อีกฟากหนึ่งของูเา
หนีเจียเอ๋อร์พร้อมกลุ่มคนที่พามา กำลังดักซุ่มรอการปรากฏตัวของโจวชิงหวาและกู่อวี่เสวียน
...
หลังจากส่งกู่อวี่เสวียนแล้ว โจวชิงหวาก็รีบทะยานกลับมายังเขาสือเหลียนอีกครั้ง เพื่อตามหาหนีเจียเอ๋อร์และกลุ่มคนที่นางได้จัดเตรียมเอาไว้
ตอนนั้นเอง หนึ่งในคนรับใช้ก็รีบวิ่งมารายงาน “คุณหนูรอง คุณชายโจวมาแล้วขอรับ”
หนีเจียเอ๋อร์ที่กำลังนอนเล่น ลืมตาพรึบ ผุดลุกขึ้นมานั่งทันที เมื่อหันไปมอง ก็เห็นโจวชิงหวาเดินมาเพียงคนเดียวเท่านั้น จึงรีบวิ่งเข้าไปหา “หืม... ทำไมมาคนเดียวล่ะ? แล้วองค์หญิงไปไหน?”
โจวชิงหวาเอื้อมมือไปหยิบเศษหญ้าบนศีรษะของอีกฝ่าย “ระหว่างทางมานี่ พวกเราดันไปเจอพวกโจรูเาจริงๆ เข้าน่ะสิ! หากข้าไม่ย้อนกลับไปดู ยังไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หนีเจียเอ๋อร์ก็ทำหน้าเศร้า “จากนี้ไป ต้องมีเื่ให้ปวดหัวไม่รู้จบเป็แน่ ด้วยคุณงามความดีที่ช่วยองค์หญิงในครั้งนี้ ตำแหน่งราชบุตรเขยของเ้า คงอยู่ใกล้แค่ปลายนิ้ว”
ขาดคำ โจวชิงหวาก็มีสีหน้ามืดครึ้ม
หากแผนไม่ล่มไปเสียก่อน ป่านนี้ คงได้เห็นรอยยิ้มของหนีเจียเอ๋อร์แล้ว
...
รถม้าของมู่หรงจิ่งหลีมาจอดเทียบอยู่ที่หน้าจวนสกุลหนี โดยมีนายท่านสกุลหนีกับเว่ยอี๋เหนียงออกมาต้อนรับ
ชายหนุ่มก้าวออกจากรถม้าพร้อมบรรดาบ่าวรับใช้ ซึ่งหอบของขวัญมามอบให้มากมาย
หากไม่รับก็ดูจะเสียมารยาท จึงต้องรับไว้ด้วยความจำใจ “องค์ชายสาม ท่านมาที่นี่ด้วยเหตุอันใดหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
นายท่านหนีเดาใจคนตรงหน้าไม่ออก ทั้งๆ ที่บุตรสาวของตน ก็ส่งของขวัญเหล่านี้กลับไปแทบจะทันทีทุกครั้ง ขนาดทำเื่เสียมารยาทเช่นนี้ เขากลับมิได้มีท่าทีจะตำหนิหรือกล่าวโทษ ทั้งยังไม่ยอมแพ้ เพียรพยายามส่งของขวัญมาให้ไม่ขาดสาย จึงไม่อาจรู้ได้ ว่าคนผู้นี้กำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
เว่ยอี๋เหนียงรับกล่องของขวัญมา ก่อนส่งคืนให้มู่หรงจิ่งหลี “องค์ชายสาม บุตรสาวของหม่อมฉันไม่อาจรับน้ำใจพระองค์ได้ โปรดอย่าส่งของมาอีกเลยเพคะ”
สวีซื่อหัวเราะอย่างดูแคลน “เหอะ! ทำเป็เล่นตัวไปเถอะ”
มู่หรงจิ่งหลีปรายตามองนางอย่างเ็า แล้วหันไปพูดกับเว่ยอี๋เหนียงด้วยน้ำเสียงนอบน้อม “นี่มิใช่ของเจียเอ๋อร์ แต่เป็ของท่านต่างหาก”
กล่าวจบ บ่าวรับใช้ก็เปิดกล่องของขวัญในมือของเว่ยอี๋เหนียง
ไข่มุกราตรีเม็ดหนึ่ง พลันปรากฏแก่สายตาของทุกคน...
องค์ชายสามช่างใจกว้างดุจมหาสมุทรจริงๆ!
นายท่านสกุลหนี สวีซื่อ และบรรดาบ่าวสกุลหนี ต่างเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง
มู่หรงจิ่งหลีพึงพอใจกับปฏิกิริยาของพวกเขายิ่งนัก ชายหนุ่มยกยิ้มมุมปาก พลางหันไปบอกเว่ยอี๋เหนียงและนายท่านสกุลหนี “ข้ารู้ว่าเจียเอ๋อร์เป็คนดื้อดึง แต่นางเชื่อฟังพวกท่านที่สุด ข้าเพียงหวังว่าท่านจะช่วยเกลี้ยกล่อมนางได้ เท่านี้ก็พอแล้ว”
ได้ยินเช่นนั้น เว่ยอี๋เหนียงก็ปิดกล่องไข่มุกราตรี ก่อนส่งกลับคืนไปให้อีกฝ่าย “องค์ชายสาม ของขวัญชิ้นนี้มีค่ามากเกินไป หม่อมฉันไม่อาจรับไว้ได้ ส่วนเื่ของบุตรสาว หม่อมฉันก็คงไม่สามารถช่วยท่านได้เช่นกัน ต้องขออภัยด้วย เพราะทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับนางเพคะ”
มู่หรงจิ่งหลีหรี่ตาลง ก่อนเอ่ยเสียงเคร่งขรึม “เว่ยอี๋เหนียง ที่ท่านปฏิเสธ เพียงเพราะข้ามิใช่คนของแคว้นฉีหลานหรือ?”
คำพูดเช่นนี้ เป็ดั่งการบังคับกลายๆ ดังนั้นของขวัญชิ้นนี้ ต่อให้ไม่้า นางก็ต้องรับเอาไว้
เว่ยอี๋เหนียงตัวสั่นเล็กน้อย “หม่อมฉันมิบังอาจ!”
แววตาของมู่หรงจิ่งหลีฉายแววพึงพอใจ “เช่นนั้นก็รับไปเสีย แล้วให้บุตรสาวของท่านมาที่หอจุ้ยเซียน บอกว่าข้าเชิญมารับประทานอาหารเย็นด้วยกัน”
นายท่านสกุลหนีก้าวออกไป หยิบกล่องในมือของเว่ยอี๋เหนียงมาถือเอาไว้ “องค์ชายสามโปรดวางใจ กระหม่อมจะส่งบุตรสาวไปตามนัดอย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”
รถม้าของมู่หรงจิ่งหลีเคลื่อนออกจากจวนสกุลหนี ความหรูหราเช่นนั้น ดึงดูดความสนใจของผู้คนที่อยู่โดยรอบได้ทันที
อีกด้านหนึ่ง หนีเจียเอ๋อร์และโจวชิงหวาที่เพิ่งกลับมา ก็ได้ยินประโยคที่มู่หรงจิ่งหลีเชิญหนีเจียเอ๋อร์ไปกินข้าวด้วยกันพอดี
โจวชิงหวารู้ว่านางไม่อาจปฏิเสธได้แน่ จึงกระซิบข้างหูว่า “มู่หรงจิ่งหลีให้ความสำคัญกับมารยาท เขาจึงรังเกียจสตรีที่หยาบคายยิ่งนัก”
หญิงสาวพยักหน้า ก่อนทั้งสองจะแยกย้ายกันไป
แน่นอนว่า ทันทีที่หนีเจียเอ๋อร์กลับมาถึงจวน นายท่านสกุลหนีก็เรียกไปพบ ยื่นไข่มุกราตรีให้ดู แล้วอธิบายเื่ราวทั้งหมดให้ฟัง
จากนั้นก็กำชับบุตรสาว ว่าห้ามสร้างความขุ่นเคืองให้มู่หรงจิ่งหลี เพราะไม่ว่าอย่างไร เขาก็เป็ถึงองค์ชายจากแคว้นเพื่อนบ้าน
ในเมื่อเื่นี้เกี่ยวข้องกับชะตากรรมของครอบครัว นางจะไปโต้แย้งอะไรได้?
...
ณ ชั้นสองของหอจุ้ยเซียน ในห้องอาหารสุดหรู
มู่หรงจิ่งหลีกับหนีเจียเอ๋อร์กำลังนั่งประจันหน้ากัน
ใบหน้าขององค์ชายสามมีรอยยิ้มกว้าง ขณะพูดกับหนีเจียเอ๋อร์ด้วยท่าทีตื่นเต้น “เจียเอ๋อร์ กว่าข้าจะเชิญเ้ามากินอาหารด้วยกันได้ หาใช่เื่ง่ายเลย”
“อย่างนั้นหรือเพคะ? มิน่าเล่า! ท่านถึงต้องใช้วิธีเช่นนี้ เพื่อบีบบังคับให้ข้ามา” หญิงสาวหยิบกล่องไข่มุกราตรีออกมาวางบนโต๊ะ ก่อนดันออกไปเบาๆ “หวังว่าพระองค์จะไม่ส่งมันมาอีกนะเพคะ”
ชายหนุ่มหยิบไข่มุกราตรีขึ้นมาไว้ในฝ่ามือ “ข้าก็แค่อยากจะเป็เพื่อนกับเ้าเท่านั้น แต่เพราะเ้าเฉยชายิ่งนัก ข้าจึงต้องให้มารดาของเ้าช่วยเหลือ”
หนีเจียเอ๋อร์มองออกไปด้านนอก ไม่แยแสคำพูดของเขา
มู่หรงจิ่งหลีเท้าคางมองอีกฝ่าย และจับจ้องเช่นนั้นอยู่นาน จนบรรยากาศเริ่มอึดอัด แต่กระนั้นเขาก็รู้สึกดีมากที่ได้ใช้เวลาร่วมกันตามลำพัง
ทว่าหนีเจียเอ๋อร์กลับทนมิได้ จึงลุกขึ้นเดินไปทางหน้าต่าง
ไม่ช้าประตูก็เปิดออก แล้วอาหารมากมายก็ถูกนำเข้ามา
ระหว่างมื้ออาหาร หญิงสาวจงใจแสดงกิริยาน่ารังเกียจ เพื่อทำให้ความประทับใจขององค์ชายสามลดลง แต่ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหน แววตาอันเต็มไปด้วยความหลงใหลนั่น ก็ไม่มีท่าทีว่าเลือนหาย
“เจียเอ๋อร์ ยิ่งข้าได้รู้จักเ้ามากเท่าไร ก็ยิ่งรู้สึกว่าเ้าแตกต่างจากสตรีอื่นที่ข้าเคยรู้จัก พวกนางล้วนเขินอายและสงวนท่าทีเมื่ออยู่ต่อหน้าข้า แต่เ้านั้นต่างออกไป”
มู่หรงจิ่งหลียื่นมือไปหยิบเมล็ดข้าว ที่ติดตรงมุมปากของหนีเจียเอ๋อร์ “น่ารักจริงๆ”
หญิงสาวถึงกับสำลัก...
นี่มันวันอะไร? ทำไมแผนการที่วางเอาไว้ ถึงได้พังไม่เป็ท่าเสียทุกครั้ง!
หลังมื้ออาหาร หนีเจียเอ๋อร์ก็ถูกลากไปที่สวนด้านหลัง เพื่อสารภาพรัก “หนีเจียเอ๋อร์ ข้าชอบเ้าั้แ่แรกเห็น ตามข้ากลับไปยังแคว้นจิวอวี่เถิด ข้าจะตั้งริ้วขบวนสิบลี้ จัดงานแต่งให้สมกับฐานะพระสนมของเ้า”
หนีเจียเอ๋อร์ทำหน้านิ่ว ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย แล้วเอ่ยเสียงเรียบ “องค์ชายสาม ข้ามิได้ชอบท่าน ต่อให้จะยกขึ้นเป็พระสนมหรือชายา ข้าก็ไม่สน ในทางกลับกัน หากข้ามีใจให้ ถึงเป็เพียงคนรากหญ้า ซึ่งมีเพียงชาหยาบและข้าวสาร ข้าก็จะติดตามเขาไป”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้