อวิ๋นจื่อหวาดกลัวจนตัวสั่น
เป็ไปได้ไหมว่าฮูหยินมู่จะส่งคนมาลอบสังหารตน?
เมื่อนึกถึงความเป็ไปได้ข้อนี้ นางก็รีบดันตัวลงไปในอ่าง นางกลั้นหายใจเพราะกลัวว่ามือสังหารจะได้ยินเสียงหายใจของนาง
อวิ๋นจื่อะโให้คนช่วยไม่ทัน เพราะเพียงชั่วพริบตาเงาสีดำนั้นก็โผล่มาเหนืออ่าง
อวิ๋นจื่อััได้เพียงสายลมที่พัดผ่านใบหูของนาง
จู่ๆ เงานั้นก็ปีนเข้ามาในอ่างน้ำโดยไม่ลืมที่จะเอามือปิดปากนาง
การเคลื่อนไหวของบุคคลนี้แยบยลและลื่นไหล ไม่ว่าใครก็สามารถบอกได้ว่าเขาคือยอดฝีมือผู้แข็งแกร่ง
แต่มีบางอย่างผิดปกติ
ถ้าพิจารณาตามหลักเหตุผลแล้ว หากเป็มือสังหารก็ควรจะลงมือไปแล้วไม่ใช่หรือ?
แต่เหตุใดบุคคลนี้จึงมีท่าทีราวกับกำลังหนีใครมา?
อวิ๋นจื่อมัวแต่ใช้ความคิดจนลืมไปชั่วขณะว่าตนเองกำลังตกอยู่ในอันตราย
เมื่อเงยหน้าขึ้น นางก็เห็นใบหน้าที่ดูงดงาม
และดูเหมือนจะงดงามกว่าเซียวเหยียนด้วยซ้ำ
เหตุใดบุรุษหน้าเหม็นเหล่านี้ถึงมีใบหน้าที่งดงามชวนมองกันทุกคน?
สตรีอย่างนางยังจะมีที่ยืนอยู่อีกหรือ?
อวิ๋นจื่อจ้องเขม็งด้วยความโกรธแต่ไม่สามารถพูดอะไรได้ เขาก้าวเข้ามาในอ่างน้ำของนางโดยไม่พูดอะไรสักคำ เติ้งถูจื่อ[1]ผู้นี้ช่างไร้ยางอายเสียจริง
เ้าของใบหน้างดงามนั้นก้มศีรษะลงเล็กน้อยเป็เชิงขอโทษ แววตาของเขาดูจริงใจมาก
อวิ๋นจื่อได้แต่กลอกตาไปมา
ทันใดนั้นสาวใช้ของนางที่ได้ยินเสียงดังจากด้านในก็ส่งเสียงเรียกมาจากหน้าประตู
“คุณหนูอาบน้ำเสร็จแล้วหรือเ้าคะ?”
เติ้งถู่จื่อทำท่าวิงวอนและปล่อยมือที่ปิดปากอวิ๋นจื่อออก
อวิ๋นจื่อทุบเติ้งถูจื่อผู้นี้ด้วยความโกรธและกล่าวเสียงดัง “ข้าต้องใช้เวลาอีกสักครู่ เสร็จแล้วข้าจะเรียกเ้าเอง”
สาวใช้รับคำและจากไปอย่างรวดเร็ว
อวิ๋นจื่อที่อยู่ในอ่างน้ำรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นจากร่างของชายตรงหน้า ร่างกายอันเปลือยเปล่าของนางแนบชิดกับฝ่ายตรงข้าม หัวใจของนางเต้นรัวจากทั้งความกลัวและความตื่นเต้น
ใบหน้ากระจ่างใสของอวิ๋นจื่อแดงก่ำด้วยความอับอาย ภายใต้แสงสีเหลืองนวลของตะเกียงนางดูงดงามราวกับก้อนเมฆบนท้องฟ้า หากมีใครได้เห็นฉากนี้คงยากที่จะละสายตาได้
เติ้งถูจื่อผู้นี้ย่อมมองเห็นเรือนร่างของนางได้อย่างชัดเจน
อวิ๋นจื่อรู้สึกเสียใจขึ้นมาทันที
เมื่อเห็นว่าเขายังไม่ยอมลุกออกจากอ่างน้ำ อวิ๋นจื่อก็โกรธมาก นางกระแทกเข่าใส่ชายผู้นั้นอย่างแรงและพูดด้วยความโกรธว่า “เติ้งถูจื่อ! เ้าลุกออกไปเดี๋ยวนี้!”
สีหน้าของอีกฝ่ายดูเรียบเฉย และนี่ก็ตกอยู่ในสายตาของอวิ๋นจื่อ
‘เขาทำท่าราวกับไม่รู้สึกว่าสิ่งที่ตนทำนั้นไร้ยางอายแค่ไหน นี่คงเป็เพียงอันธพาลที่หน้าตาดีคนหนึ่งเท่านั้น’ อวิ๋นจื่อแอบดูแคลนคนผู้นี้อยู่ในใจเงียบๆ ก่อนที่นางจะกระชากเสียงด้วยความไม่พอใจอีกครั้ง “ออกไป ข้าจะสะสางบัญชีกับเ้าในภายหลัง!”
ชายหนุ่มะโออกจากอ่างน้ำโดยไม่พูดอะไรสักคำ
อวิ๋นจื่อประหลาดใจมากที่เขาดูเชื่อฟังนางเป็อย่างดี
นางหยิกแก้มของตนเองเพื่อให้แน่ใจว่านี่ไม่ใช่ความฝัน จากนั้นก็ปลอบใจตัวเองว่า
‘อย่างน้อยเติ้งถูจื่อผู้นี้ก็หน้าตาดีไม่เบา’
แต่แล้วนางก็ตระหนักได้ว่าการเอาทองมาปิดหน้าตนเอง[2]ไม่มีประโยชน์แม้แต่น้อย ก่อนหน้านี้อวิ๋นจื่อรู้สึกว่านางอาจเสียเปรียบถ้าลุกจากอ่างน้ำก่อน อย่างไรก็ตามต่อให้ฝ่ายตรงข้ามลุกก่อนเขาก็ยังมองเห็นเรือนร่างของนางอยู่ดีไม่ใช่หรือ?
เมื่อคิดถึงตรงนี้อวิ๋นจื่อก็ยิ่งไม่พอใจมากขึ้น
อารมณ์ที่เพิ่งสงบลงได้ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง อวิ๋นจื่อเช็ดตัวอย่างเร่งรีบและสวมเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงสวมเสื้อคลุมและเดินออกมาด้านนอกด้วยสีหน้าถมึงทึง
เติ้งถูจื่อยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยสีหน้าเรียบเฉย
ตอนนี้อวิ๋นจื่อมีโอกาสสำรวจชายหนุ่มอย่างละเอียด คิ้วคมดุจกระบี่ แววตาเปล่งประกาย เส้นผมสีดำที่งดงามราวกับหมึก เขาดูเหมือนเซียนที่ตกลงมาจาก์ งดงามราวกับเดินออกมาจากภาพเขียน แม้ว่าเส้นผมของเขาจะยังมีหยดน้ำเกาะอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความสง่างามของเขาลดลงแม้แต่น้อย มวยผมที่ถูกมัดไว้ด้วยผ้าไหมสีดำมีน้ำหยดลงมาอย่างต่อเนื่อง ผ้าไหมสีดำที่ใช้มัดผมนี้เป็สัญลักษณ์ของตระกูลเขาใช่หรือไม่? อวิ๋นจื่อไม่ได้สนใจนัก นางยังคงจ้องมองเขาต่อไป
เสื้อคลุมสีดำของชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าค่อนข้างหรูหรา แม้ร่างกายจะเปียกโชก แต่เขายังคงสง่างามไม่เปลี่ยนแปลง ชายคนนี้แต่งกายค่อนข้างประหลาด เพราะนอกจากเสื้อคลุมที่เป็สีดำแล้วเสื้อด้านในก็เป็สีดำด้วย นางไม่เคยเห็นใครสวมอาภรณ์แบบนี้มาก่อน
ดวงตาของอวิ๋นจื่อทอแววสนุกสนานเล็กน้อยราวกับมีแผนการบางอย่างในใจ
เมื่อชายหนุ่มได้ยินเสียงฝีเท้าเขาก็หันกลับไปมองและพบกับดวงตาที่กระจ่างใสของอวิ๋นจื่อ
ทั้งสองสบตากัน
ความเยือกเย็นเจือด้วยความดุดันเฉกเช่นทหารเจนศึกทำให้ผู้คนรู้สึกหนาวสั่นไปทั้งตัว อวิ๋นจื่อตัวสั่นเล็กน้อยแต่ยังคงเดินตรงไปหาเขา ในขณะเดียวกันในใจของนางก็เต็มไปด้วยความกังวล
เขาเป็ใครกันแน่?
นางรู้สึกราวกับเคยเจอเขามาก่อน
แต่จะเคยเจอที่ไหน? ใบหน้าอันหล่อเหลาและสง่างามเช่นนี้นางไม่มีทางลืมเลือนแน่
อวิ๋นจื่อขมวดคิ้วและกล่าวอย่างสงวนท่าที “ข้าไม่สนว่าเ้าเป็ใคร หรือมีสถานะใด เ้าต้องอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้ชัดเจน”
ดวงตาของชายหนุ่มเปล่งประกายจากนั้นก็กลับมาเป็ปกติ เขากล่าวเบาๆ ว่า “เป็ความผิดของข้าเอง แม่นางโปรดยกโทษให้ด้วย ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของเ้า”
หลังจากที่อวิ๋นจื่อได้ยินเสียงของเขา นางก็ตระหนักว่าเป็เขานั่นเอง คนตระกูลเย่ผู้นั้น! แต่นางต้องแสร้งทำเป็ไม่รู้ว่าเขาคือใคร
อวิ๋นจื่อรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย แม้แต่เซียวเหยียนที่อยู่ห่างไกลถึงซินหลัวนางก็ยังเมินเขาอย่างไม่ใยดี เพราะนางตระหนักว่าโอกาสที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของนางในตอนนี้คือบุตรชายคนโตที่ไม่เป็ที่โปรดปรานของตระกูลเย่ เพราะฉะนั้นนางจะละทิ้งโอกาสที่จะสานสัมพันธ์กับตระกูลเย่ได้อย่างไร?
เนื่องจากเขาเป็คนตระกูลเย่ อวิ๋นจื่อจึงไม่สามารถปล่อยโอกาสนี้ไปได้ ตราบใดที่นางกุมจุดอ่อนของชายผู้นี้ไว้ ก็เหมือนกับนางกำลังกุมจุดอ่อนของตระกูลเย่ไม่ใช่หรือ?
เมื่อเป็เช่นนี้อวิ๋นจื่อจึงจงใจกระชากเสียงด้วยความโกรธเกรี้ยว “ยกโทษ? เ้า้าให้ข้ายกโทษให้เ้าหรือ? แม้ว่าข้าจะเป็สตรีจากหอจุ้ยฮวน ข้าก็เป็สตรีพรหมจรรย์ เ้าจะให้ข้าปล่อยผ่านเื่นี้ไปง่ายๆ หรือ?”
อวิ๋นจื่อเน้นเสียงอย่างดุดัน แต่ในขณะเดียวกันนางก็สังเกตสีหน้าของชายหนุ่มอย่างระมัดระวังด้วย
ดวงตาของชายหนุ่มหรี่ลงเล็กน้อย เขาเปลี่ยนเื่ทันที “ไม่ทราบว่าแม่นางเคยไปทีู่เาจิ่วอี๋หรือไม่?”
อวิ๋นจื่อใมาก เขารู้แล้วหรือว่านางเป็ใคร?
ถึงอย่างนั้นอวิ๋นจื่อก็พยายามกล่าวอย่างใจเย็น “หมายความว่าอย่างไร? เ้าอย่ามาเฉไฉเปลี่ยนเื่”
อวิ๋นจื่อไม่ได้โง่ นางรู้ดีว่าเขา้าเปลี่ยนเื่ นางจะไม่ให้โอกาสเขาทำเช่นนั้นโดยเด็ดขาด
ชายหนุ่มกล่าวอย่างเ็า “ถ้าเ้าปฏิเสธที่จะตอบคำถามของข้า ข้าก็ปฏิเสธที่จะให้คำอธิบายใดๆ กับเ้าเช่นกัน”
อวิ๋นจื่อกล่าวด้วยโทสะ “เ้าทำแบบนี้ไม่ได้ เ้าย่อมรู้ว่าคนผิดเป็เ้าไม่ใช่ข้า”
ชายหนุ่มกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ข้าแค่อยากรู้ว่าเ้าเคยไปทีู่เาจิ่วอี๋หรือไม่?”
------------------------
[1] เติ้งถูจื่อ เป็คำพ้องความหมายกับคนหื่นกาม
[2] เอาทองมาปิดหน้าตนเอง คือ การพูดให้ตัวเองดูดีโดยเจตนาพูดให้สวยงามหรือเกินจริง