บทที่ 53 หลีกหนีจากความอับอาย
"อึก!"
กระบี่ชื่อยวนค่อยๆ ลดระดับลง อาการาเ็ที่ถูกระงับไว้ของฉู่อวิ๋นก็แย่ลงในทันใด เขาไอเป็เืออกมาเต็มปาก และคุกเข่าลงข้างหนึ่งกับพื้น
“แม้ว่าเมื่อกี้นี้ข้าแทบจะใช้ดาราร่วงไร้รอยไม่ได้ แต่ก็ยังดึงดันอย่างเร่งรีบใน่เวลาสุดท้ายจนเกือบเสียมือไปเสียแล้ว… แต่ว่า ท่าสังหารนี้ก็ช่างน่ากลัวจริงๆ!”
ฝ่ามือของฉู่อวิ๋นสั่นเทาด้วยความเ็ป เขาแทบจะหายใจไม่ออก จากนั้นจ้องมองไปที่ฉู่เฟยที่มีรอยแผลประปรายจากระยะไกล
มองเห็นนางในตอนนี้อ่อนแอมาก พลังปราณแ่เบาราวใยแมงมุม เหมือนดอกไม้บอบบางที่ถูกทำลาย ร่างกายเต็มไปด้วยคราบเืที่เกิดจากปราณกระบี่ ชุดคลุมสีเขียวน้ำเงินฉาบย้อมด้วยสีแดงฉาน
ในขณะนี้ บนเวทีประลอง คนหนึ่งล้มลง อีกคนลุกขึ้นยืน
ทุกคนพูดไม่ออก เหงื่อกาฬไหลหยดตามกรอบหน้า ใบหน้าของพวกเขาต่างใ สถานที่ขนาดใหญ่เงียบลงจนน่าขนลุก
ถัดจากเวทีประลอง ผู้เฒ่าเฟิงซึ่งเป็กรรมการก็คล้ายไม่มีสติ เขาเองก็ตกตะลึงเช่นกัน การโจมตีที่เหมือนสายฟ้านั้น แม้แต่ผู้ที่อยู่ในขั้นมหาสมุทรก็ยังต้องตะลึงงัน
นักรบในระดับห้าของขอบเขตควบแน่นพลังปราณสามารถพลิกสถานการณ์ได้ด้วยการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียว ใช้ความอ่อนแอเอาชนะความแข็งแกร่ง เอาชนะอัจฉริยะผู้ชั่วร้ายที่มีชื่อเสียงไปทั่วเมือง
เหลือจะเชื่อ เกินจะเชื่อได้ สุดแสนจะเกินความคาดหมาย!
“การประลองจบลงแล้วหรือ? ฉู่อวิ๋น... ไม่เป็ไร?! นี่...ดีเหลือเกิน!” มู่หรงซินปาดน้ำตาที่หางตาออก จ้องมองไปที่ฉู่อวิ๋นด้วยดวงตาพราวระยับคู่หนึ่ง ทั้งยังมีความตกตะลึงและไม่อยากเชื่อปะปนอยู่ด้วย
“คลื่นอากาศที่ปะทุกันเมื่อครู่น่ากลัวมาก! คนที่ล้มลงคือฉู่อวิ๋นหรือ? ไม่...ไม่ใช่ เป็ฉู่เฟย! ์!”
นักรบที่อยู่ใกล้กับเวทีประลองกำลังจัดผมของเขาที่ยุ่งเหยิงพลางมองไปที่เวทีประลอง ดวงตาของเขาเบิกกว้างอย่างประหลาดใจ
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง หัวใจของทุกคนก็เต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวายและความตื่นเต้น ผลของการต่อสู้ชัดเจนแล้ว
แม้ว่าลมหายใจของฉู่อวิ๋นจะอ่อนแรง แต่เขาก็ยังคงพยุงตัวเองด้วยกระบี่และคุกเข่าอีกข้างลงบนพื้นได้
ในทางกลับกัน ฉู่เฟยกำลังนอนอยู่บนเวทีประลอง คล้ายตัวเองกำลังจะตายและมีรอยาแเต็มไปหมด
แน่นอนว่าฉู่อวิ๋นชนะแล้ว!
"ว้าว!"
ทันใดนั้น สถานที่นี้ก็เต็มไปด้วยเสียงอื้ออึงฉู่ ทุกคนหน้าแดงก่ำ ยืนตัวตรงด้วยความตื่นเต้นและะโโห่ร้อง
เสียงอุทาน คำสบประมาท และการถอนหายใจ ดังมาและหายไป
“ดาวหายนะนี้อยู่ในระดับห้าของขอบเขตควบแน่นพลังปราณเท่านั้นเอง แถมเขายังเป็นักรบิญญายุทธ์พิการด้วยนะ แต่กลับสามารถทะลวงข้ามสามระดับและเอาชนะอัจฉริยะอย่างฉู่เฟยได้?”
“น่าทึ่งเกินไปแล้ว การเคลื่อนไหวของฉู่อวิ๋นทำให้สถานการณ์พลิกผันไปอย่างสิ้นเชิงจนฉู่เฟยกระเด็นไปไกลกว่ายี่สิบหมี่เลยนะ!”
“หรือการที่ดาวหายนะปรากฏตัวขึ้น จะทำให้ฉู่เฟยตาย? ข้าไม่ยอมนะ!”
เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังก้อง สถานที่อันเงียบสงบกลายเป็อึกทึกครึกโครมจนวุ่นวายมาก บางคนถึงกับเริ่มทะเลาะกันด้วยความเห็นไม่ลงรอย
เมื่อเห็นว่าลานประลองแทบจะคุมไม่อยู่ ใบหน้าของมู่หรงเจี๋ยก็มืดลง เขารวบรวมพลังปราณและะโ "เงียบ!"
ด้วยเสียงอันดังจนทำให้แก้วหูของทุกคนเจ็บแปลบ พวกเขาสงบลงในทันที
แต่ทว่าสายตายังคงเต็มไปด้วยความฉงน พวกเขาล้วนจ้องมองไปที่ฉู่อวิ๋นบนเวทีประลอง ส่ายหัว ถอนหายใจหรือแม้กระทั่งตกตะลึง การแสดงออกแตกต่างกันออกไป
"ดูเหมือนว่าผลการประลองยุทธ์เซี่ยหยางในปีนี้จะเป็..." มู่หรงเจี๋ยสูดหายใจเข้าลึกๆ ระงับอาการใ และพูดอย่างจริงจัง "เป็ที่ชัดเจนแล้ว! ผู้ชนะคนสุดท้ายของการประลองคือ.. ”
ทุกคนกลืนน้ำลายเต็มปากราวกับปลุกตัวเองให้ตื่นจากฝัน
"เดี๋ยว!"
ก่อนที่จะประกาศผล เสียงเ็า โกรธเคือง และอิจฉาก็ดังออกมาจากเวทีประลอง
เป็เสียงของฉู่เฟย
นางฝืนยืนขึ้นอย่างสั่นสะท้าน เืยังคงไหลรินอยู่ที่มุมปาก ผมของนางยุ่งเหยิงกระเซอะกระเซิง ดวงตางดงามดุร้ายคู่นั้นจับจ้องไปที่ฉู่อวิ๋นที่คุกเข่าข้างหนึ่งลงกับพื้น
“ข้า...ยังไม่แพ้ ข้า...ยังไม่แพ้ ข้าจะแพ้ไอ้เวรนี่ได้อย่างไร?!”
ฉู่เฟยเหมือนผีร้ายรูปงามที่กลับมาจากนรกเพื่อเอาชีวิตของฉู่อวิ๋น นางก้าวเข้ามาหาเขา
“ว้าว! ฉู่เฟยาเ็เสียขนาดนั้น ยังยืนได้อยู่อีกหรือ?”
“นางเป็อัจฉริยะจริงๆ…น่ากลัวเกินไปแล้ว!”
ทุกคนจ้องมองไปที่เวทีประลอง รู้สึกว่าสถานการณ์เปลี่ยนไปอีกครั้ง และยังไม่มีการตัดสินผู้ชนะ
“ถุย ข้ารู้อยู่แล้วว่าเ้าไม่มีทางยอมรับความพ่ายแพ้!” ฉู่อวิ๋นถ่มเืออกมาเต็มปาก และไม่ว่าเขาจะได้รับาเ็อย่างไร ด้วยท่าทางเคร่งขรึมและกระแสความโกรธอันท่วมท้น เขาก็ใช้กระบี่ชื่อยวนค้ำยันพื้นแล้วลุกขึ้นยืนและเดินออกไปด้วยมือเปล่า
“เ้าสุนัขยาจก! คนในตระกูลรองของเ้าต่างก็เป็มดปลวก มีสิทธิ์อะไรถึงมาชนะข้า? ทำไม! ไอ้ตัวขยะ!” ดวงตาของฉู่เฟยเบิกกว้าง ตัวนางสั่นระริก แต่ขาก็ยังก้าวไปข้างหน้า
"สิทธิ์นี้อย่างไรเล่า!"
"เพียะ!"
ทันใดนั้น ฉู่อวิ๋นก็จ้องมองด้วยความโกรธ ก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าว และตบหน้าของฉู่เฟยด้วยฝ่ามือ ทำให้นางใและเ็ปขึ้นมา
เสียงตบดังก้องไปทั่วสถานที่จัดงานประลอง
ทุกคนตกตะลึง
“เ้าตบข้า เ้ากล้าดีอย่างไรมาตบข้า! ไอ้คนสถุล อภัยให้ไม่ได้!” ฉู่เฟยยกมือขึ้นมาััใบหน้างามที่บวมช้ำของตัวเอง นางโกรธมาก จากนั้นก็พยายามต่อยหน้าของฉู่อวิ๋นด้วยกำลังทั้งหมดที่มี
แต่ฉู่อวิ๋นหลบไปด้านข้าง ยื่นมือขวาออกไปแล้วจับแขนที่อ่อนแอของฉู่เฟย รวบมัดเอาไว้
“อ๊ะ! สกปรก...มือสกปรกนัก! ไอ้เวรนี่กล้าดีอย่างไรมาแตะต้องตัวข้า? หาเื่ตายนัก!” ฉู่เฟยสั่นไปทั้งตัว สีหน้าของนางพลิกกลับไปมา ร่างกายดิ้นรนอย่างดุเดือดและพยายามเบี่ยงหลบ
“ถูกสารเลวควบคุมเอาไว้ น่าอับอายมากใช่หรือไม่? จำไว้ว่ามือนี้ของข้าเองที่เอาชนะเ้าได้!”
"เพียะ!"
ฉู่อวิ๋นตบนางอีกครั้งด้วยหลังมือ ทำให้ใบหน้าอีกด้านของฉู่เฟยเปลี่ยนเป็สีแดง
“น่าชังนัก! ไอ้มือเหม็น ไอ้มือสกปรก หน้าข้า...หน้าข้า!” ฉู่เฟยทั้งอับอายทั้งโกรธแค้น และเริ่มต่อสู้กับฉู่อวิ๋นอีกครั้ง
แต่ทว่าทั้งคู่อยู่ในสภาพอ่อนล้า คนหนึ่งหมดแรง อีกคนก็าเ็สาหัส เมื่อพวกเขาโรมรันกัน ฉู่อวิ๋นก็ถูกฝีเท้าของฉู่เฟยสกัดจนเสียหลักและล้มไปข้างหน้า ถ่ายเทน้ำหนักไปที่ฉู่เฟย
ทั้งคู่ล้มลงกับพื้นทันที
ทุกคนอุทาน พวกเขาไม่คิดว่าฉากสุดท้ายของการประลองยุทธ์เซี่ยหยางจะกลายเป็การแลกหมัดกันระหว่างทั้งคู่
ในเวลานี้ ฉู่เฟยลืมตาขึ้นและเห็นฉู่อวิ๋นกำลังล้มทับบนตัวนาง นางกรีดร้องซ้ำๆ ราวกับถูกลบหลู่อย่างไม่อาจให้อภัย
“ไปให้พ้น เ้าคนเหม็นเน่า...สกปรก อย่ามาแตะต้องข้า!”
ฉู่อวิ๋นเกือบโดนหมัดของฉู่เฟยต่อยหน้า เขารู้สึกโกรธจัด ยันร่างกายลุกขึ้นนั่งทับบนเอวของฉู่เฟยทันที ใช้มือขวาบีบแขนนางเอาไว้แน่น และจ้องมองคนใต้ร่างอย่างเ็าและไร้อารมณ์
“ออกไปนะ! อย่าให้เืสกปรกของเ้ามาโดนข้าเชียว น่ารังเกียจนัก! ไอ้ตัวอัปมงคลตระกูลรอง!” ฉู่เฟยถ่มน้ำลายออกมาด้วยความโกรธและขัดขืนอย่างรุนแรง แต่มันก็ไร้ผล นางทำได้เพียงส่งสายตามองฉู่อวิ๋นด้วยความดุร้ายเต็มตา ดวงตาฉายแววดูถูกและรังเกียจ
บนเวทีประลอง มองเห็นฉู่อวิ๋นนั่งทับฉู่เฟยที่นอนราบอยู่บนพื้นโดยไม่พูดอะไรสักคำ สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปแล้ว
สายลมเย็นเยียบพัดผ่านไป ราวกับน้ำแข็งที่เย็นเฉียบ
หลังจากนั้นไม่นาน ฉู่เฟยก็มองตอบสายตาเ็าของฉู่อวิ๋น นางอับอาย โกรธแค้น และรังเกียจ และเกือบจะะเิอารมณ์ออกมา ณ เดี๋ยวนั้น
ใบหน้างามของนางฉายแววชั่วร้าย เสียงที่หยิ่งยโสดังออกมาจากปากเล็กๆ ของนาง และพูดด้วยน้ำเสียงตีโพยตีพาย "ไอ้สารเลว กล้าดีอย่างไรมาทำแบบนี้กับข้า?! ข้าสาบานเลยว่าข้าไม่ปล่อยเ้าแน่! ข้าจะหั่นเ้าเป็ชิ้นๆ แล้วเอาไปโปรยให้สัตว์ปีศาจมันกิน!”
“ให้เหมือนกับคนในตระกูลเ้า ที่ถูกสัตว์ปีศาจรุมทึ้งกัดกินจนไม่เหลือแม้แต่กระดูก! ฮ่าๆๆ”
คำพูดที่ชั่วร้ายเหล่านี้ค่อยๆ ดังเข้าหูของฉู่อวิ๋น เหมือนกับค้อนขนาดั์ที่ทำให้จิตใจของเขาแตกสลาย ทำให้ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เส้นเืปูดโปนออกมาด้วยความโกรธ
"เพียะ!"
เสียงตบหน้าดังขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้ทำให้มุมปากของฉู่เฟยมีเืซึมออกมา
“กล้าก็พูดออกมาอีก!” ฉู่อวิ๋นยกมือซ้ายขึ้นสูง ดวงตาฉายแววอารมณ์โมโห จ้องมองไปที่ฉู่เฟยราวกับยมทูตพรากิญญา
“ฮ่าๆๆ ข้าบอกว่าคนของตระกูลเ้ามันอ่อนแอ ก็เหมือนกับเ้า สุนัขพันธุ์ผสมที่ทำได้แค่กระดิกหางขอความเมตตาจากสัตว์ดุร้ายที่แข็งแกร่ง!”
“เพียะ! เพียะ!”
ฉู่อวิ๋นตบหน้าฉู่เฟยอีกสองครั้ง ทำให้เกิดรอยแดงและปูดบวมบนใบหน้างดงามของนาง ที่เคยยาวเรียบเนียนดั่งหยก
ในเวลานี้ ทุกคนรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ทั้งคู่สูญเสียพลังยุทธ์ไปเกือบหมดแล้ว แต่กลับยังไม่มีใครยอมแพ้ ทั้งยังยอมใช้ร่างกายเปล่าๆ เข้าห้ำหั่นกันต่ออีก
ในขณะเดียวกัน หลายคนก็ไม่เข้าใจว่าทำไมฉู่อวิ๋นถึงได้โกรธเกลียดฉู่เฟยมากขนาดนี้? พูดกันตามจริงแล้วสถานะของทั้งคู่ต่างกันมาก คนหนึ่งเป็อัจฉริยะที่หยิ่งผยองและอีกคนเป็ดาวหายนะที่ฉาวโฉ่ พวกเขาแทบไม่เกี่ยวข้องกันเลย
เพราะเหตุใดกัน?
“หากเป็เช่นนี้ต่อไป เฟยเอ๋อร์จะถูกตีตายเอานะ!” ในค่ายตระกูลฉู่ ผู้าุโสามดูเป็กังวลที่สุด แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้
“เฮ้อ ขอแค่เฟยเอ๋อร์ยอมรับความพ่ายแพ้ ทุกอย่างก็จะจบลง” ผู้าุโสี่ถอนหายใจ จากนั้นก็เหลือบมองที่ฉู่อวิ๋นแล้วพูดว่า “น่าเสียดายที่ด้วยอารมณ์ของเฟยเอ๋อร์แล้ว นางไม่มีทางยอมถอย"
ตลอดมานี้ ฉู่เฟยถือตนยิ่งใหญ่ในหมู่คนรุ่นใหม่มาโดยตลอด จนทำให้นิสัยแปรเปลี่ยนเป็หยิ่งผยองก้าวร้าว
ยิ่งไปกว่านั้น นางเกลียดตระกูลรองเป็ที่สุดและเชื่อว่าตระกูลหลักมีสายเืบริสุทธิ์ แต่ตอนนี้นางกลับถูกฉู่อวิ๋นตีจนแพ้ นางย่อมไม่ยอมรับความพ่ายแพ้เป็ธรรมดา
“เพียะ! เพียะ! เพียะ!”
เสียงตบตีดังหวีดหวิวมาจากเวทีประลอง
แต่ฉู่เฟยก็ยังคงแข็งกระด้างและพูดท้าทายฉู่อวิ๋น "ฮ่าๆๆ เ้าฆ่าข้าไม่ได้หรอก! เ้าขยะ"
"ใช่หรือ?!"
“เพียะ!” ตบแล้ว
“เ้ามั่นใจหรือ?” ฉู่อวิ๋นพูดอย่างเ็า
“ขยะแขยง!” ฉู่เฟยกระอักเืออกมาเต็มปาก
“เพียะ!” ตบอีก
“ยอมแพ้หรือไม่!”
“ต่อให้ตีข้าจนตาย ข้าก็ไม่ยอมแพ้ ข้าจะไปแย่ยิ่งกว่าสุนัขได้อย่างไร?!”
“ฮ่าๆ แต่เ้าก็แย่ยิ่งกว่าหมูหรือสุนัขเสียอีกนะ!” ฉู่อวิ๋นตบฉู่เฟยอย่างแรงอีกครั้ง ทำให้ใบหน้าของฉู่เฟยซีกหนึ่งบวม
"ฮ่าๆๆ"
จากนั้น ฉู่เฟยดูเหมือนจะบ้าไปแล้ว จู่ๆ นางก็หัวเราะออกมา
ทันใดนั้น ดวงตาของนางก็มืดมนทันทีด้วยท่าทางดุร้าย และะโเสียงดัง "ข้าคาดหวังนักว่าจะได้ย้อนกลับไปตอนนั้น กลับไปตอนที่ปะทะกับกระแสสัตว์ปีศาจ ไปที่ด้านในของป่าสนธยา ได้เห็นพวกคนตระกูลรองของเ้าถูกพวกสัตว์ปีศาจฆ่าตายกับตาอีกครั้ง”
“พวกมันต่อสู้อย่างสิ้นหวังเพื่อเปิดเส้นทางอันนองเืให้ข้าได้หนี เืเนื้อของพวกมันปลิวว่อนไปทั่วทุกที่ เหมือนหมูเหมือนสุนัขที่ถูกสัตว์ปีศาจดุร้ายสังหาร มันช่างวิเศษจริงๆ ฮ่าๆๆ”
ประโยคนี้ดังมากจนเกือบได้ยินไปทั่ว ทันใดนั้น ทุกคนต่างก็ตกตะลึงและดูเหมือนว่าพวกเขากำลังจะได้รู้เื่ราวภายในของกระแสสัตว์ปีศาจครั้งล่าสุดนี้อย่างช้าๆ
“อะไรนะ? คนจากตระกูลฉู่เสียชีวิตตอนที่ช่วยให้ฉู่เฟยหลบหนีหรือ?”
“ไม่ถูกต้อง ผู้นำตระกูลฉู่เคยบอกไว้ไม่ใช่หรือว่าสมาชิกของตระกูลรองถูกสัตว์ปีศาจโจมตีโดยไม่มีเหตุผล พวกเขาสงสัยไม่ใช่หรือว่าิญญายุทธ์พิการที่ฉู่อวิ๋นปลุกขึ้นนั้นเป็สาเหตุ?”
“หรือว่า...พวกเราจะตำหนิฉู่อวิ๋นผิดมาตลอด?”
หลังจากที่ทุกคนได้รับรู้ความจริงอันน่าขนลุกนี้แล้ว พวกเขาต่างมองหน้ากันด้วยความใ การสนทนายังคงดำเนินต่อไป และสถานที่จัดงานก็วุ่นวายขึ้นมาอีกครั้ง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้