จากกูหยวนจนถึงตระกูลหานมีระยะทางเล็กน้อย ไม่ว่าหลงเฟยเยี่ยจะเร็วแค่ไหนก็ต้องใช้เวลา หลังจากผ่านไปไม่นาน หานอวิ๋นซีก็รู้สึกไม่สบายและเมื่อยคอ
นางเงยศีรษะขึ้น ลมแรงพุ่งเข้าหาใบหน้าอีกครั้ง พัดผมยาวของนางปลิวว่อน ใบหน้าเ็ปราวกับโดนมีดบาด
หานอวิ๋นซีก้มศีรษะลงอีกครั้ง แต่ไม่นานก็เงยศีรษะขึ้นอีกครั้ง หากนางอยู่ในท่าก้มศีรษะไปจนถึงจวนตระกูลหาน เดาว่าคอของนางคงเคล็ดเป็แน่
แน่นอนว่าหลงเฟยเยี่ยสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวเล็กๆ น้อยๆ ของคนที่อยู่ด้านหลังเขา เพียงั้แ่ต้นจนจบสายตายังคงมองไปข้างหน้าอย่างสงบนิ่งราวกับว่าเคยชินกับมันแล้ว
แต่...แต่...นี่เป็ครั้งแรกที่ฉินอ๋องแบกใครสักคนไว้บนหลัง!
หลังจากนั้นไม่นาน คอของหานอวิ๋นซีก็เจ็บมากจนทนไม่ไหวอีกต่อไป เดิมทีนางอ่อนล้าจากการไม่ได้นอนมาทั้งคืนอยู่แล้ว พออยู่บนหลังที่แข็งทื่อของหลงเฟยเยี่ยเป็เวลานาน นางก็หมดเรี่ยวแรงมากขึ้นไปอีก
นางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เผยใบหน้าชั่วร้ายและแอบเลียริมฝีปาก มือที่อยู่บนไหล่ของหลงเฟยเยี่ยในตอนแรกก็ยื่นออกมาอย่างระมัดระวังและค่อยๆ โอบรอบคอของหลงเฟยเยี่ย
ทันทีที่โอบ หานอวิ๋นซีก็ไม่กล้าขยับ และเมื่อเห็นว่าหลงเฟยเยี่ยไม่ตอบสนองอะไร นางก็ยิ้มอย่างมีความสุข ใช้มือโอบแบบนี้สบายกว่าเยอะ
นางกลอกตาสองสามครั้ง เลียริมฝีปากอีกครั้ง พยายามหันหน้าอย่างระมัดระวังและวางใบหน้าเล็กๆ ไว้บนไหล่ของเขา
แน่นอนว่าการเคลื่อนไหวของนางยังคงแข็งทื่อ คราวก่อนที่หลงเฟยเยี่ยพานางไปฆ่ายุงพิษ หลงเฟยเยี่ยเองก็อุ้มนางไว้ในอ้อมแขนของเขาอย่างอุกอาจ แต่ตอนนี้กลับเป็นางเองที่ริเริ่มเข้าใกล้
ชายผู้นี้จะคิดว่านางสำส่อนหรือยั่วยวนอีกหรือไม่นะ?
เมื่อคิดถึงคำเตือนก่อนหน้านี้ หานอวิ๋นซีก็รู้สึกหดหู่ใจ เ้าคนหัวโบราณ!
หานอวิ๋นซีรออยู่ครู่หนึ่ง ทว่าก็ไม่ได้เสียงที่ไม่พอใจใดๆ ของหลงเฟยเยี่ย นางคิดว่าด้วยความเร็วของเขาที่เร็วขนาดนี้ คงไม่ได้สนใจนางอยู่แล้ว
ในเวลานี้ ความตึงเครียดของนางผ่อนคลายลงโดยไม่รู้ว่าตนเองรู้สึกผิดอะไรอยู่ในใจ นางแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกและพึมพำในใจว่า “ท่านอ๋อง ข้าขอโทษด้วยล่ะ ไม่มีเจตนาอื่นใดเลย แค่ยืมพิงเท่านั้นเอง”
เมื่อคนที่อยู่บนหลังสงบลง คิ้วของหลงเฟยเยี่ยที่ขมวดจึงจะคลายออก เขายังคงนิ่งเฉย แต่ยังคงมีความมืดมนอยู่ในแววตา มันมืดมากจนทำให้ผู้คนยากที่จะเข้าใจ
ระหว่างทางที่เงียบงัน มีเพียงเสียงลมหวีดหวิวและเสียงใจเต้นของคนสองคนที่ต่างไม่รู้เื่รู้ราวกัน...
เมื่อมาถึงจวนตระกูลหาน ท้องฟ้าก็ยังมืดอยู่ ด้วยเพราะท้องฟ้าในฤดูหนาวมันจะสว่างช้า
หานอวิ๋นซีชี้นำทางไป หลงเฟยเยี่ยก็รีบพานางขึ้นไปบนหลังคาที่พักของอี๋เหนียงสามอย่างรวดเร็ว
แม้ว่านางจะได้รับคำสัญญาจากหลงเฟยเยี่ย แต่หานอวิ๋นซีก็ยังคงไม่้าหาเบาะแสใดๆ ในบ้านของอี๋เหนียงสาม จะเป็การดีที่สุดหากตระกูลหานไม่เข้าไปเกี่ยวข้อง อย่างไรก็มีวิธีค้นหาเบาะแสที่อื่นเสมอ
ลานบ้านของตระกูลหานส่วนใหญ่มีขนาดพอๆ กัน จากความทรงจำของหานอวิ๋นซีก่อนหน้านี้ ทำให้นางรู้แผนผังลานบ้านของอี๋เหนียงสามคร่าวๆ ซึ่งเป็ลานซื่อเหอย่วน[1]เล็กๆ
เวลานี้ในลานบ้านเต็มไปด้วยความเงียบงันและยังไม่มีใครตื่นขึ้นมา อย่างไรก็ตามหานอวิ๋นซีรู้ว่าอีกไม่ถึงหนึ่งชั่วยามคนรับใช้จะตื่นขึ้นมา
“ตอนนี้เ้าบอกข้าได้หรือไม่ว่าเบาะแสคืออะไร” หลงเฟยเยี่ยถามด้วยเสียงต่ำ
หานอวิ๋นซีอธิบายสั้นๆ เกี่ยวกับชาฤดูใบไม้ผลิที่นางดื่มในสวนของอี๋เหนียงสามในวันนั้นและสิ่งที่นางพบในกระท่อมไม้ หลงเฟยเยี่ยที่เป็คนฉลาดจึงเข้าใจได้ในทันที
ไม่น่าแปลกใจที่จะมีพิษงูอยู่ในกระท่อมไม้ของอี๋เหนียงสาม แต่พิษงูกลับถูกสับเปลี่ยน ซึ่งจุดนี้ค่อนข้างน่าสงสัย
“ดังนั้น ข้าอยากจะค้นหาทั่วทั้งลานบ้าน เพื่อดูว่ามีร่องรอยของพิษงูอื่นๆ อีกหรือไม่?” หานอวิ๋นซีพูดอย่างจริงจัง
สาเหตุที่นางพบเศษพิษงูในกระท่อมไม้ ประการแรกคือพิษงูมีพิษมากกว่าพิษธรรมดาและระบบล้างพิษมีความไวกว่า ประการที่สองเพราะลิ้นชักตู้ยาทั้งสองไม่ได้รับการทำความสะอาด
ก่อนหน้านี้ หานอวิ๋นซีหวังเป็อย่างยิ่งว่าจะพบเศษพิษงูอื่นๆ ในลานแห่งนี้ แต่ตอนนี้นางไม่้าจริงๆ
“เบาะแสนี้น่าสงสัย แต่ก็ไม่ถึงกับน่าสงสัยมากขนาดนั้น” หลงเฟยเยี่ยพูดอย่างเป็กลาง
แน่นอนหานอวิ๋นซีรู้ว่า “ข้าหวังว่าจะเป็ข้าที่คิดมากไปเอง”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา รอยยิ้มเยาะเย้ยก็ปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของหลงเฟยเยี่ย ทำให้หานอวิ๋นซีไม่พอใจอย่างมาก
“พาข้าลงไป” นางพูดอย่างเ็าพร้อมกับน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยการออกคำสั่ง
หลงเฟยเยี่ยชะงักไปครู่หนึ่ง เมื่อเผชิญกับดวงตาที่โกรธเกรี้ยวของนาง จึงไม่ได้เซ้าซี้อะไรกับนางมากมายนัก เขาอุ้มนางวางลงบนพื้นและแง้มประตูอย่างเงียบๆ
เมื่อหานอวิ๋นซีเห็นท่าทีเปิดประตูที่รวดเร็วและมีประสบการณ์ของเขา ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความรู้สึกที่ว่าชายผู้นี้เป็ถึงฉินอ๋องที่สูงส่ง คิดไม่ถึงว่าจะมีศักยภาพการเป็ขโมยที่ดีมากขนาดนี้
แต่จะอย่างไรก็ตาม หากไม่ใช่เพราะหลงเฟยเยี่ย หานอวิ๋นซีคงไม่สามารถเข้าไปได้
ทันทีที่เปิดประตู หานอวิ๋นซีก็เดินกะโผลกกะเผลกเข้าไป หลงเฟยเยี่ยก็ตามมาติดๆ หลังจากปิดประตูอย่างเงียบๆ โดยไม่ทิ้งร่องรอยใดๆ
ทันทีที่เข้าประตูมา ก็จะเจอกับโถงรับแขก แม้ว่าจะไม่น่าเป็ไปได้ที่จะมีร่องรอยของพิษงูอยู่ที่นี่ แต่หานอวิ๋นซียังคงเดินกะโผลกกะเผลกไปรอบๆ และเปิดใช้งานระบบล้างพิษเพื่อค้นหา
หลงเฟยเยี่ยยืนอยู่ข้างๆ ประตูราวกับเทพเฝ้าประตู มองร่างที่เคลื่อนไหวช้าๆ ของหานอวิ๋นซีในความมืด
หากหานอวิ๋นซีมีมือเท้าที่ว่องไว นางจะเดินไปรอบๆ ได้เร็วมาก อย่างไรก็ตามตอนนี้เท้าของนางได้รับาเ็ มันเลยทำให้เวลาล่าช้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โชคดีที่นางมีระบบล้างพิษ มิฉะนั้นหากพึ่งพาการค้นหาด้วยตนเองจริงๆ นางอาจจะต้องรบกวนหลงเฟยเยี่ยให้มาเป็เพื่อนนางอีกหลายครั้ง
ในไม่ช้า พวกเขาก็ค้นทั่วบ้านของอี๋เหนียงสาม แต่ก็ไม่พบอะไรเลย เหลือเพียงห้องนอนของอี๋เหนียงสามกับหานรั่วเสวี่ยเท่านั้น และในเวลานี้ทั้งสองแม่ลูกกำลังหลับใหลอยู่
“ไม่มีเลยหรือ?” หลงเฟยเยี่ยรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
“ยังมีห้องนอนอีกสองห้อง ลองไปหาดูอีกที” หานอวิ๋นซีพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ทว่าในใจก็แอบดีใจอยู่ พิษงูสองสามชนิดนั้นต้องเป็เื่บังเอิญอย่างแน่นอน ต้องเป็นางที่คิดมากไปเอง!
หลงเฟยเยี่ยไม่ได้ถามคำถามใดๆ อีกต่อไป และเดินไปที่ห้องนอนของหานรั่วเสวี่ยพร้อมกับหานอวิ๋นซี ห้องส่วนตัวของสตรีนั้นจะต่างออกไป ทันทีที่มาถึงหน้าประตูก็จะได้กลิ่นหอมจางๆ หลงเฟยเยี่ยลังเลอยู่ครู่หนึ่งและพูดเสียงเบาว่า “ฟ้าสว่างแล้วค่อยมากันเถอะ”
หานอวิ๋นซีเหลือบมองท้องฟ้าและพูดอย่างจริงจังว่า “ยังมีเวลาอยู่ ไม่ต้องเสียเวลาไปมาอีกรอบหรอก”
ประการแรก หานอวิ๋นซีมีสัญญาการพนันอยู่ ดังนั้นนางจึงเสียเวลามากไม่ได้ และประการที่สอง ถ้านางไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น กลับไปนางคงนอนไม่หลับ
ไม่พบร่องรอยของพิษงูเลยสักที่ เป็ไปได้มากว่านางคิดมากเกินไป แต่ก็เป็ไปได้มากที่พิษงูจะซ่อนอยู่ในห้องนอน
ขณะที่หลงเฟยเยี่ยกำลังจะพูด หานอวิ๋นซีก็หยิบสิ่งที่คล้ายกับไม้จันทน์ออกมาจากถุงยา จุดไฟอย่างระมัดระวัง เจาะรูที่หน้าต่างกระดาษแล้วยื่นเข้าไป
อย่าหาว่าการใช้เครื่องหอมเป็วิธีที่สิ้นคิดเลย มันมีประโยชน์มากเสมอในยามวิกฤต
หลังจากนับเวลา หานอวิ๋นซีก็ยิ้มอย่างมีเลศนัยให้หลงเฟยเยี่ยและพูดว่า “ท่านอ๋อง งัดประตู”
หลงเฟยเยี่ยที่ไม่ว่าจะฟังประโยคนี้อย่างไรก็ไม่เห็นด้วย ความจริงแล้วหาก้าตรวจสอบอี๋เหนียงสาม เขาจะมาในเวลากลางวันก็ย่อมได้ ต่อให้มาค้นบ้านทั้งหลังแล้วออกไป ก็ไม่มีใครสงสัยอะไร เขามันบ้าจริงๆ ที่แอบพาสตรีผู้นี้มาแอบทำเื่เช่นนี้ในกลางดึก
เขางัดเปิดประตูด้วยสีหน้าเรียบเฉย เห็นหานอวิ๋นซีเข้าไป ทว่าเขากลับไม่ขยับเขยื้อนใดๆ ยืนอยู่ที่เดิม ไม่แม้แต่จะมองเข้าไปข้างใน
เขาหลีกเลี่ยงห้องของสตรีมาโดยตลอด นับประสาอะไรกับห้องที่ยังมีสตรีนอนอยู่ล่ะ
หานรั่วเสวี่ยที่หลับอยู่ บวกกับควันของเครื่องหอมแล้ว ไม่ว่าจะมีการเคลื่อนไหวมากขนาดไหนก็ยากที่จะตื่นขึ้นมา หานอวิ๋นซีจึงค้นหาไปรอบๆ และในที่สุดก็เดินไปที่เตียงเพื่อตรวจสอบ
ม่านแขวนถูกยกขึ้น จึงได้เห็นว่าลักษณะการนอนหลับของหานรั่วเสวี่ยนั้นไม่ดีเลยแม้แต่น้อย เสื้อผ้าเลิกขึ้นอย่างยุ่งเหยิง
หานอวิ๋นซีหันมองออกไปนอกประตูโดยไม่รู้ตัว ในใจพลางคิดว่าการที่หลงเฟยเยี่ยไม่เข้ามาดูเหมือนจะถูกต้องแล้ว
ไม่รู้ว่าควรจะบอกว่าน่าเสียใจหรือควรจะพูดว่าโชคดีดี ในห้องของหานรั่วเสวี่ยเองก็ไม่พบเบาะแสใดๆ และตอนนี้เหลือเพียงหลี่ซื่อผู้เป็อี๋เหนียงสาม
หานอวิ๋นซีไม่กล้ามองหน้าหลงเฟยเยี่ย นางคิดว่าชายผู้นี้ต้องรู้สึกผิดหวังจนทำให้อารมณ์ดีๆ ของค่ำคืนนี้แทบจะหายไปทั้งหมดเลยสินะ
หานอวิ๋นซียังคงใช้ควันเครื่องหอมเพื่อทำให้หลี่ซื่อสลบไสลก่อนที่จะเปิดประตูเข้าไปเช่นเดิม หลงเฟยเยี่ยยังคงยืนอยู่นอกประตู แต่แม้ว่าจะยืนอยู่ เขาก็ให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดกับการเคลื่อนไหวที่อยู่รอบๆ
หากอี๋เหนียงสามเป็หนอนบ่อนไส้ เช่นนั้นลานแห่งนี้ก็คงไม่ได้เรียบง่ายอย่างที่เห็นภายนอก อย่างน้อยคงมีองครักษ์อยู่ในความมืด
ห้องของหลี่ซื่อใหญ่กว่าของหานรั่วเสวี่ยอย่างมาก และที่นี่ก็เป็ที่ที่น่าสงสัยที่สุดเช่นกัน
หานอวิ๋นซีค้นหาอย่างระมัดระวัง นางจดจ่ออยู่กับมัน และไม่้าพลาดเบาะแสใดๆ
อย่างไรก็ตามหลังจากการค้นหาอย่างจริงจัง ระบบการล้างพิษก็ไม่ได้ส่งเสียงเตือนใดๆ สุดท้ายหานอวิ๋นซีก็มองไปที่เตียงซึ่งเป็สถานที่สุดท้ายที่ยังไม่ได้ค้นหาในลานทั้งหมด!
“อี๋เหนียงสาม ท่านต้องไม่ใช่คนที่วางพิษงูหมื่นตัวอย่างแน่นอน!”
หานอวิ๋นซีพึมพำกับตัวเองและเดินไปทีละก้าว หากหลงเฟยเยี่ยเข้ามาด้วยละก็ บางทีเขาอาจจะรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติไปนานแล้ว น่าเสียดายที่หลงเฟยเยี่ยอยู่นอกประตูในเวลานี้
หานอวิ๋นซีเดินเข้าไปใกล้เตียงทีละก้าว นางที่ไม่รู้ศิลปะการต่อสู้จะสังเกตเห็นรังสีของการฆาตกรรมที่น่าสะพรึงกลัวในม่านกระโจมแขวนได้อย่างไร อี๋เหนียงสามที่ตื่นขึ้นมาทันทีที่ได้กลิ่นหอมของควันเครื่องหอม ตอนนี้เวลานี้ ในมือของนางกำลังถือกริชอันแหลมคมเอาไว้
ใบหน้าของอี๋เหนียงสามเต็มไปด้วยความดุร้ายราวกับเป็คนละคน เมื่อครู่นางได้ยินเสียงพูดพึมพำ ก็รู้ได้เลยว่าเป็หานอวิ๋นซีที่มา ทว่าก็คิดไม่ถึงว่าหานอวิ๋นซีจะนึกสงสัยนางจริงๆ ทั้งยังกล้าแอบเข้ามาในจวนตระกูลหานเพื่อตรวจสอบนาง!
ทำไมสตรีผู้นี้ถึงได้สงสัยนางกันนะ?
เป็ไปได้หรือไม่ว่าวันนั้นนางพบเบาะแสบางอย่างในกระท่อมไม้ ลิ้นชักสามลิ้นชักที่นางเปิดนั้นซ่อนพิษงูไว้ก็จริง แต่มันก็ถูกทำความสะอาดจนไม่มีกลิ่นหลงเหลือแล้ว นางรู้ได้อย่างไรกัน?
สตรีผู้นี้สามารถล้างพิษงูหมื่นตัวของมู่ชิงอู่ได้ วิชาพิษคงไม่เลว เพียงแต่ไม่ว่าปรมาจารย์ด้านพิษจะเก่งกาจขนาดไหน ก็ไม่สามารถดมกลิ่นลมหายใจที่ตกค้างของพิษงูสามชนิดได้!
อี๋เหนียงสามที่เต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ แต่ในเวลานี้นางก็ไม่ได้สนใจที่จะคิดถึงเื่นี้มากมาย
นางยังไม่ทันได้ลงมือด้วยซ้ำ คิดไม่ถึงว่ายัยสารเลวคนนี้อยากจะลงมือก่อน เอาล่ะ วันนี้นางจะเติมเต็มความปรารถนาให้เอง!
ถ้าหานอวิ๋นซีเสียชีวิตที่นี่ก็คงไม่มีใครรู้ ราชวงศ์เทียนหนิงก็จะขาดยอดฝีมือด้านพิษไปอีกหนึ่งคน นางเองก็จะสามารถกำจัดปัญหาไปได้ไม่น้อย
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เจตนาฆ่าในดวงตาของอี๋เหนียงสามก็รุนแรงขึ้นเล็กน้อย
หานอวิ๋นซีหยุดอยู่หน้าม่านกระโจมแขวน หากนางไม่มีระบบล้างพิษ นางคงไม่สามารถค้นหาได้อย่างละเอียดเช่นนี้ แต่ด้วยระบบล้างพิษในมือ นางจึงไม่พลาดร่องรอยใดๆ ที่เหลืออยู่แม้แต่ทั้งสองมือของอี๋เหนียงสาม!
นางหวังว่าจะไม่พบสิ่งใด แต่นางก็มีหลักการของนาง ในเมื่อสัญญากับหลงเฟยเยี่ยแล้ว นางจึงต้องจริงจังจนถึงที่สุด
นางตั้งสมาธิและจดจ่อเพื่อเพิ่มความไวของระบบล้างพิษ ภายในม่าน อี๋เหนียงสามหรี่ตาเรียวที่เ็า มือข้างหนึ่งถือกริชและอีกข้างจับผ้าม่าน
หานอวิ๋นซียกมือขึ้นจับม่าน เมื่อกำลังจะยกขึ้น ใครจะรู้ว่าใน่เวลาสำคัญนี้ เสียงเ็าก็ดังมาจากนอกประตู “หานอวิ๋นซี เสร็จหรือยัง?”
ทันทีที่ได้ยิน หานอวิ๋นซีก็หันศีรษะไปโดยไม่รู้ตัว อี๋เหนียงสามที่อยู่หลังม่านก็ใเช่นกัน แน่นอนว่านางจำเสียงที่เ็าและไร้หัวใจนี้ได้
คือเขา หลงเฟยเยี่ย!
---------------------------------------
[1] ลานซื่อเหอย่วน เป็การก่อสร้างบ้านเรือนอยู่อาศัยแบบให้บ้าน 4 หลังร่วมกันใช้ลานบ้านเดียวกัน
