“เ้าหนุ่ม เ้าคิดจะเล่นอุบายเช่นนี้กับข้าอย่างนั้นรึ อ่อนหัดนัก จับตัวเ้าเด็กนั่นมา”
ฉู่หมั่งยิ้มเยาะ จากนั้นเขาก็ชี้นิ้วไปทางมู่ขวงก่อนจะสั่งการลูกสมุนของเขา
ทันใดนั้นสมาชิกสองคนของกลุ่มหมั่งก็เดินเข้าไปดึงตัวมู่ขวงขึ้นจากพื้นและส่งตัวอีกฝ่ายให้กับฉู่หมั่ง ชายหนุ่มใช้มือข้างหนึ่งจับตัวมู่ขวงเอาไว้ ในขณะที่มืออีกข้างก็นำกริชออกมา เขาเหลือบมองไปทางมู่เฟิงก่อนจะกล่าวขึ้นอย่างเ็าว่า “ทิ้งแผ่นยันต์บรรลัยกัลป์นั่นไปเสีย ไม่อย่างนั้นข้าจะทำให้มือของเขาพิการ”
“พี่เฟิง อย่าไปฟังเขา...”
มู่ขวงมองไปทางมู่เฟิง ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง
“เสี่ยวขวง...”
มู่เฟิงกัดฟันแน่น จากนั้นเขาก็ตวัดสายตาไปทางฉู่หมั่งอย่างเ็า
“ทิ้งแผ่นยันต์บรรลัยกัลป์นั่นไปเสีย!”
ฉู่หมั่งแผดเสียงคำราม พร้อมกับแทงกริชลงไปบนฝ่ามือของมู่ขวง
ฉึก!
“อ๊าก…!”
มู่ขวงหวีดเสียงร้องออกมาอย่างเ็ป ฝ่ามือของเด็กหนุ่มถูกกริชเล่มนั้นปักคาไว้กับโต๊ะ
“เสี่ยวขวง!”
เมื่อเห็นฉากนี้มู่เฟิงก็แทบจะหลั่งน้ำตาออกมา ความรู้สึกเ็ปเสียดแทงหัวใจของเขาอย่างรุนแรง
ทางด้านไป๋จื่อเยว่เองก็มีโทสะจนดวงตาแดงก่ำเช่นกัน มือข้างหนึ่งของเขากระชับด้านกระบี่ตรงเอวแน่น
พรึ่บ!
ฉู่หมั่งดึงกริชออกจากฝ่ามือของเด็กหนุ่ม จากนั้นเขาก็ทำท่าเล็งไปยังฝ่ามืออีกข้างของมู่ขวง ก่อนจะกล่าวขึ้นอย่างเ็าว่า “ข้าบอกให้เ้าทิ้งแผ่นยันต์บรรลัยกัลป์นั่นไปเสีย!”
มู่เฟิงรู้สึกโกรธแค้นจนตัวสั่น เขาตวาดออกมาด้วยน้ำเสียงเ็าเช่นกันว่า “แล้วเ้าจะต้องเสียใจกับสิ่งที่เ้าทำในวันนี้!”
ั์ตาสีโลหิตของเด็กหนุ่มพลันแดงก่ำขึ้นมา ในหัวใจของเขายังมีพลังโลหิตแอบซ่อนอยู่ และดูเหมือนว่าตอนนี้มันจะกำลังพลุ่งพล่านจนจวนเจียนจะทะลักออกมา
“จะไม่ทิ้งอย่างนั้นรึ?”
ฉู่หมั่งแสยะยิ้มมุมปาก จากนั้นเขาก็เตรียมจะแทงกริชในมือลงบนฝ่ามืออีกข้างของมู่ขวง
“ข้าทิ้ง!”
มู่เฟิงรีบตวาดออกมาอย่างร้อนรน จากนั้นเขาก็โยนแผ่นยันต์บรรลัยกัลป์ขึ้นไปบนท้องฟ้า ทำให้แผ่นยันต์เ่าั้ปลิวกระจาย ก่อนจะร่วงหล่นลงมาเกลื่อนพื้น
ฉู่หมั่งพลันหยุดมือในทันที จากนั้นเขาก็สั่งการเหล่าสมุนด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันต่อว่า “จับตัวเ้าเด็กสองคนนั้นเอาไว้!”
บรรดาลูกสมุนในกลุ่มหมั่งต่างก็รีบพุ่งตัวออกไปทันที พวกเขาจับตัวมู่เฟิงกับไป๋จื่อเยว่เอาไว้อย่างรวดเร็ว และนำตัวเด็กหนุ่มทั้งสองมาอยู่ตรงหน้าของฉู่หมั่งกับฉู่เฟยเอ๋อร์
“เ้าคนสารเลว ในที่สุดเ้าก็ตกอยู่ในกำมือของข้า”
ฉู่เฟยเอ๋อร์หัวเราะออกมาอย่างพึงใจ มือข้างหนึ่งของนางคว้าจับโคนผมของมู่เฟิงเอาไว้ ในขณะที่มืออีกข้างก็ต่อยไปยังใบหน้าของมู่เฟิงอย่างแรง
มู่เฟิงเพียงเหลือบตามองฉู่เฟยเอ๋อร์อย่างเ็าโดยไม่ได้พูดอะไรออกมา
“นางหญิงแพศยา เ้ากล้าตบพี่เฟิงรึ!”
มู่ขวงแผดเสียงคำราม ก่อนจะพยายามดิ้นรนสุดชีวิต แต่หลังจากที่เขาะโใส่ฉู่เฟยเอ๋อร์ เขาก็ถูกคนของกลุ่มหมั่งลงมือทุบตีอีกครั้งทันที
“หญิงแพศยา ข้าจะฆ่าเ้าให้ตาย!”
ไป๋จื่อเยว่ตวาดเสียงออกมาด้วยความโกรธ แต่ทันใดนั้น เขาก็ถูกคนสองคนของกลุ่มหมั่งต่อยเข้าที่หน้าท้องอย่างแรง ไป๋จื่อเยว่ขดตัวลงบนพื้นด้วยความจุก จากนั้นเขาก็ถูกเหยียบอยู่ใต้ฝ่าเท้าของฝ่ายตรงข้าม
“หึ ข้าอยากตีข้าก็จะตี ใครจะทำไม!”
ฉู่เฟยเอ๋อร์แค่นเสียงออกมาอย่างเ็า จากนั้นนางก็สั่งให้ลูกสมุนสองคนลงมือทุบตีมู่เฟิง
สมุนสองคนจัดการล็อกร่างของมู่เฟิงเอาไว้ ก่อนจะเริ่มประเคนหมัดของพวกเขาลงไปบนใบหน้าและหน้าท้องของมู่เฟิง
มู่เฟิงกัดฟันแน่นอย่างอดกลั้น ขณะที่เืไหลของก็ไหลออกมาจากมุมปาก ร่างกายของเขาเริ่มทรุดลงบนพื้น ก่อนที่กลุ่มคนซึ่งอยู่ด้านข้างจะเข้ามารุมกระทืบเขาต่อในทันที
“พี่เฟิง พี่เฟิง...!”
แม้ว่ามู่ขวงและไป๋จื่อเยว่จะกำลังถูกทุบตีเช่นกัน แต่พวกเขากลับยังคงเป็ห่วงมู่เฟิง
“นางหญิงแพศยา หากเ้ามีความสามารถก็มาตีข้า อย่าได้ตีพี่เฟิง”
มู่ขวงแผดเสียงออกมาอย่างเดือดดาล ดวงตาของเขาแดงก่ำจนมองเห็นเส้นเืได้อย่างชัดเจน
สำหรับมู่ขวงแล้ว มู่เฟิงคือผู้ที่ภายในใจของเขาเคารพเป็อย่างยิ่ง เป็หนึ่งในคนที่เขาไม่อาจปล่อยให้ใครมาล่วงเกินได้ ดังนั้นเมื่อเห็นฉากนี้ มู่ขวงย่อม้าจะแบกรับความทรมานทั้งหมดนี้เอาไว้ผู้เดียว
“เสี่ยวขวง เราเป็พี่น้องกันก็แบกรับมันไปด้วยกัน กระดูกข้ากำลังคัน คนพวกนี้ช่วยคลายกล้ามเนื้อให้ข้าได้พอดี ฮ่าๆ...อึก!”
มู่เฟิงขดตัวอยู่บนพื้น เขายิ้มออกมาอย่างขมขื่น เมื่อถูกเตะเข้าที่จุดตันเถียน เด็กหนุ่มก็กระอักเืออกมาทันที
บรรดาศิษย์คนอื่นของตระกูลมู่ต่างก็มองฉากนี้ด้วยความโกรธแค้นในใจ แต่เนื่องจากวรยุทธ์ของพวกเขาอยู่เพียงระดับทงม่ายเท่านั้น จึงไม่มีความสามารถพอที่จะเข้าไปช่วยคนทั้งสามได้
เด็กหนุ่มทั้งสามคนถูกทุบตีอยู่นานกว่าสิบนาที เมื่อแต่ละคนพากันกระอักเืออกมาไม่น้อยแล้ว ฉู่หมั่งจึงบอกให้เหล่าสมุนหยุดมือ
ฉู่หมั่งย่างเท้าเข้าไปหามู่เฟิงที่กำลังนอนหมอบอยู่บนพื้น เขากระชากโคนผมของมู่เฟิงก่อนจะดึงอีกฝ่ายขึ้นมา เวลานี้ใบหน้าของเด็กหนุ่มเต็มไปด้วยรอยแผลฟกช้ำ เมื่อเห็นสภาพที่น่าอนาถของอีกฝ่าย ฉู่หมั่งก็กล่าวขึ้นอย่างเย้ยหยันว่า “เ้าหนู เื่นี้ต้องโทษที่เ้าไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ ไม่รู้จักสำเหนียกว่าตัวเองเป็เพียงแค่เด็กใหม่ ข้าไม่สนหรอกนะว่าโลกภายนอกเ้าจะมีสถานะเช่นไร แต่เมื่ออยู่ที่นี่ ต่อให้เ้าเป็ัก็ต้องรู้จักขดตัว ต่อให้เ้าเป็พยัคฆ์ก็ต้องรู้จักหมอบ* วันนี้ข้าเพียง้าสั่งสอนบทเรียนให้เ้าเท่านั้น อนาคตยังอีกยาวไกลนัก เ้าก็จงสำเหนียกในสถานะของตัวเองให้ดีเสีย”
(*อย่าได้อวดดี ต้องรู้จักเก็บเขี้ยวเล็บ เพราะเหนือฟ้ายังมีฟ้า)
ฉู่หมั่งตบหน้ามู่เฟิงเบาๆ ขณะกล่าวอย่างเย้ยหยัน จากนั้นเขาก็หยัดกายลุกขึ้น
แต่ทันใดนั้น ดวงตาของมู่เฟิงก็พลันเปล่งแสงอันเย็นะเืออกมา เขากระโจนร่างขึ้นคว้าจับคอของฉู่หมั่งด้วยมือข้างเดียว จากนั้นมืออีกข้างก็นำกริชสั้นเล่มหนึ่งออกมาแทงลงไปบนหน้าอกของฉู่หมั่งอย่างแรงทันที
“อ๊าก…!”
ฉู่หมั่งหวีดเสียงร้องโหยหวนออกมาในทันที ยังไม่ทันที่เขาจะได้ตอบโต้ มู่เฟิงก็ล็อกคอเขาและแทงกริชสั้นลงมาบนหน้าอกของเขาเสียแล้ว แม้แต่พลังกังชี่ก็ยังไม่ทันได้สร้างเกราะป้องกันขึ้นมาเลยด้วยซ้ำ
“พี่หมั่ง!”
ผู้คนที่อยู่รอบๆ ต่างหน้าซีดด้วยความใ
“ไสหัวไปให้พ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะฆ่าเขาเสีย”
มู่เฟิงที่กำลังแทงกริชลงบนหน้าอกของฉู่หมั่งตวาดออกมาทันที โดยที่มืออีกข้างหนึ่งของเขาก็ยังคงล็อกคอของฉู่หมั่งเอาไว้เพื่อเป็ตัวประกัน
“ท่านพี่…”
เมื่อเห็นฉากนี้ฉู่เฟยเอ๋อร์ก็ตื่นตะลึงในทันที รวมถึงผู้คนที่อยู่ภายในโรงอาหารแห่งนี้ด้วยเช่นกัน
“รีบพามู่ขวงกับจื่อเยว่ไปยังวิหารของหมอยาเร็วเข้า!”
มู่เฟิงรีบะโสั่งการเหล่าศิษย์ของตระกูลมู่ในทันที
“อ่า พี่เฟิง”
บรรดาศิษย์ตระกูลมู่พลันได้สติกลับมา พวกเขารีบเข้าไปอุ้มมู่ขวงกับไป๋จื่อเยว่แบกขึ้นหลังอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าบรรดาลูกสมุนของกลุ่มหมั่งต่างก็ไม่มีใครกล้าขวางพวกเขา
“ศิษย์น้องเข้าใจผิด เ้าเข้าใจผิดแล้ว เ้าอย่าได้หุนหันพลันแล่น อย่าได้ลงมืออย่างมุทะลุเช่นนี้เป็อันขาด”
ฉู่หมั่งพยายามเกลี้ยกล่อมอีกฝ่าย คมกริชเมื่อครู่ของมู่เฟิงไม่ได้แทงในตำแหน่งหัวใจของเขา
เมื่อเห็นว่ามู่ขวงกับไป๋จื่อเยว่ถูกนำตัวออกไปแล้ว มู่เฟิงก็พลันรู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันที
แต่ทันใดนั้น ฉู่หมั่งก็กระแทกศีรษะของเขาไปยังใบหน้าของมู่เฟิงอย่างแรง จากนั้นเขาก็แทงศอกไปที่ซี่โครงของเด็กหนุ่มต่อทันที ทำให้มีเืไหลทะลักออกมาจากปากและจมูกของมู่เฟิง เด็กหนุ่มก้าวถอยออกไปสองก้าว ก่อนจะปล่อยมือออกจากฉู่หมั่ง
ฉู่หมั่งดึงกริชตรงหน้าอกของตัวเองออก จากนั้นก็เตะไปที่ทรวงอกของมู่เฟิงอย่างแรง มู่เฟิงพ่นเืออกมา ในขณะที่ร่างกายของเขาก็ปลิวกระเด็นออกไปไกลเจ็ดถึงแปดเมตร
“ทำให้เ้าเด็กนั่นกลายเป็คนพิการเสีย!”
ฉู่หมั่งคำรามออกมาอย่างเดือดดาล ในขณะที่ดวงตาของเขาก็แดงก่ำ
“ข้าจะดูว่าใครจะกล้า!”
ทันใดนั้นก็พลันมีเสียงะโเสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านนอก รอเพียงไม่นานสตรีหน้าตางดงามในชุดคลุมสีดำก็ปรากฏตัวขึ้น นางกำลังเดินนำบัณฑิตกลุ่มใหญ่จากตระกูลมู่ หยวนเฮ่าและกลุ่มคนของหยวนเฮ่าเข้ามา แน่นอนว่าสตรีผู้นี้ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็มู่หลิงเอ๋อร์นั่นเอง
เมื่อเห็นมู่เฟิงกำลังนอนอยู่บนพื้น มู่หลิงเอ๋อร์ก็รู้สึกเ็ปหัวใจขึ้นมาทันที นางรีบเข้าไปประคองมู่เฟิงอย่างรวดเร็ว
“เสี่ยวเฟิง เสี่ยวเฟิง...”
มู่หลิงเอ๋อร์เอ่ยเรียกชื่อของมู่เฟิง ไม่นานเด็กหนุ่มก็ลืมตาขึ้น เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายคือมู่หลิงเอ๋อร์ รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นตรงมุมปากที่มีรอยช้ำของเขาทันที
“พี่หญิง…”
มู่เฟิงเอ่ยเรียกอย่างอ่อนแรง จากนั้นศีรษะของเขาก็เอียงตกและสลบไป
“เสี่ยวเฟิง...”
มู่หลิงเอ๋อร์เขย่าตัวของมู่เฟิงเบาๆ จากนั้นดวงตาคู่สวยของนางก็พลันเปลี่ยนเป็สีแดงก่ำ
“มู่หลิงเอ๋อร์ หยวนเฮ่า”
ฉู่หมั่งหรี่ตามองไปทางมู่หลิงเอ๋อร์กับหยวนเฮ่าอย่างเ็า
มู่หลิงเอ๋อร์ประคองร่างของมู่เฟิงขึ้นมา ดวงตาคู่สวยที่จ้องไปทางฉู่หมั่งเต็มไปด้วยจิตสังหาร ก่อนที่นางจะกล่าวด้วยน้ำเสียงเ็าว่า “ฉู่หมั่ง เื่นี้ไม่จบแค่นี้แน่”
“หญิงแพศยา เ้าคิดว่าเหล่าจือผู้นี้จะหวาดกลัวเ้ารึ?”
ฉู่หมั่งตะคอกกลับอย่างเ็า
เนื่องจากอันดับความแข็งแกร่งของมู่หลิงเอ๋อร์และหยวนเฮ่านั้นไม่ได้อยู่สูงไปกว่าเขา ดังนั้นเขาไม่จำเป็ต้องเกรงกลัวคนทั้งสอง
“เ้าเศษสวะ เ้าลองด่านางอีกสักประโยคดูสิ เ้าได้เห็นดีแน่”
หยวนเฮ่าที่อยู่ไม่ไกลตวาดออกมาอย่างขุ่นเคือง เขาชักดาบเล่มใหญ่ออกมาถือไว้ในมือ กลุ่มคนจากต้าหยวนและศิษย์ตระกูลมู่ต่างก็ชักดาบออกมาเช่นกัน
ทางด้านคนของกลุ่มหมั่งเองก็พากันชักดาบและกระบี่ของตนออกมา ทั้งสองฝ่ายต่างก็จ้องมองกันอย่างเ็า เวลานี้ผู้คนนับร้อยเหล่านี้ได้เตรียมพร้อมที่จะทำากับอีกฝ่ายแล้ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้