ั้แ่ที่ลงจากเรือ หวานหว่านก็เอาแต่อยู่ข้างกายจวินเหยียนและอวิ๋นซีตลอดกระทั่งยามนี้นางก็ยังอิงแอบอยู่ในอ้อมแขนของมารดา เด็กน้อยเอ่ยถามเสียงเบา“ท่านแม่ เสด็จปู่ ดุหรือไม่เ้าคะ? แล้วเสด็จย่าเล่า นางเป็สาวงามใช่หรือเปล่า? ”
อวิ๋นซีลูบศีรษะบุตรสาว ยิ้มบางๆ พูดว่า“เ้าเป็หลานสาวของเสด็จปู่เสด็จย่า ขอแค่ทำตัวให้เป็เด็กดีสักหน่อย มีมารยาท รู้ระเบียบอีกสักนิดพวกท่านทั้งสองก็ล้วนจะไม่ดุว่าเ้า”
อันที่จริง สำหรับหลานสาวนั้นเสี้ยวเหวินตี้ไม่ได้รอคอยสักเท่าไรอย่างไรเสียเหล่าพี่น้องของจวินเหยียนต่างก็มีจวิ้นจู่น้อยกันหลายคนตอนนี้ที่ยังน้อยอยู่ก็แค่หลานชายตัวน้อยก็เท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งนิสัยเช่นบุตรสาวนี้ก็ไม่รู้ว่าเสี้ยวเหวินตี้จะชมชอบหรือไม่แต่เมื่อย้อนคิดกลับมา หากคนไม่ชอบแล้วจะอย่างไร ตัวนางผู้เป็มารดาไม่ได้สนใจเลยสักนิดขอแค่นางและสามีดีต่อบุตรสาวให้มากๆ ก็พอ ส่วนที่เหลือนั้นจะคิดให้มากไปทำไม
เมื่อหวานหว่านคิดถึงกฎเกณฑ์มากมายเ่าั้ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกปวดหัวขึ้นมากะทันหัน“ท่านพ่อท่านแม่ ข้าขอกลับหานโจวได้หรือไม่เ้าคะ? ” หานโจวอยู่ไม่ไกลจากซีอวี้ ตัวนางย่อมสามารถได้พบเจอคนแปลกๆ ใหม่ๆ มากมาย ทั้งยังจะได้รับของเล่นใหม่ที่น่าสนุกมาจากคนพวกนั้น
ส่วนเมืองหลวงแห่งนี้น่ะหรือ นางไม่แม้แต่จะสนใจเลยจริงๆ เพราสิ่งที่ดูแปลกใหม่เกรงว่าจะมีแค่สิ่งก่อสร้างที่ดูหรูหรากว่าสักหน่อยคนที่มากกว่าสักหน่อย และที่แห่งนี้ยังเป็สถานที่ที่ฮ่องเต้ใช้พำนักอยู่ก็เท่านั้นมิใช่หรือในสายตาของนางสิ่งเหล่านี้ล้วนไม่สำคัญเท่ากับความอิสระเสรี
“รอจนเ้าเติบใหญ่แล้ว ย่อมกลับไปยังหานโจวได้”จวินเหยียนยิ้มพูดกับบุตรสาว “ส่วนเื่กฎเกณฑ์และมารยาทอะไรนั่น ตัวเ้าไม่จำเป็ต้องบังคับฝืนใจตนให้ต้องเสแสร้งแกล้งทำบุตรสาวของข้าโอวหยางจวินเหยียน ขอแค่มีชีวิตอยู่อย่างอิสระและสุขสบายก็นับว่าเพียงพอแล้ว”
ตอนหวานหว่านยังเด็กต้องพบเจอกับความยากลำบากมามากมาย ดังนั้น เมื่อเติบโตขึ้นแล้วเขาก็หวังแค่ให้นางได้ใช้ชีวิตอย่างที่้า หากว่าการได้กลับมาเมืองหลวง บุตรสาวตนจะต้องเปลี่ยนไปอ่อนแอบอบบางเหมือนพวกคุณหนูสูงศักดิ์หรือองค์หญิงต่างๆ เช่นนั้นนางก็คงไม่ใช่บุตรสาวของเขาจวินเหยียนแล้ว เพราะหวานหว่านของเขาจักต้องเป็เด็กที่องอาจกล้าหาญ
คำตอบนั้นทำให้หวานหว่านที่คิดไม่ถึงว่า บิดาตนจักมีความคิดเช่นนี้ ทั้งยังดีกับตนถึงเพียงนี้เด็กน้อยก็ดีเสียเหลือเกิน
อวิ๋นซีมองท่าทีเบิกบานได้ใจของบุตรสาว ก็อดขำไม่ได้
“ถูกต้อง ขอแค่เ้าได้ใช้ชีวิตอย่างที่ตน้า เ้าเป็ลูกของพ่อกับแม่ ไม่ว่าจะต้องพบเจอเื่ใหญ่เท่าฟ้าเพียงใดอย่างไรก็ยังมีแม่กับบิดาเ้าอยู่ตรงนี้กับเ้าเสมอ”นิสัยดั้งเดิมของเด็กเป็อย่างไร เื่เหล่านี้ล้วนเป็สิ่งที่ถูกกำหนดไว้แต่แรกแล้วตัวนางก็คิดเหมือนจวินเหยียน ไม่ได้วาดหวังให้หวานหว่านกลายเป็หญิงชดช้อยในห้องหอ
เมื่อหวานหว่านได้ฟังบิดามารดาพูดเช่นนี้ ชั่วขณะนั้นเด็กน้อยก็ดีใจจนแทบบ้าแล้ว
ทว่า ไม่นานนักล้อของรถม้าก็หยุดลงที่ประตูเฉาเซิง และเป็โอวหยางเทียนหลานที่ะโอยู่ด้านนอก“พี่รอง ถึงแล้ว”
พี่รองกลับมาแล้ว แน่นอนว่าต้องไปถวายบังคมเสด็จพ่อเสด็จแม่ก่อนเป็อันดับแรกมิเช่นนั้นคงไม่ต้องพูดเลยว่าผู้สูงส่งทั้งสองพระองค์จะพอพระทัยหรือไม่ เพราะแค่น้ำลายของเหล่าขุนน้ำขุนนางทั้งหลายก็สามารถทำให้คนจมลงได้แล้ว
จวินเหยียนเดินลงจากรถม้า จากนั้นก็อุ้มหวานหว่านลงมาเช่นกัน ทันทีที่โอวหยางเทียนหลานเห็นหนูน้อยหวานหว่านก็หาได้สนใจเื่อื่นใดรีบอุ้มหวานหว่านขึ้นมา ก่อนจะหัวเราะฮ่าฮ่าแล้วพูดว่า “หวานหว่าน ยังจำอาสี่ของเ้าได้หรือไม่”
จวินเหยียนประคองอวิ๋นซีลงจากรถม้า แต่เมื่อเห็นท่าทางของเ้าสี่และบุตรสาวตนก็อดเลิกคิ้วไม่ได้“หวานหว่าน ลงมา”
“พี่รอง ตัวข้านี้กับหลานสาวหวานหว่านไม่ได้เจอหน้ากันมาตั้งหลายปีอยากจะใกล้ชิดกันสักหน่อยก็ไม่ได้หรือ? ” ถึงแม้จะไม่พอใจ แต่เขาก็ยังเลือกที่จะวางตัวเด็กน้อยลงจากนั้นก็จัดอาภรณ์ให้เรียบร้อยแล้วเดินเข้าวังไปพร้อมๆ กับทุกคน
ทางด้านผู้คนในพระราชวังที่แสนโอ่อ่า ยามนี้มีทั้งขุนนาง องค์ชาย ท่านอ๋องและจวิ้นอ๋องที่ต่างอยู่กันอย่างพร้อมหน้า
เหตุผลที่ทุกคนต้องมารวมตัวที่นี่น่ะหรือ? ไม่มีสิ่งอื่นใดมากมาย นอกเสียจากฝ่าา้าแสดงให้คนเหล่านี้ได้เห็นว่าพระโอรสที่ตอนนั้นตนขับไล่ออกไป ยามนี้ได้กลับมาแล้ว ส่วนเื่ที่ว่า ตัวเขามีความคิดอันใดอยู่เื่นี้ไม่ว่าใครก็ล้วนไม่อาจล่วงรู้ได้
ขณะนั้นรัชทายาทได้แต่จ้องเขม็งไปยังทางยาวจากทิศของประตูเฉาเซิงที่มุ่งตรงมาสู่ห้องทรงพระอักษรเพียงไม่นานบุรุษในอาภรณ์ยาวสีม่วงเข้ม และบุรุษในอาภรณ์ยาวสีน้ำเงินก็ปรากฏกายขึ้นต่อหน้าทุกคน
บุรุษที่สวมอาภรณ์ยาวสีน้ำเงินนั้น ขุนนางในท้องพระโรงล้วนรู้จักดี นั่นก็คือองค์ชายสี่ที่พึ่งพาไม่ได้และชอบเที่ยวเล่นเป็ที่สุด ส่วนบุรุษอีกคนที่สวมอาภรณ์ยาวสีม่วงเข้ม ผู้เป็เ้าของเครื่องหน้าหล่อเหลากำลังเดินไปข้างหน้าทีละก้าวทีละก้าวพร้อมกับส่งผ่านบรรยากาศรอบกายที่ทั้งสุขุมและทรงอำนาจออกมาซึ่งบรรยากาศรอบกายเช่นนี้ แม้แต่รัชทายาทก็ยังไม่เคยมี
คนผู้นี้ก็คือพระโอรสสายตรงของฮ่องเต้ หรือหานอ๋อง ซึ่งคนไม่น้อยที่รู้จักหานอ๋องต่างก็พากันตกตะลึงถึงแม้รูปลักษณ์ของคนตรงหน้าจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากมาย ทว่าบรรยากาศรอบกายกลับหาใช่เป็องค์ชายผู้แสนดีแห่งยุคสมัยอย่างโอวหยางจวินเหยียนที่คนทั่วหล้าเคยขนานนามไว้
เสี้ยวเหวินตี้เองก็จดจ้องไปยังร่างของพระโอรสสายตรงที่เดินเข้ามาอย่างมั่นคงดูท่า หลายปีนี้ที่ต้องระเห็จไปอยู่แดนไกลอย่างหานโจวจะทำให้ลูกชายผู้นี้เปลี่ยนไปมากจริงๆคนทั้งสุขุม และดูทรงอำนาจเพียงนี้ ไม่เสียทีที่เป็พระโอรสสายตรง ต่อให้คนจะไม่มีอาจารย์คอยสั่งสอนอยู่ข้างกาย แต่ก็ยังสามารถเติบโตได้อย่างดี
อีกทั้ง ในใจเขา เื่ที่เกิดขึ้นในตอนนั้นล้วนกลายเป็เื่ที่ผ่านไปนานแล้ว
องค์ชายสี่ก้าวมาด้านหน้ามา คุกเข่า โขกศีรษะ จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า“เสด็จพ่อ ลูกไม่ทำผิดต่อความหวังของพระองค์ รับเสด็จพี่รองกลับมาวังหลวงอย่างปลอดภัยแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
เสนาบดีกรมพระคลังจี้หยวนเองก็ขึ้นหน้ามา คุกเข่า แล้วโขกศีรษะเช่นกัน“กระหม่อมจี้หยวนถวายบังคมฝ่าา ขอพระองค์ทรงพระเจริญหมื่นปีหมื่นหมื่นปี”
“ดีมาก ทั้งคู่ลุกขึ้นเถิด” เสี้ยวเหวินตี้มองไปยังจี้หยวน เขารู้แต่แรกแล้วว่าการส่งจี้หยวนไปย่อมเป็ทางเลือกที่ดีที่สุด
คนทั้งสองลุกขึ้นและหลบไปยืนอยู่ด้านข้าง ขณะนั้นจวินเหยียนก็ได้ก้าวขึ้นหน้ามาด้านหน้าสะบัดชายเสื้อ จากนั้นก็คุกเข่าลงไป โขกศีรษะ “ลูกอกตัญญู โอวหยางจวินเหยียนพาภรรยาและบุตรสาวมาเข้าเฝ้าเสด็จพ่อแล้วถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะ ขอเสด็จพ่อทรงพระเจริญหมื่นปีหมื่นหมื่นปี”
อวิ๋นซีเองก็นำบุตรสาวก้าวมาด้านหน้า คุกเข่าลงข้างๆ สามี โขกศีรษะก่อนจากนั้นก็พูดว่า “อวิ๋นซีถวายบังคมฝ่าาเพคะ ขอฝ่าาทรงพระเจริญหมื่นปีหมื่นหมื่นปี”
พวกขุนนางล้วนได้ยินมาว่า ภรรยาของหานอ๋องผู้นี้เป็เพียงหมอหญิงต่ำต้อย เดิมจึงคิดว่าอีกฝ่ายจักต้องเป็สตรีที่ไม่รู้กฎระเบียบเป็แน่มิคาดเมื่อได้พบตัวเป็ๆ ทุกการกระทำกลับถูกต้องตามจารีตที่มีมา
ดังนั้น เมื่อเทียบนางกับสตรีชั้นสูงคนอื่นๆ อย่างองค์หญิงในวังก็ไม่เห็นว่าจะดีไปกว่ากันมากนักทุกคนต่างคิดไม่ถึงว่า หานอ๋องจะยังมีสตรีเช่นนี้ได้? ในสายตาของพวกเขาหานอ๋องคงลงทุนลงแรงไปกับพระชายาผู้นี้ไม่น้อยเลย
ในเวลาเดียวกัน สิ่งที่อวิ๋นซีเกลียดที่สุดก็คือ การถูกคนมองด้วยสายตาเช่นนี้ทั้งยังถึงขนาดแอบชี้นู่นว่านี่กันอย่างลับๆ แต่นางก็รู้ดีว่า ตอนนี้สิ่งที่ตนควรต้องทำก็คือพยายามทำทุกอย่างให้ดี เพื่อไม่ให้จวินเหยียนต้องอับอาย
เพียงไม่นาน เสียงอ่อนโยนนุ่มนวลสายหนึ่งก็ลอยตามมา“หวานหว่านถวายบังคมเสด็จปู่ คารวะเสด็จปู่ ขอให้เสด็จปู่ทรงมีพระพลานามัยที่สมบูรณ์แข็งแรงมีความสุขในทุกๆ วันเพคะ”
เมื่อฮ่องเต้ได้ยินเสียงเล็กเสียงน้อยนั้นก็ถึงกับละสายตาไปจากร่างของอวิ๋นซีและหยุดมองที่หวานหว่านตัวน้อย ไม่อาจไม่พูดได้ว่า เด็กน้อยคนนี้รู้จักพูดจายิ่งคนอื่นล้วนบอกว่าทรงพระเจริญหมื่นปีหมื่นหมื่นปีแต่หวานหว่านผู้นี้กลับบอกให้เขาร่างกายแข็งแรง มีความสุขมากๆ
หมื่นปี? อย่างไรเสียนี่ก็เป็เื่ที่เป็ไปไม่ได้ เพราะบนโลกนี้ไม่เคยมีใครมีอายุถึงหมื่นปีด้วยเื่นี้ เขาเข้าใจดีที่สุด อีกทั้ง คำที่บอกว่าขอให้เขาร่างกายแข็งแรงมีความสุขมากๆ นั้น เมื่อได้ฟังแล้วก็ให้รู้สึกสบายใจยิ่ง
เขาหัวเราะหึหึ ก่อนจะลุกมาด้านหน้า แล้วเข้าประคองโอวหยางจวินเหยียนให้ลุกขึ้นด้วยตนเองเขายิ้มกล่าว “กลับมาก็ดีแล้ว”
สำหรับการกระทำทุกอย่างของเสด็จพ่อ โอวหยางจวินเหยียนไม่ได้รู้สึกอันใดมากนักเพราะความรักใคร่ หรือการให้ความสำคัญของบิดานั้น ตัวเขาไม่ได้สนใจมานานแล้ว บนโลกใบนี้จะมีใครที่ดีต่อเขาตลอดไปบ้าง?นอกจากสตรีน้อยข้างกายแล้ว เขาก็หาไม่เจออีกแล้วจริงๆว่ายังจะมีผู้อื่นอีก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้