“ลองแบบนี้ไหมครับรตี” พิริยะถาม ขณะที่พยนต์ไล้ปลายนิ้วจากข้อเท้าเธอขึ้นไปเรื่อยๆ
ภาวิชแค่หัวเราะเบาๆ แล้วก้มลงจูบเธอที่ท้องน้อยก่อนเลื่อนหน้าต่ำลงไป เสียงหอบของเธอในตอนนั้น...ไม่ใช่แค่เพราะการถูกัั แต่เพราะเธอรู้สึกได้ถึง “เสรีภาพ” ที่ไม่มีใครตัดสิน ไม่มีใครกลัวว่าเธอจะกล้าเกินไป ไม่มีใครกลัวว่าผู้หญิงจะเป็ผู้คุมเกม
กลับมาปัจจุบัน...
มารตีขยับสะโพกแรงขึ้น เสียงเนื้อกระทบกันหนักแน่น ร้อนแรง ปพนต์จับเอวเธอแน่นจนขึ้นรอยนิ้ว มารตีโน้มตัวลงกระซิบข้างหู “รตีอยาก...ให้พี่แกล้งรตีหน่อยค่ะ...แรงๆ เลย”
ปพนต์เบิกตาเล็กน้อยก่อนพลิกร่างขึ้นอย่างรวดเร็ว กลายเป็เขาที่ขึ้นคร่อมเธอในพริบตา “แน่ใจเหรอว่าอยากให้พี่ควบคุม” น้ำเสียงเขาเริ่มเข้มขึ้นกว่าเดิม
มารตีหัวเราะเบาๆ แต่ในใจกลับสั่นไหว เพราะเธอไม่แน่ใจจริงๆ ว่า้า “ควบคุม” หรือ “ถูกควบคุม”...้า “ผู้ชาย” หรือ “ผู้หญิง”...้า “คนเดียว” หรือ “ทุกคน”
ร่างกายเธอถูกกดไว้กับเตียง ปพนต์เริ่มเคลื่อนตัวด้วยจังหวะมั่นคงและลึกยิ่งขึ้น เขาจับมือเธอกดไว้ข้างลำตัว ก่อนโน้มลงจูบปากเธออย่างหนักหน่วง ลิ้นทั้งสองพันกัน กลิ่นกายอุ่นจัด มารตีร้องครางอย่างควบคุมไม่ได้ แต่ในดวงตาที่ปิดสนิท หญิงสาวกลับมองเห็นบางอย่าง…
ตัวเธอ นุชจรา และกชพร ทุกคนลอยตัวอยู่ในน้ำใสเย็น ร่างกายเปลือยเปล่าแนบชิด ริมฝีปากของหญิงสาวทั้งสองจูบสลับกัน แต่สุดท้ายกลับวนมาที่เธอ มือของนุชจราลูบจากแผ่นหลังลงไปช้าๆ ขณะที่กชพรจูบหลังคอเธอ เสียงน้ำกระเพื่อมเป็จังหวะเดียวกับเสียงหอบหายใจของเธอ
“พวกเราอยากให้รตีรู้ว่า…เธอไม่จำเป็ต้องเลือกอะไรเลย” นุชจราพูดเบาๆ ริมหู “เธอมีสิทธิ์เป็ทุกอย่างที่เธอ้า”
กลับมาที่เตียง...
ปพนต์กำลังเร่งจังหวะขึ้น ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ ร่างเปลือยแนบสนิท เสียงครางและเสียงหอบหายใจเต็มห้อง มารตีเบิกตากว้างขึ้น พลันกลั้นเสียงไว้ไม่อยู่ เธอไม่รู้ว่ามันคือเสียงของความสุขหรือความกลัว เพราะเธอกำลังเข้าสู่จุดที่ไม่มีใครพาเธอกลับมาได้อีกแล้ว...
เสียงครางกระซิบแ่ผสานกับเสียงลมหายใจถี่กระชั้น ปพนต์กระชับแขนโอบรัดร่างเปลือยของภรรยาแน่นขึ้น เขาโน้มตัวลงแนบอกเธอขณะเคลื่อนไหวอย่างลุ่มลึก และไม่รีบร้อน กล้ามเนื้อของเขาแข็งแรง แ่า และอบอุ่นจนมารตีรู้สึกเหมือนได้กลับบ้าน แต่เธอกลับนิ่งไปครู่หนึ่ง ขณะที่ความรู้สึกหลายอย่างไหลวนในหัวใจ
ปพนต์เงยหน้าขึ้นมองเธอทันที ราวกับรับรู้ได้ “รตี…เธอคิดอะไรอยู่?” เสียงเขาแหบพร่า แต่จริงจัง
ผู้เป็ภรรยาไม่ตอบ เธอเพียงแค่ยกมือขึ้นประคองใบหน้าของสามี แล้วจูบเขาอีกครั้ง ลึก และยาวนาน แต่น้ำตาหยดหนึ่ง...ไหลจากหางตาโดยไม่รู้ตัว
มารตีนั่งอยู่กลางวงล้อมของชายห้าคน วรเมธจับมือเธออย่างแ่เบาในขณะที่สมาทกำลังลูบแผ่นหลัง ภาวิชโน้มตัวมาแนบหน้ากับอกอวบยุ่นของเธอ ฝังจูบลงไปตรงหัวใจ พยนต์กับพิริยะอยู่ไม่ไกล จ้องเธอเหมือนเป็ดอกไม้แปลกหายากที่ไม่อยากให้เฉาเลย ไม่มีใครแย่ง ไม่มีใครเร่ง ทุกคนมีแต่ “อ่อนโยน” และความรู้สึกอบอุ่นนั้น…ทำให้มารตีหลั่งน้ำตาในตอนนั้นเหมือนกัน
ไม่ใช่เพราะเศร้า แต่เพราะเธอเพิ่งได้ “รู้สึกเป็ตัวของตัวเอง” อย่างแท้จริง
กลับสู่ปัจจุบัน
“รตี…ถ้าไม่อยากให้พี่ทำต่อ พี่หยุดก็ได้นะ” ปพนต์กระซิบเบาๆ เขาเริ่มชะลอจังหวะลง
แต่มารตีกลับส่ายหน้า และพลิกตัวขึ้นคร่อมเขาแทนอย่างไม่ลังเล เธอโยกสะโพกเบาๆ ดวงตาแดงนิดๆ แต่มุมปากกลับยิ้ม “รตีอยากให้พี่อยู่กับรตีค่ะ…แต่อย่ากลัวว่ารตีจะเปลี่ยนไป” เธอพูดด้วยเสียงแ่ แต่ชัดเจน
หญิงสาวไม่รู้ว่าเธอเป็ใครแน่ จากสิ่งทั้งหมดที่เกิดขึ้นในตัวเอง แต่สิ่งที่ชัดเจนคือเธอรักปพนต์ และในขณะเดียวกันเธอก็โหยหาสิ่งอื่น…ที่มากกว่านั้น
ปพนต์นิ่งไป เขาไม่ได้ตอบทันที เขาเพียงแค่ยื่นมือขึ้นมาแตะใบหน้าเธอเบาๆ แล้วโน้มเธอลงมาใกล้
“ถ้าพี่ยังได้มองตารตีแบบนี้…พี่ก็ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น” น้ำเสียงเขาหนักแน่น เปี่ยมไปด้วยความเข้าใจ
มารตียิ้มทั้งน้ำตา แล้วปล่อยให้ตัวเองโอบกระชับกับเขาอีกครั้ง กลายเป็จังหวะใหม่ที่ทั้งลุ่มลึก อ่อนโยน และซับซ้อน เธอปล่อยเสียงครางในคอออกมาเสียงดัง ขณะที่ร่างเคลื่อนไปตามแรงอารมณ์ ไม่ใช่แค่เพื่อกาย...แต่เพื่อหัวใจที่กำลังหลอมรวม
“ไม่ต้องรีบเลือกหรอกรตี…บางทีคำตอบไม่ได้อยู่ที่ ‘ใคร’ แต่อยู่ที่ ‘เรากล้าจะยอมรับตัวเองมากแค่ไหน’...”เสียงในใจของหญิงสาวบอกแบบนั้น
เสียงเรือนร่างที่กระทบกันถี่ๆ ยังคงดังก้องอยู่ในห้อง แต่ในใจมารตี…เสียงที่ดังกว่า คือเสียงของ “ตัวตนใหม่” ที่กำลังจะถือกำเนิดมาอย่างช้าๆ ท่ามกลางความรักที่ไม่มีวันเลือนหายไปไหน
เสียงเนื้อกระทบเนื้อยังคงดังก้องท่ามกลางบรรยากาศเร่าร้อน แสงไฟสีส้มอ่อนสาดไล้ตามผิวเนียนละเอียดของมารตี ขณะเธอยังคงเคลื่อนไหวร่างบางบนตัวปพนต์ด้วยจังหวะที่ร้อนแรงแต่ควบคุมได้ ราวกับหญิงสาวผู้รู้จักจังหวะของความปรารถนาอย่างลึกซึ้ง กายของปพนต์ที่อยู่ใต้ร่างเธอขยับตอบสนองทุกครั้งที่เธอโยกสะโพก แต่สิ่งที่กระแทกใจเขาไม่ใช่เพียงแค่ความเร่าร้อน…
มันคือสายตาของเธอที่แฝงความสับสน และ "ความซื่อสัตย์" ในแววตาคู่นั้น
“พี่ปพนต์…” เสียงเธอแ่เบา แต่หนักแน่น “ถ้ารตีบอกว่า…หัวใจของรตีกำลังเตลิดไปกับความรู้สึกที่ไม่เคยคิดมาก่อน…พี่ยังจะรักรตีไหมคะ?”
เขาหยุดขยับตัว มือที่เคยจับเอวภรรยาสาวไว้แน่น ค่อยๆ ผ่อนลง ก่อนจะยกขึ้นมาััแก้มเธอเบาๆ
“บอกพี่มาเถอะ…ไม่ว่าจะเป็อะไร”
มารตีหลับตาลง และในหัวของเธอ...
จารวีไล้นิ้วจากต้นคอเธอไล่ลงมาตามแผ่นหลัง กชพรแนบปากจูบบ่าเธอเบาๆ ขณะเธอเปลือยกายอยู่ในอ้อมแขนของทั้งสองคน กลิ่นกายของหญิงสาว…แตกต่างจากผู้ชายอย่างสิ้นเชิง
ััของมือและลมหายใจที่ประสานกัน…ปลุกโลกอีกใบที่ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าตัวเองโหยหา เธอไม่ได้ถูกครอบงำ แต่เป็คน “เลือก” เองทั้งหมด และมันก็ดี…ดีมากจนไม่อาจลืมได้เลย
กลับมาที่ปัจจุบัน
“รตีรู้สึก…แรงดึงดูดกับทั้งผู้หญิง และผู้ชาย” เสียงเธอสั่นเล็กน้อย แต่กล้าเอ่ยออกมา “และรตีไม่ได้อยากเลือกแล้ว...ว่าแบบไหนคือ ‘ของจริง’…รตีแค่อยากให้พี่เข้าใจว่า…หัวใจของรตีกว้างขึ้น และมันยังมีพี่อยู่ในนั้น”
ปพนต์หลับตาแน่นหนึ่งครั้ง ก่อนจะยันตัวลุกขึ้น โดยที่มารตียังนั่งอยู่บนกลางกายเขา มือของเขาสอดเข้าท้ายทอยเธอ ดึงมาแนบหน้าผาก “ถ้ารตีกำลังค้นหาตัวเอง…งั้นให้พี่อยู่ข้างๆ จนเธอเจอ”
มารตีหัวเราะออกมา ทั้งน้ำตา แล้วโน้มตัวลงจูบเขาอย่างดูดดื่ม
คราวนี้…เป็เขาที่เริ่มขยับ ปพนต์เปลี่ยนจังหวะใหม่ เร็วขึ้น หนักขึ้น ด้วยพลังของสามีที่พร้อมจะ “โอบรับทุกด้าน” ของผู้หญิงตรงหน้า เสียงเตียงที่ขยับตามแรงเริ่มดังรัว มารตีหลุดเสียงครางชื่อเขาออกมาไม่ขาดปาก เธอรู้แล้วว่า…เขาคือบ้าน
แต่เธอก็เริ่มเข้าใจด้วยว่า หัวใจของเธอไม่ใช่บ้านหนึ่งหลัง แต่มันเป็โลกทั้งใบ และปพนต์…เลือกจะอยู่กับเธอบนโลกใบนั้น...เสียงหอบหายใจแรงขึ้น อุณหภูมิในห้องพุ่งสูงขึ้นพร้อมแรงกระแทกที่ใกล้ถึงขีดสุด
เสียงหอบหายใจถี่รัวของมารตีดังก้องภายในห้องนอนแสงสลัว ผิวเนื้อสองร่างแแ่ หยาดเหงื่อรินไหลผ่านแผ่นหลัง แทรกซึมอยู่ทุกอณูของร่างกาย ผ้าปูเตียงที่ถูกทำให้ยับย่นด้วยแรงกระแทกที่ต่อเนื่อง
“พี่ปพนต์ขา…แรงอีก...ใช่...ใช่แบบนั้น...” เธอครางชื่อสามี พร้อมจิกปลายนิ้วลงบนไหล่เขาแน่น ร่างเปลือยของเธอโยกส่ายบิดไปมา คล้องอยู่กับร่างเขาราวกับจังหวะของการเต้นรำที่ไม่มีวันสิ้นสุด
ปพนต์เร่งจังหวะขึ้น ดวงตาเขาคมแน่น จับจ้องเพียงเธอคนเดียว กัดฟันเอ่ยเสียงสั่นพร่า “ปล่อยทุกอย่าง…อย่าหยุดไว้กับความกลัว”
มารตีหลับตาแน่น ร่างเธอสั่นระริก เธอปล่อยเสียงครางสุดท้ายหลุดออกจากลำคออย่างไม่มีการกักเก็บไว้อีก เธอปล่อยให้ร่างกาย…นำทางหัวใจ