“ข้าไม่รู้ว่ากิริยาต่ำทรามเช่นเมื่อครู่เ้าเคยใช้ที่ใด แต่ที่นี่เป็ตำหนักของข้า เ้าเองขึ้นชื่อว่าเป็ชายาของข้า การกระทำของเ้าทุกอย่าง ย่อมส่งผลถึงข้าด้วย ต่อไปอย่าให้ข้าเห็นว่าเ้าใช้กำลังกับผู้อื่น” หยางเซียวในร่างของจางเหม่ย ทอดสายตามองชายหนุ่มแน่นิ่ง
“มองข้าเช่นนั้น กำลังต่อว่าข้าในใจใช่หรือไม่” ใบหน้าหล่อเหลาราวกับรูปปั้น เอ่ยถามด้วยท่าทีเ็า ทำให้จางเหม่ยมีเวลาขบคิดเงียบ ๆ ในใจ
‘องค์ชายสามคือต้าเหริน หากข้ารู้สักนิด ข้าจะไม่มีวันมอบหัวใจให้เขา เพราะความอ่อนแอในอดีต พาให้ข้าพบจุดจบที่น่าสังเวช นับจากนี้ข้าจะอ่อนแอไม่ได้อีก’ พระชายาส่ายศีรษะเล็กน้อย
“พระองค์เป็ถึงองค์ชายสาม มีอำนาจมากมาย สามารถสั่งเป็สั่งตายผู้ใดก็ได้ หม่อมฉันไม่อาจหาญต่อว่าพระองค์หรอกเพคะ” หญิงสาวตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ก่อนเขาจะปล่อยมือนางออกช้า ๆ แล้วพูดขึ้น
“วันนี้เ้าพิสูจน์ตัวเอง ทำให้ไม่ถูกปลดออกจากตำแหน่งพระชายา แต่เมื่อใดที่เ้าทำความผิด ข้าเองมีสิทธิ์ปลดเ้าได้ทุกเมื่อ อย่าคิดว่าตำแหน่งนี้จะอยู่กับเ้าไปได้นาน...” ด้วยนิสัยหยิ่งทะนงของนาง ทำให้เขาคิดว่านางจะตอบโต้ ทว่าชายหนุ่มกลับขมวดคิ้ว เมื่อเห็นอีกฝ่ายยืนนิ่ง ยอมรับฟังเขาแต่โดยดี จึงตัดสินใจเบี่ยงตัวเดินออกจากห้อง
“หม่อมฉันขอใช้ตำแหน่งพระชายาสองปีเพคะ แล้วหม่อมฉันจะคืนตำแหน่งนี้ให้กับพระองค์” เขาค่อย ๆ ขมวดคิ้วแล้วหันกลับไป พบใบหน้างดงามของนางทอดมองตรงมาด้วยสายตาแตกต่างจากเดิม
“เ้าพูดอันใด” เหรินซีถามย้ำด้วยความไม่เข้าใจ
“หม่อมฉันพูดความจริงเพคะ หม่อมฉันขอใช้ตำแหน่งพระชายาเพียงแค่สองปี หลังจากนั้นพระองค์จะปลดหม่อมฉัน หรือจะแต่งตั้งใครขึ้นมาแทน หม่อมฉันจะเห็นดีเห็นงามด้วยทุกประการ ส่วนเื่การตบตี ใช้กำลังทำร้ายผู้อื่น หม่อมฉันจะไม่ทำอีก” เขาชะงักนิ่ง
“สองปี เ้าขอใช้ตำแหน่งพระชายาสองปี งั้นเหรอ?” ต้าเหรินซีจับจ้องไปยังอีกฝ่ายด้วยความแปลกใจ ก่อนจางเหม่ยจะตัดสินใจพูดบางอย่าง
“หม่อมฉันรู้ ว่าพระองค์ไม่ได้มีใจให้หม่อมฉัน การที่เราสองคนครองคู่กัน อาจทำให้พระองค์ลำบากใจ แต่ในเมื่อหม่อมฉัน ได้ทำความดีความชอบไว้ และตำแหน่งพระชายาหม่อมฉันก็ได้มาอย่างถูกต้อง หม่อมฉันขอเวลาเพียงสองปีเพคะ แล้วหม่อมฉันจะคืนทุกอย่างให้” เขามองนางครู่หนึ่งแล้วเดินกลับเข้ามาด้วยท่าทางสุขุม
“เ้าคิดว่าตำแหน่งพระชายาเป็ของเล่น? รู้หรือไม่ว่า ในราชสำนักไม่ใช่พื้นที่ที่คิดจะทำอันใดก็ได้!” จางเหม่ยอยู่ในทีท่าสงบ แล้วหันหน้ามาสบตาเขา ยังคงเป็สายตาแห่งความผิดหวังดังเดิม
“แต่หม่อมฉันไม่ได้ทำสิ่งใดผิดเพคะ หม่อมฉันได้ตำแหน่งนี้มาอย่างถูกต้อง หรือพระองค์จะให้หม่อมฉันอยู่ในตำแหน่งพระชายาของพระองค์ไปตลอดชีวิต?” นางตอบกลับด้วยสายตาแน่นิ่ง ก่อนเขาจะยิ้มมุมปาก
“เ้าช่างแตกต่าง จากคืนวันเข้าหอ ราวกับหน้ามือเป็หลังมือ!” คำพูดของเขาทำให้จางเหม่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย
“แตกต่างอย่างไรเพคะ”
“ไม่เพียงแต่เรียกร้อง ขอความรักจากข้า แต่ยังพยายามบังคับให้ข้านอนกับเ้า! มาวันนี้เ้าทำราวกับไม่รู้สึกอะไรต่อข้า” จางเหม่ย หน้าชาวูบหนึ่ง คล้ายกับกำลังถูกตบ
“หม่อมฉัน...”
“เอาเถอะ คำพูดของเ้าก็เป็ความจริงอยู่บ้าง เราสองคนจะไม่ผูกพันกันทั้งทางกายและทางใจ” ชายหนุ่ม จับจ้องไปยังใบหน้างดงามของนางแล้วยิ้มอย่างพอใจ
“เื่คืนวันเข้าหอ...กิริยาทราม ๆ ของเ้า ที่ทำต่อข้า ข้าจะคิดว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น จ่างเหม่ย!...ข้าไม่ได้รักเ้า ข้อนี้ขอให้รู้ไว้! เมื่อครบสองปี ขอให้เ้ายอมออกจากตำแหน่งพระชายาของข้าจริง ๆ ก็แล้วกัน” หญิงสาวมองไปยังองค์ชายสาม พร้อมรอยยิ้มอ่อน
“เพคะ” นางตอบรับ ต้าเหรินซีเห็นดังนั้นจึงเบี่ยงตัว เดินจากไป เพียงแค่ประตูปิดลงเท่านั้น จางเหม่ยก็ทิ้งตัวลงนั่งทันทีอย่างคนหมดแรง
‘พี่ใหญ่ทำตัวน่าละอายถึงเพียงนี้ กล้าบังคับให้เขาหลับนอนในคืนเข้าหองั้นเหรอ?’ ยิ่งนึกภาพ ความละอายก็ทำให้นางต้องกลืนน้ำลายอึกใหญ่
ก่อนเื่ราวในอดีตระหว่างนางและเขาจะฉายวนกลับมา กลุ่มัขาวเป็กลุ่มลับที่องค์ชายสามตั้งขึ้น แต่ละคนที่อยู่ภายใต้อำนาจเขา ล้วนแล้วแต่มีฝีมือ มักจะต่อสู้กับพวกอันธพาลที่ออกอาละวาดในเมือง
‘ต้าเหริน เป็ชื่อที่เขาใช้ปิดบังตัวตน ที่แท้ เขาก็คือองค์ชายสามแห่งวังหลวง แต่เหตุใดเขาต้องตั้งกลุ่มลับขึ้นมา ในเมื่อฐานะของเขาสูงส่งเช่นนั้น แท้จริงแล้วกลุ่มัขาวตั้งขึ้นเพื่อการใดกันแน่?’ จ่างเหม่ยนั่งขบคิดอย่างเงียบ ๆ ก่อนจะได้สติกลับมา
‘เขาจะทำสิ่งใดไม่เกี่ยวกับข้า สิ่งที่ข้าต้องพิสูจน์ก็คือการตายของข้า ต้องหาหลักฐานให้ได้ว่าเป็ฝีมือเขา’ นางสัดส่ายสายตามุ่งมั่นออกมาอย่างมีความหมาย
ท่ามกลางความมืดมิด องค์ชายสามเดินออกมารับลมด้านนอก ยืนมองพระจันทร์บนท้องฟ้าที่ส่องประกายเป็สีนวล ทำให้เขาหวนนึกถึงเื่ราวต่าง ๆ ในอดีต ที่ไม่อาจเลือนจากใจได้
“ดึกมากแล้ว ข้าต้องกลับแล้วล่ะ” หญิงสาวในชุดธรรมดา ผมยาวจรดหลัง พูดกับเขาหลังจากยืนดูพระจันทร์เต็มดวงได้ครู่ใหญ่
“เ้าจะกลับแล้วงั้นเหรอ” เขาละสายตาจากพระจันทร์ดวงนั้น แล้วถามนางด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย
“ข้าต้องกลับแล้ว วันนี้ต้องขอบใจท่านมาก ที่พาข้ามาชมดวงจันทร์บนยอดเขานี้ นับจากเกิดมาข้าไม่เคยเห็นดวงจันทร์ที่ใดงดงามเท่าที่นี่มาก่อน” คำพูดของหยางเซียวที่เอ่ยขึ้น พร้อมสายลมพัดโชยมาปะทะกาย ทำให้ชายหนุ่มจ้องมองไม่วางตา แม้นางเป็เพียงคุณหนูที่ถูกละเลย แต่เหตุใดจึงอ่อนหวานงดงามได้มากมายเพียงนี้