จางอี๋เหนียงก็เดินตามออกมาเช่นกัน ตอนที่เพิ่งเดินมาถึงหน้าประตูห้องทันได้ยินประโยคที่ว่า “กฎไม่ว่าจะอย่างไรก็ต้องรักษาไว้!” ของต้วนชิงิ นางรู้สึกเพียงว่าอีกฝ่ายจงใจพูดให้นางฟัง พอหันขวับไปมองต้วนชิงิครู่หนึ่งกลับไม่เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าแม้สักนิด นางรู้สึกใ รีบก้มหน้าพูด “คุณหนูใหญ่!”
ต้วนชิงิมองนางด้วยสีหน้าเรียบเฉย หยุดเว้นจังหวะพลางเอ่ยขึ้น
“ตามสบาย”
จากนั้นจูงมือต้วนอวี้เดินเข้าไปในห้อง!
บนโต๊ะมีเศษขนมถูกโยนทิ้งไว้ไม่น้อย เห็นเพียงบ่าวรับใช้คนหนึ่งที่ชื่อว่า ‘ซินจู๋’ กำลังเก็บกวาดอย่างระมัดระวัง ครั้นเห็นต้วนชิงิเดินเข้ามา นางก็รีบวางงานในมือแล้วเข้ามาคำนับ
“บ่าวชื่อซินจู๋ คารวะคุณหนูใหญ่เ้าค่ะ!”
ปีนี้ซินจู๋เพิ่งจะอายุเจ็ดปี เป็คนที่ต้วนชิงิคัดเลือกมาให้ต้วนอวี้โดยเฉพาะ ถึงแม้สาวใช้คนนี้จะอายุน้อย แต่ก็ฉลาดมีไหวพริบ ไม่ได้มีจิตใจบิดเบี้ยวอะไรด้วย และที่สำคัญที่สุดก็คือ นางมีประวัติครอบครัวที่ขาวสะอาดบริสุทธิ์ เหมาะที่จะเก็บไว้ข้างกายต้วนอวี้! ส่วนต้วนชิงิเอง ก็เห็นได้ชัดว่าอยากจะเลี้ยงดูฝึกฝนนางให้เป็หัวหน้าบ่าวรับใช้ของต้วนอี้ในอนาคต!
ต้วนชิงิมองซินจู๋เพียงชั่วครู่ จึงหมุนตัวเดินไปนั่งตรงเก้าอี้ไม้แดงที่อยู่ด้านข้าง!
ซิ่วเอ๋อร์ก้าวขึ้นมาแตะตัวซินจู๋เบาๆ โดยไม่รอให้แม่นมหนิงเอ่ย ทั้งนางยังเข้าใจความหมายว่าคืออะไร รีบเก็บของที่อยู่ในมือ โค้งตัวให้ต้วนชิงิ ก่อนจะรีบเดินตามหลังซิ่วเอ๋อร์ออกไป!
ต้วนชิงิกำชับแม่นมหนิงให้พาต้วนอวี้ไปล้างมือ ตอนที่เดินออกประตูไป ก็ถือโอกาสใช้มือบังประตูไว้ครึ่งหนึ่ง แล้วส่งสายตาให้ซิ่วเอ๋อร์ที่อยู่อีกด้านหนึ่งอีก ซิ่วเอ๋อร์ที่มีไหวพริบรีบออกจากจุดที่อยู่ใกล้ห้อง จงใจคุยเล่นเรื่อยเปื่อยกับซินจู๋!
เมื่อเห็นว่าคนในห้องออกไปหมดแล้ว ต้วนชิงิถึงได้จิบน้ำชาอย่างเนิบนาบ นางเหลือบลูกตางามดุจไข่มุกดำขึ้นมองจางอี๋เหนียงเงียบๆ หลังจากผ่านไปพักใหญ่ นางถึงได้เอ่ยถามเสียงเรียบ
“อี๋เหนียงออกจากเรือนมาได้สามวันแล้วใช่หรือไม่? เมื่อไรจะไปพบท่านพ่อเล่า?”
นางก็ไม่ได้เตรียมคิดเอาไว้แม้สักนิด หยุดเว้นจังหวะแล้วพูดต่อท้ายอึกอัก “เื่นี้... ปี้เซี่ยยังไม่ได้เตรียมตัว!”
ต้วนชิงิขมวดคิ้วมุ่นหลังจากได้ฟังคำตอบ พลางส่ายหน้ากล่าววาจา “ข้อแรก ท่านเป็อี๋เหนียงของจวนต้วน ไม่ต้องเรียกตัวเองว่าปี้เซี่ย ข้อสอง ท่านเป็ผู้หญิงของท่านพ่อ เมื่อออกจากเรือนจึงควรไปทำความเคารพท่านพ่อ!”
“ทำได้จริงๆ หรือ?” ครั้นได้ฟังจึงทำสีหน้างุนงง สายตาเลิ่กลั่กละม้ายไม่รู้จะทำอย่างไรดี
ใช่ว่าไม่รู้ นางกำลังรอให้นายท่านเรียกพบ ไม่ยอมไปพบเอง เพราะในใจยังกลัว หากต้วนชิงิสู้หลิวหรงไม่ได้ จะได้ไม่เป็การตัดทางเดินของตัวเอง
อีกทั้งที่ยังไม่กล้าไปหาต้วนชิงิ เพราะอยากรอดูสถานการณ์ก่อน รอจนหาทางออกไม่ได้หรือต้วนชิงิถืออำนาจอยู่ในมือแล้วถึงจะออกไปสนับสนุน
นางเป็คนเฉลียวฉลาด สิ่งที่น่ากลัวและกังวลเป็เื่ปกติที่เข้าใจได้ แต่สิ่งที่นางคิดไม่ถึงคือ ต้วนชิงิที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่เด็กสาวเก้าขวบแต่เป็หญิงสาวที่กลับชาติมาเกิดใหม่
ดังนั้นจางอี๋เหนียงจะต้องถูกนางลองใจสักครั้ง สาเหตุที่ต้องทำเช่นนั้นเพราะนางเคยเป็คนข้างกายของท่านแม่ ทว่าไม่เคยทำอะไรล้ำเส้น อีกทั้งหากนางสนับสนุนหลิวหรงก็คงไม่ได้มีสภาพเหมือนตอนนี้
แต่ตอนนี้ต้วนชิงิรู้สึกโมโหนางอย่างมาก คิดว่าตัวเองฉลาดเฉลียวคิดจะเอาต้วนอวี้มาเป็โล่กำบัง! ถ้าไม่สั่งสอนเสียหน่อยคงจะไม่ได้แล้ว!
“ทำได้แน่นอน! ก่อนอื่นต้องทำให้ท่านพ่อสนใจและให้เห็นแต่เื่ที่ดี ขณะเดียวกันก็ดูเล่ห์เหลี่ยมการสู้ระหว่างหลิวอี๋เหนียงกับข้าว่าใครจะเป็ผู้ชนะ เพื่อที่ท่านจะได้หาที่พึ่งพิงแห่งใหม่ ถ้าด่วนตัดสินใจไปก่อนอาจจะยืนผิดข้างก็เป็ได้... อี๋เหนียง ไม่รู้ว่าสิ่งที่ข้าพูดมา ถูกต้องหรือไม่?”
ทุกถ้อยทุกวาจาที่ต้วนชิงิพูดออกมาทำให้จางอี๋เหนียงนิ่งงันพลันลิ้นพันกันจนพูดไม่ออก ไปไม่เป็! พริบตาเดียวมีความคิดขึ้นว่าเื่นี้เป็แค่ความคิดของนางเท่านั้น หาได้เคยพูดกับใครไม่ คุณหนูใหญ่ล่วงรู้มาได้อย่างไร?
ต้วนชิงิหยักยิ้มขึ้น พูดอย่างไม่ไว้หน้าว่า
“อี๋เหนียงไม่ได้ทำเช่นนี้มานานแล้วหรอกหรือ? แต่ละวันคอยทำขนมและเป็ห่วงเป็ใยต้วนอวี้ เหตุใดไม่รีบไปทำให้ท่านพ่อสนใจท่านโดยเร็วล่ะ?”
ได้ฟังที่อีกฝ่ายพูด จางอี๋เหนียงขวัญหนีดีฝ่อ รีบแก้ตัวไปพัลวัน
“ข้า...”
เอ่ยได้เพียงครึ่งคำพลันกล้ำกลืนคำพูดลงคอไป ดวงตาใสยามเมื่อจ้องมองมาเอ่อล้นไปด้วยน้ำดุจมีระลอกคลื่น ต้วนชิงิมองนิ่ง เห็นนางก้มหน้าลงพลางบิดม้วนผ้าเช็ดหน้าในมือ กลีบปากเผยออ้าออก พูดพึมพำ “เป็ความผิดของข้า”
“ถูกต้อง เป็ความผิดของท่าน ไม่เพียงใจร้อน อีกทั้งยังลงมือผิดที่ด้วย!” ต้วนชิงิกล่าวเสียงเย็นเยียบ
จางอี๋เหนียงชะงักใ “คุณหนูได้โปรดชี้แนะด้วย!”
สุ้มเสียงของนางฟังดูดุดันยามกล่าวถ้อยคำด้วยความโกรธเคือง
“เหตุใดต้องขอคำชี้แนะจากข้า” ต้วนชิงิหยุดเว้นจังหวะแล้วพูดต่อ “แล้วเมื่อสามวันก่อนหน้านี้เล่า ท่านกล้าพูดหรือไม่ว่ามิได้รอดูสถานการณ์หลิวอี๋เหนียงกับข้า... อี๋เหนียง ท่านไม่กล้าแม้แต่เผชิญหน้าด้วยตนเอง ทั้งยังไม่กล้าไปพบท่านพ่อ ทว่ากลับมาหาต้วนอวี้ มาถึงตอนนี้กลับอยากให้ข้าช่วยตัดสินใจ ท่านคิดหรือไม่?การที่ข้าสามารถทำให้ท่านออกจากเรือนมาได้ ก็แสดงว่าช่วยท่านหาวิธีดีๆ ได้เช่นกัน เหตุใดถึงคิดเองทำเองเช่นนี้ ไม่คิดแม้แต่จะถามเลยหรือ?”
นางตำหนิจางอี๋เหนียงแล้วสูดลมหายใจเข้าออกลึกๆ เฮือกหนึ่ง น้ำเสียงจึงฟังดูผ่อนคลายลง
“ท่านรู้อยู่เต็มอก การกระทำเช่นนี้ส่งผลอย่างไรกับต้วนอวี้? เหตุใดไม่ฉวย่เวลาเหล่านี้เข้าใกล้ท่านพ่อของข้า ท่านเองก็รู้ เมื่อท่านพ่อยอมรับท่านแล้ว ท่านจะกลายเป็คนที่ดูแลน้องชายของข้าอย่างสง่าผ่าเผย... แต่เ้ากลับไม่ทำอะไรเลย ได้แต่หลบๆ ซ่อนๆ เช่นนี้”
นางหยุดเว้นจังหวะแล้วพูดต่ออีกประโยค “ ท่านมีเจตนาอะไรกันแน่...”
คำพูดเหล่านี้ของต้วนชิงิทำให้จางอี๋เหนียงสั่นสะท้านไปทั้งตัว ‘ตึง!’ นางทิ้งตัวลงที่พื้นนั่งคุกเข่า
“คุณหนูใหญ่ ข้าไม่เคยออกจากเรือนมาหลายปี สิ่งที่ควรทำกลับไม่รู้ สิ่งที่รู้กลับไม่ทำ... แม้กระทั่งกับความชอบของนายท่านเ้าค่ะ...”
“ท่านนึกว่าข้าจะไม่เตรียมเื่พวกนี้ให้ท่านหรือ?” ต้วนชิงิพูดตัดบทจางอี๋เหนียงเสียงเรียบ
นางเงยหน้าขึ้นมองด้วยความประหลาดใจ ต้วนชิงิเอ่ยเสียงเรียบดุจเก่า
“ขึ้นชื่อว่าคนของข้า ย่อมได้รับการปกป้อง แม้ต้องแลกด้วยสิ่งใดก็ตาม หากใครคิดวางแผนเล่นงานคนของข้า รับประกันได้เลย ว่าจุดจบของนางไม่ใช่แค่คำว่าอนาถคำเดียวเป็แน่ …”
จางอี๋เหนียงมองต้วนชิงินิ่งคล้ายจมลงสู่ภวังค์ ในชั่วขณะนั้น ไม่มีคำพูดใดหลุดออกมาจากปากนาง เด็กสาวตรงหน้าอายุเพียงแค่แปดเก้าปีชัดๆ เหตุใดแววตาและท่วงท่าของนางถึงดูเด็ดขาดระคนสง่างามเช่นนี้... ตกตะลึงพรึงเพริดไปหมด! เมื่อพิศดูใบหน้าของนางกลับดูละม้ายฮูหยินติงโหรวอย่างไม่มีผิดเพี้ยน ในใจของจางอี๋เหนียงหนาวสั่นขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้ นางประสบพบเจอกับอะไรมากันแน่ ถึงทำให้แววตาของเด็กผู้หญิงเก้าขวบคนนี้ฉายแววเ็าคล้ายผ่านโลกมาอย่างโชกโชน?
ต้วนชิงิไม่รอฟังคำตอบจากอีกฝ่าย กล่าวอย่างใจเย็น “อีกไม่กี่วันคุณลุงกับป้าสะใภ้ ก็จะมาถึง ข้าให้คนไปส่งข่าวให้พวกเขาแล้ว ถึงตอนนั้นท่านจะได้รับของขวัญชิ้นหนึ่ง ถือโอกาสยกระดับฐานะของท่านให้สูงขึ้นด้วย... แต่ท่านต้องจัดการด้วยตัวเอง... เอาล่ะ ท่านกลับไปเสียเถอะ ลองไปไตร่ตรองคำพูดของข้าดู ถ้าคิดได้แล้วก็ให้คนมาบอกข้าอีกที!”
จางอี๋เหนียงกล่าวขอตัวออกไปอย่างว่าง่าย จนกระทั่งออกจากห้องมาแล้วถึงได้พบว่า ชุดชั้นในแนบเนื้อของนางเปียกชุ่มไปทั้งตัว!
ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่ายามเผชิญหน้ากับต้วนชิงิ ในใจของนางบังเกิดความรู้สึกอย่างหนึ่งคล้ายมีแรงกดดันบางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายออกมาได้ ไม่เคยรู้สึกเช่นนี้แม้อยู่ต่อหน้าต้วนเจิ้ง!
คุณหนูใหญ่คนนี้ไม่ธรรมดา นางไม่เพียงแต่มีความฉลาดเฉียบแหลมละม้ายฮูหยินเท่านั้น แต่ที่มากกว่าคือความเ็าโหดร้ายที่แม้แต่ฮูหยินก็ยังไม่มี!
ที่โชคดีก็คือนางยังยอมชี้แนะตน จางอี๋เหนียงมีเหตุผลที่จะเชื่อว่าถ้าเมื่อไรที่ต้วนชิงิไม่แม้แต่จะสั่งสอนชี้แนะนาง เช่นนั้นนางก็คงไม่เหลือใคร!
ส่วนเหตุผลว่าเหตุใดต้วนชิงิถึงยอมช่วยนาง เชื่อว่าครึ่งหนึ่งเป็เพราะนางมีประโยชน์ ส่วนอีกครึ่งหนึ่งอาจเป็เพราะเห็นแก่ไมตรีในหนหลังของผู้เป็มารดา ทว่าไม่ว่าจะเป็ตอนนี้หรือกาลก่อน นางก็จัดตำแหน่งของตัวเองไว้อย่างเที่ยงตรงเสมอมา ไม่เคยมีความคิดที่จะทำเกินกฎระเบียบแม้สักกระผีก !
ดูท่าต่อจากนี้นางจะต้องยิ่งระมัดระวังตัวมากขึ้นแล้ว !
พอนึกถึงตรงหนี้ จางอี๋เหนียงก็มองหนทางที่อยู่ตรงหน้า แล้วจู่ๆ ก็ถอนหายใจออกมาอย่างแ่เบา !