บทที่ 54 ผู้ชายที่ตั้งใจทำอะไรสักอย่าง
ตอนที่พวกเธอกลับมาถึง หนังก็เริ่มฉายไปแล้ว
“พี่สะใภ้สาม ไม่เห็นพี่สามผมเลยเหรอ?” ลู่จิ่งเหนียนถาม “พี่สามของผมออกไปหาพี่แล้วนะ” แล้วก็พูดต่อ “พวกพี่...มาอยู่ด้วยกันได้ยังไง?”
ยุวปัญญาชนจากในเมืองที่หยิ่งยโสราวกับนกยูงอย่างยุวชนฟางคนนั้น ลู่จิ่งเหนียนไม่เข้าใจว่าทำไมสองคนนี้ถึงมาอยู่ด้วยกันได้?
แถมฟางย่วนย่วนคนนี้ยังดูถูกเหยียดหยามพวกคนบ้านนอกอย่างพวกเขา ได้ยินมาว่าเธอไม่ค่อยชอบสวี่จือจือเท่าไหร่ด้วยซ้ำ
“นายมายุ่งอะไรด้วย” สวี่จือจือยังไม่ทันได้พูดอะไร ฟางย่วนย่วนก็พูดขึ้นมาแล้ว “จือจือ ฉันขอดูหนังด้วยคนได้ไหม?”
สวี่จือจือพูดเรียบๆ “ตรงนี้ไม่มีที่ให้เธอนั่ง”
“งั้นใครก็ได้” ฟางย่วนย่วนชี้ไปที่ลู่จิ่งเหนียน “เก้าอี้นายให้ฉันนั่งสิ ส่วนนายไปนั่งที่ของฉันตรงนั้น”
“ทำไมต้องให้ด้วย?” ลู่จิ่งเหนียนจ้องเขม็ง “ฉันไม่ให้”
ยังไงก็จะนั่งอยู่ตรงนี้ ไม่ไปไหนทั้งนั้น
สวี่จือจืออดเป็ห่วงจ้าวลี่เจวียนไม่ได้ ลู่จิ่งเหนียนชายแท้แบบนี้ เมื่อไหร่จะได้ลูกสะใภ้และอุ้มหลานกันล่ะ?
ทั้งสองคนจ้องหน้ากันอยู่นาน ในที่สุดฟางย่วนย่วนก็ต้องยอมแพ้ กระทืบเท้าปึงปังแล้วเดินจากไป ก่อนไปก็ยังบอกกับสวี่จือจือว่า “จือจือ เดี๋ยวฉันมาเล่นด้วยอีกนะ”
แต่สวี่จือจือก็ปฏิเสธ “ฉันยุ่งมาก เื่นั้นเธอไม่ต้องใส่ใจหรอก”
ฟางย่วนย่วนอึ้งไป สุดท้ายก็สะบัดหน้าเดินจากไปด้วยความโมโห
“หล่อนจ้องผมทำไม? ไม่ใช่ผมสักหน่อยที่ไม่ให้หล่อนมา” ลู่จิ่งเหนียนงงเป็ไก่ตาแตก
ถามเธอแล้วเธอจะไปรู้ได้ยังไง?
ลู่จิ่งเหนียนกำลังจะพูดต่อก็โดนคุณนายลู่เคาะศีรษะ “อย่ากวน ฉันกำลังดูหนัง”
หญิงชรากำลังดูอย่างเพลิดเพลินเลย
ตอนที่ลู่จิ่งซานกลับมา สวี่จือจือกำลังคุยเื่หนังกับหญิงชรา ถึงแม้จะไม่ได้มองเขา แต่ก็รู้สึกได้ว่าตอนที่เขานั่งลงเหมือนจะมองเธอแวบหนึ่ง
เป็การมองที่มีนัยยะ
ตอนนั้นเธอไม่ได้คิดอะไร จนกระทั่งวันรุ่งขึ้น ได้ยินว่าโจวเป่าเฉิงตกลงไปในบ่ออุจจาระ แถมอยู่ในนั้นทั้งคืน เธอจึงนึกขึ้นมาได้ คนทำเื่นี้ต้องเป็ลู่จิ่งซานแน่นอน
เช้าวันรุ่งขึ้นตอนที่คนช่วยโจวเป่าเฉิงขึ้นมาได้ เขาแทบเอาชีวิตไม่รอด สภาพหมดสติ
เหอเสวี่ยฉินร้องไห้แทบขาดใจ รีบให้คนพาตัวไปโรงพยาบาลประจำอำเภอ ต้องนอนโรงพยาบาลหลายวันกว่าจะรอดชีวิตมาได้อย่างหวุดหวิด
สิ่งที่ทำให้สวี่จือจือประหลาดใจก็คือไม่รู้ว่าลู่จิ่งซานทำได้ยังไง ถึงแม้ว่าเหอเสวี่ยฉินจะถามยังไง เขาก็ไม่ยอมบอกว่าใครเป็คนโยนเขาลงไปในบ่ออุจจาระ บอกแค่ว่าตอนนั้นมันมืดมองไม่เห็น ทำเอาเหอเสวี่ยฉินโมโหแทบตาย เื่นี้ทำให้อีกฝ่ายหน้าบึ้งตึงไปหลายวัน
แน่นอนว่าเื่เหล่านี้เป็เื่ที่เกิดขึ้นภายหลัง
ตอนที่โจวเป่าเฉิงถูกพาตัวกลับมา สวี่จือจือกำลังมองลู่จิ่งซานที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้อง เธอแกล้งถามเขา “คุณไม่ไปช่วยหน่อยเหรอ?”
ในลานบ้าน เหอเสวี่ยฉินร้องไห้โฮกอดลูกชาย จัดแจงหาคนส่งโรงพยาบาล เขานั่งอยู่ตรงนี้อ่านหนังสือเข้าหัวเหรอ?
“ผมว่างนักเหรอ?” ลู่จิ่งซานมองเธอแวบหนึ่งอย่างเฉยเมย
“คุณว่า” สวี่จือจือพับผ้าไปพลางถามเขาไปพลาง “ตกลงใครเป็คนพาโจวเป่าเฉิงไปลงบ่ออุจจาระกันแน่? สะใจชะมัด!”
เธอสงสัยว่าเมื่อคืนนี้ตอนที่เธอออกไปสั่งสอนโจวเป่าเฉิง ลู่จิ่งซานคงจะเห็นเข้าแล้ว
“อืม” ลู่จิ่งซานตอบรับอย่างไม่ใส่ใจ “เขาไม่ได้บอกว่าตาบอดมองไม่เห็นทางเหรอ?”
สวี่จือจือ “...” ตาบอดนี่ไม่ใช่โจวเป่าเฉิงพูดเองนะ
“หรือคุณคิดว่าใครกันล่ะ?” เขาละสายตาจากหนังสือ มองสวี่จือจือด้วยดวงตาลุ่มลึก
“ฉันจะไปรู้ได้ยังไง” สวี่จือจือหันหน้าหนี ไม่กล้าสบตาเขา เอาผ้าที่พับเสร็จแล้วใส่เข้าไปในตู้ “บางทีเขาอาจจะทำเื่ชั่วๆ ไว้เยอะ แล้วกรรมตามสนอง”
“ก็อาจเป็ไปได้” ลู่จิ่งซานพยักหน้า
แล้วก็ได้ยินสวี่จือจือถามเขา “คุณจะหมดวันหยุดเมื่อไหร่?”
ลู่จิ่งซานเลิกคิ้ว มองเธอเงียบๆ รอฟังเธอพูดต่อ
“ก็แค่คิดว่า พวกคุณลาพักร้อนกันบ่อยจัง” สวี่จือจือยิ้มเจื่อนๆ นึกถึงสายตาที่คนอื่นมองมาก็รู้สึกปวดศีรษะ
ลู่จิ่งซานยังสะบัดก้นหนีไปได้ แต่เธอต้องอยู่ที่นี่ตลอด อย่างน้อยก็จนกว่านโยบายจะชัดเจน
“ปกติไม่เยอะหรอก” ลู่จิ่งซานพูด “ผมแต่งงานแล้วนี่ ก็เลยขอลาเพิ่มอีกหน่อย”
“อ้อ” สวี่จือจือพยักหน้า ปิดประตูตู้ มองเขาที่ก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือจากกระจกตู้เสื้อผ้า
ใครๆ ก็บอกว่าคนที่ตั้งใจทำอะไรสักอย่างจะมีเสน่ห์ที่สุด
ไม่แปลกใจเลยที่นักเขียนคนนั้นจะปฏิบัติต่อเขาเป็พิเศษ ผู้ชายที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้ ไม่ว่าจะอยู่ในยุคนี้หรือยุคปัจจุบัน ไปที่ไหนก็เป็จุดสนใจ
มีอยู่ไม่กี่วินาทีที่สวี่จือจือคิดว่า หรือจะจับเขากดลงไป ทำให้เขาเป็ผู้ชายของเธอจริงๆ?
แต่พอนึกถึงคำพูดที่เขาพูดไว้ ความคิดนั้นก็ดับวูบลงทันที สวี่จือจืออดใจลอยเล็กน้อยไม่ได้
ลู่จิ่งซานที่ก้มหน้าอ่านหนังสือดูเหมือนจะตั้งใจ แต่ความจริงแล้วอ่านหนังสือไม่เข้าหัวสักตัว
สายตาของสวี่จือจือจดจ่อมากเกินไป ทำให้เขาอยากจะเพิกเฉยก็ยาก
“พวกนายระวังหน่อยนะ”
เสียงแหลมของเหอเสวี่ยฉินที่ดังมาจากข้างนอก ดึงความคิดของทั้งสองคนกลับมา
สวี่จือจือลูบใบหน้าตัวเองที่ร้อนผ่าว “ฉันจะออกไปดูในครัวหน่อยนะว่าเที่ยงนี้จะกินอะไรดี”
เธอถึงกับแอบมองลู่จิ่งซานจนเสียอาการ!
“จือจือ เธอเป็อะไรไป?” เพิ่งก้าวออกจากประตูก็เจอจ้าวลี่เจวียนยืนดูเหตุการณ์อยู่ใต้ชายคา
จ้าวลี่เจวียนแทบจะหยิบเมล็ดแตงโมมานั่งแทะไปด้วยแล้ว
“หน้าแดงขนาดนี้ เป็ไข้หรือเปล่า?” จ้าวลี่เจวียนถามด้วยความเป็ห่วง
“เปล่าค่ะ” สวี่จือจือเปลี่ยนเื่ แล้วเชิดคางไปทางคนในลานบ้าน “นี่มันเกิดอะไรขึ้นเหรอคะ?”
“ใครจะไปรู้ล่ะ” จ้าวลี่เจวียนพูดอย่างสมน้ำหน้า แล้วเหลือบมองโจวเป่าเฉิงที่นอนอยู่บนรถเข็น
ถ้าเมื่อกี้เธอไม่ได้ตาฝาด เหมือนว่าใครไม่ระวังไปโดนเป้าของโจวเป่าเฉิงเข้า ผลลัพธ์คือโจวเป่าเฉิงร้องครวญครางออกมาด้วยความเ็ป แล้วเหอเสวี่ยฉินก็เริ่มร้องโวยวาย
อะไรคือมืดจนมองไม่เห็น? คงไม่ได้ทำเื่อะไรไม่ดีไว้แล้วโดนคนสั่งสอน โยนลงไปในบ่ออุจจาระหรอกมั้ง!
สมน้ำหน้า!
พอเทียบกันแบบนี้ จ้าวลี่เจวียนก็รู้สึกว่าลูกชายของตัวเองยังดี แล้วก็เห็นลู่จิ่งเหนียนที่ยืนเกะกะอยู่ตรงนั้น
เอาเถอะ เื่แต่งงานเหมือนจะยังไม่รีบร้อนเท่าไหร่
“สวี่จือจือ” ลู่หลิงซานหันขวับมาด้วยดวงตาแดงก่ำ เห็นสวี่จือจือยืนยิ้มอยู่ตรงนั้นก็เหมือนโดนจุดชนวน “เธอมันตัวซวย ั้แ่เธอเข้ามาอยู่ในบ้านเรา บ้านเราก็ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง!”
เริ่มจากเหอเสวี่ยฉินที่อยู่ในห้องใต้ดินกับอุจจาระของตัวเองทั้งคืน ตอนนี้ก็โจวเป่าเฉิงที่อยู่ในส้วมทั้งคืน
เหอเสวี่ยฉินหันกลับมามองสวี่จือจืออย่างอาฆาตแค้น
“ประสาท” สวี่จือจือพูดเสียงเรียบๆ “ไปหาหมอกันทั้งคู่เลยก็ดี”
“เธอ!” ลู่หลิงซานจ้องสวี่จือจืออย่างโกรธเคือง
สวี่จือจือเองก็ไม่ยอมแพ้ มองอีกฝ่ายอย่างเฉื่อยชา เทียบกันแล้วลู่หลิงซานดูข่มเหงกว่าเยอะ
“ไม่แปลกใจเลยที่พี่ชายฉันไม่อยากแตะต้องเธอ”
“เธอว่าอะไรนะ?”
เสียงทุ้มต่ำมีเสน่ห์ดังขึ้นอย่างเย็นะเื!
.............................
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้