ขณะที่ลู่เป๋าเหยียนกำลังจะเดินกลับห้องเขาก็เจอกับเสิ่นเยว่ชวนที่กำลังเดินออกจากลิฟต์พอดี
ความอึดอัดที่พบเจอเมื่อ่เช้ากลายเป็ปมในใจของเสิ่นเยว่ชวนไปเสียแล้วเขายื่นถุงในมือให้กับลู่เป๋าเหยียนก่อนเอ่ย
“เมื่อกี้เจี่ยนอันส่งที่อยู่ร้านอาหารมาให้ฉันเ้าหนึ่งฉันก็เลยซื้ออาหารเที่ยงมาตามที่เธอบอก ถ้าไม่ถูกปากอย่ามาโทษฉันนะ” พูดจบเสิ่นเยว่ชวนก็ทำท่าจะหนีกลับ
“เดี๋ยวก่อน”ลู่เป๋าเหยียนเรียกเขาไว้ “วันนี้นายกลับเมือง A ไปเคลียร์งานที่บริษัทแทนฉันหน่อย”
“แล้วทางนี้ล่ะ”เสิ่นเยว่ชวนถาม “ให้หาคนมาแทนไหม”
“ไม่ต้อง”ลู่เป๋าเหยียนตอบ “วังหยางยังอยู่ที่นี่ต่อ”
“โอเค”เสิ่นเยว่ชวนพยักหน้า “เร็วสุดคงบินกลับได้คืนนี้พร้อมๆกับซูอี้เฉิง ว่าแต่...นายกับเจี่ยนอันล่ะ คงไม่คิดจะอยู่ที่นี่จนเธอหายดีหรอกนะ?”
“ยังไม่รู้เลย”ลู่เป๋าเหยียนไม่มั่นใจว่าจะต้องใช้เวลากล่อมูเี่อันให้กลับบ้านกับเขาอีกกี่วันจึงสั่งเสิ่นเยว่ชวนไปว่า “นายกลับไปเมื่อไร บอกให้มู่ซือเจวี๋ยคอยจับตาดูคังรุ่ยเฉิงเอาไว้”
“ฉันรู้แล้ว”เสิ่นเยว่ชวนมองไปยังห้องพักของูเี่อันเขาไม่อยากคิดถึงเื่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตเลย ว่าแล้วจึงถอนหายใจก่อนจะเดินออกไป
ลู่เป๋าเหยียนหิ้วถุงอาหารกลับเข้าไปในห้องูเี่อันนั่งทำหน้าสับสนอยู่บนเตียง เมื่อเห็นเขาเธอก็อ้าปากเหมือนจะพูดอะไรแต่ก็ไม่ยอมพูดออกมาและก้มหน้าลงไปอีกครั้ง
“หิวหรือยัง?”เขาถามราวกับเมื่อครู่ไม่ได้มาการถกเถียงกัน
ูเี่อันนอนอยู่บนเตียงมาทั้งวันแทบไม่ได้ใช้พลังงานอะไรตอนนี้เลยยังไม่หิวสักนิด แต่เมื่อคิดได้ว่าลู่เป๋าเหยียนต้องกินข้าวตรงเวลาเธอจึงพยักหน้า ลู่เป๋าเหยียนจึงเริ่มแกะถุงอาหาร
เสิ่นเยว่ชวนซื้อกับข้าวมาสามอย่างกับซุปอีกหนึ่งถ้วยรสชาติอาจจะสู้ร้านอาหารของเมือง A ไม่ได้แต่อย่างน้อยก็ไม่ต้องฝืนกินอีกแล้วูเี่อันเห็นลู่เป๋าเหยียนไม่ขมวดคิ้วก็วางใจแต่เพราะเธอไม่ค่อยหิวจึงกินไปได้แค่ไม่กี่คำ
หลังกินอาหารเสร็จฝนก็เริ่มโปรยปรายลงมา
วันนี้ทั้งวันไม่เห็นแม้แต่เงาของพระอาทิตย์เสียงเม็ดฝนที่ตกกระทบกับต้นไม้ใหญ่ดังขึ้นภายนอกหน้าต่าง ตรงกันข้ามกับภายในห้องผู้ป่วยที่เงียบสนิทยิ่งกว่าเดิม
ูเี่อันมองไปยังสายฝนด้านนอกพลางเอนพิงหัวเตียงอย่างใช้ความคิดดวงตาคู่งามของเธอดูเหม่อลอย
“ฉันนอนพักก่อนนะ”อยู่ลู่เป๋าเหยียนพูดขึ้นมา “มีอะไรก็เรียกฉัน”
เงียบไปสักพักูเี่อันถึงรู้ตัวเธอหันกลับไปมองที่โซฟา เอกสารวางอยู่เต็มโต๊ะน้ำชาด้านหน้า โน้ตบุ๊กถูกปิดสนิทในขณะที่ลู่เป๋าเหยียนกำลังนอนพักอยู่ตรงนั้น
บนโซฟาขนาดสามคนนั่งแบบนี้ด้วยรูปร่างที่สูงใหญ่ทำให้เขายืดตัวได้ไม่ถนัดจนต้องงอเข่าขดตัวทั้งอย่างนั้น แต่ที่ไม่ยุติธรรมเลยก็คือขนาดอยู่ในสภาพนี้ลู่เป๋าเหยียนก็ยังหล่อเหลาน่าหลงใหลไม่มีเปลี่ยน
ูเี่อันมองเตียงนอนของตัวเองถึงแม้จะไม่ได้ใหญ่มากนัก แต่ถ้าจะให้เขาขึ้นมานอนด้วยก็คงได้
ทว่าคำพูดกลับติดอยู่ที่ปลายลิ้นูเี่อันอยากจะพูดแต่ก็พูดไม่ออก ลู่เป๋าเหยียนจะเข้าใจผิดหรือเปล่านะ?
สุดท้ายพอเธอเรียกชื่อเขาออกไปก็ไร้ซึ่งตอบสนอง
ูเี่อันใช้ไม้เท้าพยุงตัวเองเดินไปหาเขาอย่างสงสัยเมื่อถึงโซฟาเธอก็ย่อตัวลงสะกิดลู่เป๋าเหยียน แต่เขาก็นอนนิ่งเหมือนเดิมเพราะหลับสนิทไปแล้ว
ถ้าพูดกันตามจริงคนอย่างเขาไม่น่าจะหลับลึกได้ขนาดนี้ใน่กลางวัน
ูเี่อันนึกถึงคำพูดของนางพยาบาลขึ้นมาได้เมื่อคืนลู่เป๋าเหยียนคอยดูแลเธอถึงตีสามกว่า ตอนเช้าก็ตื่นแต่เช้า เขาคงจะง่วงมากไม่งั้นคนเื่มากแบบเขาจะยอมนอนบนโซฟาได้ยังไง
ถึงวันนี้อากาศจะไม่เย็นมากแต่เพราะในห้องเปิดแอร์อยู่ ูเี่อันจึงหยิบผ้าห่มผืนบางมาห่มให้ลู่เป๋าเหยียนก่อนจะช่วยจัดเอกสารบนโต๊ะให้เป็ระเบียบ
เมื่อทำทุกอย่างเสร็จเธอก็นั่งมองลู่เป๋าเหยียนอยู่อย่างนั้น
คงเพราะเมื่อคืนไม่ได้พักผ่อนเสียเท่าไรทำให้สีหน้าเขาไม่ค่อยดีนัก ที่ใต้ตามีรอยเขียวคล้ำ ซึ่งบดบังความหล่อของเขาไปเล็กน้อย
ูเี่อันยื่นมือออกไปััหน้าของลู่เป๋าเหยียนอย่างใจกล้า
เขาอยู่ตรงหน้าเธอจริงๆเื่เมื่อเช้าไม่ใช่แค่ความฝัน รวมถึงการที่เขาบอกว่ารักเธอก็ด้วย
คิดได้ดังนั้นูเี่อันก็แย้มยิ้มความอ่อนหวานและความดีใจถึงค่อยๆแผ่ซ่านเข้ามาในจิตใจตามด้วยเืที่สูบฉีดไปทั่วร่างราวกับทุกอณูในร่างกายของเธอกำลังกู่ร้องอย่างยินดี
เธอชอบลู่เป๋าเหยียนลู่เป๋าเหยียนเองก็รักเธอ แล้วยังจะมีเหตุผลอะไรให้ต้องแยกกัน? เธอคิดไม่ออกแล้วจริงๆ
ว่าแล้วเธอก็ค่อยๆลุกเดินกลับไปที่เตียงพลางนอนฟังเสียงสายฝนที่กระทบกับใบไม้จนเผลอหลับไป
ถ้าไม่ง่วงจริงๆน้อยครั้งที่ลู่เป๋าเหยียนจะนอนกลางวัน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่เคยนอนพักเกินหนึ่งชั่วโมงวันนี้ก็เช่นเดียวกัน เขานอนไปได้ไม่นานนักก็ลืมตาตื่น
สิ่งแรกที่เขาทำหลังจากตื่นมาคือมองไปทางูเี่อันซึ่งตอนนี้หลับปุ๋ยไปแล้วคงเพราะขาได้รับาเ็ ทำให้เธอไม่ถีบผ้าห่มออก ผ้าห่มผืนบางคลุมอยู่บนตัวเธออย่างเรียบร้อยลมหายใจเบาๆของเธอดังเป็จังหวะราวกับกำลังฝันหวาน
เมื่อลู่เป๋าเหยียนลุกขึ้นก็พบว่าบนตัวเขาก็มีผ้าห่มคลุมอยู่เหมือนกัน
ูเี่อันห่มให้เขา?
มุมปากของคนบางคนยกขึ้นมาอย่างพอใจเขาพับผ้าห่มให้เรียบร้อย ก่อนจะเปิดโน้ตบุ๊กขึ้นมาทำงานต่ออย่างเงียบเชียบเพื่อไม่ให้ไปรบกวนูเี่อัน
ูเี่อันหลับยาวจนถึงสี่โมงกว่า
เท่าที่จำได้เธอไม่เคยหลับสบายแบบนี้มานานแล้วั้แ่อายุ 15 เมื่อตื่นขึ้นมาก็ได้ยินหยดน้ำที่แสนสดใสมันทำให้เธอรู้สึกว่าอนาคตข้างหน้าจะต้องสงบสุขเหมือนในตอนนี้เป็แน่
เธอพลิกตัวเพื่อลุกขึ้นมาและพบว่าฝนได้หยุดตกแล้วเสียงที่เธอได้ยินมาจากหยาดฝนที่เกาะอยู่บนใบไม้ มันค่อยๆหยดลงสู่พื้นจนเกิดเสียง
แต่ที่น่ายินดียิ่งกว่าคือหลังฝนตกพระอาทิตย์ก็โผล่มาทักทาย พร้อมกับสายรุ้งที่ทอดยาวเป็สะพานอยู่บนท้องฟ้า
ั้แ่เกิดมาเธอเคยเห็นสายรุ้งทั้งหมดสามครั้งและทุกครั้งเป็ตอนที่มีลู่เป๋าเหยียนอยู่เคียงข้าง
ูเี่อันเผลอยิ้มออกมา“ลู่เป๋าเหยียน ฝนหยุดแล้วล่ะ”
ลู่เป๋าเหยียนปิดโน้ตบุ๊กก่อนเอ่ย“เธออยากลงไปข้างล่างเหรอ”
ูเี่อันถามอย่างประหลาดใจ“นายพอมีเวลาไหม”
ที่มุมห้องมีรถเข็นวางอยู่หนึ่งคันลู่เป๋าเหยียนเดินไปเข็นมันมาก่อนจะอุ้มูเี่อันลงไปนั่งบนนั้น
ูเี่อันไม่เคยนึกเลยว่าชีวิตนี้จะต้องมานั่งบนรถเข็นแบบนี้จึงเอ่ยถามอย่างไม่ชินนัก
“ไม่ต้องใช้รถเข็นได้หรือเปล่า”เธออยากใช้ไม้เท้าพยุงเดินเองมากกว่า
“ถ้าใช้ไม้เท้าเธอจะเดินได้นานแค่ไหนกัน”ลู่เป๋าเหยียนรู้ดีว่าูเี่อันกำลังคิดอะไร “หรือเธออยากจะให้ฉันอุ้ม?”
“หลงตัวเองชะมัด!”
สุดท้ายูเี่อันจึงบังคับรถเข็นออกไปเองลู่เป๋าเหยียนเดินตามหลังมาหลังเข้ามาในลิฟต์ก็พบกับนางพยาบาลที่มาวัดไข้ให้เธอเมื่อเช้าพอดี
พยาบาลสาวยิ้มพลางเอ่ยทักทาย“สวัสดีค่ะคุณลู่ คุณนายลู่”
ลู่เป๋าเหยียนโค้งศีรษะตอบรับตามมารยาทพยาบาลสาวถึงกับหน้าแดง เมื่อถึงชั้นหนึ่งซึ่งเป็จุดหมาย เธอก็กอดชาร์ตประวัติคนไข้ออกไปอย่างเขินอายราวกับเด็กสาววัยแรกแย้ม
ูเี่อันเริ่มเข้าใจแล้วว่าไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนลู่เป๋าเหยียนก็ดึงดูดเื่น่าปวดหัวได้ตลอด
“ร้ายกาจจริงๆเลย”เธออดบ่นไม่ได้
ลู่เป๋าเหยียนได้ยินไม่ชัดจึงขมวดคิ้วพลางถาม“อะไรนะ”
เธอจะให้เขารู้ไม่ได้เด็ดขาดว่าเธอกำลังหึง!
ด้วยเหตุนีู้เี่อันจึงกระแอมก่อนจะทำหน้าจริงจัง
“เปล่าฉันกำลังคิดเื่คดี...”
เมื่อออกมาจากตึกูเี่อันก็พบว่าเธอตัดสินใจผิดแล้ว
ถึงที่นี่จะเป็โรงพยาบาลที่ใหญ่ที่สุดของเมืองZแต่วิวภายนอกกลับมีแค่ตึกสูงรายล้อมไม่มีแม้แต่สวนดอกไม้และที่เดินเล่นสำหรับหย่อนใจให้ผู้ป่วยเลยสักนิด
มีเพียงอากาศบริสุทธิ์หลังฝนตกเท่านั้นที่พอจะชื่นใจได้บ้างใบไม้ที่ร่วงหล่นลงบนพื้นเปียกชื้นไปด้วยน้ำฝนเมื่อเดินเหยียบลงไปจึงเกิดเสียงที่ได้กลิ่นอายของฤดูใบไม้ร่วง
ลู่เป๋าเหยียนเข็นูเี่อันไปในที่โล่งแจ้งูเี่อันชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้าก่อนจะพูดอย่างตื่นเต้น
“ดูสิมีสายรุ้งด้วยล่ะ”
สายรุ้งเป็แค่ปรากฎการณ์ธรรมชาติที่แสนธรรมดาลู่เป๋าเหยียนไม่เข้าใจว่ามันน่าดูตรงไหนแต่เมื่อเห็นูเี่อันที่กำลังดีใจอย่างกับเด็กได้ลูกอม เขาก็ชักอยากจะเห็นขึ้นมาว่าอะไรกันที่ทำให้เธอดีใจได้ขนาดนี้
นอกจากสายรุ้งหลากสีที่อยู่ตรงหน้าเขาก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรพิเศษตรงไหน
ส่วนูเี่อันเองก็ไม่คิดจะบอกเขาหรอกว่ามันเกี่ยวข้องกับเขายังไง
สักพักูเี่อันก็ถามเขาว่า“เมื่อเช้านายบอกฉันว่า วันที่ฉันไปสนามกอล์ฟกับพี่ นายเองก็ไปใช่ไหมแล้วทำไมฉันถึงไม่เจอนายล่ะ”
ที่จริงเธออยากถามเขาั้แ่ตอนเช้าแล้วแต่เพราะสมองเธอเบลอไปหมดเลยไม่ทันได้ถาม
“ตอนที่เพิ่งไปถึงเสิ่นเยว่ชวนบอกฉันว่าเธอก็อยู่ด้วย ฉันก็เลยกลับ” ลู่เป๋าเหยียนตอบ
ูเี่อันช็อกเธอแทบจะกระอักเืพลางหมุนรถเข็นกลับไปมองหน้าเขา
“นี่นายไม่อยากเจอฉันขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ฉันก็แค่ยังคิดไม่ตก”ลู่เป๋าเหยียนตอบช้าๆ “ฉันไม่นึกว่าเธอก็ไปด้วย เลยยังไม่ทันคิดว่าจะทักเธอยังไงดีฉันไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับเธอยังไงก็เลยกลับก่อน”
เขารู้มาตลอดว่าเขากับเธออาศัยอยู่ในเมืองเดียวกันรู้ว่าเธอใช้ชีวิตยังไง แต่ที่เขาไม่รู้ก็คือ เมื่อเจอเธอแล้วเขาควรทำปฏิบัติตัวกับเธอแบบไหน
การหนีในครั้งนั้นทำเอาเสิ่นเยว่ชวนกับมู่ซือเจวี๋ยหัวเราะเยาะเขาอยู่นาน
ูเี่อันเอียงคอพลางมองจ้องลู่เป๋าเหยียน
“นายกลัวใช่ไหม”
ลู่เป๋าเหยียนนิ่งไป“ถ้าจะพูดแบบนั้นก็ไม่ผิด”
“......”ูเี่อันอยากจะบ้าตาย ตาบ้านี่จะยอมรับว่าตัวเองใจเสาะทั้งทียังจะวางมาดอีกเหรอเนี่ย
แต่จะว่าไปเธอใช้โอกาสนี้แกล้งแซวเขาสักหน่อยก็ดีเหมือนกันนี่หน่า!
ขณะทีู่เี่อันกำลังวางแผนแกล้งเขาลู่เป๋าเหยียนก็ถามขึ้นมา
“ถ้าจำไม่ผิดเธอเล่นกอล์ฟไม่เป็สักหน่อย แล้วทำไมวันนั้นถึงไปที่นั่นล่ะ”
“เอ่อ...”คนที่กำลังวางแผนแกล้งถึงกับพูดไม่ออกเธอมองไปทางเขาก่อนจะเบือนสายตาหนีอย่างทำอะไรไม่ถูก
ที่เธอไปกับพี่ก็เพราะเสียสติไปชั่วขณะเธอก็แค่อยากจะสร้างโอกาสเผื่อตัวเองจะบังเอิญเจอลู่เป๋าเหยียนบ้าง... แต่เื่นี้จะให้เขารู้ไม่ได้เด็ดขาด!
สมองของูเี่อันใช้ความคิดอย่างรวดเร็วก่อนจะหาข้ออ้างที่ไร้ที่ติออกมาได้
“ฉันนึกอยากจะลองเล่นดูเลยตามพี่ไปน่ะสิ”
ลู่เป๋าเหยียนหรี่ตาเล็กน้อย“จริงเหรอ?”
ูเี่อันเชิดหน้าก่อนตอบอย่างมั่นใจ“จริงแท้แน่นอน!”
ลู่เป๋าเหยียนถามจี้“ถ้าวันนั้นเราบังเอิญเจอกัน เธอจะทำยังไง?”
ทำยังไงน่ะเหรอ...เื่นี้เธอไม่เคยคิดมาก่อนเพราะทั้งชีวิตเธอก็เพิ่งเคยทำเื่วู่วามแบบนั้นเป็ครั้งแรก
พอตอนนี้มาย้อนคิดดูเธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าเป็อย่างนั้นเธอจะทำยังไงต่อไป ว่าแล้วเธอก็เชิดหน้าเล็กน้อยก่อนตอบออกไปว่า
“ทำยังไงอะไรใครจะไปจำนายได้กัน”
