ทะลุมิติไปเป็นสะใภ้ผู้มั่งคั่งด้วยโกดังสินค้าในยุค 70 (จบแล้ว)

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     หลังจากหั่นแยกชิ้นส่วนหมูป่าเสร็จ ซ่งมู่ไป๋นำตาชั่งออกมา “156 กิโล น้ำหนักเยอะทีเดียว”

        “ลูกพี่ จะแบ่งเงินให้น้องสาวยังไง”

        “ขายได้เท่าไรก็ให้ทั้งหมดนั่นแหละ” เขาตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

        โซ่วจื่อกับพั่งจื่อร้องโอดโอย ทำงานการกุศลอีกแล้ว

        เซี่ยโม่ได้ยินเช่นนั้นรีบเอ่ยออกมาว่า “พี่ซ่ง จะได้ยังไงกันคะ ทำตามที่เคยทำมาเถอะค่ะ”

        พั่งจื่อยิ้มดีใจ “น้องสาวใจดีจัง อุตส่าห์แบ่งเงินให้พวกเราเอาไปดื่มซุปด้วย”

        “พั่งจื่อ แกนี่ใจแคบจริงๆ แม้แต่เงินของน้องสาวก็ยังกล้าเอา ทำตามที่ลูกพี่บอกนั่นแหละ” โซ่วจื่อเห็นสีหน้าลูกพี่ไม่ค่อยจะดีนักจึงเอ่ยขัด

        ซ่งมู่ไป๋หันไปมองโซ่วจื่อ ยังคงเป็๞อีกฝ่ายที่หัวไว

        ทว่าเซี่ยโม่ยังคงปฏิเสธ “พี่ซ่ง พี่โซ่วจื่อ หมูตัวนี้ไม่ใช่ของฉัน แบ่งให้พวกคุณด้วยนั่นแหละค่ะดีแล้ว”

        พั่งจื่อพยักหน้าอย่างเห็นด้วย น้องสาวนี่รู้ความดีจริง

        ซ่งมู่ไป๋ยังคงเงียบ เขาคาดเดาในใจว่า แปดถึงเก้าส่วนของหมูป่าตัวนี้น่าจะเป็๲ของเด็กสาวเอง ไม่ใช่ของเพื่อนร่วมชั้นเธอแต่อย่างใด

        ไม่ทราบว่าเด็กสาวล่ามาได้อย่างไร  หลายวันที่ผ่านมา อีกฝ่ายต้องคอยเฝ้าน้องชายที่โรงพยาบาล ไม่ค่อยได้ออกไปไหนด้วยซ้ำ ไม่มีทางขึ้นเขาไปล่าหมูป่าได้อย่างแน่นอน ต่อให้มีเวลาไปล่ามาได้ แต่เด็กสาวขนย้ายมันมาที่นี่ด้วยวิธีไหนกัน

        อีกอย่างอากาศร้อนเช่นนี้ ไม่สามารถเก็บไว้นานได้เพราะหมูจะเน่าเสีย แต่ในเมื่อคิดอย่างไรก็คิดไม่ออก เช่นนั้นก็เลิกคิดดีกว่า เขาพูดกับโซ่วจื่อพั่งจื่อด้วยน้ำเสียงเ๾็๲๰า “เลิกพูดมากได้แล้ว เอาไปขายที่เดิม ราคาก็เท่าเดิม”

        “ได้เลยลูกพี่” ทั้งสองคนช่วยกันขนเนื้อหมูป่าออกจากบ้านไป

        ระหว่างที่เก็บของ สายตาซ่งมู่ไป๋เหลือบไปเห็นกระสอบกับถุงพลาสติก ในใจพลันเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม

        หากไม่ได้ถามออกไป เขาเก็บของต่อ จากนั้นจุดไฟตั้งหม้อเพื่อต้มหัวหมูกับขาหมู

        เซี่ยโม่เองก็ไม่ได้อยู่ว่าง นำไส้หมูไปล้างให้สะอาด ก่อนจะเอาไปต้มรวมกับหัวหมูและขาหมู

        เธอมองพี่ซ่งที่ไม่รู้ว่าไปเอาพวกเครื่องปรุงมาจากไหน ชายหนุ่มใส่สารพัดเครื่องปรุงลงไปในหม้อ ไม่นานกลิ่นหอมก็ลอยโชยขึ้นมา

        เธอลอบกลืนน้ำลาย แต่พอมองท้องฟ้าข้างนอก พบว่าเวลานี้เย็นมากแล้วจึงบอกกับอีกฝ่าย “พี่ซ่ง ป่านนี้น้องชายกับอาจารย์คงเป็๲ห่วงฉันแย่แล้ว ฉันคงต้องกลับแล้วค่ะ”

        ซ่งมู่ไป๋ดูเวลา จริงอย่างที่เด็กสาวว่ามา “งั้นก็รีบกลับเถอะ ถ้าหมูสุกเมื่อไรเดี๋ยวฉันเอาไปให้”

        นึกถึงวันก่อนที่น้องชายไม่สบายตัวเพราะกินเนื้อเยอะเกินไป เธอจึงรีบส่ายหน้า “ไม่เป็๲ไรค่ะ ฉันกลัวว่าถ้าน้องเห็นแล้วจะอยากกิน ตอนเย็นกินเนื้อมากๆ ไม่ค่อยดี ไว้พรุ่งนี้ตอนเที่ยงพี่ค่อยเอาไปให้ก็ได้ค่ะ”

        เห็นซ่งมู่ไป๋มองมาอย่างสงสัย เธอจึงเล่าเ๹ื่๪๫ในวันนั้นให้ฟัง เล่าจบทั้งคู่ต่างหัวเราะออกมา

        “ได้ งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้เที่ยงฉันเอาไปให้ ใส่เกลือจะได้ไม่เสีย รับรองว่าได้กินตอนร้อนๆ แน่นอน”

        “ค่ะ”

        ขณะที่เซี่ยโม่กำลังจะเดินออกจากบ้าน ชายหนุ่มกลับเรียกเธอเอาไว้เสียก่อน “โม่โม่ ครั้งนี้เธอคิดจะแลกกับอะไร”

        ในโกดังสินค้ามีของมากมายย่อมไม่ขาดแคลนสิ่งใดอยู่แล้ว เธอทำท่าครุ่นคิดอยู่ครู่ถึงค่อยตอบออกไป “แลกเป็๞เงินละกันค่ะ พรุ่งนี้ค่อยให้ฉันก็ได้ ฉันไม่รีบ แล้วก็อย่าลืมเก็บส่วนที่เป็๞ค่าแรงของพวกพี่ไว้ด้วยนะคะ”

        ซ่งมู่ไป๋ลองหยั่งเชิงถาม “ถ้าเอาไปให้พรุ่งนี้ เธอยังต้องเอาไปให้เพื่อนของเธออีก ฉันให้ตอนนี้เลยดีกว่า ถึงยังไงราคาก็ตายตัวอยู่แล้ว”

        ลองคิดตามแล้วพรุ่งนี้เธอน่าจะยุ่งพอตัว ให้ทุกคนรอไม่น่าดีเท่าไรนัก

        อีกอย่างอาจารย์ก็อยู่ด้วย รับเงินจากพี่ซ่งต่อหน้าอาจารย์ อาจารย์อาจสงสัยเอาได้

        “ก็ได้ค่ะ”

        ซ่งมู่ไป๋เดินไปหยิบเงิน “เนื้อหมูครึ่งกิโล 1.7 หยวน 156 กิโลก็เป็๲ 530.4 หยวน”

        เธอรู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่ได้หักค่าแรงของตัวเองออก หลังจากรับเงินมา เธอนำเงินห้าร้อยหยวนใส่ในกระเป๋าหรือก็คือใส่ในโกดังสินค้า ส่วนที่เหลืออีก 30.4 หยวนยื่นคืนให้ชายหนุ่ม

        “พี่ซ่ง ฉันจะเอาเปรียบพี่ได้ยังไงคะ เงินนี้ไว้ให้ทุกคนเอาไปซื้อเหล้านะคะ”

        “โม่โม่ เป็๞พวกเรามากกว่าที่เอาเปรียบเธอ หัวหมู ขาหมู แล้วก็เครื่องใน ฉันไม่ได้ชั่งด้วยซ้ำ”

        “พี่ซ่ง ของพวกนั้นถึงเอาไปขายจะได้สักกี่หยวนกัน หากพี่ทำแบบนี้ ต่อไปฉันจะกล้ามาแลกเปลี่ยนของกับพี่อีกได้ยังไงคะ”

        เพราะประโยคนี้ชายหนุ่มถึงได้ยอมรับเงินไป ก่อนจะเอ่ยอย่างซาบซึ้ง “ฉันขอบคุณเธอแทนเ๯้าสองตัวนั้นด้วย”

        เซี่ยโม่ยิ้ม พี่ซ่งไม่กลัวเพื่อนทั้งสองคนมาได้ยินเข้าหรืออย่างไร

        เธอเดินออกจากห้องครัว บังเอิญพบกับพั่งจื่อและโซ่วจื่อซึ่งยืนอยู่หน้าประตู ทั้งคู่คงเอาหมูไปส่งเรียบร้อยแล้ว

        และทั้งคู่น่าจะได้ยินที่เธอกับพี่ซ่งสนทนากันเมื่อสักครู่แล้ว ถึงได้มองพี่ซ่งด้วยแววตาตัดพ้อน้อยใจ

        ซ่งมู่ไป๋เอ่ยโดยไม่สนใจสายตาของทั้งคู่ “ช่วยเฝ้าในห้องครัวให้หน่อย ฉันจะไปส่งน้องสาว”

        โซ่วจื่อกล่าวด้วยน้ำเสียงขึงขัง “ลูกพี่ พวกเราก็จะไปส่งน้องสาวด้วย”

        พั่งจื่อพยักหน้าพลางพูดตามคู่หู “ผมก็จะไปด้วย”

        ซ่งมู่ไป๋กลอกตามองบน ทำไมเ๽้าพวกนี้ถึงไม่รู้จักดูสถานการณ์บ้างเลย

        เขาพูดพลางกัดฟันกรอด “ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพวกแกสักหน่อย ไปเฝ้าหม้อหมูตุ๋นในห้องครัวไป จะกินไหมข้าวเย็นน่ะ”

        “ลูกพี่รีบกลับมาล่ะ ถ้าไม่รีบกลับมา พวกเรากินหมดไม่รู้ด้วยนะ” โซ่วจื่อพึมพำอย่างน้อยอกน้อยใจ

        ชายหนุ่มมองโซ่วจื่ออย่างไม่ชอบใจ ก่อนหน้านี้คิดว่าอีกฝ่ายฉลาดมีไหวพริบ แต่ตอนนี้กลับรังเกียจ สงสัยเขาคงตามใจสองคนนี้มากเกินไป ทั้งคู่เลยเสียคนแบบนี้

        ก็แค่พูดจาต่อว่าต่อหน้าเด็กสาวแค่นิดหน่อยเท่านั้น จำเป็๲ต้องไม่พอใจขนาดนี้เลยหรือ?

        สู้โม่โม่ของเขาก็ไม่ได้ น่ารักกว่าตั้งเยอะ

        เซี่ยโม่ดูออกว่าทั้งสองใช้เ๱ื่๵๹นี้เป็๲ข้ออ้างบังหน้าเพื่อแสดงความไม่พอใจที่มีต่อพี่ซ่ง

        เป็๞คนที่น่าสนใจจริงๆ เธอหลุดหัวเราะออกมา

        หลังจากปรับอารมณ์ได้แล้ว ซ่งมู่ไป๋เดินออกจากบ้านนำหน้าไป

        เซี่ยโม่เข้าใจแล้ว โบราณกล่าวไว้ว่า ใกล้ชาดติดสีแดง ใกล้หมึกดำติดสีดำ[1]ที่แท้ที่พี่ซ่งมีบุคลิกท่าทางเหมือนอันธพาล เป็๞เพราะอยู่กับพี่โซ่วจื่อพี่พั่งจื่อบ่อยๆ นี่เอง ก็เลยติดนิสัยของทั้งคู่มา

        เซี่ยโม่กับซ่งมู่ไป๋พูดคุยหัวเราะกันไปตลอดทาง

        ซ่งมู่ไป๋มาส่งเด็กสาวที่หน้าโรงพยาบาล รอจนเด็กสาวเข้าไปข้างในแล้วถึงค่อยเดินกลับ

        จากตอนแรกที่รู้สึกเคลือบแคลง ตอนนี้เขารู้สึกสงสัยยิ่งกว่าเดิม หมูป่าตัวนั้นต้องไม่ใช่พ่อของเพื่อนร่วมชั้นล่ามาได้แน่ ไม่เช่นนั้นเหตุใดเด็กสาวถึงไม่รีบนำเงินไปให้เพื่อน

        เซี่ยโม่ลืมที่บอกกับซ่งมู่ไป๋ไปเสียสนิท เธอเข้าไปในโรงพยาบาลอย่างอารมณ์ดี แวะห้องน้ำครู่หนึ่งเพื่อนำยาที่ซื้อจากร้านหุยชุนถังออกมา จากนั้นค่อยเดินไปห้องพักผู้ป่วยของน้องชาย

        เมื่อเดินเข้าไปในห้องก็เห็นน้องชายกับอาจารย์กำลังยืนดูอะไรบางอย่างตรงหน้าต่าง

        แล้วเธอก็นึกอะไรได้ ทว่าเซี่ยเฉินเฟิงวิ่งพุ่งเข้ามาหาเธอพอดี “พี่ครับ ผมเห็นพี่ซ่ง ทำไมเขาถึงกลับไปแล้วล่ะครับ”

        น้องชายเธอเห็นแล้วจริงๆ ด้วย

        “ตอนซื้อยาเสร็จ พี่บังเอิญได้เจอพี่ซ่ง เขากำลังจะไปหาเพื่อนที่บ้าน พี่ก็เลยไปด้วย คุยกันไปคุยกันมา กว่าจะรู้ตัวอีกทีเวลาก็ผ่านมานานขนาดนี้แล้ว” เซี่ยโม่ตอบ

        “พรุ่งนี้เด็กซ่งจะมารับพวกเราออกจากโรงพยาบาลไหม” คุณปู่จ้าวเอ่ยถาม

        “มาค่ะ จะมาพรุ่งนี้ตอนเที่ยง” เธอพยักหน้า

        พอนึกได้ว่าทุกคนยังไม่ได้กินข้าวมื้อเย็น เธอเลยเปลี่ยนเ๱ื่๵๹ “มื้อเย็นเราจะไปกินที่ไหนกันดีคะ”

        เซี่ยเฉินเฟิงตัวน้อยมองมาที่เธอด้วยแววตาคาดหวัง “พี่ครับ ตอนนี้ที่โรงอาหารคนน่าจะเยอะ พวกเราไปกินที่ร้านอาหารของรัฐดีไหมครับ”

         

        —------------------------

        [1] ใกล้ชาดติดสีแดง ใกล้หมึกดำติดสีดำ หมายถึง อยู่ใกล้ใครหรืออยู่ในสิ่งแวดล้อมแบบไหนก็จะได้นิสัยหรือสิ่งนั้นมาด้วย

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้