‘น้ำยาฮัลค์’ หนึ่งขวดอาจมีปริมาณห้าสิบมิลลิลิตร ระหว่างการทดลอง เขาได้เทน้ำยาให้ทหารรับจ้างร่างผอมไปประมาณหนึ่งในสาม เหลือเพียงสองในสามซึ่งมันล้ำค่ามาก ซุนเฟยคิดดังนั้นก็เก็บน้ำยาเข้าไปในเข็มขัดมิติของคนเถื่อน
เขาคุกเข่ายื่นมือออกไปััที่ศพของทหารรับจ้างร่างผอมแล้วเปิดใช้ทักษะ ‘ค้นหาน้ำยา’ อีกครั้ง แต่น่าเสียดาย ท่ามกลางเืที่สาดกระเซ็นไปทั่ว เขาก็ไม่ได้รับน้ำยาใดๆ ไม่มีทางเลือก คงต้องไปเพิ่มคะแนนทักษะ ‘ค้นหาน้ำยา’ เท่านั้น ด้วยเลเวลทักษะปัจจุบันทำให้อัตราความสำเร็จในการค้นหาจึงต่ำมาก
ซุนเฟยได้ผลาญศพทั้งสี่ในห้องปิดตายเพื่อหาผลประโยชน์ของตัวเองซึ่งก็ได้รับ ‘น้ำยาฮัลค์’ มาหนึ่งขวดนับว่าเป็เื่ที่น่ายินดี แต่ถึงอย่างไร ซุนเฟยก็ยังไม่ได้รับข้อมูลที่สำคัญแต่อย่างใด
แม้ว่าผลที่เกิดขึ้นมันจะน่าตื่นเต้น แต่ไม่มีน้ำยาชนิดนี้ปรากฏอยู่ในโลก Diablo แล้วมันเกิดขึ้นได้ยังไง?ซุนเฟยเองก็ไม่แน่ใจนัก หาก้าคำอธิบายที่สมเหตุสมผลสักข้อ ซุนเฟยคิดว่าความสามารถของทักษะ ‘ค้นหาน้ำยา’ ของคนเถื่อน อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่ไม่น่าเชื่อเมื่ออยู่ในโลกแห่งความจริง และ ‘น้ำยาฮัลค์’ อาจจะเป็ผลลัพธ์ของการเปลี่ยนแปลงทักษะนั้น เห็นได้ชัดว่าการเปลี่ยนแปลงในปัจจุบันนี้อยู่เหนือการควบคุมของซุนเฟย และซุนเฟยยังไม่ได้ทดสอบความน่าจะเป็ของ ‘น้ำยาฮัลค์’ จึงไม่รู้ว่ามันจะมีผลข้างเคียงอะไรหลังจากดื่มน้ำยานี้ ยิ่งไปกว่านั้นก็ไม่แน่ใจว่าหลังจากที่ทุกคนดื่มน้ำยาไปแล้วจะได้รับพลังที่น่าเกรงขามเหมือนทหารรับจ้างร่างผอม
ดังนั้น ก่อนที่จะใช้ ‘น้ำยาฮัลค์’ อย่างเป็ทางการจะต้องเพิ่มความแข็งแกร่งของทุกคนก่อน ซุนเฟยจำเป็ต้องหาคำตอบของปัญหาเหล่านี้ให้แน่ชัด รู้หรือเปล่า แม้แต่พวกบริษัทเภสัชกรรมขนาดใหญ่ของโลกเก่าก่อนที่เขาจะผลิตยาใหม่ของออกมา ยังต้องผ่านการทดลองทางคลินิกนับร้อยนับพันครั้งเลย
เมื่อคิดถึงเบาะแสสำคัญทั้งหมด ซุนเฟยก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ
ความสนใจของเขาก็เบนมาที่ร่างชุดดำนักเวทระดับสี่ดาวที่นอนกระอักเืบนพื้นด้วยสภาพเหมือนสุนัขตาย พูดไปแล้วมันก็น่าตลก ชายคนนี้เป็ที่รู้จักในฐานะนักเวทสี่ดาวที่ถือว่าแปลกประหลาดมากที่สุดและโชคร้ายมากที่สุดเท่าที่เคยพบมาในประวัติศาสตร์แผ่นดินอาเซรอท ในแง่ของการเปรียบเทียบด้านพลัง ป้อมปราการชายแดนเมืองเล็กๆ อย่างเมืองแซมบอร์ดหากเขาบุกเข้ามาลุยเดี่ยวโจมตีก็สามารถยึดเมืองได้ แต่ต้องมาเจอกับซุนเฟยที่แม้ว่าจะถูกโอบรอบจากเหล่าทหารเกราะดำนับพันแต่ก็สามารถใช้พละกำลังมหาศาลไล่ทุบตีพวกมันเหมือนหมา ตอนนี้เหลือเพียงนักเวทผู้โชคร้ายที่ยังมีชีวิตอยู่ ด้วยคำสั่งของซุนเฟยก่อนหน้านี้ หากผู้คุมเห็นว่านักเวทดวงซวยทำท่าจะฟื้นก็จะโบกกระบองไม้ในมือทุบตีเขาทันที ทั่วางของมันนอกจากกระดูกซี่โครงหน้าอกไม่กี่ท่อนที่ยังอยู่ดี กระดูกตรงแขนขาหรือนอกเหนือจากนั้นก็หักจนหมด หากเปลี่ยนเป็คนอื่นที่ไม่ใช่นักเวทสี่ดาวที่มีความทนทานมากกว่าแมลงสาบล่ะก็ เกรงว่าตอนนี้ตายกลายเป็ิญญาอาฆาตไปนานแล้ว
ใบหน้าของซุนเฟยแสยะยิ้มเหี้ยมพลางเดินเข้าไปหา
เขานำ ‘น้ำยารักษาชีวิต’ ออกมาจากเข็มขัดมิติขวดหนึ่ง เปิดที่ปิดขวดแล้วเทให้มันดื่มสองสามหยดแล้วก็แบ่งไปหยดตามแขนขาของนักเวทที่แทบจะกลายเป็เนื้อเน่าๆ ชั่วพริบตาพลังเวทมนตร์ก็โคจรขึ้นมา แขนขาของนักเวทชุดคลุมสีดำที่เกือบจะกลายเป็เนื้อเน่าๆ ก็เริ่มฟื้นฟูขึ้นมาอย่างรวดเร็ว...
สี่ห้าวินาทีต่อมา
แขนขาของนักเวทชุดคลุมสีดำยังคงดูมอมแมมเหมือนเดิม โคนกระดูกขาวและเนื้อดำๆ ก็หมุนกลับเข้าด้วยกัน มองโดยรวมแล้วก็ค่อยดูเหมือนคนขึ้นบ้าง ซุนเฟยไม่กล้าทำให้ผู้ชายคนนี้ฟื้นฟูกลับมาสมบูรณ์ หากนักเวทสี่ดาวเกิดคลุ้มคลั่งขึ้นมา แม้แต่พลังคนเถื่อนเลเวล 16 ก็เกรงว่าจะรับมือไม่ไหว
ในระหว่างที่กำลังฟื้นฟู ซุนเฟยก็พบสิ่งที่น่าสนใจ
คนมีพลังแตกต่างกัน การแสดงผลของ ‘น้ำยารักษาชีวิต’ ก็จะแตกต่างกันไปด้วย สำหรับคนที่มีพลังระดับต่ำมันจะแสดงผลทันที กลับกันสำหรับคนที่มีพลังสูงมันจะแสดงผลออกมาค่อนข้างช้า ตัวอย่างง่ายๆก็คือเพียร์ซที่มีพลังไม่ถึงระดับ 1 ดาว เขาใช้ ‘น้ำยารักษาชีวิตขวดเล็ก’ ไม่กี่หยดก็สามารถดึงเขากลับมาจากปากขอบเหวแห่งความตายได้ แต่เมื่อเป็นักเวทระดับสี่ดาวตรงหน้า หากใช้น้ำยาในปริมานเดียวกัน ก็ทำได้แต่รักษาอาการาเ็ภายนอกได้ไม่กี่แห่ง
ซ่า!
น้ำเย็นที่ผสมกับเกลือสาดไปที่ร่างของนักเวทระดับสี่ดาว
“อ่า...” เสียงครวญครางทุ้มต่ำดังขึ้น ในที่สุดนักเวระดับสี่ก็ฟื้นขึ้นแล้ว เขาค่อยๆ ลืมตาที่เหมือนอสรพิษขึ้นมาพลางกวาดสายตามองไปรอบๆ สุดท้ายก็เบนสายตามาหยุดอยู่ที่ใบหน้าที่เขาคงไม่มีวันลืมมันไปได้ตลอดชีวิต วินาทีนั้นเขาเหมือนสาวน้อยที่มองเห็นคนสารเลวที่ขโมยความบริสุทธิ์ของตัวเองไป เสียงแหบๆ ร้องขึ้นมา “เป็...เป็เ้า?”
“ฮึ? ความจำไม่เลวเลยนี่ ใช่แล้วเป็ข้าเอง ฮ่าๆๆ!” ซุนเฟยหัวเราะออกมา อดไม่ได้ที่จะรู้สึกภาคภูมิใจ พลังของเขายังไม่ถึงระดับนักรบสามดาวเลย แต่กลับจับเชลยศึกที่เป็นักเวทสี่ดาวได้ตั้งหนึ่งคน ผลการรบครั้งนี้สามารถบันทึกลงในหน้าประวัติศาสตร์ถึงความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของาาเมืองแซมบอร์ดได้
“ไอ้สารเลว! อ๊ากกก เ้ามันชั่วช้า...ไอ้คนโง่เง่า ไอ้หมูโง่ เ้ายังจะยิ้มออกมาได้อีก เ้ารู้ไหมว่าเ้าทำอะไร?” เมื่อนักเวทชุดคลุมสีดำเห็นสภาพศพของชายหน้ากากเงินก็พลันร้องด่าออกมาอย่างตื่นใ ทั้งร่างสั่นเทิ้มอย่างคลุ้มคลั่ง “เมืองแซมบอร์ดจะต้องล่มสลายแน่ เ้าได้สังหารองค์ชายมาเทยา เคชมันแห่งราชอาณาจักรไอนด์โฮเวน ทั้งราชอาณาจักรเซนิทจะต้องถูกบดขยี้อย่างแน่นอน!”
“แล้วไง เ้าอยากโดนดีงั้นหรือ? เป็แค่นักโทษยังจะมาอวดดีแบบนี้อีกหรือ?”
ซุนเฟยเห็นนักเวทไม่มีท่าทางอ้อนวอนขออภัย กลับกันยังะโโหวกเหวกแบบไม่รู้ที่ตาย ความโกรธก็ลุกท่วมขึ้นมาฉับพลัน เขากระทืบไปที่ขาของนักเวทชุดดำ เสียงกระดูกหักดัง ‘กร๊อบ’ เมื่อครู่เขาเพิ่งจะใช้ ‘น้ำยารักษาชีวิต’ รักษาขาของมัน แต่ตอนนี้ก็เปลี่ยนขาของมันให้กลายเป็เนื้อบดไปแล้ว นักเวทผู้โชคร้ายก็กระอักเืสลบไป
ซุนเฟยก็หยด ‘น้ำยารักษาชีวิต’ ที่ขาของนักเวท
หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีต่อมา นักเวทชุดดำก็ได้สติกลับมา เมื่อเห็นหน้าซุนเฟยก็แหกปากร้องว่า “เ้า...เ้ามัน ไอ้หมูโสโครกสมควรตาย ไอ้โง่ เ้ามันเ้ามัน...”
กร๊อบ กร๊อบ!
ขาที่เพิ่งรักษาก็ถูกกระทืบหักไปอีกครั้ง
แล้วซุนเฟยก็ควัก ‘น้ำยารักษาชีวิต’ มาหยดใส่ขาของมันอีกครั้งอย่างอดทน
เมื่อนักเวทเสื้อคลุมสีดำสติกลับมาคราวนี้ ในที่สุดมันก็เริ่มเข้าใจถึงจุดยืนของตัวเองเล็กน้อยหลังจากที่ได้บทเรียนไปก่อนหน้านี้ ร่างของมันสั่นระริกเหงื่อแตกพลั่กพลางกล่าวเสียงกระท่อนกระแท่นว่า “เ้าคนเลว หากยังอยากมีชีวิตอยู่ต่อ เ้าต้องรีบหนีไปั้แ่ตอนนี้...เ้า...ได้ทำเื่ผิดพลาดครั้งใหญ่แล้ว”
“ไม่ต้องมาเตือนข้า เ้าดูแลชีวิตตัวเองให้ได้ก่อนเถอะ เอาล่ะ ท่านนักเวทที่เคารพ บอกชื่อและประวัติของเ้ามา...ยังมีไอ้โง่ที่ชื่อเคชมันอีก มันเป็ใครกัน?” ซุนเฟยชี้ไปที่ศพของชายหน้ากากเงินพลางถามเสียงเ็าว่า “เ้าควรจะคายทุกสิ่งทุกอย่างที่เ้ารู้ออกมา ไม่อย่างงั้น...ฮึๆ!” ใบหน้าของซุนเฟยเผยความโเี้ออกมา
“ชีวิตของข้า?” นักเวทชุดคลุมสีดำตอบเสียงรอดไรฟันว่า “าเ็ขนาดนี้ ข้ายังหวังว่าตัวเองจะรอดอีกหรือ? ฮิๆ เป็เ้ามากกว่านะาาหนุ่ม...ที่ต้องตัวสั่น ชีวิตต่อจากนี้ เ้าจะต้องอยู่ในความหวาดกลัวไปชั่วนิรันดร์ เ้าจะถูกไล่ฆ่า และจะต้องเห็นคนที่ตัวเองรักตายไปต่อหน้าต่อตาเ้า ต้องมองเห็นกะโหลกของพวกเ้าถูกทำมาเป็แก้วใส่เหล้า หัวใจจะถูกสาปแช่ง แขนขาของพวกเขาจะถูกทุบจนกลายเป็เนื้อบด...”
เพี๊ยะ เพี๊ยะ เพี๊ยะ!
ซุนเฟยคว้าคอเสื้อของนักเวทชุดคลุมสีดำขึ้นมาแล้วตบปาก ฟันเปื้อนเืจำนวนมากกระเด็นตกไปบนพื้น “ไม่รู้ที่ตาย ยังกล้าจะสาปแช่งข้าอยู่อีกไหม? ความอดทนของข้ามีไม่มาก ขืนเ้ายังพล่ามไร้สาระอยู่อีก ข้าจะเอากะโหลกเ้ามาทำเป็แก้วเหล้าก่อน!”
“ถุย! เ้าเพิ่งสังหารองค์ชายเคชมันแห่งราชอาณาจักรไอนด์โฮเวน ราชอาณาจักรระดับสี่ ฮ่าๆๆ หากจักรพรรดิแห่งไอนด์โฮเวนทรงทราบเื่นี้ ไม่ต้องพูดถึงเมืองเล็กๆ อย่างเมืองแซมบอร์ดเลย แม้แต่ราชวงศ์แห่งราชอาณาจักรเซนิทของพวกเ้าก็จะต้องถูกบดขยี้เป็ผุยผง...” นักเวทชุดคลุมสีดำถ่มเืออกมา ด้วยการคุกคามที่โเี้ของซุนเฟยทำให้มันต้องตอบคำถามกลับไปอย่างตรงไปตรงมา ในดวงตาของเขาปรากฎร่องรอยอันตราย แค่พูดคำว่าราชอาณาจักรไอนด์โฮเวนไม่กี่คำก็เผยแววตาปรีดาในความทุกข์ยากของคนอื่น เขารอคอยที่จะได้เห็นท่าทางหวาดกลัวของาาหนุ่มตรงหน้า ราชอาณาจักรระดับสี่สำหรับเมืองเล็กๆ อย่างเมืองแซมบอร์ดไม่มีทางต้านทานได้อย่างแน่นอน
แต่เขาก็ต้องผิดหวัง
“ที่แท้ไอ้เด็กนี่ก็เป็องค์ชายของราชอาณาจักรระดับสี่?” หลังจากอึ้งไปชั่วครู่ ซุนเฟยก็ชี้นิ้วไปที่ศพของชายหน้ากากเงินพลางหัวเราะอย่างพอใจ “คิดไม่ถึงว่าข้าจะสังหารองค์ชายของราชอาณาจักรระดับสี่นะเนี่ย? ฮ่าๆๆ หากเป็อย่างที่เ้าพูด จู่ๆ ข้าก็รู้สึกสดชื่นขึ้นมาเลยเชียว ความรู้สึกที่ได้สังหารองค์ชายมันช่างแตกต่างจากปกติเสียจริง...ช่างมัน เอาเป็ว่าราชอาณาจักรไอนด์โฮเวนยังมีองค์ชายคนอื่นอีกไหม?”
“เ้า...” นักเวทชุดคลุมสีดำพลันโง่งมขึ้นมาทันตา ริมฝีปากที่ถูกซุนเฟยตบจนบวมเจ่อคล้ายมีไส้กรอกสองชิ้นมาแปะที่ปากของเขา ฟันหลายซี่ที่หลุดไปทำให้พูดไม่ชัด เขาไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี หรือไอ้หมูโง่ตรงหน้ามันไม่รู้ว่าผลของการทำให้าาอาณาจักรระดับสี่ไม่พอใจจะเป็อย่างไร?
เห็นนักเวทชุดคลุมสีดำทำท่างงงัน ซุนเฟยก็พูดช้าๆ ว่า “เฮ้ๆ หลังจากที่เ้าถูกข้าตบจนสลบไป ข้าก็เพิ่งจะจัดการล้างทำความสะอาดอัศวินแห่งราชอาณาจักรเซนิท ไม่มีใครรอดพ้นไปได้สักตัว ฮึๆ ข้าเดาว่าพวกเ้าต้องแอบมาที่เมืองแซมบอร์ดใช่ไหม? ตอนนี้คนก็ตายไปหมดแล้ว เหลือเพียงเ้าที่มีชีวิตอยู่แล้วยังถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำที่แม้แต่ยอดฝีมือระดับจันทรายังไม่อาจหลบหนีไปได้ แล้วราชอาณาจักรไอนด์โฮเวนจะรู้ได้อย่างไรว่าองค์ชายของมันตายที่ไหน?”
“เ้า...” นักเวทชุดคลุมสีดำตัวแข็งทื่อประหนึ่งฟ้าผ่า ดวงตาเบิกกว้าง โพล่งถามออกมาว่า “เ้ารู้ได้อย่างไร?”
“มันยากตรงไหน? ั้แ่แรก ข้าก็รู้สึกแปลกใจอยู่แล้วว่าั้แ่ต้นจนจบทำไมพวกข้าศึกถึงไม่ยอมชักธงหรือสัญลักษณ์อะไรออกมา? จะบอกว่าพวกเ้าเป็กองโจรแต่กองทัพเกราะดำก็เป็กองทัพที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างเคร่งครัด อุปกรณ์การโจมตีก็สมบูรณ์แบบ ยอดฝีมือก็มีไม่น้อย ทั้งหมดล้วนเป็กองทัพที่มีประสิทธิภาพสูง...มีเหตุผลเพียงข้อเดียว นั่นคือพวกเ้าจงใจเอาธงออกเพื่อซ่อนที่มาของพวกเ้า พวกเ้าไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าพวกเ้าเป็ใครกันแน่? คำถามต่อมา ทำไมถึงไม่อยากให้คนอื่นรู้ล่ะ? นั่นเพราะว่าพวกเ้าอยากดำเนินเื่นี้อย่างลับๆ เป็ไปได้มากที่นอกจากคนของเ้าแล้วก็ไม่มีใครรู้...ฮ่าๆๆ!”
ซุนเฟยโม้ออกมาเต็มที่
แต่สีหน้าของชายชุดคลุมสีดำยิ่งมายิ่งดูไม่ได้ ในใจของซุนเฟยก็ยิ่งยินดี เขารู้ว่าบางทีสิ่งที่ตัวเองพล่ามไปเมื่อครู่นี้คงมีบางส่วนตรงกับความเป็จริงที่พวกมันซ่อนไว้ เขาแสยะยิ้มเดินเข้าไปใกล้นักเวทชุดดำ ฉับพลันใบหน้าก็กลายเป็เ็าก่อนจะพูดออกมาอย่างน่าเกรงขามว่า “ไอ้แก่ สารภาพออกมาซะ หากไม่อยากโดนทรมาน ก็จงพูดออกมา พวกเ้าแอบมาที่เมืองแซมบอร์ดเพื่ออะไรกันแน่?”
----------------------------