ตอนที่หลงอวี้กำลังคาดเดาในใจ ถานอู๋โจวในชุดสีม่วงก็โมโหจนหน้าเขียว
เพราะโดนคำพูดของชายหนุ่มลึกลับแทงใจดำเข้า เขาจึงหงุดหงิดเป็อย่างมาก
“เ้าจะมากเกินไปแล้วนะ ข้าถานอู๋โจวผู้นี้คิดจะกลับผิดเป็ถูกเมื่อใดกัน?”
ถานอู๋โจวกระแทกเสียงอย่างเดือดดาล ราวกับชายตรงหน้ากำลังดูิ่เขาอยู่ก็ไม่ปาน
“ฮ่าๆ!”
ชายหนุ่มลึกลับหัวเราะ
“ผู้าุโถาน เราท่านต่างรู้อยู่แก่ใจ ยังจะพูดจาอ้อมค้อมอีกทำไม? ไม่ต้องพูดอะไรมากแล้ว ข้าขอตัวก่อน!”
พอพูดจบ ชายหนุ่มลึกลับก็ก้าวเท้าออกไป จากนั้นก็มีเงาดำสายหนึ่งพุ่งผ่าน หลงอวี้พลันถูกพาตัวออกไปอย่างรวดเร็ว ความเร็วนี้มันเหนือกว่าตัวเขาที่ใช้ท่าวายุก้าวพริบตาถึงสามสี่เท่าเป็อย่างน้อย!
ถานอู๋โจวไม่ได้ขัดขวาง ปล่อยให้ชายหนุ่มลึกลับพาตัวหลงอวี้ไปทั้งอย่างนั้น เพียงพริบตาเดียวก็หายไปไม่เหลือร่องรอย
“ผู้าุโถาน คนผู้นั้นเป็ใคร เหตุใดถึงโอหังเพียงนี้?”
เมื่อเห็นหลงอวี้ถูกพาตัวไปต่อหน้าต่อตา ฉินหยงเอ๋อร์ก็ไม่สบอารมณ์ อดไม่ได้ที่จะถามออกไป
“ลูกศิษย์ระดับพิเศษอันดับหนึ่งของลัทธิสยบฟ้า”
ถานอู๋โจวตอบกลับอย่างเ็า หลังจากนั้นก็มองซากศพของฉินเทียนเชวี่ยแวบหนึ่งด้วยแววตาเศร้าสร้อย
“หากคนผู้นั้นยื่นมือเข้ามายุ่งเช่นนี้ เื่นี้อาจารย์คงช่วยเ้าไม่ได้อีกแล้ว...”
“ผู้าุโถาน หรือท่านจะปล่อยเื่นี้ไปเฉยๆ แบบนี้?”
ฉินหยงเอ๋อร์เจ็บใจ เผยแววตาชั่วร้ายอำมหิต
“นอกจากปล่อยไปแล้วจะทำอะไรได้อีก?”
ถานอู๋โจวกระแทกเสียงเ็า ตัวเขาในตอนนี้ไม่ได้แสดงท่าทีเป็มิตรอันใดกับฉินหยงเอ๋อร์อีก
“เื่ราวในวันนี้ เ้ายังไม่รู้จักสำนึกอีกหรือ? เอาล่ะ เอาล่ะ! เห็นแก่หน้าเทียนเชวี่ย ข้าจะไม่ถือสาอะไรเ้าก็แล้วกัน พรุ่งนี้เช้า เ้าเก็บสัมภาระแล้วออกไปจากลัทธิสยบฟ้าไปเสียเถิด!”
ที่ถานอู๋โจวยอมลงมือช่วยเหลือครั้งนี้เพราะ้าล้างแค้นให้ฉินเทียนเชวี่ยเท่านั้น
แต่ในเมื่อตอนนี้ล้างแค้นไม่ได้ ฉินเทียนเชวี่ยก็ตายแล้ว เขาย่อมไม่เหลือความรู้สึกเป็มิตรใดๆ กับฉินหยงเอ๋อร์ที่เป็ต้นเหตุของเื่ทั้งหมดนี้อีก
เื่ราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ เขาที่เป็ผู้คุมกฎย่อมรู้ดีอยู่แล้ว!
ฉินหยงเอ๋อร์ได้ยินเช่นนั้นก็อึ้งไปทันที
“ผู้าุโถาน...”
นางเบิกตาโต คาดไม่ถึงว่าถานอู๋โจวจะไม่กล้ามีปัญหากับลูกศิษย์ระดับพิเศษคนหนึ่งเช่นนี้!
ลูกศิษย์ระดับพิเศษอันดับหนึ่ง ก็เป็ลูกศิษย์ของลัทธิสยบฟ้าเหมือนกันไม่ใช่หรือ?
ถานอู๋โจวที่เป็ผู้คุมกฎ กลับหวาดกลัวลูกศิษย์คนหนึ่งเช่นนี้ ฉินหยงเอ๋อร์ไม่อาจเข้าใจเื่ที่เกิดขึ้นได้อย่างสิ้นเชิง
แต่ถานอู๋โจวไม่จำเป็ต้องอธิบายให้นางฟังอยู่แล้ว
“พวกเ้าสี่คน เื่ในวันนี้ห้ามใครแพร่งพรายออกไปเด็ดขาด ไม่เช่นนั้น...”
ดวงตาของถานอู๋โจวพลันฉายประกายอำมหิตชั่ววูบ มองสามคนที่เหลือนอกจากฉินหยงเอ๋อร์
“ศะ...ศิษย์เข้าใจแล้วขอรับ!”
นอกจากฉินหยงเอ๋อร์แล้ว สามคนที่เหลือรีบตอบกลับด้วยความหวาดกลัวกลัวว่าถ้าตอบช้าจะถูกถานอู๋โจวหักคอ
หากเื่ที่เกิดขึ้นเมื่อกี้เผยแพร่ออกไป จะเป็ผลเสียต่อชื่อเสียงของถานอู๋โจวอย่างแน่นอน พวกเขาสามคนไม่กล้าพูดอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าอยู่แล้ว!
“จำคำพูดตัวเองไว้ให้ดีล่ะ”
ดวงตาของถานอู๋โจวปรากฏจิตสังหารแวบหนึ่ง จากนั้นก็ก้มมองศพของฉินเทียนเชวี่ยเล็กน้อย จิตสังหารนอกจากจะไม่ลดแล้วกลับยิ่งทวีคูณ
เห็นได้ชัดว่าเขาไม่คิดจะล้มเลิกการล้างแค้นให้ฉินเทียนเชวี่ย เพียงแต่ตอนนี้ต้องข่มใจไว้ก่อน!
เขาอุ้มศพของฉินเทียนเชวี่ยขึ้นมา ค่อยๆ ก้าวเท้ามุ่งไปยังลัทธิสยบฟ้า ชายผ้าสีม่วงปลิวไสวไปตามลม เพียงครู่เดียวก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
เหตุการณ์อันน่าสะพรึงภายในหุบเขาอสรพิษเวหาได้ปิดม่านลงแต่เพียงเท่านี้...
......
หลงอวี้ถูกชายหนุ่มลึกลับผู้นั้นพากลับมายังด้านล่างของหุบเขาสยบฟ้าอย่างรวดเร็ว
“หลงอวี้ ข้าส่งเ้าถึงแค่ตรงนี้ก็แล้วกัน ข้าแจ้งผู้เฒ่าทั้งสองแล้ว เดี๋ยวพวกเขาจะลงมารับเ้า”
ชายหนุ่มลึกลับมองหลงอวี้ด้วยความชื่นชม และพูดให้กำลังใจเขา
“พร์ด้านการต่อสู้ของเ้าสูงมาก อีกไม่นานหลังจากนี้ เ้าอาจกลายเป็คู่แข่งของข้าก็เป็ได้!”
“ผู้าุโชมเกินไปแล้ว วันนี้ข้าต้องขอบพระคุณผู้าุโมากที่ช่วยเหลือ”
หลงอวี้ยกมือขึ้นคารวะ อดกลั้นความเ็ปจากขาที่หักไว้
“นี่ อย่าเรียกข้าว่าผู้าุโสิ ข้าดูแก่มากเลยหรืออย่างไร?”
ชายหนุ่มทำสีหน้าเคร่งขรึม
“ข้าก็เป็ลูกศิษย์ของลัทธิสยบฟ้าเหมือนเ้า แต่แค่อยู่ระดับพิเศษเท่านั้น เ้าเรียกข้าว่าศิษย์พี่ก็ได้!”
ลูกศิษย์ระดับพิเศษ!
หลงอวี้ได้ยินเช่นนั้นก็ชะงักไป ชายหนุ่มลึกลับผู้นี้เป็ลูกศิษย์ระดับพิเศษอย่างนั้นหรือ?
นึกว่าเป็ผู้าุโเสียอีก!
เ้าหมอนี่ใช้สถานะลูกศิษย์ระดับพิเศษกดดันถานอู๋โจวได้ เห็นได้ชัดว่าต้องมีพลังแข็งแกร่งมาก! แถมยังดูแข็งแกร่งยิ่งกว่าเฟิงอวิ๋นที่เป็ลูกศิษย์ระดับพิเศษเหมือนกันด้วย!
ในแผ่นดินเทียนอวี้ พลังเป็ตัวกำหนดทุกสิ่ง แม้ชายหนุ่มลึกลับผู้นี้จะเป็แค่ลูกศิษย์ แต่ถ้าแข็งแกร่งกว่า ถานอู๋โจวก็ไม่สามารถทำอะไรได้
นี่คือข้อดีที่ได้จากความแข็งแกร่ง!
หากไม่เป็เช่นนั้น วันนี้หลงอวี้คงยากที่จะรอดมาได้ ตอนนี้เขาไม่เพียงก้าวสู่วิถียุทธ์ขั้นหกได้แล้วเท่านั้น แต่ยังได้ยุทธภัณฑ์ ตราวายุปราณ มาจากฉินเทียนเชวี่ยด้วย การเดินทางไปหุบเขาอสรพิษเวหาครั้งนี้นับว่าได้รับผลตอบแทนมหาศาล!
ทั้งหมดนี้เป็เพราะชายหนุ่มลึกลับที่เป็ลูกศิษย์ระดับพิเศษผู้นี้ช่วยไว้
“ศิษย์พี่ โปรดบอกชื่อแซ่ของท่านให้ข้ารู้ด้วยเถิด วันหน้าศิษย์น้องต้องตอบแทนแน่นอน”
หลงอวี้รีบพูดต่อเพราะ้ารู้ชื่อของอีกฝ่าย
“ฮ่าๆ แค่ชื่อแซ่จะสนใจอะไรให้มากความ? ข้าไม่พูดเยอะแล้ว ไปก่อนล่ะ ไว้เจอกันใหม่!”
ชายหนุ่มหัวเราะร่วน จากนั้นหันหลังกลับก้าวเท้าออกไป ก่อนจะหายลับไป
หลงอวี้เห็นเขาจากไปทั้งอย่างนั้น ก็อดงุนงงไม่ได้ เ้าหมอนี่ชื่ออะไรกันแน่ทำไมจู่ๆ ถึงปรากฏตัวมาช่วยเขา?
ถ้าแค่เพราะว่าเขามีศักยภาพสูงละก็ หลงอวี้ไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด
“หรือจะเกี่ยวข้องกับเฟิงอวิ๋น?”
ลูกศิษย์ระดับพิเศษที่หลงอวี้เคยข้องเกี่ยว มีเฟิงอวิ๋นคนเดียวเท่านั้น หรือชายหนุ่มลึกลับผู้นี้จะมีแค้นกับเฟิงอวิ๋น ก็เลยสนใจเขาเป็พิเศษ เลยปรากฏตัวช่วยเหลือ?
“หรือไม่ก็…มีความเกี่ยวข้องกับพ่อที่ไม่เคยเห็นหน้า?”
หลงอวี้คิดไปต่างๆ นานา ก็ไม่อาจคาดเดาความจริงได้เลย เพียงครู่เดียวเท่านั้น บนเส้นทางขึ้นสู่ยอดเขาของหุบเขาสยบฟ้า สาวน้อยน่ารักในชุดสีน้ำเงินคนหนึ่งปรากฏตัว เลี่ยวเล่อเล่อนั่นเอง!
“หลงอวี้ นี่เ้าไปทำอะไรมา เพิ่งออกไปเมื่อเช้านี้เองไม่ใช่หรือ ทำไมขาหักอีกแล้วล่ะ?”
เลี่ยวเล่อเล่อที่ถูกผู้เฒ่าขาวสั่งให้ลงมา พอเห็นหลงอวี้กำลังคุกเข่าข้างเดียวอยู่บนพื้นก็รู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
นางรีบวิ่งลงมาด้วยสีหน้าเอือมระอา
“พลังของเ้ายังไม่แข็งแกร่งมาก แต่ก็ยังจะหาแต่เื่ต่อยตี คราวนี้ขาเ้าคงต้องรออีกสักครึ่งเดือนถึงจะหายดีแล้วมั้ง”
“ครึ่งเดือนก็ครึ่งเดือน เป็เวลาที่ป่าโสมโบราณของราชวงศ์เปิดพอดี”
หลงอวี้อธิบายต่อ
“อีกอย่าง ข้าโดนผู้อื่นรังแกขนาดนั้น จะให้ยอมแพ้แล้วปล่อยให้พวกมันรังแกข้าหรือ”
“เชอะ รีบกลับขึ้นไปกับข้าได้แล้ว”
เลี่ยวเล่อเล่อเหลือกตาใส่ก่อนจะพยุงร่างเขา พาขึ้นไปบนยอดเขาทีละก้าว
แม้ท่าทีที่เลี่ยวเล่อเล่อแสดงออกจะดูไม่เป็มิตรกับหลงอวี้สักเท่าไร แต่เขากลับััได้ถึงความอบอุ่นที่หายไปนานจากสาวน้อยผู้นี้ เขารู้สึกเหมือนถูกเป็ห่วงอยู่ก็ไม่ปาน
โดยเฉพาะการาเ็กลับมาครั้งนี้ เลี่ยวเล่อเล่อเป็คนมารับเขาอีกครั้งทำให้ระยะห่างระหว่างทั้งสองใกล้กันมากขึ้น
......
สิบวันหลังจากนั้น ณ ยอดเขาของหุบเขาสยบฟ้า
การาเ็ที่ขาของหลงอวี้ครั้งนี้ เป็การาเ็ภายนอกที่ฟื้นฟูได้เร็ว ผู้เฒ่าขาวได้มอบยาโอสถระดับสูงให้เขาหนึ่งเม็ด ทำให้เขาฟื้นฟูจนหายเป็ปลิดทิ้งในเวลาเพียงสิบวัน
แต่ครั้งนี้ผู้เฒ่าขาวได้เตือนอย่างชัดเจนว่า หากครั้งหน้าาเ็สาหัสอีกจะไม่มียารักษาให้แล้ว
“จงนอนรักษาตัวเฉยๆ ไปหลายเดือน เหมือนกับเ้าเฟิงอวิ๋นนั่นแหละ!”
เื่นี้ แม้หลงอวี้จะรู้สึกผิดอยู่บ้าง แต่ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ เขาก็จะตัดสินใจทำแบบเดิมอยู่ดี
ขาหนึ่งข้างแลกกับชีวิตศัตรูหนึ่งชีวิต ถือว่าคุ้ม!
ยิ่งไปกว่านั้น เขายังได้ยุทธภัณฑ์กลับมาชิ้นหนึ่งด้วย
ทว่าผู้เฒ่าขาวบอกว่าตราวายุปราณชิ้นนี้ไม่เหมาะกับหลงอวี้ และได้ยึดไปทันที เขาบอกว่าจะไปแลกเป็ยุทธภัณฑ์ชิ้นอื่นที่ลัทธิมาให้แทน
เพียงแต่ตลอดสิบวันที่ผ่านมา ผู้เฒ่าขาวกลับไม่แจ้งข่าวอะไรแม้แต่น้อย ทำให้หลงอวี้อึดอัดใจ
เช้าวันนี้หลงอวี้ทนไม่ไหว จึงเดินออกมาจากกระท่อมไม้ไผ่ เห็นผู้เฒ่าขาวนั่งจิบชาอย่างสบายใจอยู่ริมหน้าผา
“ผู้เฒ่าขาว”
หลงอวี้ก้าวออกไปพร้อมเอ่ยถาม
“ท่านบอกว่าหลังจากแผลข้าหายดี จะบอกฐานะของศิษย์พี่ผู้นั้นให้ข้าฟังไม่ใช่หรือ?”
“เ้าอยากจะรู้ชื่อเขาถึงเพียงนั้นเลยหรือ?”
ผู้เฒ่าขาวลูบเคราพร้อมกับหัวเราะ
“ผู้าุโได้โปรดบอกข้าด้วย”
หลงอวี้ยกมือขึ้นคารวะ
ใน่สิบวันที่ผ่านมานั้น มีอยู่สองเื่ที่รบกวนจิตใจเขาตลอด หนึ่งคือเื่ตราวายุปราณถูกยึดไป และอีกเื่คือฐานะของลูกศิษย์ระดับพิเศษลึกลับผู้นั้น
“เช่นนั้นข้าจะบอกเ้าก็ได้ แต่อย่าเสียใจไปล่ะ”
ผู้เฒ่าขาวเผยแววตาขี้เล่น
“ฐานะของเขา คือลูกศิษย์ระดับพิเศษอันดับหนึ่งของลัทธิสยบฟ้า หนึ่งในเก้ายอดฝีมือวัยเยาว์ที่เก่งที่สุดของอาณาจักรต้าถัง นามว่า ‘ปู้สิง’ !”
ลูกศิษย์ระดับพิเศษอันดับหนึ่งของลัทธิสยบฟ้า!
หนึ่งในเก้ายอดฝีมือวัยเยาว์ที่เก่งที่สุดของอาณาจักรต้าถัง!
หลงอวี้สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ไม่คิดว่าฐานะของชายหนุ่มลึกลับจะน่าทึ่งขนาดนี้ ถึงกับเลื่องชื่อไปทั่วทั้งอาณาจักรต้าถัง!
แต่พอได้ยินชื่อของอีกฝ่ายจากปากผู้เฒ่าขาว เขาก็ชะงักไปทันที
ปู้สิง[1]?
“ปู้จากคำว่าปู้หลี่ว์ (ก้าวเดิน) สิงจากคำว่าสิงโจ่ว (เดินทาง)”
ผู้เฒ่าขาวอธิบายต่อ
“.......”
หลงอวี้ปวดหัวเล็กน้อย ใครเป็คนคิดชื่อนี้กันเนี่ย? ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมชายหนุ่มลึกลับถึงไม่ยอมบอกชื่อ!
เป็ผู้ชายจะไม่ไหวได้อย่างไร?
“หลงอวี้ ข้าเตือนเ้าไว้ก่อนนะ เื่ชื่อของเขา เ้าห้ามพูดต่อหน้าเขาเด็ดขาด เรียกเขาว่า ศิษย์พี่ปู้ ก็พอ”
ผู้เฒ่าขาวหยุดไปครู่หนึ่ง ก่อนพูดต่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“เ้าเข้าใจไหม?”
“เอ่อ เข้าใจแล้วขอรับ”
หลงอวี้ทำท่าเหมือนจะเข้าใจ
“เอาล่ะ ต่อไป เ้าลองใช้ยุทธภัณฑ์ที่ข้าเพิ่งเอากลับมาให้เ้าดูหน่อยก็แล้วกัน มันคือ ‘รองเท้าเหมันต์คลั่ง’”
ผู้เฒ่าขาวพยักหน้าพอใจ จากนั้นก็ยื่นรองเท้าสีขาวดุจหิมะคู่หนึ่งมาตรงหน้าหลงอวี้
รองเท้าเหมันต์คลั่ง?
หลงอวี้ตาเป็ประกาย นี่น่ะหรือยุทธภัณฑ์ที่เหมาะสมกับเขายิ่งกว่าตราวายุปราณ?
“ยุทธภัณฑ์ก็เหมือนกับโอสถ มีแบ่งระดับเป็สูง กลาง ล่าง แต่รางวัลที่ลัทธิมอบให้กับลูกศิษย์ระดับล่างจะเป็ยุทธภัณฑ์ระดับล่างเท่านั้น”
ผู้เฒ่าขาวอธิบายอย่างไม่รีบร้อน
“รองเท้าเหมันต์คลั่งคู่นี้ ก็เป็ยุทธภัณฑ์ระดับล่างเช่นกัน แต่เป็ยุทธภัณฑ์ระดับล่างที่ล้ำค่าที่สุด เ้าลองใช้ดูก็จะเข้าใจเอง”
“ขอบพระคุณผู้าุโ”
หลงอวี้รับรองเท้าเหมันต์คลั่งมาตรวจสอบดูอย่างละเอียด
รองเท้าศึกคู่นี้มีสีขาวดุจหิมะ ถูกสร้างขึ้นจากผลึกหิมะน้ำแข็งประเภทหนึ่ง เมื่อถือไว้ในมือก็ััได้ถึงไอเย็นสายหนึ่งที่แพร่ออกมา สมกับที่ชื่อรองเท้าเหมันต์คลั่ง!
ไม่รู้เหมือนกันว่ารองเท้าคู่นี้จะมีความสามารถอะไรบ้าง?
......
[1] เป็มุกคำพ้องเสียง ชื่อของปู้สิงไปพ้องกับอีกคำที่เสียงเดียวกันแต่มีความหมายว่า ไม่ไหว ไม่ดี ไม่ได้เื่