หลิวิ่ิ่ใ ไม่สิ ไม่ใช่แค่หลิวิ่ิ่แต่เพื่อนร่วมชั้นทุกคนที่เห็นภาพเหตุการณ์นี้ต่างก็ใไปตามๆ กัน พวกเธอเองก็อยากได้เหมือนกัน!
“ให้...ให้ฉันหรือ?” หลิวิ่ิ่หยิบยางรัดผมชิ้นนั้นขึ้นมาพลางเอ่ยอย่างตะกุกตะกัก “ให้จริง...จริงหรือ?”
นี่เป็ยางรัดผมแบบธรรมดาที่มีสีแดงลายจุดสีขาว ยางรัดผมสีสันสดใสแถมยังชิ้นใหญ่น่ารักช่างดึงดูดให้ผู้คนที่พบเห็นชื่นชอบยิ่งนัก พอหลิวิ่ิ่คว้ามันมาไว้ในมือได้เธอก็ตัดใจวางมันไม่ลงเสียแล้ว
ซ่งวั่งซูกล่าวอย่างร่าเริง “ใช่ ฉันให้เธอนะ” หลิวิ่ิ่นั้นเป็เด็กที่ครอบครัวมีฐานะ ยามปกติก็มักจะชอบนำขนมติดตัวมาด้วยและตอนที่ตัวเองกินก็ไม่ลืมที่จะแบ่งปันให้ซ่งวั่งซู
ซ่งวั่งซูไม่ใช่คนที่ชอบเอาเปรียบผู้อื่น เธอกินขนมของหลิวิ่ิ่ไปตั้งมากมายขนาดนั้นแต่กลับไม่เคยให้อะไรหลิวิ่ิ่เลย ในใจเธอรู้สึกว่าตนเองด้อยกว่าหลิวิ่ิ่มาโดยตลอด ทว่าตอนนี้เธอมียางรัดผมสวยๆ ตั้งเยอะแยะ หลังจากมอบให้หลิวิ่ิ่ไปหนึ่งชิ้นเด็กสาวก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาก
เด็กผู้หญิงที่อยู่รอบห้องต่างก็จ้องมองมาด้วยสายตาอิจฉา
หลิวิ่ิ่หันไปพูดกับซ่งวั่งซู “นี่...คงไม่ค่อยดีมั้ง?” แม้ว่าเธอจะชอบมันมากๆ แต่เธอก็รู้สึกไม่สบายใจนิดหน่อยที่จะรับของมาเฉยๆ
ซ่งวั่งซูพูดออกไปตรงๆ “ฉันช่วยรัดหนังยางนี้ให้เธอก็แล้วกัน!” วันนี้หลิวิ่ิ่มัดผมหางม้า ซ่งวั่งซูจึงนำยางรัดผมชิ้นนั้นมัดรอบผมหางม้าของหลิวิ่ิ่
หลิวิ่ิ่ทั้งตื่นเต้นและดีใจ “สวยไหม?”
ซ่งวั่งซูพยักหน้าตอบ “สวยมาก!”
หลิวิ่ิ่คิดอย่างมีความสุข เธอจะขอเป็เพื่อนที่ดีกับซ่งวั่งซูไปชั่วชีวิตเลย!
ภาพเหตุการณ์นี้อยู่ในสายตาของเด็กหญิงที่นั่งอยู่ตรงข้างกับซ่งวั่งซู ซึ่งเด็กหญิงคนนี้มีชื่อว่าเฉินฟางเฟย เธอเป็เด็กนักเรียนหญิงที่มีฐานะดีที่สุดในห้องเรียน เธอมีลุงอยู่ที่ฮ่องกงคนหนึ่ง หลังจากการปฏิรูปและเปิดประเทศแล้ว เธอก็มักจะได้ของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ที่มีทั้งแปลกใหม่และสวยงามจากลุงของเธออยู่เป็ประจำ ทำให้เด็กผู้หญิงหลายๆ คนในชั้นเรียนต่างก็อิจฉาเธอ ทั้งยังเห็นว่าเธอกลายเป็ผู้มีอิทธิพลประจำห้องอีกด้วย
ยามปกตินั้น คนที่แข่งขันกับซ่งวั่งซูมากที่สุดก็เห็นจะเป็เธอคนนี้นี่แหละ
เฉินฟางเฟยย่นจมูกแล้วส่งเสียงฮึออกมา “มีอะไรสวยกัน ก็แค่เศษผ้าชิ้นหนึ่งไม่ใช่หรือ สวยสู้กิ๊บติดผมที่ลุงฉันเอามาฝากจากฮ่องกงไม่ได้หรอก!”
เฉินฟางเฟยพูดไปพลางพร้อมกับส่ายหน้าเบาๆ ทำให้กิ๊บติดผมรูปผีเสื้อบนศีรษะของเธอกระพือปีกและสะท้อนแสงสีสันแวววับ
ในใจของเหล่าเด็กสาวตัวเล็กๆ กิ๊บติดผมของเฉินฟางเฟยนั้นสวยกว่ายางรัดผมของซ่งวั่งซูจริงๆ ยังไงก็ตามกิ๊บติดผมของเฉินฟางเฟยก็เป็ของที่ลุงของเธอนำมาฝากจากฮ่องกงที่เมืองปักกิ่งย่อมไม่มีวางจำหน่ายอย่างแน่นอน อีกทั้ง กิ๊บติดผมอันเดียวยังราคาตั้งสิบกว่าหยวนแน่ะ! เด็กในห้องต่างก็มาจากครอบครัวธรรมดาๆ ใครจะซื้อไหวกันเล่า?
แต่ยางรัดผมของซ่งวั่งซูนั้นแตกต่างออกไปเพราะมันเป็ของที่สามารถหาซื้อได้ที่เมืองปักกิ่ง! ยิ่งไปกว่านั้นซ่งวั่งซูยังมอบยางรัดผมให้หลิวิ่ิ่ได้ง่ายๆ แสดงว่ามันมีราคาถูกกว่ากิ๊บติดผมน่ะสิ เพราะอย่างนั้นราคาของยางรัดผมนี้ พวกเธอสามารถซื้อได้เช่นกัน!
หลังจากนั้นเด็กผู้หญิงหลายคนก็เดินเข้ามารุมล้อมซ่งวั่งซู แม้แต่เด็กผู้หญิงบางคนที่ในยามปกติไม่ได้เล่นกับเธอก็ยังเข้ามาพูดคุยเกี่ยวกับเื่ยางรัดผมนั่น พริบตาเดียว ซ่งวั่งซูก็กลายเป็ศูนย์กลางวงสนทนาของเด็กผู้หญิงทุกคนในห้องเรียนแล้ว
ซ่งวั่งซูยิ้มให้เฉินฟางเฟยผ่านวงล้อมของเพื่อนในชั้นเรียน
เฉินฟางเฟยหน้าบูดบึ้งด้วยความโกรธ เธอจะหันหลังเดินหนีไม่สนใจคนเหล่านี้อีกต่อไป
ตอนกลางวัน ซ่งวั่งซูกับซ่งตงซวี่ก็เลิกเรียนแล้วกำลังเดินกลับบ้าน ทว่าจุดมุ่งหมายของพวกเขาไม่ได้อยู่ที่บ้านอีกต่อไป พวกเขาสองคนเดินตรงไปยังบ้านของป้าเซี่ยงเหมยแทน
ตอนนี้ซ่งหานเจียงไม่อยู่บ้าน หากเด็กทั้งสองอยากกินอาหารร้อนๆ หรืออาหารดีๆ สักจานก็คงจะเกิดปัญหาขึ้นอย่างแน่นอน แถมยังจะสร้างความยุ่งยากให้แม่ของพวกเขาอีกด้วย ปัญหาที่สามารถแก้ได้ด้วยเงินย่อมมิใช่ปัญหาอีกต่อไป แล้วไยต้องไปทนทุกข์ที่บ้านตระกูลซ่งด้วยเล่า
ดังนั้นเธอจึงมอบเงินส่วนหนึ่งให้กับเซี่ยงเหมยเพื่อเป็ค่าอาหารสำหรับลูกๆ ของเธอ
ขณะทานอาหาร ซ่งวั่งซูก็เริ่มยกเื่ในโรงเรียนขึ้นมาพูด เด็กสาวหันไปพูดกับซย่านีว่า “แม่คะ แม่อยากไปตั้งแผงขายของที่หน้าประตูโรงเรียนพวกหนูไหมคะ? เพื่อนๆ ร่วมชั้นของหนูชอบยางรัดผมของหนูกันมากๆ เลย พวกเธออยากจะซื้อมันค่ะ”
หลังจากได้รับเงินค่าขนมมา ซ่งวั่งซูก็รู้แล้วว่าเงินเป็ของดีไม่มีอะไรที่เงินทำไม่ได้
ซย่านียิ้มจนตาหยีพลางคีบอาหารให้ซ่งวั่งซู “ได้สิ รอจนแม่ขายของที่มหาวิทยาลัยปักกิ่งไม่ได้แล้ว แม่ค่อยไปขายของที่โรงเรียนของพวกลูกก็แล้วกัน”
เธอเดาไว้นานแล้วว่าเด็กผู้หญิงในโรงเรียนของลูกสาวน่าจะชอบยางรัดผมนี้ ตอนแรกที่เลือกสถานที่ตั้งแผงขายของ ทางเลือกแรกที่ซย่านีเลือกก็คือหน้าประตูโรงเรียนประถม แต่ต่อมาเธอก็เปลี่ยนมาขายที่ประตูมหาวิทยาลัยแทน ซึ่งเหตุผลหลักๆ ก็คือนักศึกษามหาวิทยาลัยนั้นมีเงินในมือ ทั้งยังไม่ค่อยต่อราคาสินค้าด้วย
ทว่าซย่านีเองก็คาดการณ์ว่าการขายที่ฝั่งมหาวิทยาลัยนั้น คงใกล้จะถึงจุดอิ่มตัวแล้ว ยางรัดผมนี้ไม่ใช่ของที่จะพังง่ายๆ ไม่รู้ว่าคนจะแห่มาซื้อกันถึงเมื่อไหร่
เป้าหมายต่อไป ซย่านีจึงเตรียมตัวที่จะไปสำรวจรอบๆ โรงเรียนประถมสักเที่ยวหนึ่ง
พวกผู้ปกครองของนักเรียนอาจจะไม่ได้มีกำลังทรัพย์เท่ากลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยแต่ก็ทนต่อความชอบของลูกๆ ไม่ไหว หากเด็กๆ อยากได้อะไรก็จะทั้งร้องไห้งอแงและส่งเสียงดังขึ้นมา สุดท้ายผู้ปกครองก็ต้องยอมซื้อของสิ่งนั้นมาให้ได้
“แล้วลูกล่ะ วันนี้อยู่ที่โรงเรียนเป็อย่างไรบ้าง?” ซย่านีหันไปมองซ่งตงซวี่
วันนี้ตอนอยู่ที่โรงเรียนซ่งตงซวี่มีพฤติกรรมไม่เลวเลยทีเดียว เขาจึงเชิดหน้าขึ้นตอบแม่ว่า “คุณครูชมผมด้วยนะ”
“ชมลูกเื่อะไรกัน?”
“ชมว่าผมทำการบ้านได้ดี” ซ่งตงซวี่คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็กล่าวเสริมอีกว่า “คุณครูชมว่าพ่อลายมือสวยมาก”
นักเรียนคนอื่นๆ ต่างก็นำกระดาษการบ้านมาส่งกันทุกคน พอถึงตอนที่เขาส่งกระดาษการบ้านสองสามแผ่น คุณครูก็สังเกตเห็นการบ้านของเขาทันที จากนั้นครูก็หยิบมันออกมาดูแล้วยังถามเขาว่าเกิดอะไรขึ้นกับการบ้านของเขา ใครเป็คนคัดลอกแผ่นการบ้านนี้
ซย่านีกล่าวกับลูกชาย “พ่อของลูกลายมือสวยจริงๆ นั่นแหละ ตอนที่เขาไปอยู่ชนบทตอนที่ว่างๆ ไม่มีอะไรทำ เขาก็มักจะฝึกเขียนตัวอักษรและอ่านหนังสืออยู่ตลอดเวลา”
ซ่งตงซวี่ถามผู้เป็แม่กลับ “แล้วตอนนี้ทำไมพ่อไม่ฝึกเขียนตัวอักษรแล้วล่ะครับ?”
ซย่านีเลิกคิ้วขึ้นพลางกล่าวว่า “พ่อจะเอาเวลามาจากไหนกันเล่า วันๆ พ่อเขายุ่งจะตายเวลากลับบ้านยังไม่มีด้วยซ้ำ”
หลังจากกินข้าวเสร็จ ซ่งวั่งซูกับซ่งตงซวี่ก็ไปโรงเรียนกันแล้ว ส่วนซย่านีกับเซี่ยงเหมยก็ทำยางรัดผมต่ออีกพักหนึ่งพอถึงเวลาประมาณบ่ายสอง ซย่านีก็เริ่มเก็บยางรัดผมที่ทำเสร็จใส่ลงในกระสอบแล้วเตรียมตัวออกเดินทางไปยังประตูมหาวิทยาลัย
เดิมทีพวกเธอสองคนเตรียมตัวจะไปขายของด้วยกัน ต่อมาซย่านีก็คิดไตร่ตรองเล็กน้อย เธอคิดว่าวันนี้การค้าขายอาจจะไม่ยุ่งเท่าเมื่อวานเพราะปริมาณสินค้าไม่ได้มากเหมือนวันแรกๆ แค่คนเดียวก็น่าจะจัดการได้แล้ว เพื่อให้อีกคนอยู่ทำยางรัดผมต่อที่บ้านและยังสามารถดูแลซิงซิงลูกชายคนเล็กของเธอได้อีกด้วย
่สองวันมานี้จู่ๆ อุณหภูมิก็ลดลง อากาศแบบนี้ไม่เหมาะที่จะพาเด็กเล็กออกไปตั้งแผงขายของด้วยจริงๆ
เซี่ยงเหมยไม่ได้มีข้อโต้แย้งอะไรจึงตอบตกลง และเธอก็ยังแสดงความ้าออกมาด้วยว่า “ฉันจะอยู่ที่บ้าน...ออกไปตั้งแผงขายของคนเดียวแบบนั้น ฉันทำไม่ได้เลยจริงๆ ฉันพูดไม่เก่งน่ะสิ”
ครั้งก่อนที่เธอออกไปขายยางรัดผม เธอพบว่าไม่ว่าลูกค้าจะถามอะไรมา ซย่านีก็จะเป็คนตอบคำถามตลอด ปากเล็กๆ นั้นพูดเก่งมากเธอไม่สามารถทำอย่างซย่านีได้ พอถูกคนแปลกหน้าจำนวนมากๆ มารุมล้อมเช่นนั้น เธอก็พูดไม่ออกแล้ว
ดังนั้นคนทั้งสองจึงตัดสินใจอย่างเป็เอกฉันท์ว่าจะให้ซย่านีออกไปขายของ ส่วนเซี่ยงเหมยให้อยู่บ้านดูเด็กน้อยซิงซิงและทำยางรัดผมต่อไป
วันก่อนเธอนัดกับกลุ่มนักศึกษาหญิงไว้ตอนบ่ายสามโมง เมื่อซย่านีมาถึง กลุ่มนักศึกษาหญิงพวกนั้นก็รอเธออยู่ที่ตั้งแผงขายของเมื่อวานนี้แล้ว วันนี้อากาศเย็นมากแต่ละคนใบหน้าแดงเพราะความหนาวของอากาศ เธอไม่รู้ว่าพวกนักศึกษาหญิงกลุ่มนี้มายืนรอเธออยู่ข้างนอกนานแค่ไหน
ซย่านียกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา (ซึ่งเป็นาฬิกาที่ยืมมาจากเซี่ยงเหมย) แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาบ่ายสามโมงตามที่นัดกันไว้เลย
กลุ่มนักศึกษาหญิงเห็นซย่านีขี่รถสามล้อมาแต่ไกลๆ ก็ะโโลดเต้นโบกไม้โบกมือให้ซย่านีทันที
