ท่าทางของต้วนอวี้ที่ดีใจอย่างปิดไม่มิด ทำให้ต้วนชิงิย่นหัวคิ้วเข้าหากัน พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเข้ม “ต้วนอวี้ ทำอย่างนี้ได้ที่ไหน?”
เด็กน้อยอึ้งไปครู่หนึ่ง
พลันเสียงอ่อนโยนของแม่นมหนิงดังมาจากด้านหลัง
“คุณชายใหญ่ แม้นี่จะเป็เรือนของคุณชาย แต่เมื่อคุณหนูใหญ่มาก็ต้องทำความเคารพ ส่วนมือที่เลอะขนม ถ้าคนอื่นเห็นเข้าจะหัวเราะเยาะเอาได้เ้าค่ะ”
เด็กน้อยรู้สึกได้ถึงความอ่อนโยน ที่แท้กฎระเบียบมีไม่น้อย
แต่กฎย่อมเป็กฎ เห็นใบหน้าของผู้เป็พี่สาวในเวลานี้ละม้ายมีความโกรธแสดงออกมาชัดเจน เขาจึงยื่นขนมในมือให้กับบ่าวรับใช้ จากนั้นยกมือขึ้นมาเช็ดที่เสื้อ แม่นมหนิงเห็นเช่นนั้นจึงรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดมือที่มันของต้วนอวี้จนสะอาด พูดขึ้น
“คุณชายใหญ่เรียบร้อยแล้วเ้าค่ะ”
ต้วนอวี้จึงมายืนทำความเคารพตรงหน้าต้วนชิงิ
“ต้วนอวี้ทำคารวะท่านพี่!”
นางเผยรอยยิ้มจางๆ และผ่อนคลายหน้าลงยื่นมือไปจับมือของต้วนอวี้ พูดชัดทีละคำ
“ต้วนอวี้ตามสบาย!”
จางอี๋เหนียงได้ยินประโยคที่ต้วนชิงิพูดว่า “กฎไม่ว่าจะอย่างไรก็ต้องรักษาไว้!” จึงเดินตามมาที่หน้าประตูพร้อมกับใจที่เต้นแรงดัง ‘ตุบๆ’ นางกำลังคิดอยู่ว่าไปทำความผิดอะไรมาถึงทำให้ต้วนชิงิพูดเหน็บแนม
นางเดินมาเห็นใบหน้าที่ไร้รอยยิ้มของต้วนชิงิ พลันใพูดเสียงเบา
“ปี้เซี่ยคารวะคุณหนูใหญ่!”
นางกำลังสั่งสอนต้วนอวี้ เมื่อเห็นจางอี๋เหนียงก็มองนิ่งๆ และพูดเรียบๆ ว่า
พูดจบ ต้วนชิงิจับมือต้วนอวี้เดินเข้าไปในห้อง
จางอี๋เหนียงดูเหมือนแค่มาส่งขนมให้ต้วนอวี้ ทว่าต้วนชิงิกลับมองว่ามาสร้างปัญหาให้ต่างหาก ต้วนอวี้เป็คุณชายใหญ่ลูกภรรยาเอกจวนต้วน มักจะโดนหลิวหรงกับลูกสาวจ้องเล่นงานจับผิดอยู่ตลอด ถึงต่อให้ไม่มีใครจับผิด แต่การรักษากฎและมารยาทก็ยังต้องปฏิบัติต่อ
พวกบ่าวรับใช้ต้วนอวี้ช่างไม่รู้เื่ปล่อยให้จางอี๋เหนียงเข้าออกได้ตามอำเภอใจทำให้ต้วนชิงิไม่ค่อยสบอารมณ์
มิใช่เพียงเื่เดียว! ยังมีอีกเื่ที่ต้วนชิงิอยากพูดแต่ไม่อยากพูดตอนต้วนอวี้อยู่ด้วย
บนโต๊ะในห้องที่เศษขนมกระจัดกระจายเต็มพื้นที่ บนจานยังมีขนมที่เหลืออยู่อีกครึ่ง และบ่าวรับใช้คนใหม่ชื่อ ซินจู๋ กำลังทำความสะอาด เมื่อเห็นต้วนชิงิมาจึงรีบหยุดงานในมือ ทำความเคารพพร้อมแนะนำตัวเอง
“บ่าวชื่อซินจู๋ คารวะคุณหนูใหญ่เ้าค่ะ!”
ปีนี้ซินจู๋อายุเจ็ดปี มากกว่าต้วนอวี้แค่ครึ่งปี เป็บ่าวรับใช้ที่ต้วนชิงิตั้งใจเลือกมาให้น้องชายนางโดยเฉพาะ แม้อายุน้อยแต่มีไหวพริบปฏิภาณ สิ่งที่สำคัญคือมีใจซื่อสัตย์ต่อต้วนชิงิ บ่าวรับใช้ที่มีพื้นหลังขาวสะอาดไม่ด่างพร้อยควรได้มารับใช้ต้วนอวี้ นางจึงวางใจ
ต้วนชิงิมองซินจู๋ พูดเรียบ “ตามสบาย” จากนั้นจับมือต้วนอวี้ไปนั่งที่เก้าอี้ไม้พยุง
แม่นมหนิงนำน้ำและเ้าเจี่ยว[1]มาถูเสื้อที่เลอะเบาๆ ช่วยต้วนอวี้ล้างมือให้สะอาด จัดการเสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อนเดินกลับไปนั่งข้างกายต้วนชิงิ
ฟองนุ่มๆ ถูไปถูมาระหว่างนิ้วของเด็กน้อยทำให้เขาหัวเราะ ‘คิกคัก’ แม่นมหนิงยิ้มดีใจที่ได้เห็นเขาหัวเราะ เช็ดแต่ละนิ้วของต้วนอวี้ด้วยผ้าจนสะอาดเรียบร้อยจากนั้นเดินกลับมานั่งที่เก้าอี้ไม้พยุง
ถ้วยชาที่วางอยู่บนโต๊ะถูกยกขึ้นดื่มพลางมองหน้าน้องชายตัวน้อยด้วยสีหน้านิ่งเรียบ คิดอะไรอยู่ก็สุดรู้
ภายในห้องยังเห็นซินจู๋ยังทำความสะอาดอยู่ ซิ่วเอ๋อร์จึงเดินไปสะกิด นางเข้าใจทันทีรีบจัดการเก็บของและเดินตามออกไป
สายตามองนิ่งไปที่แม่นมหนิงปราดหนึ่ง นางเข้าใจความหมายย่อตัวลง ครู่เดียวแม่นมก็พาต้วนอวี้ออกไปล้างมือ ไม่ลืมแง้มประตูเหลือครึ่งบาน ส่งสายตาให้ซิ่วเอ๋อร์ออกไปจากห้องเดินไปพลางชวนซินจู๋คุยไปพลาง
เมื่อเห็นคนในห้องออกไปหมดแล้ว ต้วนชิงิจึงค่อยๆ วางถ้วยชา มองไปยังจางอี๋เหนียงด้วยสายตาที่แน่นิ่ง พูดขึ้นมาเสียงเรียบ
“อี๋เหนียงออกจากเรือนมาได้สามวันแล้วใช่หรือไม่? เมื่อไรจะไปพบท่านพ่อเล่า?”
ในใจนางกลัวต้วนชิงิต่อว่าเื่ที่มาใกล้ชิดต้วนอวี้ คาดไม่ถึงว่าสิ่งแรกที่เอ่ยปากจะพูดถึงต้วนเจิ้ง หาใช่ต้วนอวี้ไม่... เมื่อหลายปีก่อน มีน้ำขึ้นทะลักเข้ามาทำให้จางอี๋เหนียงไม่ได้เตรียมตัวตระหนกใอย่างมาก ภายใต้จิตใต้สำนึกของนางยังเห็นเงาของต้วนอวี้กำลังเล่นอยู่ จากหน้าต่างด้านนอก พลางทำท่าส่ายหน้าเล็กน้อยสลัดความคิด... ทว่าเมื่อได้ยินเื่เกี่ยวกับต้วนเจิ้ง นางจึงตอบว่า “เื่นี้... ปี้เซี่ยยังไม่ได้เตรียมตัว”
ต้วนชิงิได้ฟังขมวดคิ้วตามพลางส่ายหน้าเนิบช้า
“ข้อแรก ท่านเป็อี๋เหนียงของจวนต้วน ไม่ต้องเรียกตัวเองว่าปี้เซี่ย ข้อสอง ท่านเป็ผู้หญิงของท่านพ่อเมื่อออกจากเรือนจึงควรไปทำความเคารพท่านพ่อ”
สายตานางเลิกลักละม้ายไม่รู้จะทำอย่างไรดี พูดพึมพำเสียงเบา
“ทำได้จริงๆ หรือ?”
อี๋เหนียงคงรอให้ท่านพ่อเรียกพบ ไม่ยอมไปพบท่านพ่อเอง เพราะในใจของนางยังกลัวว่าหากต้วนชิงิสู้หลิวหรงไม่ได้ จะได้ไม่เป็การตัดทางเดินของตัวเอง
อีกทั้งที่ยังไม่กล้าไปหาต้วนชิงิ เพราะอยากรอดูสถานการณ์ก่อน รอจนหาทางออกไม่ได้หรือต้วนชิงิถืออำนาจอยู่ในมือแล้วถึงจะออกไปสนับสนุน
นางเป็คนเฉลียวฉลาด สิ่งที่น่ากลัวและกังวลเป็เื่ปกติที่เข้าใจได้ แต่สิ่งที่นางคิดไม่ถึงคือ ต้วนชิงิที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่เด็กสาวเก้าขวบแต่เป็หญิงสาวที่กลับชาติมาเกิดใหม่
ดังนั้นจางอี๋เหนียงจะต้องถูกนางลองใจสักครั้ง สาเหตุที่ต้องทำเช่นนั้นเพราะนางเคยเป็คนข้างกายของท่านแม่ ทว่าไม่เคยทำอะไรล้ำเส้น อีกทั้งหากนางสนับสนุนหลิวหรงก็คงไม่ได้มีสภาพเหมือนตอนนี้
แต่ตอนนี้ต้วนชิงิรู้สึกโมโหนางอย่างมาก คิดว่าตัวเองฉลาดเฉลียวคิดจะเอาต้วนอวี้มาเป็โล่กำบัง! ถ้าไม่สั่งสอนเสียหน่อยคงจะไม่ได้แล้ว!
“ทำได้แน่นอน! ก่อนอื่นต้องทำให้ท่านพ่อสนใจและให้เห็นแต่เื่ที่ดี ขณะเดียวกันก็ดูเล่ห์เหลี่ยมการสู้ระหว่างหลิวหรงกับข้าว่าใครจะเป็ผู้ชนะ เพื่อที่ท่านจะได้หาที่พึ่งพิงแห่งใหม่ ถ้าด่วนตัดสินใจไปก่อนอาจจะยืนผิดข้างก็เป็ได้... อี๋เหนียง ไม่รู้ว่าสิ่งที่ข้าพูดมา ถูกต้องหรือไม่?”
ทุกถ้อยทุกวาจาที่ต้วนชิงิพูดออกมาทำให้จางอี๋เหนียงนิ่งงันพลันลิ้นพันกันจนพูดไม่ออก ไปไม่เป็! พริบตาเดียวมีความคิดขึ้นว่าเื่นี้เป็แค่ความคิดของนางเท่านั้น หาได้เคยพูดกับใครไม่ คุณหนูใหญ่ล่วงรู้มาได้อย่างไร?
ต้วนชิงิหยักยิ้มขึ้น พูดอย่างไม่ไว้หน้าว่า
“อี๋เหนียงไม่ได้แบบนี้มานานแล้วหรอกหรือ? แต่ละวันคอยทำขนมและเป็ห่วงเป็ใยต้วนอวี้ เหตุใดไม่รีบไปทำให้ท่านพ่อสนใจท่านโดยเร็วล่ะ?”
ได้ฟังที่อีกฝ่ายพูด จางอี๋เหนียงขวัญหนีดีฝ่อ รีบแก้ตัวไปพัลวัน
“ปี้เซี่ย...”
......
[1] เ้าเจี้ยว เป็สมุนไพรจีนชนิดหนึ่งคล้ายฝักถั่ว โดยเปลือกสามารถนำมาทำใช้ทำสบู่หรือทำยา