนั้นลูกเกิดความคิดใหม่เื่หนึ่ง อยากหารือกับท่านแม่ว่าควรทำเช่นใดดีขอรับ”
แม้จะอยู่ภายในห้อง แต่หั่วอี้ก็ยังพูดให้เบากว่าเดิม
“ความคิดใด?” ฮูหยินผู้เฒ่าเห็นดังนั้นจึงตอบเขาไปเสียงเบาเช่นกัน
“องค์หญิงทราบมาจากตอนที่อยู่กับพวกโจรว่าคนสองคนที่ลักพาตัวนางไปเป็เด็กรับใช้ในจวนเื่นี้นับว่าประหลาดนัก วันนั้นองค์หญิงคิดจะกลับไปก่อนกะทันหัน จึงนับว่าเป็เื่ที่บังเอิญเสียอย่างยิ่ง เหตุใดจึงเป็เด็กรับใช้ทั้งสี่คนนั้นอย่างพอดิบพอดีซึ่งคนที่ออกมาด้วยสองคนล้วนเป็คนของพวกโจรส่วนอีกสองคนก็ไม่แน่ว่าอาจเป็คนของพวกมันด้วยหรือไม่?”
หั่วอี้ยังไม่ทันพูดจบ ฮูหยินผู้เฒ่าก็ขัดคำเขาขึ้นมา “ตามความเห็นของอี้เอ๋อร์คิดว่าในจวนยังมีคนของพวกโจรอยู่อีกหรือ”
“ขอรับท่านแม่ ลูกคิดเช่นนั้น”
“อี้เอ๋อร์คิดการเช่นใด” ฮูหยินผู้เฒ่ามีสีหน้าเคร่งเครียด ในใจเต็มไปด้วยความวิตกด้วยเื่ที่ในจวนมีสมุนโจรอยู่จนหลงลืมเื่ที่นางกำลังโกรธไปนานแล้ว
“ท่านแม่ ลูกอยากมอบเื่นี้ให้นายกองเฉินดูแล โดยให้เขาเข้ามาและส่งคนมาตรวจสอบคนในจวนอย่างละเอียดแม้แต่บ่าวที่เกิดในเรือนก็ไม่อาจละเว้นได้”
“ทำตามความเห็นของอี้เอ๋อร์ ไม่ว่าจะเป็บ่าวที่เกิดในเรือนหรือพวกที่เข้ามาขออยู่ด้วยล้วนต้องตรวจสอบให้หมด อี้เอ๋อร์ห้ามมือไม้อ่อนโดยเด็ดขาดแม้แต่คนในครอบครัวของพวกเขาก็ไม่อาจละเว้นด้วย” ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยเสียงเย็นสีหน้าดุดัน มิน่าเล่าเมื่อครู่อี้เอ๋อร์จึงต้องสั่งให้ป้าจ้าวออกไปก่อนจะตรวจสอบเื่นี้ได้ชัดเจน ไม่ว่าผู้ใดล้วนไม่อาจเชื่อได้พวกคนต่ำช้าเช่นนี้ กลับบังอาจเข้ามาก่อเื่ในจวนแม่ทัพ เช่นนั้นก็ให้พวกมันมาได้แต่กลับไปไม่ได้
ฮูหยินผู้เฒ่าสามารถครองตำแหน่งของนางในเรือนหลังมาั้แ่สมัยท่านแม่ทัพผู้เฒ่าจนบัดนี้หาใช่เพราะเชื่อว่ามีพระพุทธคุ้มครองจึงอยู่รอดมาได้ความร้ายกาจของนางตลอดเส้นทางที่ผ่านมา เป็สิ่งที่คนรอบตัวต้องทอดถอนใจว่าไม่อาจทัดเทียมนางได้ทีเดียว
_____________________________
